Se connecterElite Pub
ผับหรูแถวมหา’ลัยยังคงคึกคักเหมือนทุกวัน แม้เปิดเพียงไม่นานแต่สามารถถอนทุนคืนได้แล้ว ซึ่งคุ้มค่าต่อการลงทุนมาก ชายหนุ่มใบหน้าเรียบเฉยนัยน์ตาคมกริบนั่งจิบแอลกอฮอล์อยู่คนเดียวในห้องทำงาน ชื่อของเขาคือ ไนต์ ที่แปลว่าอัศวินไม่ใช่กลางคืน วันนี้เป็นวันที่เขาต้องมาดูแลผับ แน่นอนว่างานที่มหา’ลัยก็ยุ่งมากแต่จัดการเรียบร้อยแล้วถึงมาที่ผับ
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
ชายชุดดำวัยกลางคนที่มีใบหน้าดุดันเคร่งขรึมเกินกว่าจะเป็นบอดี้การ์ดของผับเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะโค้งหัวให้กับชายหนุ่มอายุน้อยกว่าตนมาก
“คุณไนต์ ทางนั้นมีความเคลื่อนไหวครับ”
“ว่ามาเลยครับคุณฉี ไม่ต้องเคารพผมขนาดนั้นก็ได้ ยังไงก็” ไนต์วางเอกสารในมือลงก่อนจะเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่เขาเคารพมาตั้งแต่เด็ก แม้อีกฝ่ายจะมีสถานะเป็นแค่มือขวาของพ่อเขาก็ตาม
“ไม่ได้หรอกครับ ผมเป็นแค่ลูกน้องคุณไนต์เป็นเจ้านาย ผมต้องเคารพและทำตามคำสั่งอยู่แล้ว”
“ครับ งั้นผมคงต้องเรียกลุงฉีเหมือนตอนเด็กแล้ว ไม่ต้องปฏิเสธนะครับ ว่าแต่ทางนั้นมีความเคลื่อนไหวยังไงบ้าง” เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะเอนหลังด้วยท่าทีผ่อนคลาย แม้เรื่องที่ลุงฉีจะรายงานอาจจะเคร่งเครียดมากก็ตาม
“หลังการประกาศเลื่อนตำแหน่งและมีกำหนดการ ซ้อใหญ่ก็ค่อนข้างไม่พอใจมาก แน่นอนว่าตอนนี้คนที่กำลังเป็นอันตรายที่สุดคือคุณไนต์เอง”
“แล้วเจ้าสมุทร?” เขาเอ่ยถึงบุคคลที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้มากที่สุด
“ยังไม่มีความเคลื่อนไหวครับ คุณเจ้าสมุทรเดินทางไปอิตาลี ตอนนี้ที่อเมริกามีเพียงนายใหญ่และซ้อใหญ่ครับ”
“ผมเข้าใจแล้ว ลุงฉีไปพักผ่อนเถอะ”
“แต่คุณไนต์ นายให้ผมมาดูแลความปลอดภัย”
“ผมโตแล้ว ลุงไปพักเถอะ”
ชายวัยกลางคนท่าทางดุดันอย่างลุงฉีเดินออกไปแล้วเหลือเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ร่างสูงเท้าคางกับโต๊ะอย่างใช้ความคิดเมื่อนึกไปถึงครอบครัวที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ นอกจากเพื่อนสนิทในกลุ่ม
ชื่อของเขาคือ นิธิศ เศวตธีธรณ์ นั่นคือชื่อที่แม่ตั้งให้ตอนมาอยู่ที่ไทย ความจริงชื่อที่แท้จริงตั้งแต่เกิดคือ ไนต์ อีกอน ส่วนนามสกุลเอาไว้ก่อนแล้วกัน
เขาเป็นลูกคนเดียวของแม่แต่เป็นลูกคนที่สองของพ่อ และเขาเป็นแค่ลูกเมียน้อยแม้ในตระกูลจะเรียกแม่ของเขาว่าภรรยารอง แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดความจริงได้ว่าแม่ของเขาคือเมียน้อย
