"จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!"
.
"เฮืออออกกก!"
.
"โคร่งงงงงง!!!"
.
สโตกสุดท้ายมาพร้อมกับกงเล็บ ฝ่ามือทรายขนาดมหึมายักษาแยกออกเป็นแฉกบดบังดวงตะวันจนเกิดเงามืด มันกำลังจะตะปบลงมาใส่เจฟเฟอร์ ผู้ซึ่งบัดนี้ยังคงง่วนอยู่กับการรักษาแขนไม่จบไม่สิ้น
.
"ไอ้หยา! ทำไมมันมาถึงเร็วจังวะ? แขนกูยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวดิ! อย่าเพิ่ง! อิ๊บก่อน!"
"ฮึบ!"
.
"วืดดดดดดดด!"
.
จั่วลมไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด! ลำตัวของแซนดี้แทบจะบิดเป็นเกลียวตามหลักฟิสิกส์โมเมนต์ตัม มันจึงรีบชักแขนกลับพลางรีบยืดช่วงล่างของตัวเองที่ฝังอยู่ใต้ทรายให้สูงขึ้นพ้นจากพื้น จนกลายเป็นอสูรกายบิ๊กเบิ้มในร่างเดิมแบบ Full version ตาต่อตาฟันต่อฟัน สองสิ่งมีชีวิตประจันหน้าเข้าหากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
.
"ฮู่ววว! เกือบหลบไม่พ้นไหมล่ะกู ถ้าไม่มีเจ้าแมลงพวกนี้ล่ะก็.. หึ่ย! ไม่อยากจะคิด!"
.
"หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ "
.
"รักษาระยะห่างเอาไว้อย่าเข้าไปใกล้มาก ลอยอยู่บนฟ้าให้เท้าพ้นจากพื้นแบบนี้แหละดีแล้ว ส่วนใครที่รักษาอยู่ก็ให้รีบเร่งมือเข้า!"
เจฟเฟอร์คิดในใจ ฝั่งฝูงแมลงเองก็ลงมือทำตามอย่างว่าง่าย
.
ณ ขณะนี้ชายหนุ่มกำลังมองเห็นภาพสองภาพซ้อนทับกันอยู่ หนึ่งคือเจ้าแซนดี้ปีศาจทรายที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า สองคือแถบแสดงสถานะร่างกายในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First- person) ที่เด้งออกมาแจ้งเตือนอยู่ตลอด นับตั้งแต่ที่พวกกองทัพแมลงบินเข้ามาช่วยเสียงติ๊ก ๆ ในหลอดเปอร์เซ็นนี่ดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ บ่งบอกว่าการรักษาดำเนินไปด้วยดี แขนขวาจวนจะหายสนิทแล้ว ในขณะที่ปริมาณทรายเป็นตัน ๆ ที่แทรกซึมอยู่ตามร่างกายก็ลดน้อยลงจนเกือบจะเป็นปกติ
.
"20 % for complete"
คือข้อความที่ระบบแจ้งให้เจ้าตัวทราบผ่านทางหน้าจอ
.
"เหลืออีกแค่ 20% จะสมบูรณ์ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น! พยายามเข้าทุกคน!"
.
เจฟเฟอร์ยิ้มร่าเขาล่องลอยถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เพื่อประวิงเวลาและรักษาความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์เอาไว้ แต่ทว่าเจ้าแซนดี้ก็ไม่ได้โง่! มันจะเสียเวลายืนดูเหยื่อบินไปบินมาพร้อมกับแมลงวันอีกเป็นโขยงเพื่ออะไร ก็เลยเริ่มเปิดฉากโจมตีต่อ แล้วเที่ยวนี้ก็เป็นอะไรที่ต่างออกไปจากทุกครั้ง เพราะสิ่งที่มันประเคนมานั้นมีแต่อาวุธที่ใช้ในการโจมตีในระยะไกลแทบทั้งสิ้น!
.
