สามทุ่ม...
พนิดาลงไปรับภาสกรด้านล่างแล้วขึ้นมาด้วยกัน เธอเห็นเขามีกระเป๋าเป้มาด้วยก็ขมวดคิ้ว ชุดอีกฝ่ายเป็นเสื้อยืดกับกางเกงสแลกส์ แทนที่จะเป็นเสื้อเชิ้ต ชายหนุ่มน่าจะกลับไปที่ห้องเขาก่อนออกมาหาเธอ
“ไปที่ห้องก่อนเหรอ”
เธอเอ่ยถามเมื่อเข้ามาในลิฟต์
“ครับ มาแท็กซี่”
“กินอะไรมาหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
เมื่ออีกฝ่ายบอกอย่างนั้นเธอก็พยักหน้ารับ กระทั่งเข้าห้องมาแล้วพนิดาก็เดินเลยไปหาน้ำมาให้ชายหนุ่ม อึดอัดขึ้นมาหน่อยในการต้องอยู่ตามลำพังกับเขา พร้อมกับบ่นตัวเองที่ยอมให้ผู้ชายเข้าห้องอย่างง่ายดายเป็นครั้งที่สอง
กลับมาก็เห็นร่างสูงกำยำนั่งอยู่บนโซฟาตรงหน้าโน้ตบุ๊กที่เธอเปิดค้างเอาไว้โดยถอดแว่นวางใกล้ๆ ก่อนลงไปรับเขา พนิดาถึงกับสะดุ้งรีบก้าวรวดเร็วไปกดปิดลงทันที
“อย่าอ่านนะ”
ใบหน้าขาวคมหันมามองเธอช้าๆ กวาดมองทั่วทั้งใบหน้าของเธอ ก่อนจะยื่นมือมาหยิบแก้วน้ำไปจิบทั้งที่ตาคมยังไม่ละจากเธอแล้ววางลงอย่างใจเย็น ทว่าพนิดารู้สึกแปลกๆ จึงถอยหลัง แต่กลับถูกคว้ามือเอาไว้
“แนวนางเอกใสๆ น่ารักอินโนเซ้นส์ใช่ไหมครับ”
“อ่านแล้วสินะ”
เธอพึมพำอย่างไม่พอใจ พร้อมทั้งสะบัดมือออกแต่เขาไม่ยอมปล่อย
“ไม่เขียนต่อเหรอครับ กำลังถึงฉากสำคัญเลยนี่”
“ไม่ล่ะ”
“ทำไมล่ะครับ หรือผมอยู่ด้วยก็เลยไม่กล้าเขียนฉากนั้นต่อ”
คิ้วเข้มขยับยกขึ้น คนมองเห็นแล้วอดหน้าร้อนไม่ได้ ไม่ได้เขินเขาจนเขียนไม่ได้สักหน่อย แต่มันยังไม่รู้จะเขียนยังไงต่างหาก ฉากนี้เธอนั่งงมนั่งนึกมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วโน่นแล้ว
มันคือฉากที่พระเอกของเรื่องบังคับจูบนางเอกอย่างดูดดื่มจนนางเอกเข่าอ่อนพระเอกต้องอุ้มไปห้องตนเองซึ่งเป็นเจ้าของสถานบันเทิง
ที่สำคัญเธอเว้นช่องช่วงจูบเอาไว้ เขียนฉากพระเอกอุ้มนางเอกไปจนถึงเตียงแล้ว
“ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา ใครจะเขียนได้กันง่ายๆ”
เธอเถียงออกไป พยายามดึงมือออกอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล
“ที่ไม่ง่ายหมายถึง...จูบ? หรือว่า...ต่อจากฉากที่เตียงครับ”
ดูก็รู้ว่าเขาคาดการณ์ได้ ก็สายตาคมน่ะพราวเลยทีเดียว น่าโมโหที่ภาสกรมาล้อเธอ หญิงสาวกระตุกมือเพราะหงุดหงิดแต่ไม่มีประโยชน์ แถมยังถูกชายหนุ่มดึงกลับ มือหนาอาศัยจังหวะเธอเผลอตัวรั้งร่างบางก็โถมไปหาเขา แขนกำยำรัดเอวเล็กให้กายสาวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอุ่น สะโพกสวยเกยอยู่บนต้นขาแกร่ง
“อยู่ๆ มากอดทำไม”
พนิดาไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
“ถ้าคุณวุ้นไม่ถนัด ผมช่วยได้นะครับ”
“พูดเรื่องอะไร”
“เรื่องงานของคุณวุ้น”
“ไม่มีอะไรที่ต้องให้ซันช่วยหรอก ปล่อย”
“แน่ใจเหรอครับ”
