Se connecterละอองฟองขับรถมินิคูเปอร์มาจอดในลานจอดรถที่เธอจอดเป็นประจำ หลังจากนั้นเธอก็ลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปในใต้ถุนอาคารเรียน และก็พบเข้ากับ พระเพลง เพื่อนสาวคนสนิทที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อน
หญิงสาวจึงรีบเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ เพื่อนสาว พอเธอนั่งลง พระเพลงก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ด้วยความสดใส
“มานานหรือยัง” ละอองฟองเอ่ยถาม
“เพิ่งมาเอง แล้วนี่เป็นอะไร ทำไมตาบวมล่ะ”
พอโดนเพื่อนสาวทัก ละอองฟองก็ยกมือขึ้นถูบริเวณรอบดวงตาตัวเองเบา ๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เมื่อคืนดูซีรีส์ฉากมันเศร้ามาก เลยร้องไห้ตาม” เธอเอ่ยตอบด้วยเสียงเบา แต่สายตากลับแอบเศร้าอยู่ลึก ๆ
“เชื่อได้ไหมเนี่ย ฉันว่าเธอกำลังโกหกฉันนะ”
พระเพลงมองอย่างไม่ค่อยเชื่อใจนัก พร้อมกับเอ่ยแกล้งจับผิดด้วยท่าทางขำ ๆ
“ชะ...เชื่อได้สิ ฉันจะโกหกเธอทำไมเล่า” ละอองฟองรีบปฏิเสธเสียงหวาน พลางยิ้มแห้ง
“โอเค เชื่อก็เชื่อ ถึงจะไม่อยากเชื่อก็ตาม” พระเพลงพูดพร้อมหัวเราะ
“เพลง~” ละอองฟองเรียกชื่อเพื่อนด้วยความไม่พอใจ
ซึ่งพระเพลงเห็นก็นึกขำ พร้อมกับเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “กินข้าวมายัง”
“ยังเลย นี่ว่าจะไปกินที่โรงอาหาร” ละอองฟองตอบด้วยน้ำเสียงดีขึ้นกว่าเก่า
“นั่นไง ฉันก็ว่าแล้ว” พระเพลงยิ้มอย่างรู้ใจ
“อะไร” ละอองฟองทำหน้าสงสัย
พระเพลงเก็บโทรศัพท์ลงใส่กระเป๋าสะพาย แล้วเงยหน้าจ้องมองเธอ
“ก็ฉันคิดว่าวันนี้เธอน่าจะมากินข้าวที่โรงอาหารไง ฉันเลยเตรียมท้องมาไว้กินที่นี่เหมือนกัน”
“งั้นไปกันเถอะ เดี๋ยวถ้าสายกว่านี้คนจะเยอะ”
“โอเค”
พระเพลงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วเดินนำเธอไปที่โรงอาหารของคณะที่ทั้งคู่เรียนอยู่
เมื่อเข้ามาภายในโรงอาหารที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารและเสียงพูดคุย พระเพลงที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็หันมาถามเธอ
“เธอจะกินอะไรล่ะ”
ละอองฟองกวาดสายตามองไปรอบหาร้านอาหารที่ถูกใจ แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าวันนี้เธอจะกินอะไรดี
“ยังไม่รู้เลย แต่ก็น่าจะเป็นข้าวไข่เจียวแบบง่าย ๆ นี่แหละ” เธอเอ่ยตอบเสียงเบา เพราะยังลังเลว่าจะเลือกอะไรกินดี
พระเพลงหัวเราะเบาก่อนจะเอ่ยแนะนำ “ถ้าอย่างนั้น ฉันไปสั่งของฉันก่อนนะ เธอก็ไปสั่งของเธอ แล้วค่อยมาเจอกัน”
ละอองฟองพอได้ยินคำพูดของเพื่อนสาว เธอก็พยักหน้า หลัง จากนั้นเราทั้งคู่ก็แยกย้ายกัน โดยหญิงสาวเดินตรงมายังร้านอาหารตามสั่งของป้าพร ซึ่งเป็นร้านที่เธอกินเป็นประจำแทบทุกวัน
“วันนี้เอาอะไรดีจ๊ะหนูละอองฟองคนสวย เอาข้าวไข่เจียวกุ้งเหมือนเดิมไหมลูก” ป้าพรถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเป็นกันเอง
“ค่ะ” พอเดินจนมาถึงร้านอาหารตามสั่งแล้วเธอก็ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองจะกินอะไรดี พอได้ยินคุณป้าถามเธอจึงพยักหน้าตอบ
“งั้นรอแป๊บหนึ่งนะลูก”
