Share

DEEP LOVE : 02 (2/2)

last update Last Updated: 2025-06-14 12:31:41

“Sorry…” ฉันเอ่ยขอโทษขอโพยเขาทันทีพลางขยับปีกหมวกให้ปิดลงมาแบบเดิมเพราะตอนชนกันหมวกฉันเกือบหลุดออกจากหัว

“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบ แต่…ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเสียง ที่

ยิ่งไปกว่านั้นคือกลิ่นละมุดที่มันเตะเข้าจมูกอย่างจังจนแสบจมูกไปหมด นี่เขาไปตกถังเหล้าที่ไหนมาวะ แต่ช่างเหอะ…มันมีอะไรที่สำคัญกว่าจะมาอยากรู้อะไรไร้สาระ ในจังหวะที่ฉันจะก้าวเท้าไปต่อ เขาโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับฉัน

“เห่ย…”

ดวงตาฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะหันหลังเตรียมซอยเท้าสี่คูณร้อย ก่อนจะรู้สึกถึงแรงดึงรั้งที่มาจากกระเป๋าเป๋ด้านหลัง ทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก

“จะไปไหนครับ คุณว่าที่เจ้าสาว”

“ปล่อยฉันนะ!” ฉันหันไปผลักกลางอกนายมธุษินทร์ จนเขาเสียหลักถอยไปชนกับเสากลมใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่เขาจะกลับมาตั้งหลักได้ ฉันขยับกระเป๋าเป๋พร้อมออกวิ่งอีกครั้ง ความจริงฉันไม่ได้ออกแรงขนาดนั้นแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวเขาเองมากกว่า สมควรแล้ว

ฉันไม่สนใจจุดหมายปลายทางว่าจะไปหยุดที่ไหน ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือวิ่ง ดีนะวันนี้เตรียมตัวมาดี ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม รองเท้าเหมือนมาเพื่อการนี้ด้วยเฉพาะ

หรือบางทีมันอาจเป็นลางร้าย…

เขาใช้เวลาไม่นานไล่ตามมาทันในระยะประชิดก่อนจะถึงตัวฉัน มือหนาคว้าแขนข้างหนึ่งไว้ได้และนั่นส่งผลให้เราต้องหยุดหอบกันทั้งคู่

หมับ

“แม่งเอ๊ย…จะไปแข่งทีมชาติรึไงวะ” เขาว่าเสียงแหบพร่า ก่อนจะพ่นลมออกจากปากเป็นระยะเหมือนเป็นอีกทางในการช่วยหายใจ ยกมืออีกข้างขึ้นกดที่เอวเล็กน้อย

“ปล่อยฉัน...นะ” ฉันเองก็ไม่ต่าง เสียงหายใจหอบยังชัดเจนกว่าเสียงพูดที่เปล่งออกมา ใจเต้นแรงจนสมาร์ทวอทช์เตือนถึงขีดอันตราย จุก...บอกเลยว่าจุกมาก ถ้าวิ่งต่ออีกนิด เรียกปอเต็กตึ๊งมารับศพได้เลย

“ไป…กลับบ้าน” เขาบอกในเสียงที่เริ่มคงที่ เขาดูเป็นปกติเร็วจัง คงมีแค่ฉันเนี่ยแหละที่เสียเปรียบไปหมดทุกเรื่อง ตัวเล็กแล้วยังขาสั้น การออกกำลังกายเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีอยู่ในซีกใดของหัวสมอง เหนื่อยจนขาสั่นเรื่องการทรงตัวไม่ต้องพูดถึง… แค่จะสะบัดมือออกจากเขายังไม่มีแรง

“เดี๋ยว…แป๊บหนึ่ง” ฉันบอกเสียงปนหอบพร้อมยกมือเป็นเชิงขอพักร่างกายต่ออีกหน่อยก่อน ตอนวิ่งมันก็ไม่เท่าไหร่นะ พอหยุดทำไมมันเหนื่อยจังเลยวะ

“เหอะ…ตอนวิ่งอย่างห้าว ตอนนี้อย่าง…” เขาหยุดชะงัก ในจังหวะที่ฉันตวัดตามอง เพราะรู้ว่าเขาจะจบประโยคด้วยคำว่าอะไร ก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของนายมธุษินทร์ ฉันเกลียดรอยยิ้มของเขาตอนนี้โคตรๆ เลย