เริ่มจากการเตะทรายบนพื้นเข้าใส่! คุณพระช่วยกล้วยหักมุก! เหมือนจะธรรมดาแต่ไม่เลย! จากมุมมองฝั่งนี้เจฟเฟอร์พลันฉุดคิดขึ้นมาในเสี้ยวอึดใจเลยว่านั่นมันเม็ดทรายจริง ๆ หรือคลื่นยักษ์สึนามิกันแน่ เพราะด้วยความที่เท้ามันใหญ่มากแซนดี้เตะตู้มมม! เข้ากับสันทรายนูน ๆ ทีเดียว มวลทรายมากมายจึงตวัดรวมกันเป็นกำแพงสูงคล้ายกับเกลียวคลื่น พลันพุ่งตรงเข้าไปหาเจฟเฟอร์กับฝูงสัตว์ผู้ช่วยด้วยความเร็วสูง
.
"ครืดดดดด.. ครืนนนนนน.. ครืดดดดดด.."
.
"ป้องกัน! อย่าให้ทรายถูกตัวฉันได้!"
ชายหนุ่มรีบออกคำสั่ง!
.
แล้วชั่วขณะจิตหลังจากนั้น หมู่มวลภมรทั้งโขยงก็รวมตัวกันเป็นหนึ่ง พวกมันบินมาจากทุกทิศทุกทางบนฟากฟ้ากอดเกยกันไปมา ขัดสานกันเป็นบาเรียทรงโค้ง แล้วก็ห่อหุ้มเอาร่างกายของเจฟเฟอร์เอาไว้ราวกับลูกโลกลอยฟ้าในคาบเรียนดาราศาสตร์ วินาทีที่คลื่นสึนามิทรายพัดมาถึง พวกแมลงก็แค่เกร็งตัวเอาไว้ แรงปะทะหนักหน่วงรุนแรงมากก็จริง! แต่เม็ดทรายเหล่านั้นก็ไม่ละเอียดพอที่จะแทรกซึมผ่านแมลงวันบาเรียเข้ามาได้ เจฟเฟอร์ก็เลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แถมยังไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยด้วยซ้ำ
.
"ห่ะ ๆ ๆ กระจอกฉิบหาย! แน่จริงก็เตะมาอีกสิวะ! ห่ะ ๆ ๆ "
.
โดยหารู้ไม่ว่าพฤติกรรมดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าถิ่นอย่างแซนดี้เป็นอย่างมาก มันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าจนทรายที่เคยเป็นสีน้ำตาลเริ่มกลายเป็นสีส้มอมแดงเดือดปุด ๆ ซุ่มเสียงในการคำรามที่เปลี่ยนไป คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ดูออก แซนดี้กำลังคลั่งมันรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรเจฟเฟอร์ไม่ได้สักทีก็เลยซอยเท้ายิก ๆ วิ่งเข้าไปง้างเท้าเตะเข้าใส่เนินทรายลูกใหม่ ซึ่งคราวนี้แม่งแรงสัด ๆ แรงอย่างกับการยิงฟรีคิกระยะไกลของ โรแบโต้ คารอส
.
"ตรึมมมมม!!!"
.
เคยได้ยินคำว่า "คลื่นลูกเก่าหายไป คลื่นลูกใหม่ย่อมมีมาแทน" ไหม นั่นล่ะสถานการณ์ตอนนี้เลย มิหนำซ้ำยังหนักหนาขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าทวีอีก เมื่อเจ้ายักษ์จัมโบ้ดันทะลึ่งวิ่งตะบึงห้อกระโดดโหยงขึ้นไปยืนโต้คลื่นอยู่บนปลายยอดคลื่นสึนามินั่นด้วย เอากับมันสิ! ลองเป็นอีหรอบนี้โดนเข้าเต็ม ๆ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตกันเลยทีเดียว
.
ฟากฝั่งของเจฟเฟอร์เองก็มองเห็นอยู่ แม้จะไม่ค่อยแน่ใจนักแต่ระยะห่างที่มากประมาณนี้ ทำให้เจ้าตัวเชื่อว่ากว่าคลื่นทรายอัปปรีย์นั่นจะมาถึง แขนขวาของเขาก็น่าจะซ่อมเสร็จพอดี จึงหันไปวิงวอนกับเหล่าแมลงแกมขอร้อง
.
