Share

DEEP LOVE : 02 (2/2)

last update Last Updated: 2025-06-14 12:31:41

“Sorry…” ฉันเอ่ยขอโทษขอโพยเขาทันทีพลางขยับปีกหมวกให้ปิดลงมาแบบเดิมเพราะตอนชนกันหมวกฉันเกือบหลุดออกจากหัว

“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบ แต่…ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเสียง ที่

ยิ่งไปกว่านั้นคือกลิ่นละมุดที่มันเตะเข้าจมูกอย่างจังจนแสบจมูกไปหมด นี่เขาไปตกถังเหล้าที่ไหนมาวะ แต่ช่างเหอะ…มันมีอะไรที่สำคัญกว่าจะมาอยากรู้อะไรไร้สาระ ในจังหวะที่ฉันจะก้าวเท้าไปต่อ เขาโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับฉัน

“เห่ย…”

ดวงตาฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะหันหลังเตรียมซอยเท้าสี่คูณร้อย ก่อนจะรู้สึกถึงแรงดึงรั้งที่มาจากกระเป๋าเป๋ด้านหลัง ทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก

“จะไปไหนครับ คุณว่าที่เจ้าสาว”

“ปล่อยฉันนะ!” ฉันหันไปผลักกลางอกนายมธุษินทร์ จนเขาเสียหลักถอยไปชนกับเสากลมใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่เขาจะกลับมาตั้งหลักได้ ฉันขยับกระเป๋าเป๋พร้อมออกวิ่งอีกครั้ง ความจริงฉันไม่ได้ออกแรงขนาดนั้นแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวเขาเองมากกว่า สมควรแล้ว

ฉันไม่สนใจจุดหมายปลายทางว่าจะไปหยุดที่ไหน ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือวิ่ง ดีนะวันนี้เตรียมตัวมาดี ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม รองเท้าเหมือนมาเพื่อการนี้ด้วยเฉพาะ

หรือบางทีมันอาจเป็นลางร้าย…

เขาใช้เวลาไม่นานไล่ตามมาทันในระยะประชิดก่อนจะถึงตัวฉัน มือหนาคว้าแขนข้างหนึ่งไว้ได้และนั่นส่งผลให้เราต้องหยุดหอบกันทั้งคู่

หมับ

“แม่งเอ๊ย…จะไปแข่งทีมชาติรึไงวะ” เขาว่าเสียงแหบพร่า ก่อนจะพ่นลมออกจากปากเป็นระยะเหมือนเป็นอีกทางในการช่วยหายใจ ยกมืออีกข้างขึ้นกดที่เอวเล็กน้อย

“ปล่อยฉัน...นะ” ฉันเองก็ไม่ต่าง เสียงหายใจหอบยังชัดเจนกว่าเสียงพูดที่เปล่งออกมา ใจเต้นแรงจนสมาร์ทวอทช์เตือนถึงขีดอันตราย จุก...บอกเลยว่าจุกมาก ถ้าวิ่งต่ออีกนิด เรียกปอเต็กตึ๊งมารับศพได้เลย

“ไป…กลับบ้าน” เขาบอกในเสียงที่เริ่มคงที่ เขาดูเป็นปกติเร็วจัง คงมีแค่ฉันเนี่ยแหละที่เสียเปรียบไปหมดทุกเรื่อง ตัวเล็กแล้วยังขาสั้น การออกกำลังกายเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีอยู่ในซีกใดของหัวสมอง เหนื่อยจนขาสั่นเรื่องการทรงตัวไม่ต้องพูดถึง… แค่จะสะบัดมือออกจากเขายังไม่มีแรง

“เดี๋ยว…แป๊บหนึ่ง” ฉันบอกเสียงปนหอบพร้อมยกมือเป็นเชิงขอพักร่างกายต่ออีกหน่อยก่อน ตอนวิ่งมันก็ไม่เท่าไหร่นะ พอหยุดทำไมมันเหนื่อยจังเลยวะ

“เหอะ…ตอนวิ่งอย่างห้าว ตอนนี้อย่าง…” เขาหยุดชะงัก ในจังหวะที่ฉันตวัดตามอง เพราะรู้ว่าเขาจะจบประโยคด้วยคำว่าอะไร ก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของนายมธุษินทร์ ฉันเกลียดรอยยิ้มของเขาตอนนี้โคตรๆ เลย