ฟรึบบ

อ๊ะ…อ๊ายยย

ฉันร้องโวยวายทันทีที่ร่างกายลอยขึ้นเหนืออากาศแล้วไปพาดกลางอยู่บนบ่าคนที่แข็งแรงกว่า หมวกใบโปรดร่วงหล่นลงพื้น ฉันทำได้แค่มองมันด้วยความเสียดายเพราะเรียวแขนฉันเอื้อมไม่ถึง นี่มันเป็นใบที่ฉันรักมากเลยนะ

ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว เขาไม่มีท่าทีชะงักหรือเซ ราวกับตัวฉันเป็นหมอนเป็นนุ่น ทั้งที่เพิ่งพักจากการวิ่งไล่จับฉันได้แป๊บเดียวเอง ถึงมันจะไม่ได้ไกลมากก็เหอะ

“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า…ปล่อย” พอเริ่มกลับมาแวดๆ ได้ตามปกติ ร่างกายก็ต่อต้านทันควัน ติดตรงที่แรงมันไม่เพียงพอให้เขารู้สึกรู้สาอะไรหรอก

เขาวกกลับไปจุดแรกที่เราเจอกันเพื่อเอากระเป๋าลากแล้วย้อนกลับมาเอื้อมหยิบหมวกใบโปรดของฉันเสียบไว้ตรงซอกกระเป๋า

วูบหนึ่งฉันรู้สึกอยากขอบคุณเขา

“ภาระชัดๆ”

แต่แค่ชั่ววูบเท่านั้น…สติฉันกลับมาพร้อมกับประโยคที่เขาบ่นพึมพำ

เขากระชับอ้อมแขนเพื่อให้ฉันอยู่ในท่าที่เขาถนัด ก่อนจะเดินแบกฉันเดินฝ่าผู้คนมายังส่วนที่น่าจะเป็นทางออก โดยที่ไม่ฟังเสียงร้องโวยวายของฉัน ไม่แม้แต่จะสนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เขาทำราวกับว่าการแบกใครสักคนที่เขาไม่ได้ยินยอม เป็นเรื่องปกติ หัวฉันห้อยโตงเตงลงพื้นจนเลือดจะตกหัวตายอยู่แล้ว

ฉันง้างมือจะทุบกำปั้นลงกลางหลังเขาแต่ก็ต้องชะงัก เพราะมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจากการที่เราไล่จับกับเมื่อกี้ จนเกิดวงกว้างสีเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีเท่าเข้มที่เขาสวมใส่

หยี…กำปั้นน้อยถูกดันไว้ที่แผ่นหลังเขาตลอดทาง เพื่อไม่ให้ใบหน้าสวยๆ เข้าไปใกล้คราบเหงื่อนั่นเมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือนตอนเขาเดิน รวมทั้งพยายามหายใจเข้าให้น้อยที่สุด

และในที่สุดเขาก็หยุดเดินซะที…ใจฉันจะขาดอยู่แล้ว

ฉันได้ยินเสียงเขาทำอะไรสักอย่าง คิดว่าน่าจะเปิดฝากระโปรงหลังรถ เพราะกระเป๋าเดินทางฉันมันถูกพับที่จับเข้าที่ ถูกเก็บไว้หลังรถในเวลาต่อมาและปิดมันลง

ก่อนจะเดินต่อ ประตูรถฝั่งคนนั่งถูกเปิดและฉันถูกยัดเข้าไปในทันทีแต่สองขายังอยู่นอนรถ เขาโน้มตัวลงมาชี้นิ้วออกคำสั่งในตอนที่ฉันกำลังจะแผลงฤทธิ์ออกเดช

“หยุด!!”

“ไม่!!” คิดเหรอว่าแค่คำสั่งบ้าๆ นี่จะทำอะไรฉันได้

“อยากให้ใช้กำลังมากนักรึไงวะ” เสียงจิจ๊ะดังขึ้นและเขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็กลายเป็นบทสนทนาที่ไม่มีใครยอมใครระหว่างเรา

“ก็อย่ามายุ่งกับฉันสิ!”

“แล้วจะหนีทำไม เก่งนักไม่ช้ะ เรื่องแค่นี้ทำไมขี้ขลาด”

“ฉันไม่ได้ขี้ขลาด ฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณต่างหาก”

“นั่นแหละขี้ขลาด”

“ไม่ใช่!” ฉันเถียง

“ใช่!” เขาก็ไม่ยอม และฉันเองก็ไม่ยอม

“ม่ายยย!”

