LOGINบทที่5 ไม่ต้องนอนแล้วโซฟาNC
ร่างของเธอถูกดันนอนแนบลงบนเตียง ผ้าปูที่นอนตัดกับผิวขาวนวลของรินอย่างเด่นชัด คิงส์โน้มตัวลงมาทาบทับ กลิ่นกายของเขาร้อนแรง ผสมกับแรงหายใจที่เริ่มหนักขึ้นทุกที มือหนารั้งเอวบางให้แนบชิดแผงอกของเขา และอีกมือก็ลูบไล้ต้นขาเนียนใต้กระโปรงชุดนอนอย่างช้า ๆ “รู้ตัวไหมว่าเธอทำพี่แทบบ้า...” เสียงเขาแหบพร่า จมูกไล้ไปตามข้างแก้ม ลงที่คอ ก่อนริมฝีปากร้อนจัดจะกดจูบอย่างหนักหน่วงตรงเนินไหล่ เขาไม่รีบเร่ง แต่ก็ไม่อ่อนโยน “อ๊ะ...พี่คิงส์…” เสียงเธอสั่นพร่า ริมฝีปากเผยอเบา ๆ คิงส์ค่อยๆ ปลดชุดนอนของเธออย่างมีจังหวะ นิ้วมือเขาสะกิดผิวเนียนราวกับทดสอบความอดทนของเธอและเมื่อเผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าที่แสนงดงามดวงตาเขาก็ลุกวาวขึ้นทันที “สวยเกินไปแล้ว รู้ตัวไหม…” เขากระซิบเบา ๆ แล้วกดริมฝีปากลงกลางอกเธออย่างแรง เสียงดูดกลืนสลับกับเสียงหอบหายใจทำให้ห้องทั้งห้องร้อนระอุ รินแอ่นตัวหนีสัมผัสแต่กลับยิ่งถูกเขากดแน่นลงกับเตียง เขาใช้ปลายลิ้นลากช้า ๆ ไล้ลงจากเนินอกไปตามหน้าท้องแบนราบ จนเธอสั่นสะท้านทั้งร่างนิ้วมือเขาเกี่ยวชายกระโปรงขึ้นอย่างลื่นไหล และค่อย ๆ ถอดมันออกจากเรียวขาเธอ สัมผัสแนบแน่นที่ตามมาทำให้รินร้องเสียงหลง “อื๊อ… พี่คิงส์…” เขาไม่ได้หยุด ไม่ได้ชะลอ ริมฝีปากของเขาแนบกับทุกส่วนที่เขาครอบครอง มือหนาของเขารั้งสะโพกบางเข้าหาตัว ก่อนจะโน้มตัวลงมาอีกครั้ง... ปลายนิ้วร้อนๆ ของคิงส์กำลังเคลื่อนลงมาจนถึงเนินสวาทของริน แล้วค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วคลี่รอยแยกให้แตกออกจากกัน ก่อนจะก้มร่างหนาลงไปดูดเลียที่ทางรักสีหวานของรินอีกครั้งด้วยลิ้นนุ่มๆ “อ๊ะ...อ๊า” เสียงครางของเธอสลับกับเสียงหอบหายใจร้อนแรง ทุกสัมผัสของเขาจู่โจมอย่างจงใจ ไม่มีพื้นที่ใดในร่างกายของเธอที่ไม่ได้รับความใส่ใจจากเขา เขาเรียนรู้ทุกจุดอ่อนไหว ทุกการตอบสนองของรินเป็นเชื้อไฟให้เขาอยากได้มากขึ้น…มากขึ้นเรื่อยๆ “อ๊ะ...พี่...คิงส์” ปลายลิ้นหนาๆ กำลังสัมผัสกับของสงวนเธอ เขาตั้งใจเลียกลีบงามทีละข้าง ทีละข้าง รินพยายามหุบขาเข้าเพราะความเสียวแต่แล้วเขาก็ถ่างมันออกด้วยมือแกร่งของเขา เขาแทรกตัวลงไปหว่างขาเธอเต็มที่ และชอนไชเรียวนิ้วลงไปกดกระแทกให้เธอได้รับรู้ถึงสัมผัสสวรรค์ที่เขามอบให้ เสียงเรียวนิ้วกระทบกลีบงามดัง พั่บพั่บพั่บ!!! พร้อมเสียงครางที่ดังออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด “อ๊าอ๊า...