ฟรึบบ

อ๊ะ…อ๊ายยย

ฉันร้องโวยวายทันทีที่ร่างกายลอยขึ้นเหนืออากาศแล้วไปพาดกลางอยู่บนบ่าคนที่แข็งแรงกว่า หมวกใบโปรดร่วงหล่นลงพื้น ฉันทำได้แค่มองมันด้วยความเสียดายเพราะเรียวแขนฉันเอื้อมไม่ถึง นี่มันเป็นใบที่ฉันรักมากเลยนะ

ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว เขาไม่มีท่าทีชะงักหรือเซ ราวกับตัวฉันเป็นหมอนเป็นนุ่น ทั้งที่เพิ่งพักจากการวิ่งไล่จับฉันได้แป๊บเดียวเอง ถึงมันจะไม่ได้ไกลมากก็เหอะ

“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า…ปล่อย” พอเริ่มกลับมาแวดๆ ได้ตามปกติ ร่างกายก็ต่อต้านทันควัน ติดตรงที่แรงมันไม่เพียงพอให้เขารู้สึกรู้สาอะไรหรอก

เขาวกกลับไปจุดแรกที่เราเจอกันเพื่อเอากระเป๋าลากแล้วย้อนกลับมาเอื้อมหยิบหมวกใบโปรดของฉันเสียบไว้ตรงซอกกระเป๋า

วูบหนึ่งฉันรู้สึกอยากขอบคุณเขา

“ภาระชัดๆ”

แต่แค่ชั่ววูบเท่านั้น…สติฉันกลับมาพร้อมกับประโยคที่เขาบ่นพึมพำ

เขากระชับอ้อมแขนเพื่อให้ฉันอยู่ในท่าที่เขาถนัด ก่อนจะเดินแบกฉันเดินฝ่าผู้คนมายังส่วนที่น่าจะเป็นทางออก โดยที่ไม่ฟังเสียงร้องโวยวายของฉัน ไม่แม้แต่จะสนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เขาทำราวกับว่าการแบกใครสักคนที่เขาไม่ได้ยินยอม เป็นเรื่องปกติ หัวฉันห้อยโตงเตงลงพื้นจนเลือดจะตกหัวตายอยู่แล้ว

ฉันง้างมือจะทุบกำปั้นลงกลางหลังเขาแต่ก็ต้องชะงัก เพราะมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจากการที่เราไล่จับกับเมื่อกี้ จนเกิดวงกว้างสีเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีเท่าเข้มที่เขาสวมใส่

หยี…กำปั้นน้อยถูกดันไว้ที่แผ่นหลังเขาตลอดทาง เพื่อไม่ให้ใบหน้าสวยๆ เข้าไปใกล้คราบเหงื่อนั่นเมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือนตอนเขาเดิน รวมทั้งพยายามหายใจเข้าให้น้อยที่สุด

และในที่สุดเขาก็หยุดเดินซะที…ใจฉันจะขาดอยู่แล้ว

ฉันได้ยินเสียงเขาทำอะไรสักอย่าง คิดว่าน่าจะเปิดฝากระโปรงหลังรถ เพราะกระเป๋าเดินทางฉันมันถูกพับที่จับเข้าที่ ถูกเก็บไว้หลังรถในเวลาต่อมาและปิดมันลง

ก่อนจะเดินต่อ ประตูรถฝั่งคนนั่งถูกเปิดและฉันถูกยัดเข้าไปในทันทีแต่สองขายังอยู่นอนรถ เขาโน้มตัวลงมาชี้นิ้วออกคำสั่งในตอนที่ฉันกำลังจะแผลงฤทธิ์ออกเดช

“หยุด!!”

“ไม่!!” คิดเหรอว่าแค่คำสั่งบ้าๆ นี่จะทำอะไรฉันได้

“อยากให้ใช้กำลังมากนักรึไงวะ” เสียงจิจ๊ะดังขึ้นและเขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็กลายเป็นบทสนทนาที่ไม่มีใครยอมใครระหว่างเรา

“ก็อย่ามายุ่งกับฉันสิ!”