“เออ! ไม่ก็ไม่ จะไปกันได้ยัง” ในที่สุดเขาก็ยกธงขาวแต่ฉันปฏิเสธและเหวี่ยงธงนั่นทิ้ง

“ไม่ ฉันจะไม่ไปกับคุณ”

“งั้นโทรให้อาม่ามารับ”

“...อย่านะ” ฉันชะงัก น้ำเสียงอ่อนลงนิดหน่อย หลุบมองมือตัวเองที่จิกกันแน่นบนตัก ไม่ใช่แค่อาม่าที่อยากให้มีการแต่งงานเกิดขึ้น เพียงเพราะผลประโยชน์ของบริษัท ทุกคนลงความเห็นว่าฉันควรแต่งงานกับนายมธุษินทร์ ถ้าฉันกลับเข้าบ้านตอนนี้ ฉันต้องไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันจนถึงวันแต่งงานแน่ๆ

“ไหนบอกมาดิ การแต่งงานกับฉันมันไม่ดีตรงไหน” เขาถามในโทนเสียงปกติพลางลดตัวลงนั่งหย่องให้อยู่ในระดับเดียวกับฉัน มือหนาสอดนิ้วเรียวประสานกันอยู่ตรงระหว่างหัวเข่า

“ทุกตรง” ฉันตอบ

“เฟย์…”

“อย่าเรียกชื่อนั้นนะ!” ฉันเผลอใช้เสียงเกินกว่าปกติมากๆ และมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว ถ้าฉันไม่อนุญาต ใครก็เรียกชื่อนี้ของฉันไม่ได้ ก่อนจะหลุบตามองมือตัวเองอีกครั้ง หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าครอบงำพื้นที่

“โอเค" เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่เราเงียบกันไปหลายนาที "แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถึงเธอไม่แต่งกับฉัน ครอบครัวเธอก็ต้องหาคนมาแต่งกับเธออยู่ดี”

เหมือนเขาพยายามหว่านล้อมแต่ฉันไม่หลงกล

“ฉันไม่แต่งกับใครทั้งนั้น”

“แต่ฉันจะแต่งกับเธอเท่านั้น”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 10 (2/2)

    ด้านหน้าเวทีมีแขกเหรื่อเต็มไปหมด ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ส่วนมากฉันไม่รู้จัก บรรดาเพื่อนๆของพวกเรา พอฉันและเขาเดินมาหยุดอยู่กลางเวทีที่ไม่สูงจากพื้นเท่าไหร่ พอที่จะก้าวขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้บันไดได้ ตามมาด้วยเสียงปรบมือดังระงม แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ออกไปทางรำคาญด้วยซ้ำส่วนด้านซ้ายถัดไปจากพิธีกรก็เป็นอาม่า แม่ของฉันและพ่อแม่ของเขาทุกอย่างดำเนินไปโดยที่ฉันไม่ได้สนใจแม้แต่เสียงประกาศออกไมค์ของพิธีกร จนกระทั่งเธอเอาไมค์มายื่นให้ฉัน“คะ...?”“พูดอะไรหน่อยค่ะ” เขากระซิบบอกฉันเบาๆ ฉันรับไมค์มาถือไว้ในมือสักพัก ก่อนจะนึกออกว่าจะพูดอะไร...“เฮ้อออ…” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ผ่านไมโครโฟนในมืออย่างตั้งใจ บรรยากาศตอนนี้กลับกลายเป็นเงียบสงัดลงในพริบตา รู้จักสงครามเย็นกันไหม...มันคล้ายกับสถานการณ์ที่ฉันกำลังก่อขึ้นในเวลานี้“ขอบคุณนะคะ ที่อุตส่าห์มา ทั้งที่บางคนก็ไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ” ทุกคนในงานเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก พากันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก หันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ส่วนผู้ชายที่ยื

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 10 (1/2)