แต่ช่างเถอะ คนเราไม่สามารถเลือกชาติกำเนิดได้ อีกอย่างแม้พ่อจะดีและรักแม่แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถห้ามปากคนที่แอบไปพูดลับหลัง แม่ถึงได้พาเขามาอยู่ไทยบ้านเกิดของท่านแทนซึ่งพ่อก็เข้าใจ
ความรักกับอำนาจเป็นสิ่งที่ต้องเลือกเสมอ แม้มีอำนาจก็ใช่ว่าจะรักษาความรักไว้ได้
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังเข้าสู่โสตประสาททำให้เขาละสายตาไปมอง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดอ่านซึ่งเป็นแชตของเพทาย
เพทาย : ลงมาไอ้สัด คนอื่นมากันหมดแล้ว
เมื่ออ่านจบเขาก็ขมวดคิ้วเพราะไม่เห็นมีใครว่ายังไงเลย นึกว่าจะไม่มากันแล้ว เขาไม่ได้ตอบกลับข้อความของเพทายเพราะเดี๋ยวก็เจอกัน เมื่อกดออกจากแชตเพทายถึงเห็นว่ามีอีกแชตที่ยังไม่ได้อ่าน แค่รูปโพรไฟล์ก็รู้แล้วว่าใครเพราะเธอส่งข้อความมาหาเขาทุกวัน มีเมื่อวานที่ไม่ได้ส่งมา
ไซซี : คิดถึงมาก ๆ ค่ะ
“ฉิบหาย”
นิ้วเจ้ากรรมดันกดเข้าไปในแชตของเธอ แน่นอนว่ามันต้องขึ้นอ่านและเมื่อเข้ามาแล้วจะไม่ตอบอะไรก็คงไม่ได้ เธอเป็นน้องสาวเพื่อน เขาเลยกดสติกเกอร์โอเคกลับไป เพียงเสี้ยววินาทีแชตก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว
“ตาไวสัด”
และหายนะที่สำคัญคือไซซีโทรกลับมาผ่านแอปฯ นั่นแหละอยากจะบ้าตาย เขาเลยกดตัดสายไปแต่เธอก็ยังโทรมาไม่หยุด ทำให้เขาถอนหายใจก่อนจะกดรับ
[เพ่น่ายยย]
“...”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงปลายสายตอบกลับมาทำให้เขาขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม เธอเมาแล้วจะโทรมาทำไมกัน!
[โคนนจายยร้ายยย]
“เมาก็ไปนอน”
[ม่ายยยคิดดดด]
“คิดอะไร”
[คิดถึงงงงงายยคิก ๆ]
“ไม่ถึงไม่ยอมให้ถึง แค่นี้นะ”
[ม่ายอาวว จาปายหาาา]
“ตามใจ”
เขากดตัดสายไปทันที คุยกับคนเมาไม่รู้เรื่องหรอก อีกอย่างจ้างให้ก็มาไม่ถูกเมาแบบนี้ เขาเก็บเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย มือคว้าเอาเสื้อแจ็กเก็ตในตู้เสื้อผ้าก่อนจะเดินออกจากห้องส่วนตัวของตัวเอง แน่นอนว่าที่นี่มีห้องของทุกคน
แกร๊ก!
“เฮ้ย!”
เพียงเปิดประตูออกมาเท่านั้นตัวของเขาก็ถูกผลักเข้ามาในห้องด้วยฝ่ามือเล็ก ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาล้มลงกับพื้นพร้อมกับแรงโถมลงมาทาบทับบนตัวเขา โดยเจ้าของร่างนุ่มนิ่มข้างบน
“ทำบ้าอะไรไซซี!!”
นัยน์ตาคมกริบจ้องหน้าร่างบางเขม็งอย่างหัวเสีย ปกติเธอไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวหรือทำแบบนี้เลย นอกจากวันนั้น…วันที่เราเจอกันครั้งแรก
วันที่เธอเดินเข้ามาหาเขาและขอให้ไปส่ง!