พี่คิงส์ หนูเสียว ทำไมรู้สึกแบบนี้” “อร๊ายยย อ๊า มันจะระเบิดออกมาแล้ว อื้ออออ” รินดิ้นเร่าๆ เพราะความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน เธอเสียวซ่านจนทนไม่ไหว กรีดร้องออกมา แล้วปลดปล่อยน้ำสวาทไหลออกมาเป็นทาง คิงส์ลุกดันตัวขึ้นก่อนจะแทงเอ็นรักใหญ่โตเข้าไป ปึกปึกปึก!!! “ยังแน่นอยู่เลย อ้าส์” เสียงกัดกรามดังกรอดๆ เพราะความแน่นที่เข้าไปได้เพียงครึ่งท่อน เขาเริ่มออกแรงดันอีกครั้งจนสุดลำ แล้วเอวสอบก็เริ่มขยับเข้าออก “อ๊ะ...รินเจ็บ อ๊ะ” เธอเอ่ยเสียงบางเบาออกมา คิงส์เริ่มเร่งจังหวะเข้าหาเธอ ตับตับตับ!!! “ดีขึ้นไหม” เขาถามริน “อื้อออ อ๊า หายเจ็บแล้ว อ้าส์” ขาเรียวของรินเกี่ยวรอบเอวคิงส์ไว้แน่น สะโพกหนาก็กระแทกเข้าร่างกายเธอไม่หยุด ก่อนจะลุกขึ้นรั้งเอวเธอไว้แน่นแล้วตอกอัดลงไปย้ำๆ รัวๆ “อ๊า พี่คิงส์” รินร้องออกมาเพราะไม่ไหว เหมือนความเสียวนั้นมันจุกอกจนอยากระบาย “ทนหน่อยอีกนิดนึง ฮึก!” คิงส์เร่งจังหวะอย่างหนักหน่วงจนร่างบางรินกระเด็น หน้าอกขาวๆ กระเพื่อมไปตามแรงตอกอัด “อ๊า ไม่ไหวแล้วค่ะ อ๊า ทำไมนานจัง อ๊า” “ใกล้แล้ว อ๊า” คิงส์ร้องออกมาเฮือกสุดท้ายก่อนจะกระแทกกระทั้นเนินรักรินอย่างดุเดือดแล้วร่างเขาก็กระตุกเกร็งก่อนจะปลดปล่อยลาวาขุ่นขาวออกมา คิงส์ถอนตัวช้า ๆ พร้อมกับเสียงหอบหนัก ๆ ร่างกายยังคงอบอุ่นจากการสัมผัส ความรู้สึกผสมปนเปของความร้อนแรงและความเงียบงันที่ตามมาในห้อง เขามองรินด้วยสายตาที่ลึกซึ้งแต่ก็เย็นชาอยู่ดี รินกำลังจะลุกขึ้นจากเตียงด้วยความเหนื่อยล้าแต่คิงส์ไม่ยอมปล่อยมือ มือหนาดึงเธอให้หยุดนิ่ง หันกลับมามองอย่างจริงจัง "อย่าไปไหน" เสียงเขาแหบพร่ากระซิบเบา ๆ "คืนนี้...ยังไม่หมด" รินหยุดนิ่ง มือของเขารัดเอวบางไว้แน่นจนรู้สึกถึงแรงกดนั้นเหมือนเป็นการเรียกร้องให้อยู่กับเขา ทั้งสองคนจมอยู่ในความเงียบที่เต็มไปด้วยความหมายก่อนที่รินจะยอมให้เขาดึงกลับลงมานอนใกล้ ๆ คิงส์กอดเธอแน่น หัวใจยังคงเต้นแรง รินซุกหน้าลงกับ อกกว้างของเขา รู้สึกปลอดภัยทั้ง ๆ ที่มันเต็มไปด้วยความซับซ้อน ..... แสงเช้าสาดส่องผ่านผ้าม่านบาง ๆ เข้ามาในห้องนอนอันเงียบสงัด รินลืมตาขึ้นช้า ๆ รู้สึกถึงความเจ็บปวดบางอย่างที่ใจ ร่างกายยังอ่อนล้าจากเมื่อคืน เธอพลิกตัว แต่ไม่เห็นคิงส์อยู่ในเตียง เขาออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รินลุกขึ้น ช้า ๆ ออกจากเตียงด้วยความระมัดระวัง เดินไปที่ห้องน้ำ แต่ไม่มีเสียงใด ๆ บอกเลยว่าเขาอยู่ไหน หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอเดินลงบันไดไปที่ห้องกินข้าว