    “ก็เจ้าสาวหาย มาตามหาเจ้าสาว” เขาว่าพลางเลื่อนแขนขึ้นกอดอก ใบหน้าคมเอี้ยวมองฉัน ตัวละครฝ่ายชาย ซึ่งเป็นตัวหลังของงานถูกจับใส่สูทผูกไทสุดเนี้ยบ จนดูแปลกตา ก็ไม่ได้บอกว่าไม่หล่อนะ…แต่นี่มันไม่ใช่เขาเลยสักนิด“เหอะ!” ฉันทำได้แค่เบ้ปาก เบือนหน้าหนี รู้สึกกระอักกระอ่วนไปกับทุกอย่างรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสรรพนามที่เขาใช้ การแต่งตัวของเราสองคน เสียงเพลงหวานซึ้งที่เปิดคลออยู่ตลอดเวลาหรือแม้แต่ผู้คนมากมายด้านนอกฉันกลายเป็นภรรยาในนามของเขาโดยสมบูรณ์ตั้งแต่พิธีจดทะเบียนสมรสเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงเป็น ‘นางสาวลลิลลดา เรืองขจร’ อยู่เหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลหรือใช้ ‘นาง’ แต่อย่างใด นั้นมันเป็นยุคสมัยก่อน ตอนนี้เรามีอิสระในการเลือกมากขึ้นแล้วและฉันก็ไม่ได้รู้สึกยินดีขนาดนั้น“ฉันยังจำได้นะ กติกาของเกม ที่เธอบอกว่า…จะบอกฉันวันนี้” เขาเริ่มทำลายความเงียบด้วยประเด็นใหม่“อ้อ…” ฉันเกือบลืมไปแล้วนะ ถ้าเขาไม่พูดถึง จะว่าไป กติกาที่ฉันตั้งไว้ก่อนหน้านี้ มันจะมีผลเสียต่อตัวเอ

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 09 (2/2)

    “แต่กูไม่เข้าใจ” สีหน้ามันบ่งบอกตามที่มันพูดเลย“จูบจากผู้ชายพวกนั้น ไม่ได้ทำให้ใจกู…สั่น” ฉันบอกมันไปตามความจริง ถ้าจะบอกว่าฉันลองจูบกับผู้ชายหลายคนเพื่อหาเขาคนนั้น มันจะดูแปลกเกินไปไหม แต่ฉันเคยทำแบบนั้นจริงๆ เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้จูบฉันไปและเป็นคนแรกที่ทำให้ใจฉัน...สั่น ตอนแรกฉันคิวว่าเขาคงเป็นคนเดียว…“มึงจะบอกว่า ไอ้หน้ากากเหยี่ยวดำ ที่มึงก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร คนนั้น ทำให้มึงใจสั่นงั้นเหรอ”“....” ฉันพยักหน้ารับ นี่เป็นเรื่องเดียวที่ฉันไม่ได้บอกมัน เรื่องของความรู้สึกในวันนั้น“นี่คือสาเหตุที่มึงตามหาเขาสินะ” คิ้วของคนที่สนทนากับฉันยังคงผูกเป็นโบว์ไม่คลายออกเลยแม้แต่น้อยในตอนนั้นฉันเคยชวนมันไปตามหาเขาที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมฝั่งตรงข้ามทุกเย็นหลังเลิกเรียนเป็นเวลาหลายเดือน ด้วยความที่อยากรู้ว่าถ้ามันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง มันจะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม สุดท้ายฉันได้คำตอบว่ามันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอีกเลย แต่นั่นมันกับคนอื่นนะ เพราะฉันไม่รู้ว่าหน้ากากเหยี่ยวดำคนนั้นเป็นใคร

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 09 (1/2)

    สองวันต่อมา…เช้ามืดของวันที่แสนจะหม่นหมอง…เฮ้อลมหายใจยาวถูกพ่นผ่านปลายจมูกครั้งแล้วครั้งเล่าฉันถูกปลุกขึ้นมาจากที่นอนตั้งแต่ยังไม่ตีสาม เพื่อมานั่งโงนเงนหมดสภาพอยู่บนเก้าอี้ไม้กลางห้อง สปอร์ตไลน์ถูกเปิดส่งมาที่ใบหน้าฉันจากทุกด้านจนแสบตาไปหมด ฉันเหลือบตาขึ้นบนด้วยความหงุดหงิดเพราะมันมีอะไรยุกยิกยุก ยิกอยู่บนหัวฉันราวสองชั่วโมงเต็ม ไม่เคยปล่อยให้ใครยุ่งกับผมของฉันนานขนาดนี้มาก่อนเลยนะ อาม่าจ้างช่างทำผมที่ไหนมาเนี่ย ฝีมือไม่ได้เรื่องแถมยังทำนานอีกส่วนคนด้านหน้าก็ไม่แพ้กัน จะโบกอะไรหนักหนา หน้าฉันไม่ได้ต้องปกปิดเยอะขนาดนี้ซะหน่อย น่าเบื่อชะมัด เมื่อไหร่จะเสร็จซะทีวันที่แสนจะวุ่นวายของใครหลายๆ คนในบ้านเรืองขจร วันที่อาม่าแต่ตัวสวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา วันที่ดูเหมือนจะสำคัญสำหรับผู้หญิงทุกคน…แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน“คุณหนูคะ เลิกถอนหายใจสักสามสิบนาทีได้ไหมคะ” ช่างแต่งหน้าที่เป็นสาวสองกดเสียงต่ำบอกฉันด้วยอารมณ์ที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิด“แต่งไม่ได้ก็ไม่ต้องแต่ง!” ฉันพูดพลางยกมือขึ้นกอดอกทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้บ่งบอกถึงความเอาแต่ใจของตัวเอง ตวัดตามองช่างแต่งหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ใครง้อกัน…ฉันไ