ละอองฟองก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรคุณป้ากลับไปอีก เอาแต่ยืนรอเงียบ โดยในตอนที่ยืนอยู่นั้น อยู่ดี ๆ หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนมีคนมายืนอยู่ด้านหลัง เธอรู้สึกเกร็งเป็นอย่างมากจนแทบจะหายใจไม่ออก เลยค่อย ๆ หันหลังกลับไปมองด้วยความสงสัย
“จ๊ะเอ๋ คนสวย” เสียงทุ้มคุ้นเคยเอ่ยขึ้นมาอย่างขี้เล่น
ละอองฟองที่หันไปมองก็พบว่าเป็น ยูโร รุ่นพี่ปีสองคณะเดียว กัน ซึ่งพี่เขายังเป็นพี่รหัสของ ลูกพั้นช์ เพื่อนสาวร่วมคณะเธออีกด้วย
“สวัสดีค่ะพี่ยูโร” เธอรีบยกมือไหว้รุ่นพี่หนุ่มด้วยความนอบน้อม
ซึ่งยูโรก็รับไหว้ พร้อมยื่นมือเพื่อมาวางลงบนศีรษะของเธอ แต่เธอดันตกใจจึงรีบถอยหนีอย่างรวดเร็ว
“พี่ขอโทษ ไม่คิดว่าจะกลัว” ยูโรยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“มะ...ไม่ได้กลัวค่ะ ฟองแค่ตกใจเฉย ๆ ขอโทษนะคะ” เธอพยายามกลั้นเสียงที่สั่น
“ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย พี่นึกว่าเราจะกลัวพี่เสียอีก แล้วนี่คนสวยสั่งอะไรไปครับ อย่าบอกว่าเป็นข้าวไข่เจียวกุ้งอีกแล้วน่ะ”
ยูโรแซวอย่างเป็นกันเองละอองฟองที่ได้ยินก็พยักหน้าเบา ๆ เพราะเมนูที่เธอสั่งก็เป็นเมนูที่เขาพูดมาจริง ๆ “ใช่ค่ะ”
“กินแต่เมนูเดิม ๆ ไม่เบื่อเหรอครับ”
“ไม่เบื่อค่ะ ฟองชอบกินข้าวไข่เจียวกุ้ง”
“น่ารักจังเลย” ยูโรชม ทำให้ละอองฟองหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ฮะ!” เธออ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะอยู่ดี ๆ เขาก็เอ่ยชมขึ้นมา
“ก็เราน่ารักไง พี่ก็เลยอยากชมครับ” ยูโรพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับคุณป้าเจ้าของร้านข้าว “ขอไข่เจียวกุ้งเหมือนน้องครับ”
“รอแป๊บหนึ่งนะลูก”
“ได้ครับ แล้วนี่เรานั่งตรงไหนกัน”
“ยังไม่ได้หาโต๊ะเลยค่ะ”
ละอองฟองเอ่ยตอบตามความจริง เพราะตอนที่มาถึงโรงอาหาร เธอกับพระเพลงก็แยกย้ายกันมาซื้ออาหารโดยไม่ได้หาที่นั่งไว้ล่วงหน้าก่อนเลย
“งั้นไปนั่งกับพวกพี่ไหม ตอนนี้โต๊ะเต็มหมดแล้ว”
ละอองฟองมองไปรอบ ๆ หาโต๊ะที่ว่าง แต่ก็ไม่เจอหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่โต๊ะเดียว สุดท้ายเธอจึงพยักหน้าตอบตกลง
“ค่ะ”
“ไข่เจียวกุ้งทั้งสองจานได้แล้วนะลูก” คุณป้าร้านข้าวเอ่ยเรียก
โดยหลังจากที่กำลังคุยกับยูโรอยู่นั้น ข้าวไข่เจียวที่เธอสั่งก็ได้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเห็นแบบนั้นจึงรีบหันไปหาคุณป้าเจ้าของร้าน พร้อมกับกำลังยื่นธนบัตรใบสีเขียวสองใบให้กับท่าน แต่ก็ดันโดนคนข้างกายยื่นจ่ายไปเสียก่อน
“สองจานเลยครับ”
ละอองฟองรีบหันมองคนที่จ่ายให้ทันที ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรเลย เอาแต่ยิ้มส่งมาให้เธออย่างเดียว
“ทำไมต้องจ่ายให้ฟองด้วยล่ะคะ”
“พี่อยากเลี้ยงข้าวเราไง” ยูโรตอบอย่างไม่ลังเล
“เลี้ยงในโอกาสอะไรคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าพี่เขาจะจ่ายให้เธอทำไม
“ในโอกาสอยากเลี้ยงครับ”
ยูโรพูดพลางยื่นมือไปหยิบจานข้าวไข่เจียวสองจาน ทั้งของเธอและของเขามาถือเอาไว้ แล้วรีบเดินนำไปยังโต๊ะที่เพื่อนเขานั่งรออยู่
“รอด้วยค่ะ”
ละอองฟองรีบเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นพี่ยูโรเดินนำไปไกล เธอจึงสาวเท้าตามอย่างรวดเร็ว จนทันเขาที่โต๊ะซึ่งเพื่อน ๆ ของเขานั่งอยู่