โต๊ะอาหารเช้ายังคงว่างเปล่า ไม่มีอาหารวางไว้ รินสับสนในขณะที่เธอกำลังจะเดินไปที่ห้องรับแขกคิงส์เดินผ่านไปโดยไม่สบตาเธอ หรือแม้แต่ทักทาย รินยืนนิ่ง รู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้คนเดียวในบ้านใหญ่ ใจเธอห่อเหี่ยวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความเงียบที่เจ็บปวดทำให้เธอตัดสินใจอย่างไม่คาดคิด “เราออกไปข้างนอกบ้างก็น่าจะดีน่ะ” เธอพูดกับตัวเอง รินตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้านพ่อกับแม่ของเธอเอง ที่เธอจากมาตั้งแต่แต่งงานเข้าตระกูลอัครเวทิน บ้านหลังใหญ่ในย่านที่รินเติบโตมา กลิ่นอาหารที่แม่ทำเตรียมไว้หอมฟุ้งอบอวลไปทั่วห้องครัว รินเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสดใส ท่ามกลางการต้อนรับอบอุ่นของพ่อแม่ที่รออยู่ “อ้าวน้องริน!” แม่เรียกเสียงหวาน ก่อนจะรีบกอดรินไว้แน่น ๆ “แม่ค่ะ หนูคิดถึงแม่กับพ่อมากเลยค่ะ” รินตอบกลับด้วยความรู้สึกดีใจ พ่อหัวเราะเบา ๆ “ดีใจจังที่ลูกกลับมา พ่อกับแม่ทำกับข้าวพอดีเลย มานั่งกินข้าวกันเถอะ” รินนั่งลงที่โต๊ะอาหาร รู้สึกอบอุ่นกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักและความใส่ใจ แม่เสิร์ฟอาหารจานโปรดของริน รินช่วยยกถ้วยน้ำซุปและพูดอย่างอารมณ์ดี “กินเยอะ ๆ นะลูก จะได้ไม่เจ็บป่วยง่าย ๆ” รินยิ้มและตอบกลับอย่างอารมณ์ดี “ค่ะ แม่ อร่อยมากเลยค่ะ” เวลาแห่งความสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงตอนเย็นแดดอ่อน ๆ รินนั่งเล่นในห้องรับแขกที่บ้านพ่อแม่อย่างสบายใจจนเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว เมื่อตื่นขึ้นมา ก็รีบเก็บของและบอกลาพ่อกับแม่เพื่อกลับบ้านสามีในทันที “แม่ค่ะ แม่ ค่ำแล้วรินกลับบ้านก่อนนะค่ะ ป่านนี้พี่คิงส์คงเลิกงานมาแล้ว” “ให้พ่อไปส่งสิน้องริน” “ไม่เป็นไรค่ะ รินกลับเองพ่อไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ วันหลังรินมาหานะค่ะ” เสียงเปิดประตูบ้านพร้อมก้าวเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นทันทีที่รินเข้าบ้าน คิงส์เดินตรงเข้ามาหาเธอทันที “ริน! ไปไหนมา! ปากไม่มีหรอ!?” คิงส์ตะโกนเสียงเข้ม ท่าทางโมโหจนแทบระเบิด รินนิ่งไป ก่อนจะหันมาตอบเสียงเรียบแต่มั่นใจ “แล้วจะให้บอกใครคะ? พี่ก็เอาแต่ทำงานไม่คุยกับใครเลย” คิงส์สบตาอย่างคาดโกรธ “อย่ามายวน! เธอเป็นเมียฉัน ต้องรู้จักหน้าที่!” รินขมวดคิ้ว “หน้าที่ของรินคืออะไร?” คิงส์หรี่ตา “อย่าทำตัวเหมือนเด็ก เธอจะอยู่ที่นี่ต้องทำตามกฎของฉัน!” รินกัดฟัน “แล้วถ้ารินไม่อยากอยู่ล่ะ?” คิงส์ก้าวเข้ามาใกล้ “อย่าทำให้ฉันโกรธไปมากกว่านี้” รินยืนหยัด “หนูไม่กลัวพี่หรอก...” “แล้วถ้ารินไม่อยากอยู่ล่ะ?” คิงส์ย้อนคำพูดของเธอทำตาคลั่งใส่เสียงต่ำ รินกัดฟัน ยิ้มเย็น ๆ “งั้นต่อจากนี้...