อีกฝ่ายยังเย้ากลับมา คนที่ทั้งเขินทั้งขุ่นเคืองที่ชายหนุ่มอ่านงานตัวเองในฉากอย่างนี้จึงเงยขึ้นมองด้วยสายตาดุ จงใจให้เขารู้ว่าเธอโกรธพร้อมถามกลับ
“นี่มันเรื่องของพี่นะ เธอจะมาช่วยอะไรได้ เขียนนิยายเป็นเหรอ”
“นิยายน่ะ เขียนไม่เป็นหรอกครับ แต่...จูบเป็น”
ปากอิ่มสวยเผยอค้างอีกแล้ว คนตรงหน้าเขาตกลงใจได้น่ารักน่าใคร่ น่าจูบเสียจริง ยิ่งกลีบปากสีหวานลอยอยู่ตรงหน้าภาสกรยิ่งไม่อยากปล่อยเจ้าของร่างบาง
ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขานอนก็คิดถึงเรืองร่างนุ่มนิ่ม ทำงานก็คิดถึงกลิ่นหอมละมุนจากเนื้อตัวหญิงสาว พยายามข่มใจไม่ติดต่อพนิดาเพื่อตนเองจะได้มีสมาธิในการทำงาน เพราะต้องรับงานใหม่แถมรับมือกับเจ้านายจอมเข้มงวดอีกด้วย ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอีกไม่นานก็จะถึงวันศุกร์แล้ว หากวันนี้หญิงสาวไม่ยอมมาพักที่คอนโดมีหวังเขาได้ไปดักรอเธอแถวที่จอดรถแน่
“ว่าไงครับ สนใจให้ผมช่วยสอนเลิฟซีนให้สักบทสองบทไหม”
ชายหนุ่มถามพร้อมหน้าก็ขยับมาใกล้ด้วย แม้พนิดาจะส่ายหน้าถอยห่างเขาก็ไม่ยอมให้หนีได้
“มะ...ไม่จำ...เป็น”
“น่า นะครับ ผมเก่ง รับรองคุณวุ้นไม่ผิดหวัง อยากรู้แบบไหนล่ะครับ เบาๆ หรือรุนแรง”
“ลามปามใหญ่แล้ว เกรงใจกันบ้างสิ”
เธอพยายามทำเสียงดุทว่ากลับดูสั่นเสียอย่างนั้น แถมใจยังเต้นโครมครามจนคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะรับรู้ได้
“คุณวุ้นไม่อยากจริงเหรอครับ หืม?”
พอเธอขยับปากจะปฏิเสธปากได้รูปก็ประชิดใกล้ เอ่ยสวนขึ้นชนิดที่ปากแตะปาก
“ผมอยากสอนใจจะขาดแล้ว”
แม้อยากค้านทว่ามาถึงขั้นนี้แล้วก็จนใจ เพราะในที่สุดปากอุ่นก็แนบมาหาจนได้ เขาตั้งใจจะจูบเธออยู่แล้วแต่อ้อนท่าโน้นท่านี้ น่าหมั่นไส้หากก็อดเอ็นดูไม่ได้ คงกลัวเธอจะโกรธถ้าทำตัวเอาแต่ใจ
สัมผัสจากปากกระด้างอุ่นจนเกือบร้อน ปากอุ่นเม้มผะแผ่วบนกลีบปากเธอ อ่อนโยนจนใจสาวคลอนแคลน แรงบดเบียดนุ่มนวลยิ่งนัก ครู่หนึ่งลิ้นอุ่นชื้นจึงเริ่มเคลื่อนไหวทักทายตามมา ไล้วนกลีบปากสวยถ้วนทั่วแล้วเซาะซอนไปตามไรฟันอย่างต้องการล่วงล้ำเข้าไปภายใน และแล้วหญิงสาวก็ไม่อาจฝืนทนต่ออารมณ์เร้าในกายตนเองได้
พนิดายอมรับอีกฝ่ายในที่สุด ยอมให้ลิ้นอุ่นสอดแทรกเข้ามาโลมลูบลิ้นเล็กโดยไร้การแข็งขืน นึกอยากจดจำวิธีคลอเคลียดึงรั้งด้วยปลายลิ้นอย่างเร้าใจจากชายหนุ่ม ทว่ากลับมึนเบลอจนแทบไม่รู้สึกตัว แถมร่างกายยังโรยแรงโอนเอนเข้าหาอกอุ่นเรื่อยๆ จนแทบจะจมหายไปในแผงอกหนา หากไม่นั่งอยู่บนโซฟาเข่าเธอคงอ่อนขาพับไปแล้ว
จูบดูดดื่มกินเวลาแสนนานสำหรับคนที่ถูกรุกเร้า ภาสกรและเล็มเม้มกลีบปากสวยสลับกับระรานภายในโพรงปากนุ่ม ทว่าชายหนุ่มก็ใจดีพอที่จะจูบซับอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนิบนาบไม่ร้อนรน ไม่เอาแต่ได้ อยากให้คนในอ้อมกอดได้เรียนรู้จูบจากเขาจริงๆ