"ช่วยฉันอีกสักครั้งเถอะนะ อดทนอีกนิดเดียวถ้าพวกเอ็งทนไหวพวกเราจะได้โอกาสสวนกลับ!"
.
"หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ "
เป็นเสียงอื้ออึงที่ดังมากกว่าทุกที ซึ่งเจฟเฟอร์ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นเพราะพวกมันอยู่ใกล้ หรือเป็นเพราะพวกมันกำลังประชดเขาอยู่กันแน่
.
.
"ครืดดดดดด!.. ครืนนนนนน!.. ครืดดดดดด!.. ครืดดดดดด!.."
.
ครืดดดด.. โครมมมมมม!
.
.
ม่านเกาะกำบังแมลงวันสั่นสะท้าน! พวกมันต่างเกร็งตัวปกป้องเจ้านายราวกับไข่ในหิน เจฟเฟอร์ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะผ่านพ้น แต่รู้ว่าข้างนอกนั่นคงเป็นอะไรที่เจ็บปวดทรมานมาก คลื่นทรายที่สูงมากกว่าตึก 10 ชั้น ผนวกรวมเข้ากับขนาดลำตัวของเจ้าเบิ้มแซนดี้ที่กำลังโกรธจัด กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลานุภาพที่สุดแล้วตั้งแต่เริ่มเรื่อง ทั้งหมดทั้งมวลถาโถมเข้าใส่กลุ่มสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจิ๋วกระจุกหนึ่งประดุจผู้ใหญ่รังแกเด็กทารก
.
ภาพจากด้านในแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่า พวกแมลงเองก็ชักจะไม่ไหว! บางส่วนของบาเรียเริ่มเกิดรอยแยก! แล้วก็มีเม็ดทรายเริ่มไหลหลากเข้ามา เสียงหึ่ง ๆ ที่เคยดังก้องหูเมื่อครู่ บัดนี้กลับเงียบกริบลงไปกลายเป็นเสียงของคลื่นทรายดังแกรก ๆ ๆ ที่แทรกเข้ามาทดแทน
.
"อีกนิดเดียวอีกแค่ 5 % อดทนหน่อย! ประเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้วช่วยทนกันอีกนิด!"
.
"กึก ๆ ๆ ๆ กัก ๆ ๆ ๆ กึกกกก"
.
ชายหนุ่มตะโกนบอกผู้ช่วยผ่านทางหูฟัง พลางหักปลายนิ้วแต่ละข้างเตรียมรอเอาไว้ กะว่าซ่อมเสร็จเมื่อไหร่จะยิงสวนออกไปทันที แม้ว่าในตอนนี้บาเรียจะอยู่ในสภาพง่อนแง่นเต็มทีแล้วก็ตาม
.
ระหว่างนั้นทรายจำนวนมากก็ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บาเรียแมลงเริ่มมีรอยแยกใหม่เกิดขึ้น จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 มิหนำซ้ำไอ้พวกรอยแยกเดิม ๆ ก็เริ่มเสียหายหนักขึ้น จากที่เคยยืนสบายใจชิว ๆ ตอนนี้ดูทรงแล้วเจฟเฟอร์คงทำแบบนั้นต่อไปอีกไม่ได้
.
"โอเค! เสร็จพอดี! เปิดทางให้ฉันออกไปได้!"
เขาออกคำสั่ง ทั้งที่คลื่นสึนามิทรายข้างนอกยังไม่ทันจะสลายตัว
.
"ไม่เป็นไร! เปิดเลยพวกเอ็งช่วยฉันไว้มากแล้ว ถึงเวลาที่พวกเราจะเอาคืนกันสักที!"
.
"หึ่ง หึ่ง หึ่ง หึ่ง หึ่ง"
.