“คิดถึง”
ร่างบางช้อนตามองเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มเย้ายวนน่าสัมผัสเอ่ยพึมพำเบา ๆ แต่เขาได้ยินมันชัดเจนเต็มสองหูเพราะเราใกล้กันมาก มีเพียงลมหายใจที่เป็นเส้นกั้นกลางเท่านั้น
“ลุกออกไป!”
เขาเอ่ยเสียงเข้มทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากขบกัดกันแน่นจนเขากลัวว่ามันจะได้เลือด ก่อนจะใช้มือดันหัวไหล่ของเธอออกช้า ๆ เพราะหน้าอกอวบอิ่มของเธอมันแนบชิดกับอกแกร่งจนเขาต้องกลั้นหายใจ
“ไม่เอา ก็บอกว่าคิดถึงไง”
“อย่าดื้อ”
ไนต์เอ่ยเสียงเข้ม เขาไม่ชอบคนดื้อและยิ่งไม่ชอบคนถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ ไม่คิดว่าตัวเองจะพลาดท่าให้กับเธอ กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งทำให้เขายิ่งไม่ชอบใจ เมื่อดันเธอออกและลุกขึ้นยืนได้แล้วเขาก็ชี้หน้าเธอทันที
“หยุด!!”
“อาราย” ไซซีทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้พลางก้าวเข้ามาใกล้เขามากกว่าเดิม จนต้องเอ่ยเตือน!
“ถอยออกไปอีกร้อยเมตร”
คิ้วขมวดเป็นปมมากกว่าเดิม ไซซีที่ว่าง่ายหายไปไหน เธอไม่แม้แต่จะสนใจสิ่งที่เขาบอกหรือหวาดกลัวท่าทางดุของเขา แต่ยังใจกล้าฉีกยิ้มกว้างและเดินเข้ามาใกล้ แล้วไอ้ท่าทางเดี๋ยวเมาเดี๋ยวไม่เมาสรุปแกล้งเมางั้นเหรอ ยิ่งคิดยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด
“ถอย? ถอยทำไมคะ” ไนต์ขบกรามแน่นทันทีเมื่อร่างบางเอ่ยด้วยสีหน้าและคำพูดท้าทาย
“ไม่ชอบให้เข้าใกล้”
แต่เธอกลับไม่ฟังในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด ไซซีโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยกแขนขึ้นคล้องคอเขาก่อนจะกระซิบเสียงหวานข้างหู
“ถ้าไม่ใกล้จะได้เข้าเหรอคะพี่ไนต์”
เจ้าสมุทร Talk ผมเกิดและเติบโตในตระกูลมาเฟีย ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าต้องแข็งแกร่ง เจ้าเล่ห์ มีไหวพริบ มีอำนาจ และห้ามอ่อนแอตอนเด็กคือช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุด ท่ามกลางบรรยากาศภายในบ้านที่ร้อนราวกับไฟ มีเพียงผู้หญิงใจดีคนหนึ่งคอยมาดูแลและเล่นกับผม พ่อให้เรียกเธอว่า ‘แม่เล็ก’ ซึ่งผมในวัยเด็กก็ทำตามอย่างว่าง่ายแม่เล็กเป็นผู้หญิงจิตใจดี ท่านดูแลผมจนกระทั่งอายุเจ็ดขวบ แม่อีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาและยื้อแย่งผมไปดูแลแม่คนนี้ให้ความรู้สึกต่างจากแม่อีกคนโดยสิ้นเชิง เพราะท่านทั้งบังคับ เข้มงวด