อยากให้หญิงสาวซึมซับชื่นชอบใหลหลงจูบของเขาเพียงคนเดียว
=====
“อยากทำแบบนี้กับคุณวุ้นตั้งแต่วันที่แอบจูบแน่ะ”เสียงทุ้มดูสนุกตื่นเต้น ทว่าคนได้ยินอายจนตัวแทบม้วน“ใครจะยอม”“รู้ว่าวันนั้นไม่ยอม แต่วันนี้ยอมนะครับ”คุยไปด้วยมือหนาก็ดึงชายเสื้อที่อยู่ในขอบเอวกระโปรงหญิงสาวขึ้น สอดมือเข้ามาเคล้นคลึงอกอวบภายใน ปลุกเร้าอารมณ์สาวไปด้วยอย่างไม่ยอมเสียเวลา สะโพกสวยถูกบดเบียดรุมร้อน เร่งความปรารถนาให้กับคนทั้งคู่ พนิดารับรู้ถึงกายแกร่งชัดเจน“อื้อ ใจร้อนไปไหม เร็วจัง”“กับคุณวุ้นก็เร็วตลอดอยู่แล้วนี่ครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทั้งยังขยับสะโพกเข้าหาไม่หยุด กับพนิดาแล้วเขาไม่เคยรู้สึกตัวช้าเลย หากก็รั้งตัวเองให้เวลาหญิงสาวเสมอ“นะครับ ขอนะ”เสียงทุ้มครางพร่าชิดซอกคอนุ่มบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาถึงจุดที่ฝืนไม่ไหวแล้ว นอกจากเขาจะตั้งใจเร่งร้อนแล้วน้ำตาของหญิงสาวก็ทำให้เขายิ่งอยากกอดเธอ ภาสกรแพ้น้ำตาอีกฝ่ายเห็นเมื่อไรทนไม่ได้ทุกที อยากกอดอยากคลุกเคล้ากระโปรงบานพอดีเข่าไม่ยากที่จะรั้งขึ้นสูง มือหนาโลมเล้าผ่านผ้าเนื้อบางแนบสัดส่วนอ่อนไหว ปากก็เม้มผิวเนื้ออ่อนข้างลำคอ ได้ยินเจ้าของร่างบางหอบแรงและไม่มีเสียงห้ามปรามอีกแล้ว เขาจึงเดินหน้าดูแลให้ หญิงสาวพร้อมก้าวขั้นต่อไป ซ
1 ปีผ่านไป...ภาสกรไปส่งพนิดาทุกบ่ายวันเสาร์ตามคำสั่งของคุณไพศาลหลังจากหญิงสาวอยู่กับเขาที่คอนโดในคืนวันศุกร์ และอยู่กินข้าวเย็นที่นั่นทุกวัน ชายหนุ่มไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของบิดาหญิงสาวนัก หากท่านก็ยอมรับในตัวเขา เพราะถือว่าทำมาหากินดูแลตัวเองมาตั้งแต่เรียนจบ ค่อนข้างมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเป็นคนเก่งคนหนึ่ง โดยข้อนี้พศินกับพริษฐ์ยืนยันเสียงเดียวกัน ถือว่าอนาคตไกล ส่วนกับคุณดารณีนั้นท่านถูกใจ ชายหนุ่ม เพราะเขาเอาใจเก่งปากหวานกับท่านเหมือนกับพนิดา และเอาอกเอาใจท่านกับหญิงสาว ต่างจากคุณไพศาลที่ชายหนุ่มไม่เข้าหาหรือตีสนิท เขาวางตัวปกติ ตอบคำถามอย่างเป็นการเป็นงานข้อนี้พนิดาบอกกับมารดาว่าน่าจะเพราะภาสกรไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่อบอุ่นจากบิดาของเขา เขาอยู่กับมารดา เมื่อสูญเสียมารดาก็โหยหาความรักความทะนุถนอมอ่อนโยนแบบที่เคยได้รับ จึงชินกับการเข้าหาผู้หญิงและทำให้รักเอ็นดูตนเองมากกว่าผู้ชาย สังเกตได้จากที่ชายหนุ่มสนิทกับผู้หญิงหลายคนในที่ทำงาน รวมทั้งอนงค์นางกับนิอรด้วยตอนนี้ภาสกรมีคีย์การ์ดสำรองเข้าห้องของพนิดาได้โดยที่หญิงสาวไม่ต้องลงไปรับอีกแล้ว หลังจากล้างหน้าล้างตาก็มาหาเจ้าของร่าง