รินจะทำตาม ‘หน้าที่’ อย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง... พี่จะสั่งอะไรอีกไหม? บอกมาเลยสิ ต้องการอะไร?” คิงส์หรี่ตา มือกำแน่น “อย่ามาทำตัวแบบนี้! เธอเป็นเมียฉัน ต้องทำตามกฎ!” รินยักไหล่ “กฎอะไรกัน? ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ควรพูดให้ชัดเจน อย่าให้รินต้องมานั่งเดาเอง” คิงส์เดินเข้ามาใกล้ ตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน “ฉันถามว่าเธอไปไหนมาาาาา!!?” เสียงก้องในบ้านทำให้รินสะดุ้ง แต่เธอกลับสบตาเขาอย่างไม่หวาดกลัว “รินไปบ้านพ่อแม่ของรินเพิ่งกลับมา รินผิดมากมั้ย!!” คิงส์หัวเราะเย็น “บ้านพ่อแม่หรอ?” “แล้วทำไมเธอไม่บอกก่อน...บอกแค่นี้จะตายหรือไงว่ะ!!” รินเอียงคอ “จะให้บอกตอนไหนล่ะ? ตอนที่พี่นั่งในห้องทำงาน ไม่สนใจริน?” คิงส์โกรธจัด “ฉันไม่สนใจไม่ได้หมายความว่าเธอจะไปทำอะไรก็ได้!” รินสวน “แล้วพี่ล่ะทำอะไร ถ้าอยากคุยกับรินก็คุยสิ สื่อสารสิ ไม่ใช่เอาแต่ตะคอก ดีแต่ทำตัวเหมือนเจ้าชีวิตริน!” คิงส์ก้าวเข้ามาอีก “อย่ามาเถียงฉันให้มากนัก เดี๋ยวฉันจะทำให้ดูว่าเจ้าชีวิตมันเป็นยังไง!” รินไม่หวั่น “งั้นก็ทำมาเถอะ รินไม่กลัวพี่หรอก” เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง “ตอบมาสิ เธอไปไหนมาาาาา!!?” รินถอนหายใจ “ไปบ้านพ่อแม่ค่ะ ไปกินข้าว...พักผ่อน...” คิงส์กัดฟัน “แต่เธอไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนี้โดยไม่บอก!” รินสบตาเขาเธอตะโกนจนสุดเสียง “งั้นถ้าพี่ไม่อยากให้หนูไป...ก็เอาโซ่มาล่ามหนูไว้เลยสิ!!” คิงส์หยุดพูดไปชั่วครู่ สายตาของเขาเปลี่ยนแปลง...แต่ยังคงแข็งกร้าว เขาเริ่มเสียงอ่อนลง “ฉันไม่ได้ทำเพราะไม่สนใจ ฉันทำแบบนี้เพราะ...ฉันยังไม่รู้จะทำยังไงกับเธอ” รินเบิกตากว้าง “หมายความว่าไง? เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว ไม่อยากฟัง” คิงส์หลบตา “...เธอทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายเกินไป” “กลับขึ้นห้องไปปป!” คิงส์ตะโกนเสียงดังจนสะเทือนทั้งบ้าน ก่อนที่มือแกร่งจะกระชากแขนรินอย่างแรงโดยไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว ร่างบางถูกเหวี่ยงลงกับโซฟาอย่างแรง เสียงร่างกระแทกกับหนังโซฟาดังปัง! คิงส์ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ ปิดประตูใส่หน้าเสียงดัง ปังงง! รินนั่งกุมแขนตัวเอง น้ำตาไหลพรากอย่างหยุดไม่ได้ ความรู้สึกเจ็บปวดทั้งกายและใจผสมปนเปกันจนทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก เธอได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อย่างเงียบ ๆ ใต้ความเงียบของบ้านที่เย็นชานี้ คิงส์เดินกลับมาที่ห้องรับแขกด้วยท่าทางเซ็งจัด มือหยิบไวน์ขวดโปรดเปิดออก จิบไปพลางสูบบุหรี่ไปด้วยอย่างใจร้อน กลิ่นควันบุหรี่ลอยฟุ้งไปทั่วห้อง พร้อมกับรอยยิ้มเย็นชาที่เปื้อนความขุ่นมัวในใจ เขานั่งจมดิ่งในความเงียบที่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจและความโมโห ขณะเดียวกัน รินนั่งตัวสั่นอยู่บนโซฟา มือกุมหน้าอก ร้องไห้จนหมดแรง น้ำตาไหลพรากปริ่มเปื้อนแก้มระบายความเจ็บปวดที่ไม่มีใครรู้ จนในที่สุดเธอหลับตาลงอย่างหมดแรง ท่ามกลางความเงียบบทที่46 ตอนพิเศษ2 NCแม้แดดในอาวีญงจะร้อนอบอ้าวในบางจุด แต่ลมเย็นจากแม่น้ำโรนที่ไหลเลียบเมืองเก่า ทำให้สายนี้ดูสดใสกว่าทุกวัน รินที่อุ้มกล้องขึ้นบ่าตัวเองอย่างคล่องแคล่วกำลังเดินอยู่บนสะพาน Pont Saint-Bénézet หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “สะพานอาวีญง” พร้อมเจ้าตัวเล็กฝาแฝดที่อยู่ในรถเข็นคู่กัน สีหน้าตื่นตาตื่นใจมองซ้ายขวาตลอดเวลา“ป๊าาา! ปลาาาา!”เสียงแฝดน้อยคนโตส่งเสียงใส ขณะที่ชี้นิ้วไปทางแม่น้ำเบื้องล่าง คิงส์เดินอยู่ข้างๆก้มลงมองลูกแล้วยิ้ม“เห็นปลาเหรอลูก”ส่วนริน... ไม่แม้แต่จะหันมอง เพราะเธอกำลังหมุนกล้องหามุม แสงย้อน เงาตก กระจกสะท้อน ครบทุกเทคนิค“ริน... เมมเต็มยังอะ กล้องน่ะ?” คิงส์ยิ้มกวนๆ เอามือดันหลังเธอเบาๆ“ยัง! กล้องนี้ 1TB เลยนะพี่! ยังไม่เต็มง่ายๆหรอก” เธอพูดพลางหันมายิ้มตาเป็นประกาย แล้วก็ก้มลงถ่ายลูกชายต่อ “ป๊าอุ้มลูกหน่อย อยากได้ภาพที่เห็นสะพานกับสองแสบข้างหน้า”“แสบเหรอเรา” คิงส์อุ้มลูกขึ้นสองข้าง “ถ้างั้นแสบสองชั้นเลยนะ ลูกใครวะเนี่ย หน้าเหมือนพ่อด้วยแฮะ”รินหัวเราะ ก่อนจะยกกล้องขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคลิก... คลิก... คลิก… ไม่หยุดหลังจากเดินเที่ยวรอบเมืองเก่า ชมกำแ