ดุด่าและกดดัน จนกระทั่งวันหนึ่งผมทนไม่ไหวเลยไปขอร้องพ่อว่าต้องการอยู่กับแม่เล็ก แต่คำตอบของท่านทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน“แม่เล็กกับน้องชายจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป”ผมไม่เข้าใจว่าทำไมแม่เล็กต้องไปจากผม แล้วน้องชายคือใครทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย ตอนนั้นรู้สึกสิ้นหวังมากเพราะหลังจากกลับมาถึงห้อง แม่ก็ยืนกอดอกรออยู่ด้วยสีหน้าดุดัน ไม่รู้อะไรทำให้ผมเอ่ยปากถามแม่ออกไป“แม่เคยรักหมุดบ้างไหม”ไม่รอให้แม่ตอบอะไรผมก็รู้คำตอบของท่านจากแววตาร้ายกาจนั้นแล้ว แม่มักใช้มองผมอยู่ตลอดเวลา มองเหมือนกับว่า ‘ไม่ใช่ลูก’ ทำเหมือนกับผมเ
เสียงถอนหายใจของซินเซียทำให้ฉันหันไปมองเพื่อน และเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าเหม่อลอย“พวกนั้นก็พึ่งแต่งงานไปนี่เอง มีแต่เราที่แต่งงานจนมีลูกก่อนพวกเพื่อน”ฉันนึกไปถึงกลุ่มเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันอย่างเรย์ และฝาแฝดอิลแอล หลังเรียนจบแต่ละคนก็ไปหาประสบการณ์ทำงานด้านวิศวกรแล้วค่อยกลับมาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งแต่ละคนครองตัวเป็นโสดกันนานมากแต่สาว ๆ ไม่เคยจะขาดมือ จนเมื่อต้นปีนี้เรย์และอิลก็ทยอยแต่งงาน ส่วนแอลได้ยินว่ากำลังศึกษาดูใจอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง“นี่ถ้าไอ้สายไม่เลว บางทีความสัมพันธ์ของเพื่อนอาจจะอยู่ยาวนานกว่านี้ก็ได้นะ”เพื่อนอีกคนที่ได้รู้จักเมื่อตอนเข้ามหา’ลัยก็คือสายฟ้า แน่นอนว่าที่กล้าเอ่ยชื่อออกมาเพราะซินเซียไม่ได้อะไรกับหมอนั่นแล้ว ไม่ว่าจะพูดหรือไม่พูดถึง ซินเซียก็ไม่รู้สึกอะไร“อืม” สาวสวยผมบลอนด์ครางรับในลำคอก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่นซึ่งฉันก็เห็นด้วย แม้จะเจอกันบ่อยกว่าคนอื่นแต่ก็ใช่ว่าจะมีเวลาได้คุยกันแบบนี้เพราะลูก ๆ ก็ซนกันมาก จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนบ่ายแก่ จีซัสและเซริมก็วิ่งเข้ามาในห้อง“หม่ามี้ จีมาแล้ว”จีซัสวิ่งเข้ามาในห้องตามด้วยเซริมที่ถือหมวกกันน็อกขนาดเล็กไว้ในอ