“อือ ซัน”เสียงหวานพึมพำเมื่อชายหนุ่มเร่งมือก่อนจะตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าเพียงเท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายปล่อยให้หน้าอกเธอเป็นอิสระ ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงเรื่อยไป หากก็ไม่ลืมพาเธอลงไปนอนแล้วเปิดเปลือยร่างงามไปด้วยเมื่อหญิงสาวไร้ซึ่งเสื้อผ้า เขาก็ปลดเปลื้องตนเองเช่นกันอย่างไม่ให้น้อยหน้า พาร่างสูงกำยำแทรกกลางเรียวขาสวย หากเมื่อเคลื่อนใบหน้าลงต่ำก็ได้ยินทักแผ่วหวิว“ซันจ๊ะ”พนิดาอายที่เขาจะทำแบบนี้กับเธออีก เพราะเวลานี้ร่างกายเธอตอบสนองว่าตนเองพร้อมแล้ว ทว่าชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมบอก“ผมอยากทำครับ”หน้าที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วของเธอร้อนราวกำลังไหม้เมื่อตามองใบหน้าขาวคมฝังลงกลางกาย สัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยน หากก็ประชิดทุกซอกมุมทำให้เธอเขินสุดขีด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายลิ้นร้อนชื้นกับปากอุ่นทำให้เธอรู้สึกดีอย่างเหลือแสน สุขสมเต็มอิ่มล้นอกภาสกรไล้ปากกับปลายลิ้นอย่างพึงพอใจ ความงามตรงหน้าเชิญชวนให้ลิ้มชิมไม่รู้เบื่อ ยิ่งเห็นสะโพกสวยขยับ เขาก็ยิ่งปรนเปรอหญิงสาว หากมือหนาก็ไม่ลืมเตรียมตนเองไปด้วย ใช่ว่าเขาไม่ลุกเพราะพนิดา แต่เพราะอยากตื่นตัวถึงขีดสุดเพื่อจัดเต็มในทันทีที่ชิดใกล้ต่างหาก แน่นอนว่าครั้งนี้เขา
พนิดาไม่ยอมให้ภาสกรอาบน้ำด้วยแม้เขาจะอ้อนแค่ไหนก็ตาม ขณะกินข้าวด้วยกันเจ้าตัวก็ส่งสายตาคมวาบหวามให้เธออย่างมีความนัยตลอดเวลาจนเธอต้องถอนหายใจให้รู้ว่าอ่อนใจกับเขาแค่ไหน ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะสลดกลับหัวเราะกรุ้มกริ่มในลำคอเสียอย่างนั้น“ซันล้างจานแล้วกันนะ”หญิงสาวบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ทั้งที่ปกติเธอจะช่วยเขา แม้ชายหนุ่มจะอาสาทำเองก็ตาม ทำเอาภาสกรได้แต่เกาหัว“สงสัยแสดงออกมากเกินไปแฮะเรา”หลังจากจัดการในครัวเรียบร้อย ภาสกรก็ไปยังห้องทำงานของพนิดาเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะอยู่ในนั้น ร่างสูงกำยำชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนหันหลังหาอะไรสักอย่างบนชั้นหนังสือขณะคุยโทรศัพท์“หึๆ ไม่ต้องอ้อนเลยอ้น ไม่ได้ผล”คิ้วเข้มขมวด พยายามตีความกับสิ่งที่ได้ยิน“ไม่...ไม่เล่า”พนิดาเสียงแข็งแต่ก็เจือความขำ“หาเอาเองสิจ๊ะ ผู้ชายแซบๆ น่ะ ไม่ได้เก็บได้ตามถนนสักหน่อย”ภาสกรเริ่มย่องเบาๆ เข้าไปใกล้ร่างบาง เหมือนเธอจะได้หนังสือเล่มที่ต้องการแล้ว“ไม่ให้ลูบ หวง...เด็กใครเด็กมัน วุ้นยังไม่สนใจจะยุ่งกับเด็กอ้นเลย”คราวนี้เขาหยุดไม่ห่างจากหญิงสาวนักแล้วเกาหัว“เดี๋ยวจะกระซิบบอกซันว่าเจอกันอ้นจะแอบลูบกล้าม เขาจะได้ร