บาเรียสลายออก กองทัพแมลงวันกระจายตัวออกเป็นแพรพุ่งออกมาเป็นสาย ความแข็งแรงของพวกมันไม่มากพอที่จะเจาะทะลุผ่านคลื่นสึนามิทรายได้หรอก แต่เพราะมีเลเซอร์จากปลายนิ้วของเจฟเฟอร์ยิงเปิดทางให้อะไร ๆ ก็เลยง่ายขึ้น
.
"จิ้ว! , จิ้ว! , จิ้ว! , จิ้ว!"
.
"กระจายตัวออกไปเป็นสามทาง ล้อมมันเอาไว้แล้วโจมตีพร้อมกัน!"
.
เจฟเฟอร์สั่งการพลางลอยตามออกมาทีหลัง โดยที่ยังมีฝูงแมลงวันบางส่วนหนุนอยู่ตรงพื้นรองเท้าทำให้เจ้าตัวโผทะยานอยู่กลางอากาศได้อย่างอิสระเสรี
.
เสี้ยววินาทีที่เริ่มตั้งตัวได้กระแสคลื่นยักษ์ก็สงบลง เจ้าปีศาจแซนดี้ยืนจังก้าจ้องหน้าเจฟเฟอร์เขม็ง มันพ่นลมหายใจแรงเพื่อแสดงออกถึงความโกรธ แล้วก็โมโหฉุนเฉียวสุด ๆ ที่รอบตัวมีแต่ฝูงแมลงวันสกปรกบินอยู่เต็มฟากฟ้า
.
"ตอนนี้แหละ! มันเปิดช่องแล้วเอาเลยพวกเรา! รุม!!!"
.
"หึ่งๆ หึ่งๆ หึ่งๆ หึ่งๆ หึ่งๆ หึ่งๆ หึ่งๆ"
.
โหมดต่อสู้กลับมาเริ่มต้นทำงาน นิ้วทั้ง 5 สลับกันยิงลำแสงใส่เนื้อตัวแซนดี้จนพรุนเป็นรังผึ้ง ก่อนจะกวักมือสั่งให้พวกแมลงบินเข้าไปรุมทึ้งจากข้างในออกมาข้างนอก พวกมันบินโฉบเข้าไปกัด แทะ ฉุด กระชาก จนเห็นละอองทรายกระซวกออกมาเป็นผง ๆ
.
แซนดี้ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากปัดป้อง ด้วยความที่กองทัพภมรของเจฟเฟอร์นั้นมีมากกว่าล้านตัว ต่อให้พยายามแค่ไหนสิ่งที่่เจ้าอสูรกายทำก็เหมือนจะสูญเปล่า อาการมันเข้าขั้นวิกฤต! เคยได้ยินแต่หมาหมู่สิบรุมหนึ่งเพิ่งจะเคยเห็นล้านรุมหนึ่งเอาก็วันนี้ ตัวของแซนดี้กำลังจะขาดครึ่ง ขาของมันเองก็เว้าแหว่งเป็นรูเหวอะหวะ เพราะถูกเจฟเฟอร์โฉบลงมากระหน่ำยิง
.
ครั้นพอคิดจะโต้กลับด้วยการถ่มกระสุนทรายออกจากปากเพื่อโจมตี เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการก็ได้เรียกให้ฝูงแมลงวันเข้ามาขวางเอาไว้ ต่อให้แซนดี้จะทำยังไง จะเขวี้ยง! จะปา! จะเตะ! ทรายเข้าใส่ เป็นร้อยเป็นพันครั้ง เหล่าหมูมวลมหาแมลงวันก็จะพุ่งเข้ามาตัดหน้ารับแรงกระแทกเอาไว้หมด เล่นเอาเม็ดทรายนี่แตกเป็นละอองมูลฝอยเลย จึงเท่ากับเหนื่อยฟรีแซนดี้ไม่สามารถเข้าถึงตัวเจฟเฟอร์ได้อีกต่อไป
.