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 08 (2/2)

    จังหวะที่ผมเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือสอดประสานเข้ากับดวงตาคู่คมของเจ้าของมือถือพอดิบพอดี ดูเหมือนเธอจะรู้ตัวแล้วว่ายังมีอีกหนึ่งคนอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเธอจ้องหน้าผมเขม็งอย่างเอาเรื่องอยู่กลางสระ นี่ขนาดไม่ได้อยู่ใกล้นะ รัศมีความโหดยังแผ่มาถึงผมจนเย็นวาบไปทั้งตัวผมส่งยิ้มแห้งพร้อมกับชูมือถือในมือราวกับหาข้อแก้ต่างในตอนที่โดนจับได้ว่ามาแอบดูผู้หญิงอาบน้ำยังไงยังงั้น ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปนั่งหย่องย่ออยู่ขอบสระ“มีคนโทรมาแหละ” ผมปรายตามองมือถือในมือตัวเองที่ถือชูไว้ขนาบศีรษะคนที่อยู่กลางสระรีบว่ายน้ำเข้ามาทางผมทันที จะว่าไปนี่ก็เป็นตัวประกันที่ดีเหมือนกันนะ“เอามา” เธอทำท่าจะแย่งมือถือตัวเองไปจากผม ที่ตอนนี้ย้ายตำแหน่งไปอยู่สูงสุดของความยาวแขนเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าถึงผมจะนั่งอยู่คนในสระก็ไม่มีทางหยิบถึง“อยากได้? เอาอะไรมาแลกดิ”“อะไร” เธอถามเสียงแข็ง บางทีผมก็คิดอยากเห็นมุมอ่อนหวานของคนตัวเล็กตรงหน้า แต่ก็ไม่รู้จะมีโอกาสไหม ไม่สิ…ไม่รู้เธอมีมุมนั้นอยู่ในตัวไหมมากกว่า“อยาก

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 08 (1/2)

    หลังจากที่ผมเคลียร์ค่าเสียหายทั้งหมดที่ยัยคุณหนูลลิลก่อไว้กับไอ้ดินเสร็จเรียบร้อยก็รีบบึ่งรถไปยังคฤหาสน์ของเรืองขจรทันที ระหว่างทางก็คิดถึงแต่อนาคตข้างหน้า ถ้าว่าที่ภรรยาของผมเล่นผลาญเงินแบบนี้จะเข้ากับแม่สามีอย่าง คุณหญิงมาริสา ได้ไหมนะ ผมนี่ปวดหัวรอเลย แค่ที่ผมกับพ่อใช้กันอยู่ทุกวันนี้ยังบ่นเช้า บ่นเย็น ถ้าเพิ่มลูกสะใภ้มาช่วยใช้อีกคนนะ คุณหญิงมาริสาอกแตกแหงๆถึงบ้านผมจะรวยขนาดไหน แม่ ก็ยังเป็นคนคอยควบคุมเรื่องการใช้จ่ายแทบจะทุกอย่างของทั้งที่บ้านและ AJD Group ท่านเป็นเหมือนนักตรวจสอบบัญชีอาวุโสเลยก็ว่าได้ แถมยังมีนิสัยมัธยัสถ์ขั้นสุดอีกด้วย การใช้จ่ายของท่านมักจะต้องเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเสมอ แต่ผมกลับไม่ได้แม่มาเลยสักนิดได้มาแต่สิ่งดีๆ ของพ่อที่แฮฟเงินแม่เป็นประจำ ซึ่งผมยกให้พ่อเป็นไอดอลเลยสำหรับเรื่องนี้ เพราะไม่งั้นผมคงไม่มีเงินมาใช้ไร้สาระ กินเหล้าหรือเที่ยวผู้หญิงตั้งแต่สมัยเรียนแบบนี้หรอก พอโดนจับได้ก็ทนหูชาไปสักสองสามวัน หลังจากนั้นก็ทำใหม่ วนลูปไปเรื่อยๆ เพราะผมมึนใส่อยู่แล้วแต่ที่หนักใจคือ แม่ไม่ได้เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้สักนิด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status