“ตอนนี้มีแต่กลิ่นกับข้าวมั้งจ๊ะ”เธอแย้งเสียงเบาหวิวอารมณ์ใคร่ตีตื้นวนเวียนเพราะมืออีกฝ่ายไม่ได้อยู่นิ่ง“ไม่ครับ หอม”ชายหนุ่มย้ำแล้วจูบซ้ำมาอีก คลอเคลียปากกับจมูกจนผิวอ่อนเริ่มแดงเพราะไรเครา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มแล้วจูบแรงขึ้น ร่างบางสะดุ้งนิดๆ ขณะที่มือหนาไล้วนช่วงท้องน้อยไม่ห่าง“ซันจ๊ะ ขาวุ้น...”พนิดาชักจะยืนไม่ไหวแล้ว เธออ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว เมื่อบอกไปแล้วอีกฝ่ายก็ช้อนอุ้มเธอขึ้นพาเดินมายังโซฟา ทิ้งกระเป๋าเป้ของเขาไว้ที่พื้นหน้าประตูห้องอย่างนั้นชายหนุ่มวางคนตัวเล็กให้นั่งบนโซฟา ส่วนตนคุกเข่าข้างหนึ่งคร่อมข้างสะโพกสวยโน้มหน้าลงไปหาปากอิ่มแสนหวาน ขณะเดียวกันก็ถอดสูทของหญิงสาวออก ลูบผะแผ่วไปบนบ่าบอบบาง ทรวงอวบงดงาม หน้าท้องขาวผ่องแล้วกลับมากอบกุมบีบกระชับหน้าอกหน้าใจที่เสื้อตัวสั้นลูกไม้สีขาวโอบอยู่ สิ่งที่รับรู้ทำให้ภาสกรถอนจูบ ตาคมหลุบลงมองแฟชั่นแสนเซ็กซี่ของคนรักแล้วยิ้มมุมปาก มีเสื้อสูทคลุมก็ดูเรียบร้อยดี ใครจะไปคิดว่าด้านในจะทั้งหวานทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้ เขารู้มาบ้างว่าบางครั้งสาวๆ ก็ใส่เพียงเสื้อชั้นในด้านในสูท ทว่าผิวขาวนวลกับเสื้อลูกไม้ขาวตัวสั้นบนเรือนร่างงามลออของพนิดาก็เห
ร่างสูงกำยำที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหน้าประตูแผนกทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาเห็นรีบเดินเข้าไปตบไหล่หนา“เฮ้ย มาทำอะไรถึงนี่ หรือมาหาเพื่อนกินข้าว”จักรินทร์ถามเจ้าตัวก็หันมายกมือไหว้เขา“พี่โจ๊ก สวัสดีครับ”ภาสกรทักทาย ขณะนั้นหลายคนในแผนกเริ่มออกมาแล้วมองเขาอย่างสนใจและทักเช่นกัน เพราะไม่ได้เห็นหน้าเท่าไรนัก รวมทั้งญาดาด้วย“ว่าแต่ ทำไมหน้าเหมือนไปกินยำตีนมาวะ”คนถูกถามยิ้มขื่น ญาดาซึ่งเดินมาใกล้จึงเอ่ยแทน“ซันมันไปสะดุดตอใหญ่มาก”“สะดุดตอก็น่าจะล้ม ทำไมไม่หัวแตก แต่ดันปากแตกหน้าช้ำ”จักรินทร์ยิ่งสงสัย หลายคนขมวดคิ้วไปตามๆ กัน“นั่นสิคะพี่พริก”นัชชาสาวกราฟิกคนสนิทของญาดาพูดพร้อมพยักหน้า“น่า บอกว่าสะดุดตอก็สะดุดตอสิ แล้วนี่...อย่าบอกนะว่ามา...”ดวงตาคู่กลมโตของญาดาเหลือบเข้าไปข้างในแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ภาสกรยกยิ้มมุมปาก ทำเอาคนอื่นยิ่งสงสัย แล้วสามสาวเพื่อนซี้รุ่นใหญ่ในแผนกก็ออกมาพอดี“มายืนมุงอะไรกันตรงนี้จ๊ะ ไม่รีบไปกินข้าวเหรอ”เสียงอนงค์นางดังขึ้นทำให้หลายคนเริ่มขยับตัว ทว่าเมื่อปรากฏร่างสูงกำยำท่ามกลางผู้คนหญิงสาวก็ถอนหายใจ ทว่าเสียงที่ทักขึ้นเป็นนิอร“แหม มารอเร็วจังนะพ่อคุณ”