ครั้นจะดึงตัวเหยื่อเข้ามาหาแบบเก่าแซนดี้ก็ทำไม่ได้อีก เพราะเท้าของเจฟเฟอร์นั้นลอยไม่แตะพื้น พอคิดที่จะวิ่งเข้าไปต่อยแบบตรง ๆ โต้ง ๆ แค่จังหวะการง้างหมัดขึ้น ความไวของเจฟเฟอร์ก็โผทะยานพรวด ๆ หนีขึ้นไปบนฟ้าได้ทุกครั้ง
.
แล้วสุดท้ายในที่สุดแซนดี้ก็ล้มลง! ฝูงแมลงวันปิรันย่ารุมกัดกินทรายจากข้างในจนตัวมันขาดครึ่ง! วินาทีที่ลำตัวท่อนบนล้มลงฟาดพื้นช่างเป็นอะไรที่น่าสยดสยอง เพราะกองทัพภมรนี่บินหึ่ง ๆ ออกมาจากศพแซนดี้ราวกับเพิ่งเสร็จจากการตอมของเน่าในตลาดสด
.
"ฮู้ววว! เรียบร้อย! เสร็จซะทีเล่นเอาเหงื่อซึมเลยดูสิ"
.
เจฟเฟอร์เป่าปากด้วยความโล่งใจ พลางพับนิ้วมือทั้ง 5 ให้กลับมาเป็นโหมดปกติ แล้วก็ใช้มือข้างเดียวกันนั้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก
.
"เอ๋? น้ำนี่นา? น้ำในตัวเรากลับมาแล้วนี่หว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"
.
"ถุย ถุย ขากกกกกก ถุย!!!"
.
คราวนี้เป็นน้ำลายมันพุ่งออกมาเป็นก้อนผสมเสมหะ ก่อนจะหล่นแหมะลงไปตรงหน้าผากเจ้าแซนดี้ที่นอนแน่นิ่งอยู่เบื้องล่าง แล้วทันใดนั้นเอง! สายลับหนุ่มก็ต้องผงะกับสิ่งที่เกิดขึ้น!
.
"เชี้ย! หมอยูมิโกะแม่งพูดความจริงวะ ทรายมันจับกันเป็นก้อนจริง ๆ ด้วยแต่!"
.
"แกร็ก ๆ ๆ ๆ ครืดดดดดด ๆ ๆ"
.
"โคตรแม่งเอ๊ย! กูต้องใช้น้ำมากขนาดไหววะ ถึงจะหยุดการรีเซ็ตตัวเองใหม่ของไอ้ยักษ์นี่ได้ ไอ้ระยำซั่มแม่เอ๊ย! มันเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่อีกแล้ว!"
.
หูฟังถูกจับกระชับเข้ากับรูหูให้แน่นขึ้น ฝูงแมลงวันผู้ช่วยเข้าที่เตรียมพร้อม การต่อสู้อันแสนยาวนานยืดเยื้อกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง มันคืออินฟินิตี้วอลล์อันไร้จุดจบอย่างแน่นอน หากเจ้าหน้าที่ภาคสนามของเราหาน้ำที่มากพอมาไม่ได้
.
เจฟเฟอร์ลอยตัวขึ้นฟ้ายืนดูการก่อตัวขึ้นใหม่ของแซนดี้ตาเป็นมัน ก่อนจะค่อย ๆ ลดระดับสายตาลงมาจับจ้องที่เป้ากางเกงตัวเอง
.
"เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนซิ?"
"อันที่จริง "ควย" กูก็ก่อร่างสร้างตัวได้เหมือนกันนี่หว่า ซึ่งถ้ามันแข็งพอนะ.. ข้างในแม่งก็มีน้ำ! "
"อืม.. หึ ๆ ได้การล่ะมึง!"