บทที่45 ตอนพิเศษพระอาทิตย์เพิ่งลาลับฟ้าไปไม่นาน เมื่อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของ “ราชันย์ อัครเวทิน” ล้อหมุนออกจากรันเวย์เป็นเส้นทางมุ่งหน้าสู่ปลายทางในฝันของภรรยาสุดที่รัก ปารีส ประเทศฝรั่งเศสในห้องโดยสารสุดหรูที่ตกแต่งด้วยสีครีมทองแบบคลาสสิก พร้อมเตียงนุ่มๆ และโซฟากว้าง มีเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กน้อยสองคนดังไม่ขาดช่วง“คิริน นั่นอะไรอะลูก?”รินถามเบาๆ พลางชี้ไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ของเครื่องบินที่เห็นเพียงทะเลและดวงดาวในยามค่ำคืน“...มืด!”คิรินตอบเสียงแหลม“มืดดดด~” ไคล์พูดตามแล้วหัวเราะออกมาคิงส์หัวเราะเบาๆ พลางหันไปบอกภรรยาที่ตอนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างลูก“รินอยากไปปารีสไม่ใช่เหรอ พี่ไม่เคยเห็นรินอยากไปที่ไหนขนาดนี้เลยนะ...”รินหันมามองเขาพร้อมยิ้มกว้างในแววตาวิบวับเหมือนเด็กได้ของขวัญ“รินเคยฝันไว้มาตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ ว่าอยากมานั่งกินครัวซองต์ริมแม่น้ำแซน อยากเห็นหอไอเฟลด้วยตาตัวเอง แล้วก็...ถ้าได้มาพร้อมครอบครัว มันคงเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตเลย”คิงส์มองเธอนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมไปจับมือนุ่มของเธอมากุมไว้แน่น“งั้นทริปนี้ ทำให้เป็นที่พิเศษสุดเลยนะครับ... ไม่ใช่แค่
บทที่44 จบNC“พี่คิงส์…”“หืม?”รินถอนหายใจเบาๆ ขณะนั่งอยู่ปลายเตียง พูดกับคิงส์ที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสบายๆ“รินว่าจะหาพี่เลี้ยงเพิ่มอีกคนค่ะ… เด็กแฝดเริ่มซนมากขึ้นทุกวัน พี่ๆ สามคนก็เหนื่อยกันน่าดู”คิงส์ที่กำลังนั่งพิงหัวเตียง หันมามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความสนใจ ก่อนจะถามกลับเสียงทุ้ม“แค่พี่เลี้ยงเพิ่มเหรอ? ไม่มีอะไรอยากเพิ่มอีกแล้วเหรอครับ?”รินเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วเงยหน้าสบตาเขา“…รินอยากมีลูกอีกค่ะ”คำพูดสั้นๆ นั้นทำให้หัวใจของราชันย์เต้นแรงขึ้นทันที เขาไม่พูดอะไรต่อ แต่ลุกขึ้นมายืนตรงหน้าเธอ ใช้ปลายนิ้วเชยคางภรรยาขึ้นอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขาหนักแน่น ร้อนแรง และเต็มไปด้วยแรงปรารถนา“พูดเองนะ… งั้นก็อย่ามาห้ามพี่แล้วกัน”ทันทีที่พูดจบ เขาก็โน้มตัวลงจูบริมฝีปากของรินทันที จูบแรกนั้นแผ่วเบาและอ่อนโยน… ก่อนจะกลายเป็นจูบที่ดูดดื่มและดุดันขึ้นทุกวินาที ริมฝีปากของเขาทำงานอย่างแนบแน่น สลับกับเสียงหายใจที่เริ่มหนักและถี่ขึ้นทุกทีมือของคิงส์ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของภรรยา ขณะที่อีกมือหนึ่งเลื่อนมาเกาะเกี่ยวที่เอวบาง ก่อนจะดึงรินเข้ามาแนบชิดกับร่างกายของ