“แล้วจะหนีทำไม เก่งนักไม่ช้ะ เรื่องแค่นี้ทำไมขี้ขลาด”

“ฉันไม่ได้ขี้ขลาด ฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณต่างหาก”

“นั่นแหละขี้ขลาด”

“ไม่ใช่!” ฉันเถียง

“ใช่!” เขาก็ไม่ยอม และฉันเองก็ไม่ยอม

“ม่ายยย!”

“เออ! ไม่ก็ไม่ จะไปกันได้ยัง” ในที่สุดเขาก็ยกธงขาวแต่ฉันปฏิเสธและเหวี่ยงธงนั่นทิ้ง

“ไม่ ฉันจะไม่ไปกับคุณ”

“งั้นโทรให้อาม่ามารับ”

“...อย่านะ” ฉันชะงัก น้ำเสียงอ่อนลงนิดหน่อย หลุบมองมือตัวเองที่จิกกันแน่นบนตัก ไม่ใช่แค่อาม่าที่อยากให้มีการแต่งงานเกิดขึ้น เพียงเพราะผลประโยชน์ของบริษัท ทุกคนลงความเห็นว่าฉันควรแต่งงานกับนายมธุษินทร์ ถ้าฉันกลับเข้าบ้านตอนนี้ ฉันต้องไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันจนถึงวันแต่งงานแน่ๆ

“ไหนบอกมาดิ การแต่งงานกับฉันมันไม่ดีตรงไหน” เขาถามในโทนเสียงปกติพลางลดตัวลงนั่งหย่องให้อยู่ในระดับเดียวกับฉัน มือหนาสอดนิ้วเรียวประสานกันอยู่ตรงระหว่างหัวเข่า

“ทุกตรง” ฉันตอบ

“เฟย์…”

“อย่าเรียกชื่อนั้นนะ!” ฉันเผลอใช้เสียงเกินกว่าปกติมากๆ และมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว ถ้าฉันไม่อนุญาต ใครก็เรียกชื่อนี้ของฉันไม่ได้ ก่อนจะหลุบตามองมือตัวเองอีกครั้ง หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าครอบงำพื้นที่

“โอเค" เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่เราเงียบกันไปหลายนาที "แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถึงเธอไม่แต่งกับฉัน ครอบครัวเธอก็ต้องหาคนมาแต่งกับเธออยู่ดี”

เหมือนเขาพยายามหว่านล้อมแต่ฉันไม่หลงกล

“ฉันไม่แต่งกับใครทั้งนั้น”

“แต่ฉันจะแต่งกับเธอเท่านั้น”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 02 (2/2)

    “Sorry…” ฉันเอ่ยขอโทษขอโพยเขาทันทีพลางขยับปีกหมวกให้ปิดลงมาแบบเดิมเพราะตอนชนกันหมวกฉันเกือบหลุดออกจากหัว“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบ แต่…ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเสียง ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือกลิ่นละมุดที่มันเตะเข้าจมูกอย่างจังจนแสบจมูกไปหมด นี่เขาไปตกถังเหล้าที่ไหนมาวะ แต่ช่างเหอะ…มันมีอะไรที่สำคัญกว่าจะมาอยากรู้อะไรไร้สาระ ในจังหวะที่ฉันจะก้าวเท้าไปต่อ เขาโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับฉัน“เห่ย…”ดวงตาฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะหันหลังเตรียมซอยเท้าสี่คูณร้อย ก่อนจะรู้สึกถึงแรงดึงรั้งที่มาจากกระเป๋าเป๋ด้านหลัง ทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก“จะไปไหนครับ คุณว่าที่เจ้าสาว”“ปล่อยฉันนะ!” ฉันหันไปผลักกลางอกนายมธุษินทร์ จนเขาเสียหลักถอยไปชนกับเสากลมใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่เขาจะกลับมาตั้งหลักได้ ฉันขยับกระเป๋าเป๋พร้อมออกวิ่งอีกครั้ง ความจริงฉันไม่ได้ออกแรงขนาดนั้นแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวเขาเองมากกว่า สมควรแล้วฉันไม่สนใจจุดหมายปลายทางว่าจะไปหยุดที่ไหน ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือวิ่ง ดีนะวันนี้เตรียมตัวมาดี ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม รองเท้าเหมือนมาเพื่อการนี้ด้วยเฉพาะหรือบางทีมันอาจเป็นลางร้าย…เขาใช้เวลาไม่นา