ร่างเปลือยนอนชูขาอ่อนล้าเรี่ยวแรง นาตาชาไม่เหลือแม้แต่กำลังจะดีดดิ้นพลิกตัวหลบหนีจากการย่ำยีทางเพศ เอาจริง ๆ แล้วหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันเป็นตัวอะไร เพราะเสื้อเกาะอกที่เคยอำพรางพวงเต้าให้อูมกระชับได้รูปนั้น บัดนี้ก็ได้ถูกถลกขึ้นมาปิดตาเอาไว้จนมองอะไรไม่เห็นซะแล้ว สิ่งเดียวที่สาวเจ้ารับรู้จึงมีเพียงสัมผัสอันแปลกประหลาด ที่สากราวกับกระดาษทราย.อย่าเรียกว่าไซ้เพราะแม่งคือการแสครชเห็น ๆ นาตาชาแสบซอกคอไปหมด หลังจากโดนโรบอทตัวหนึ่งดอมดมด้วยความรุนแรง เสียงอืดดด.. อ๊าดดด กึกกัก ๆ ๆ ที่มันเปล่งออกมา ประดุจว่าแม่เทพธิดากำลังจะได้ผัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร รับประกันได้เลยมันจะไม่แค่ "ก็อป" เพราะมันจะ "ปี้" เธอแน่ ๆ หากยังยอมนอนให้กดอยู่เช่นนี้."อ๊อย! เจ็บจังเลย.. อื้อ! อื้อ! ขยับตัวก็ไม่ได้! อย่านะ อย่าทำแบบนั้นตรงหูมัน.. อร๊อยยย~!".ธิดาแห่งอลาลัสผู้โฉมหน้าคร่าตาคล้ายกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ เบี่ยงหน้าหลบแบบสุดแรงเกิด แม้จะทำได้เพียงน้อยนิดแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้จุดที่เสียวที่สุดถูกไอ้หุ่นสนิมเขรอะตัวนี้ล่วงล้ำเอาชัย แพรผมสีบลอนด์ทองถึงกับแตกกระพือ มันคลี่ตัวออกคลุกกับเศษดินขุยขยะจนไม่เหลือเค้า
"หยุดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วางกำลังล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว!".เห็นจะจริงถ้าหากว่านี่เป็นหนังไทยสมัย "จารุณี" แสดงเป็นพจมาน ตรงกันข้ามเมื่อประโยคแสนเชยดังกล่าวคงจะใช้กับสถานการณ์จริงที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ไม่ได้ ตำรวจห่าเหวอะไรล่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้เชียงกงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด เจฟเฟอร์กับกลุ่มคนใช้่มีดคงสุดจะต้านทานแล้ว สังเกตได้จากการถอยร่นเอาหลังพิงกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มิหนำซ้ำกางเกงผ้ายืดเจ้ากรรมก็ดันมาพันควยพันหำจนเกือบจะล้มคะมำเสียหลัก."โอ๊ย! เอ๊ย! อุ๊ย! เดี๋ยวก่อนเซ้! อย่าเพิ่งกูยังไม่พร้อม อย่าเพิ่งบุกเข้ามาตอนนี้ไอ้พวกหุ่นสารเลว!"สายลับหนุ่มขึ้นเสียงพลางกระโดดเหยง ๆ เซถลาออกจากตำแหน่ง สีข้างเขาครูดเข้ากับเศษตัวถังยานที่ลักพาตัวองค์หญิงนาตาชามา โดยสันนิษฐานคร่าว ๆ ได้ว่า ยานลำนี้น่าจะโดนยิงร่วงก่อนหน้า Gravitybike ของเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะไอร้อนจากเครื่องยนต์ยังคงอุ่น ๆ อยู่ ทำให้เจฟเฟอร์เกิดปิ้งไอเดียบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะหลุบสายตาลงมามองลำควยกับลำขาทีี่พันกันอิรุงตุงนังของตนเอง แล้วก็บ่นขมุบขมิบ."ชิ! ไอ้ควยระยำนี่ก็ช่างแข็งถึกแข็งทนเหลือเ