“น้องฟองคนสวย” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากฝั่งเพื่อนของพี่ยูโร
“สวัสดีค่ะ” ละอองฟองจึงยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะนั่งลงที่วางด้านข้างพี่ยูโร
“ทำไมได้มาด้วยกันล่ะ” เพื่อนคนหนึ่งของยูโรเอ่ยถามพลางยกคิ้ว
“บังเอิญเจอกันที่ร้านข้าว เลยชวนมานั่งด้วยกัน” ยูโรตอบเรียบ ๆ
“กูว่าน่าจะไม่ใช่บังเอิญแล้วมั้ง น่าจะตั้งใจมากกว่า” เพื่อนเอ่ยแซว
“หุบปากมึงไปเลย” ยูโรย้อนกลับทันควัน ทำเอาเพื่อนหัวเราะลั่นโต๊ะ
ละอองฟองนั่งเงียบ ๆ มองเหตุการณ์ตรงหน้า จนหางตาเธอเห็นพระเพลงเพื่อนสาวสนิทตัวเองกำลังเดินมาทางนี้ หญิงสาวจึงรีบโบกมือเรียก
“เพลง ทางนี้”
พระเพลงเห็นดังนั้นก็รีบเดินมาหา ก่อนจะนั่งลงข้างเธอ “ครั้งแรกฉันก็กังวลอยู่ เห็นโต๊ะเต็มทุกโต๊ะเลย”
“พอดีบังเอิญเจอพี่ยูโรที่ร้านข้าวพอดี พี่เขาเลยชวนมานั่งด้วย” ละอองฟองเอ่ยตอบเพื่อน
“อ๋อ สวัสดีค่ะพี่ ๆ” พระเพลงยกมือไหว้รุ่นพี่ทุกคน ก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าว
ส่วนเธอก็ลงมือกินข้าวของตัวเองเช่นกัน โดยขณะที่กินข้าวกันอยู่นั้น ก็มีพูดคุยกันด้วย
“เด็ก ๆ เอาน้ำไหมครับ พี่จะไปซื้อน้ำ” รุ่นพี่หนุ่มฝั่งตรงข้ามเอ่ยถาม
ละอองฟองพยักหน้าเพื่อสื่อว่าตัวเองจะเอาด้วย แล้วพอเธอกำลังจะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเอาธนบัตร แต่พี่ยูโรที่นั่งอยู่ด้านข้างดันพูดขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องจ่ายครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ทั้งน้องฟอง ทั้งน้องเพลง”
“ขอบคุณนะคะพี่ยูคนหล่อของน้อง” พระเพลงยิ้มหวานส่งให้พี่รหัสตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ” ละอองฟองก็เอ่ยพูดตามเพื่อน
“ไม่เป็นไรครับแค่นี้เอง” ยูโรโบกมือเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
ละอองฟองยิ้มรับเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวของตัวเองต่อ แต่ทว่าหางตาของเธอดันบังเอิญเห็นเข้ากับร่างสูงคุ้นตา ซึ่งเขาคือพี่คินที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้พอดี หัวใจเธอเต้นสะดุดวูบ ความคิดแรกแล่นเข้ามาทันที เขามาที่นี่ทำไม
เพราะคินเรียนอยู่คณะวิศวะ ซึ่งก็มีโรงอาหารของตัวเอง
ครบครันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องโผล่มาที่โรงอาหารคณะบริหารแบบนี้สายตาของเขาเพียงแค่ปะทะกับเธอชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเบือนหน้าหนีราวกับไม่อยากรับรู้การมีอยู่ของเธอ แววตานั้นเย็นชาเสียจนเหมือนกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ช้อนในมือของละอองฟองชะงักค้างกลางอากาศ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในอก ทั้งเจ็บ ทั้งหน่วง และเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ ข้าวตรงหน้ากลายเป็นเพียงภาพเบลอในสายตา เธอทำได้แค่ฝืนกลืนมันลงไป พร้อมกับกลบซ่อนความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ให้ลึกที่สุด เพื่อไม่ให้ใครในโต๊ะนี้สังเกตเห็นได้
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับน้องฟอง ทำไมนั่งนิ่งเชียว”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