ร่างสูงกางแขนออกเล็กน้อยเป็นเชิงให้ภรรยาสาวสวยเข้ามาช่วยแต่งตัว เธอจึงเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะปลายนิ้วลงบนอกแกร่ง และเลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนน่าหวาดเสียว“พี่จะให้ซีช่วยจริง ๆ เหรอคะ”“...” ไนต์กัดฟันแน่นเมื่อร่างบางเริ่มออกลายซุกซน“ถ้าช่วยจะนานนะ”“ไม่ช่วยมีตายก่อนพอดี เอาหน่อยถือว่ากินข้าวเช้า”เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างหูร่างบาง ก่อนจะตวัดแขนโอบรัดร่างเธอขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขน และเดินตรงไปยังห้องน้ำโดยไม่ลืมล็อกประตู“ล็อกไว้ก่อนเดี๋ยวมีคนขัดจังหวะ”เมื่อมาถึงห้องน้ำแล้วเขาก็จัดการอุ้มเธอลงอ่างพร้อมปลดเปลื้องพันธนาการทั้งหมดออก จนเผยเรือนร่างบอบบางขาวผ่องอยู่ตรงหน้า“จ้องนานไปแล้ว จะทำไหมคะ?”ริมฝีปากบางยกยิ้มก่อนจะขยับสะโพกนั่งคร่อมบนตักแกร่งภายในอ่าง แขนเรียวยกขึ้นไปคล้องคอแกร่งไว้ก่อนจะกดให้เขาโน้มหน้าลงมา“ไม่ทำตอนนี้ พี่ได้ขาดใจตายแน่”จบคำนั้นริมฝีปากของทั้งคู่ก็ประกบเข้าหากัน ต่างฝ่ายผลัดกันรุกผลัดกันรับ เล้าโลมคลอเคลียกันไม่ห่าง จนพายุสวาทโหมกระหน่ำ แก่นกายแข็งร้อนตอกตรึงใส่ร่องสวาทไม่ยั้ง สร้างความรัญจวนใจให้เธอเป็นอย่างมาก แรงกระแทกทำให้น้ำในอ่างสาดกระเซ็นออกมาตามพื้นเ
5 ปีผ่านไป ฉันนั่งมองภาพงานแต่งงานของตัวเองและพี่ไนต์ที่ผ่านมาแล้วห้าปี ตอนนี้เรามีเรือนหออยู่ระหว่างคอนโดเก่าของเขาและคฤหาสน์ชวัลกร แน่นอนว่าที่คฤหาสน์คุณปู่ก็สร้างบ้านให้อีกหลังเพราะคิดถึงหลาน เวลากลับมาจะได้เจอกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาหลังจากงานแต่งงานเราทั้งคู่ก็ไปฮันนีมูนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันเกือบเดือนเลยล่ะ ทุกที่ที่อยากไปเขาไม่เคยอิดออดและยินยอมพาไป นอกจากกิจกรรมที่โลดโผนเพราะฉันยังท้องอยู่หมับ“ทำอะไรอยู่เหรอ”แรงกอดรัดจากข้างหลังมาพร้อมกับเสียงกระซิบข้างหู ทำให้ฉันเผลอย่นคอหนีคนร้ายกาจ เขาชอบมาคลอเคลียฉันเหมือนกับแมวจนอดหมั่นไส้ไม่ได้ แต่ก่อนนี่ตั้งท่ารังเกียจกันเหลือเกิน“ซีกำลังดูรูปภาพในงานแต่งของเราค่ะ นี่! ดูสิมีแก๊งของพี่ครบทุกคนเลย หล่อ ๆ ทั้งนั้น”ฉันชี้ไปที่รูปถ่ายครบทั้งแก๊ง ทุกคนหล่อเหมือนออกมาจากนิตยสารถ่ายแบบเลยละ ตำแหน่งหนุ่มฮอตคงไม่มีใครมาโค่นลงได้ง่าย ๆ“ไหน ไม่เห็นจะหล่อเลย” เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์“หล่อสิ โดยเฉพาะคนนี้ หล่อที่สุดในใจของซี”พูดแล้วก็เงยหน้ามองเสี้ยวหน้าคม เมื่อเอ่ยชมเขาแล้วเลยอยากดูปฏิกิริยา และภาพตรงหน้าก็ทำให้ฉันเผลอหัวเราะคิกคัก พี่ไนต์ห