สอดท่อนแขนอันกำยำเข้าโอบเอว ตวัดดึงเอาร่างอันผอมเพรียวเข้ามาแนบไว้ในวงแขน พลันกระโดดม้วนตัวเอาส่วนหนารับกงเล็บของเครื่องจักรสังหาร!."เอือกกก!"เจฟเฟอร์ร้องอุทานลั่น เขากัดฟันเม้มมุมปากในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อพบว่าองค์หญิงนาตาชากำลังจ้องมองอยู่ หน้าตาเธอบิดเบี้ยวขยะแขยง หัวคิ้วลู่เข้าหากันก่อนจะกลั้นใจซุกหน้าคมสวยที่คล้ายกับเทรเลอร์สวิฟ ลงมาซบเข้าที่ซอกคอของเจฟเฟอร์."ไม่ต้องกลัวนะครับผมมาช่วย ผมเป็นสุภาพบุรุษ ผมเกิดมาเพื่อคุณ""เอื้อกกก! อื้อหือ! อื้อออ! อ๊าาา!".แม่งแสบหลังก็แสบแต่แสบหูมากกว่าที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ ระหว่างที่เจฟเฟอร์ได้ใช้ความพยายามในการปกป้ององค์หญิงอย่างเต็มความสามารถ พวกจักรกลซอมบี้ก็ทำอะไรองค์หญิงไม่ได้เลย มันทำได้เพียงตะปบกรงเล็บใส่หลังเขาแบบโหมกระหน่ำ และช่่วงเวลาที่เกร็งตัวป้องกันอยู่นั้น จู่ ๆ ริมฝีปากของนาตาชาก็ได้เผยอขึ้นเครือครางขมุบขมิบ เข้าใจว่าเธอคงจะกลัวมาก ยิ่งเป็นตอนที่เธอเผลอซีดปากและพ่นลมหายใจออกมา ยิ่งทำให้อารมณ์กำหนัดของเจฟเฟอร์พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น."กอดผมเอาไว้ครับ ผมจะไม่ให้องค์หญิงเป็นอะไรผมสัญญา"."อือ.. อืม.. แต่คุณคะ! ขืนเป็นแบบนี้".
ลมโชยโบยแก้มเจฟเฟอร์บึ่ง Gravitybike ทะยานฟ้าจนหนังหน้าชาไปเป็นแถบ ริมฝีปากเผยอตีนผมโบกพัดวือกระพือเสียทรง ให้ตายสิเขาทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นบอร์ดี้การ์ดของเธอยังไงยังงั้น ทั้งที่ความจริงแล้วดวงหน้าขององค์หญิงนาตาชาแบบใกล้ ๆ เขายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง เจฟเฟอร์รู้แต่เพียงว่าเธอคือภารกิจ ขืนปล่อยให้รัชทายาทแห่งอลาลัสองค์นี้เป็นอะไรไป ข้อมูลการประชุมที่บอสอยากได้ก็คงจะล้มเหลว.มองไปตรง ๆ เห็นแต่ความสยดสยองบนท้องฟ้า ก้มลงด้านล่างก็เห็นแต่ตึกรามบ้านช่องที่เล็กเท่ากับจิ๋มมดในเมืองยอร์คชิน กระทั่งลองมองที่หน้าปัดยานความซวยจึงบังเกิด."เชี้ยแล้ว! ไอ้สัดเอ๊ย! นี่จะขับพ้นขอบชายแดนแล้วเหรอวะเนี่ยะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน""ตาย ๆ ๆ แคทเธอรีนไม่ได้เตรียมอาวุธใส่ Gravitybike มาซะด้วย ไหนจะพิกัดขององค์หญิงที่หายไปจากหน้าจออีก เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลยงานงอกแล้วไงกู!".โปรดอย่าสงสัยว่าทำไมเจฟเฟอร์ถึงออกอาการลนลานแปลก ๆ เพราะแม้ว่าในตัวเขานั้นจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำลายล้างมากมาย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดีกับไอ้พวกที่อยู่ด้านล่าง เราพูดมาตลอดว่ายอร์คชินคือเมืองที่เปรียบเสมือนฐานที่มั่นสุดท้ายของโลก หลังเกิดส