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 02 (1/2)

    ความจริงผมไม่ควรแปลกใจนะ…ที่ไอ้พวกนั้นมันไม่เชื่อว่าผมจะแต่งงาน ผมเองยังก็ยังงงๆ อยู่เลย ทำไมถึงตอบตกลงอาม่าโดยใช้เวลาคิดไม่ถึงเสี้ยวนาที ทั้งที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องนี้อยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำประเด็นหลักอาจเป็นเรื่องธุรกิจ คนเราพอถึงวัยทำงานก็คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเงิน ประเทศนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน เงิน อำนาจ ต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่งถึงอยู่สบาย หรือบางทีอาจต้องมีทั้งสองอย่างAJD Group เป็นบริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ระดับต้นๆ ประเทศ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีมากอยู่แล้ว แต่ถ้าผมได้ถือครองหุ้นบางส่วนของ เรืองขจร บริษัทนำเข้า ส่งออกวัตถุดิบแปรรูประหว่างประเทศที่ติดอันดับต้นๆ ไม่แพ้กัน มันจะทำเงินให้ผมมากขนาดไหนผมสามารถตัดขาคู่แข่งไปได้เกินครึ่งด้วยการดึง เรืองขจร มาเป็นดีลเลอร์ใหญ่และเซ็นสัญญาขึ้นตรงกับ AJD Group แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เมื่อก่อนมันเคยเป็นแบบนั้นนะ ตอนที่พ่อของลลิลลดายังมีชีวิตอยู่ แต่พอเปลี่ยนบอร์ดบริหาร ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ความจริงไม่ใช่แค่ผม เราทุกคนล้วนมีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ทั้งนั้นและประเด็นรองคือผมอยากเอาชนะยัยคุณหนูจองหองนั่น ลลิลลดา...แต่ถ้าคิดอีกที…ตอนที่ผมต

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 01 (2/2)

    [Matusin Talk]ช่วงเย็นของวันต่อมา…@Sosay Pub“เห่ยๆๆ”“ไอ้เฮีย ตื่น”ผมสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนมาสะกิดเรียก ผงกหัวขึ้นเล็กน้อย หรี่ตามองไอ้คนที่มันบังอาจมาปลุกผม มันคือไอ้ดิน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายเจ้าพ่อมาเฟียที่ไม่รับช่วงต่อธุรกิจสีเทาของผู้เป็นพ่อสักอย่าง แต่เสือกเลือกที่จะมาเป็นเจ้าของผับเล็กๆ แห่งนี้แทนผมทิ้งหัวลงบนโซฟาอีกครั้งพลางยกกำปั้นทุบหน้าผากตัวเองเบาๆ ปวดหัวฉิบ“ไมมานอนตรงนี้วะ” เสียงไอ้ยูตะเอ่ยถามก่อนที่มันจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม มันเป็นน้องชาย ไอ้วาโย เพื่อนสนิทผม“เชี่ยยยย นี่มึงแดกคนเดียว?” ไอ้หมอไวน์ ที่เดินตามเข้ามาเอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นกองขวดเหล้าและพวกบรรดามิกเซอร์ทั้งหลายบนโต๊ะกลาง คุณหมอหนุ่มสุดหล่อ แถมยังเป็นทายาทคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังใจกลางเมือง“ตับไตพังหมดแล้วมั้ง ไอ้ฉิบหาย” นี่ก็เสียงไอ้วาโย พวกมันตามกันเข้ามาติดๆ ยังมีไอ้ธามและก็ไอ้ฟิวส์ที่เดินเข้ามาแต่ไม่ได้พูดอะไร ไอ้สองตัวนี้แม่งพอกัน ไอ้พวกกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก แต่มันกวนตีนมากนะ…บอกไว้ก่อน ไม่งั้นคบกับพวกผมไม่ได้หรอกแน่ะ...พูดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้เหี้ยฟิวส์ก็เดินมาสะกิดผ