กาแฟสวดภาวนาเสียงเบา เธออยากแต่งงานจะแย่แต่ไม่มีทีท่าว่านักรบจะขอเธอแต่งงานเลย จนเธอเรียนจะจบอยู่แล้ว!“ได้แน่นอนค่ะ แล้วพี่ควีนจะลุ้นด้วยไหม”“แต่งไปแล้วไง” ควีนฉีกยิ้มให้ซินเซียจนอีกฝ่ายตาพร่าเมื่อเจอรอยยิ้มหวานหยด“แต่งอีกก็ได้นี่ คิกคิก”“รองานพวกเธอดีกว่า”ควีนพยักพเยิดไปทางกาแฟ พินอิน และซินเซียแทน แต่สาวสวยผมบลอนด์ยกมือปฏิเสธพัลวันเพราะอาจยังไม่พร้อมเท่าไร ก่อนจะฉุกคิดถึงใครบางคน“คิดถึงเจ้เมษามาก” ซินเซียเอ่ยขึ้นมา“นั่นสิ ถ้าไม่ติดสอบเจ้แกมาแล้ว”อิงปิงเอ่ยตอบซินเซียก่อนจะหลบมุมไปยืนข้างมิกิ เพราะเธอไม่มีแฟนเลยไม่รู้จะรอรับช่อดอกไม้ไปทำไม แต่อยู่ ๆ อิงปิงพลันขนลุกซู่เมื่อรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเธออยู่“จะโยนแล้วนะคะ”เสียงหวานใสของไซซีเอ่ยขึ้นมาทำให้อิงปิงสะบัดหัวไล่ความรู้สึกนั้นไป ก่อนจะได้ยินเสียงนับถอยหลังโยนช่อดอกไม้ เพราะสะบัดหัวแรงไปเลยเซไปชนกาแฟที่ยืนอยู่ด้านข้าง และอีกฝ่ายก็ไปชนมิกิอีกทอดเหมือนโดมิโนล้ม3…2…1…“0.0”ใบหน้าสวยน่ารักเบิกตากว้างเมื่อช่อดอกไม้แสนสวยตกลงมาใส่อกเธออย่างแรง ด้วยความตกใจเลยคว้าไว้ รู้ตัวอีกทีทั้งซินเซีย พี่กาแฟ เจ๊อิงปิง พี่พินอ
เสียงไวโอลินบรรเลงเพลงคลาสสิกดังคลอไปทั่วทั้งงาน ดอกไม้สดหลากหลายพันธุ์ถูกจัดตกแต่งได้อย่างสวยงามราวกับสรวงสวรรค์ ฉากหลังคือทะเลสาบภายในอาณาเขตของคฤหาสน์หลังใหญ่ในพื้นที่ร้อยไร่ แขกในงานแบ่งแยกที่นั่งจนเต็ม แม้คนร่วมงานไม่มากเพราะอยากจัดส่วนตัวแต่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นเสียงเพลงต้อนรับขบวนเจ้าสาวเดินเข้ามาในพิธี นำโดยเด็กชายเด็กหญิงหน้าตาน่ารักสองคน หนึ่งถือพระคัมภีร์และหนึ่งโปรยดอกไม้ ตามมาด้วยบรรดาเพื่อนเจ้าสาวที่แต่งชุดเดรสสีชมพูอ่อนเรียบง่ายชายหนุ่มร่างสูงในชุดเจ้าบ่าวสีดำ ใบหน้าเรียบนิ่งทำให้หลายคนเดาไม่ออกว่าเขาอยากแต่งจริงไหม จนกระทั่งนัยน์ตาคมกริบมองเห็นเจ้าสาวในชุดแต่งงานเดินควงแขนบิดาเข้ามา มุมปากของเจ้าบ่าวยกขึ้นและประกายตายินดีอย่างปิดไม่มิดเรือนร่างบอบบางอยู่ในชุดเจ้าสาวแบบลูกไม้ฟูฟ่อง สวยหวานจนยากจะบรรยาย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยโทนสีชมพูอ่อน ผมสีน้ำตาลถูกรวบขึ้นด้วยผ้าลูกไม้เข้าชุดคาดที่ผมอีกทีเธอยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อสบตากับเขา ผู้ชายที่ปักใจตั้งแต่ครั้งแรก นัยน์ตากลมโตร้อนผ่าวเมื่อผู้เป็นบิดาวางมือบางลงบนมือของเจ้าบ่าว และมองเธอด้วยสายตามีความสุขจนยากจะบรรยาย“ป๊ามาส่