แสงสว่างสองหย่อมเปล่งประกายออกมาตรงบริเวณแก้มก้น ภายใต้ชุดหนังรัดรูปอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมงาน Parallel เจฟเฟอร์รับรู้ได้ถึงพลังงานความร้อนที่กำลังโรมรันผิวตูดของเขา มันอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จนค่อนไปทางร้อน กระทั่งเจ้าตัวย่อขาลงแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปตะปบไว้นั่นแหละมันถึงได้หยุด! ก่อนจะได้ออกมาเป็นแผ่นกระดานบางใส 2 แผ่นที่เรียกว่า "Jumper board".ขนาดกับรูปร่างเหมือนกับจานร่อนพลาสติกที่คนรักหมาใช้ปาให้เจ้าตูบกระโดดงับ ต่างกันนิดตรงที่ "Jumper board" นั้นอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานมากกว่า มันเรืองแสงตลอดเวลา บางเบาแต่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำบริเวณด้านล่างยังมองเห็นประกายไฟสปาร์คเป็นเส้น ๆ ราวกับสายฟ้าจากค้อนโยเนียร์ของธอร์เทพเจ้า."เอาล่ะพอถือไว้ในมือแล้วจากนั้นก็.. , ฮึบ!"."พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว!""ฟิ้ววววว~!".ประหนึ่งเคยได้เสียกับจาพนมมาก่อน เจฟเฟอร์ตีลังกาใส่เกลียวพลันปาเจ้าแผ่น jumper board ออกไปกลางอากาศ! ม้วนตัวทีก็ปาไปอันนึง หกคะเมนหกรอบก็ปาออกไปหกแผ่น มันแทบจะวาร์ปขึ้นมาบนก้นได้เองในทุก ๆ ครั้งที่เขาไพล่มือไปสัมผัสโดนเข้า แผ่นบอร์ดพุ่งแหวกอากากาศฟึบฟับ ๆ ๆ ! คล้ายกับดาวกระจาย ก่อ
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านสยายไกลมาถึงคนนอก เบอร์แบโต้กับเจฟเฟอร์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ รับรู้ได้เลยว่าปิเก้กำลังแบกรับความกดดันอยู่มากแค่ไหน พวกเขาเหงื่อแตกซิก หายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่อยากจะคิดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง เพราะความจริงแล้วถ้าเขาไม่มัวเถลไถลหาแขนข้างใหม่อยู่ เหตุการณ์สุดสยองทำนองนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับปิเก้เป็นแน่."เชี้ยเอ๊ย! ถ้ากูใส่เกียร์หมาเร่งกระเด้าเย็ดผู้หญิงให้แตกเร็วกว่านี้นะมึงเอ๊ย ไอ้ปิเก้มึงคงไม่ตายกูพูดจริง ๆ กูขอโทษเพื่อน"ส่ายหน้าไปมาปลดปลง จนเจฟเฟอร์ลืมไปเลยว่าทุกอย่างที่ฉายอยู่นั้นพุ่งออกมาจากตาของเขา."เฮ๊ย! พี่เจฟ! ใจเย็นก่อนพี่! เส้นโฮโลแกรมมันแตกกระจายหมดแล้ว ผมเวียนหัวดูไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร แล้วพี่ก็อย่าโทษตัวเองไปเลย ความเสียใจของพี่ผมสิต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้ ผมน่ะรับงานโดยตรงมาจากบอสเลยนะ"เบอร์แบโต้พยายามพูดปลอบใจ แล้วทันใดนั้นเองภาพเหตุการณ์จากเครื่องฉายในม่านตาก็กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เส้นลำแสงวูบไหวไปจังหวะหนึ่ง ตัดกลับมาหนนี้เจฟเฟอร์สังเกตเห็นเลยว่า ขณะนั่งคุกเข่าอยู่และกำลังจะถูกบ่วงเชือกไนล่อนกระชากคอขึ้นไป ปลายนิ้วชี้ของปิเก้ได้หักมุมลงมาแล้ว เขาเตร