ละอองฟองรีบปฏิเสธ ทั้งที่ในใจตอนนี้แทบจะประคองช้อนตักข้าวไม่ไหว ความรู้สึกตีกันวุ่นในอก แต่ก็ต้องฝืนรอยยิ้มเอาไว้ไม่ให้ใครสังเกตเห็น
“ฟอง”
เสียงของพระเพลงดังขึ้นตามอย่างแผ่วเบา แต่แฝงด้วยความเป็นกังวลราวกับจับได้ว่าบางอย่างในแววตาของเพื่อนสนิทไม่ปกติ
ละอองฟองเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนเพียงครู่ ก่อนจะฝืนยิ้มบาง ๆ ส่งกลับไป “ฉันไม่เป็นไรหรอก กินเถอะ เดี๋ยวจะได้ไปเรียนกัน”
น้ำเสียงเธอฟังดูปกติ แต่พระเพลงก็ยังมองอย่างจับสังเกตได้
ว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้มาจากความสุขจริง ๆ ทว่าละอองฟองก็รีบก้มหน้าลง ตักข้าวเข้าปากอีกครั้ง พยายามทำให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม แม้ในใจจะยังว้าวุ่นไม่หยุดก็ตามหลังจากหญิงสาวปลดปล่อยคราบคาวรักออกมา จนถึงกับหอบหายใจถี่ คินก็พลันปาดลิ้นโลมเลียไปทั่วกลีบดอกไม้ เพื่อกลืนกินน้ำหวานทั้งหมดของเธอแน่นอนว่าในจังหวะนั้น ร่างกายของเธอก็พลันสั่นกระตุกอีกครั้งคล้ายคนจวนจะเสร็จสม ทั้งเสียวซ่าน ทรมานและรู้สึกสุขสมอารมณ์ไปพร้อมกัน“อึก...อื้อ พี่คิน พอแล้ว นะ...หนูเสร็จแล้ว อือ...”เธอเอ่ยเสียงสั่นพลางพยายามดันใบหน้าของชายหนุ่มอีกห่างจากตัวเอง เพราะแค่ถูกเขาสัมผัสเพียงเล็กน้อย เธอก็เสียวซ่านจนใจแทบจะขาดเสียให้ได้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะถูกเขากินในห้องครัวแทนข้าวแบบนี้“หนูเสร็จแล้ว แต่พี่ยังไม่เสร็จนี่” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเรียบ ๆ แบบไม่อายปาก“พะ...พี่ยังไม่เสร็จแล้วจะให้หนูทำยังไงเล่า”ละอองฟองเอ่ยตอบทั้งที่หน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย แถมยังเริ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมานิด ๆ จนต้องยกมือขึ้นปิดหน้าอก พลางหุบขาเข้าหากันอีกครั้งทว่าคินกลับเร็วกว่า เขาคว้าวงแขนเรียวทั้งสองข้างเอาไว้ ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาเต้าอวบที่ชูช่อเต่งตึงล่อใจอยู่ตรงหน้า พลางอ้าปากงับด้วยท่าทางหิวโหย“อ๊ะ! อะไรกัน พี่คิน อื้ออ กินไปรอบหนึ่งแล้วนี่นา อ๊า”ละอองฟองแกล้งโวยวายเบา
คินเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อารมณ์ดีตั้งแต่ยังไม่ก้าวพ้นประตู เพราะเพียงแค่คิดว่าภรรยาสาวกำลังลงมือทำอาหารรอเขาอยู่ ความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันก็พลันสลายไปในพริบตาโดยทันทีที่เสียงประตูบ้านปิดลง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาหัวใจของเขาเต้นแรงกว่าเดิม เพราะตอนนี้ภรรยาสาวกำลังยืนอยู่หน้าเตาในครัว ร่างบอบบางสวมผ้ากันเปื้อนพิมพ์ลายน่ารัก ผมยาวถูกรวบขึ้นลวก ๆ ให้พ้นใบหน้า เผยลำคอระหงขาวนวล ขณะที่มือเล็กกำลังขยับปรุงอาหารอย่างคล่องแคล่วเธอกำลังฮัมเพลงเบา ๆ ไปตามจังหวะดนตรีที่เปิดคลออยู่ เสียงหวานนั้นกลมกล่อมพอ ๆ กับกลิ่นหอมจากหม้อแกงที่ลอยอบอวลไปทั่วห้องครัวคินหยุดยืนมองอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไร แววตาคมเต็มไปด้วยความละมุน ราวกับต้องมนตร์สะกด เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าความสุขของตัวเองจะเรียบง่ายเพียงเท่านี้ การได้กลับบ้านมาเจอผู้หญิงคนนี้ที่ยืนรออยู่ในครัวริมฝีปากหยักยกยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด ก่อนที่เขาจะเดินย่องเข้าไปข้างหลังเธออย่างเงียบเชียบ พลางยกแขนกว้างโอบเอวบางจากด้านหลังแนบแน่น ก้มหน้าซุกลงที่ไหล่ขาวพร้อมสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธออย่างเต็มปอด“หอมทั้งกับข้าว หอมทั้ง