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 01 (1/2)

    แผ่นหลังฉันแนบชิดสนิทเบาะหนังเพราะความเร็วที่เกินกว่ามาตรฐานกำหนด ปลายเท้าเล็กแตะคันเร่งโดยไม่เว้นช่องว่างให้อากาศลอดผ่านเลยสักวินาที สองมือเล็กกำพวงมาลัยแน่น พลางหักไปซ้ายขวาตามพื้นที่ว่างบนท้องถนน สายตาจ้องผ่านกระจกออกไปข้างหน้าราวกับโกรธแค้นมันมาเป็นสิบชาติ โทสะในตัวปะทุปุดๆ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดปึกกก!!!“อ๊ายยยยย”ฉันยกกำปั้นซ้ายทุบพวงมาลัยพร้อมกับกรีดร้องออกมาสุดเสียงภายในสปอร์ตคันหรูของตัวเอง เผื่อความร้อนในกายมันจะทุเลาลงบ้างแต่ไม่เลย…ไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าสิ่งที่ทุบเมื่อกี้เป็นหน้าหมอนั่น ก็คงจะช่วยได้เยอะกว่านี้ฉันกดปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัยเลื่อนหาเบอร์เพื่อนสนิทบนจอ LED ขนาดย่อมตรงคอนโซลรถ แล้วกดโทรออกทันทีตื๊ดดดด ตื๊ดดดดด“ไงคะ…อีคุณหนูขาวีน”“มึงอยู่ไหน”“อยู่คอนโด”สายถูกตัดด้วยปลายนิ้วทันทีที่รู้จุดหมายปลายทาง ก่อนจะหักพวงมาลัยชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าคอนโดเพื่อนรักตัวเองฉันกลับมาไทยเพราะคำสั่งกายสิทธิ์ของผู้สูงวัยที่มีอิทธิพลกับชีวิตที่สุดตั้งแต่ป๊าจากไปอย่างกะทันหัน เมื่อสิบปีก่อน คนนั้นคือ อาม่า คนที่รักและห่วงใยฉันมากกว่าแม่แท้ๆ บางทีอาจเป็นเพราะท่านมีครอบครัวใหม่ ควา

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 00

    ปึงงงง!!ว๊ายย / เชี่ยยย!!“อะไรวะเนี่ย” ผมสบถออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับดันร่างบางของคู่ขาคนใหม่ออกจากพันธนาการส่วนล่างให้ล้มลงบนเตียงเพื่อให้เธอได้ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านั้นเธออยู่ในท่าก้งโค้งให้ผมจัดหนักจากทางด้านหลังผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวอย่างหัวเสีย เพราะบางอย่างมันยังแข็งตึงดุนผ้าขนหนูขึ้นมาจนเด่นชัด“คุณเป็นบ้าอะไร รับปากอาม่าแบบนั้นได้ไง” เสียงแผดดังขึ้นพร้อมกับเสียงส้นสูงของรองเท้าดังกระทบพื้นตรงมาหาผมที่ตอนนี้เดินไปเปิดสวิสไฟหัวเตียง เธอทิ้งระยะห่างประมาณสามสี่ก้าว พอไฟในห้องสว่างขึ้น ผมก็มองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน โดยเฉพาะ…ผู้หญิงตรงหน้า“ใครกันแน่วะ...ที่เป็นบ้า” ผมว่าพลางหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้ผู้หญิงอีกคนที่ยังนั่งขดอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง เธอรีบรับเงิน จัดแจงความเรียบร้อยของตัวเองแล้วออกจากห้องไปทันที เป็นอันรู้กันว่ารับเงินคืองานจบ ทั้งที่ผมยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ หงุดหงิดฉิบ…ลูกน้องไอ้ดินปล่อยให้เธอขึ้นมาถึงชั้น VIP ของพวกเรา ได้ยังไงวะผู้หญิงที่ใจกล้า บ้าบิ่น บุกเข้ามาตอนคนกำลังทำกิจกรรมเสียวซ่านอยู่ มีไม่กี่คนหรอก ไม่สิ…มีคนเดียวเท่านั้นแหละเธอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status