“คุณหนู”ทันทีที่ร่างบางก้าวลงจากรถ เหล่าแม่บ้านต่างก็รีบวิ่งกรูเข้ามาหาด้วยสีหน้าดีใจที่ได้เห็นเจ้านายสาวกลับมา หญิงสาวเห็นดังนั้นก็รีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“สวัสดีค่ะ ช่วยเอาของหลังรถเข้าไปในบ้านให้หน่อยนะคะ วันนี้หนูแวะซื้อของมาเยอะเลย” เธอกล่าวเสียงอ่อนหวาน ก่อนจะยิ้มบาง “มีขนมครกด้วยนะ เอาไปแบ่งกันกินได้เลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะคุณหนู” เสียงแม่บ้านตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ต่างช่วยกันขนของเข้าไปอย่างขะมักเขม้น“แล้วนี่คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ไหนเหรอคะ” เธอหันไปถามแม่นมที่คอยเดินตามไม่ห่าง“คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายกำลังนั่งดื่มชาที่หลังบ้านค่ะ”“อ๋อ งั้นหนูไปหาคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะคะ แม่นมไปนั่งพัก กินขนมกับพี่ ๆ เขาได้เลย”“ได้ค่ะคุณหนู” แม่นมพยักหน้า ยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะถอยออกไปหญิงสาวเดินตรงไปยังสวนด้านหลังบ้านอย่างคุ้นเคย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกมะลิที่ปลูกเรียงรายตามทางเดินโชยมาตามสายลมอ่อน ๆ จนทำให้เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวพอมาถึงหลังบ้าน ก็พบว่าคุณพ่อกับคุณแม่กำลังนั่งจิบชากันอยู่ที่ศาลากลางสวน บรรยากาศร่มรื่นจนชวนให้รู้สึกอบอุ่นใจ“คุณพ่อ คุณแม่ สวัสดีค่ะ” เธอรีบยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมทันทีที่
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”ทันทีที่รถจอดสนิท ละอองฟองก็รีบเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะเดินจูงมือสามีหนุ่มตรงเข้าไปในตัวบ้านด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความคิดถึงคนบ้านหลังนี้เมื่อก้าวเข้ามาด้านในแล้ว เธอก็พบกับคุณพ่อคุณแม่ของคินที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับหลานชายตัวน้อยวัยสองขวบ ลูกชายคนเล็กของคิมน้องชายฝาแฝดของสามี ซึ่งทันทีที่ทั้งสองท่านเห็นเธอเดินเข้ามา ก็ยิ้มกว้างพลางกวักมือเรียก ละอองฟองจึงรีบเดินเข้าไปกอดท่านทั้งคู่ด้วยความรักและผูกพัน“คิดถึงจังเลยลูก ตอนพี่คินโทรมาบอกว่าหนูมาหาที่บริษัท แม่ก็ตกใจนะ เพราะเมื่อวานยังคุยกันอยู่ ไม่เห็นบอกอะไรเลย”“ถ้าบอกก่อน งั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ” ละอองฟองยิ้มสดใส ก่อนจะหันไปโบกมือทักหลานชายตัวน้อยที่นั่งเล่นอยู่ “ตัวเล็กน่ารักจังเลยค่ะแม่”“จริงจ้ะ น่ารักมากเลย”ละอองฟองมองเด็กน้อยด้วยสายตาอบอุ่น ก่อนจะหันกลับมาถาม “แล้วพ่อแม่ของหลานไปไหนกันคะ”“พ่อแม่เขาพาเจ้าแฝดไปซื้อชุดนักเรียนน่ะลูก เปลี่ยนชั้นเรียนแล้ว ชุดมันคับก็เลยต้องไปซื้อใหม่”“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ละอองฟองพยักหน้าเข้าใจ คุณแม่ก็ไม่รอช้า จูงมือเธอไปนั่งลงที่โซฟาตัวว่าง โดยมีพี่คินนั่งลงเคียงข้างไม่ห่าง
ห้าปีต่อมา...“ถ้าทำมาแล้วได้แค่นี้ ทีหลังก็ลาออกไปซะ ฉันจะได้หาคนใหม่มาทำแทน” คินตวาดเสียงเข้ม พลางโยนเอกสารในมือลงกระแทกโต๊ะอย่างแรง เสียงกระดาษกระจายไปทั่วห้องประชุมจนพนักงานหลายคนสะดุ้งเฮือก หน้าซีดเผือด ต่างก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะสบตา“วันนี้ประชุมแค่นี้ สัปดาห์หน้าหวังว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้น เตรียมหางานใหม่ยกทีมได้เลย”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขากระแทกลงกลางใจคนฟัง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าตึงเครียด ขณะที่บรรยากาศหนักอึ้งยังคงคลุ้งอยู่อย่างนั้น“ท่านรองจะรับกาแฟอีกไหมครับ ผมจะได้ไปจัดการให้” ศักดนัย เลขาฯ คู่ใจที่เดินตามหลังเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ“ไม่ต้อง เอางานค้างทั้งหมดเข้ามา ฉันจะเคลียร์ให้เสร็จเอง”คินถอนหายใจแรงราวกับระบายความหงุดหงิด ก่อนจะเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป แต่พอเข้ามาด้านใน กลับมีบางสิ่งทำให้เขาชะงัก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมที่เขาคุ้นเคย กลิ่นที่ละอองฟองชอบใช้เสมอ มันอบอวลจนหัวใจเขาเผลอสั่นไหว“นี่กูคิดถึงเมียจนเพี้ยนไปแล้วเหรอเนี่ย”เขาพึมพำกับตัวเองพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หนัง ยื่นมือไปหยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาพลิกดูพอให้จิตใจได้จดจ่อก
หลายวันต่อมา...“วันนี้หนูแต่งตัวเป็นยังไง สวยไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับหันไปทำตาแป๋วมองคนข้าง ๆ“สวย” คินตอบสั้น ๆ แต่สายตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเธอไม่วางตา “แต่ว่าฉันว่าแก้มมันแดงไปหน่อยนะ”ละอองฟองรีบยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองทันที “ไม่แดงหรอก แบบนี้แหละ เทรนกำลังมา” น้ำเสียงของเธอเจือความมั่นใจปนขี้เล่นเล็ก ๆคินส่ายหน้าเบา ๆ แต่รอยยิ้มมุมปากกลับปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ตามใจ” เขาพูดช้า ๆ ราวกับจะยอมแพ้ให้กับความดื้อรั้นของคนตัวเล็ก “วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ตั้งใจสอบให้ดี ถ้าเทอมนี้เกรดออกมาสวย อยากได้อะไรก็จะซื้อให้”น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังอยู่ในรถทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นทันที แม้จะเป็นประโยคธรรมดา แต่ละอองฟองกลับยิ้มกว้างเหมือนเด็กที่ได้ยินสัญญาจากผู้ใหญ่ใจดี“จริงเหรอคะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” เธอเงยหน้าขึ้นมามองทันที “อืม” เขาพยักหน้ารับสั้น ๆ “งั้นหนูอยากได้รถใหม่ เอาแบบแพง ๆ เลยนะ” เธอพูดพลางยิ้มกวน ความจริงไม่ได้อยากได้สักหน่อย แค่อยากลองเชิงเขาดูว่าถ้าเป็นของชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เขาจะยังตามใจเธออยู่หรือเปล่าคินเหลือบตาไปมองนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบเรียบ ๆ แต่แฝงความมั่นคงในน้ำเสียง“