บทที่43 ทำบุญเช้าวันอาทิตย์หลังงานวันเกิดของแฝดได้ไม่นาน…ท้องฟ้าในเช้าวันนั้นใสกว่าทุกวัน รินตื่นเช้ากว่าปกติ ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งนอนดึกหลังกล่อมเด็กแฝด ร่างบางในชุดเรียบสุภาพยืนเงียบๆ หน้ากระจก ดวงตากลมโตมองสะท้อนเงาตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ กับตัวเอง“วันนี้รินจะพาลูกไปทำบุญให้พ่อกับแม่นะคะ”เสียงกระซิบเบาๆ ที่ไม่มีใครได้ยิน นอกจากตัวเธอเองไม่นานนัก ทั้งครอบครัวก็ออกเดินทาง รินพาคิงส์ ลูกแฝด พี่เลี้ยงทั้งสาม รวมถึงพ่อแม่สามีขึ้นรถไปยังวัดชื่อดังในย่านพระรามเก้า เธอเตรียมของทำบุญมาล่วงหน้าหลายวัน ทั้งของถวายสังฆทาน ชุดผ้าไตร เครื่องอัฐบริขาร รวมไปถึงอาหารเลี้ยงพระและทำทานแก่คนยากไร้ เรียกได้ว่าเป็นงานบุญใหญ่ที่ตั้งใจจัดขึ้นเพียงเพื่อพ่อแม่ของเธอที่ล่วงลับไปแล้วเมื่อถึงวัด ทุกคนแต่งกายเรียบสุภาพ รินอุ้มคิรินไว้ในอ้อมแขน ส่วนคิงส์ก็อุ้มไคล์เดินเคียงข้างกันเข้าไปในโบสถ์ บรรยากาศเงียบสงบ แสงแดดที่สาดผ่านลายไม้ของหน้าต่างบานใหญ่ทำให้ภาพภายในโบสถ์ยิ่งดูอบอุ่นศักดิ์สิทธิ์พิธีกรรมเริ่มต้นขึ้น พระสงฆ์เริ่มสวดมนต์ ท่ามกลางเสียงสวด รินก็ยกมือไหว้หลับตานิ่ง กุมมือลูกไว้ทั้งสองข้าง
บทที่42 สองแฝดเช้าแรกของวันเกิดครบรอบ 1 ขวบของแฝดน้อยในบ้านอัครเวทิน เรียกได้ว่าเริ่มต้นด้วยเสียงโหวกเหวกของเหล่าพี่เลี้ยงที่แทบจะวิ่งเป็นลมวนรอบบ้านกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดีนัก เพราะแฝดน้อยทั้งสอง ไคล์กับคิริน ดันตื่นเช้ากว่าปกติ แถมยังตื่นมาแบบโหมด “นักสำรวจ” เต็มกำลัง พลังงานทะลุปรอท!“ไม่เอาาา คิริน อย่าดึงผมพี่ไคล์!!” เสียงหวีดเบาๆ ของพี่เลี้ยงคนหนึ่งดังขึ้น ขณะพยายามแยกตัวน้อยที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันตั้งแต่ยังอยู่ในเตียงเด็ก!“แง๊งงงงงงงงง!!” ไคล์ก็ไม่ยอม แถมยังโวยเสียงดังแล้วหยิบตุ๊กตาหมีประจำกอดแน่นพลางชี้หน้าคนน้องอย่างเอาเรื่องคิรินไม่พูดพร่ำทำเพลง อ้าปากจะงับตุ๊กตาพี่ทันที นี่มันศึกย่อมๆ แต่เช้าเลยจ้าพี่เลี้ยงทั้งสามที่เพิ่งจะได้ยกแก้วกาแฟไปครึ่งเดียวพากันวิ่งวุ่นไปรวบตัวแฝดแยกออกจากกัน แล้วจู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากชั้นบน...“เสียงอะไรแต่เช้า หืม?” คิงส์เดินลงบันไดมาพร้อมรอยยิ้มกร้าวใจ หัวฟูหน่อยๆ เพราะเพิ่งตื่น“คุณพ่อขาาาา มาช่วยหน่อยค่า แฝดกำลังเปิดศึก!” พี่เลี้ยงคนหนึ่งตะโกนลั่น“โอเคๆ พ่อมาแล้วครับ ใครแกล้งใครก่อนเนี่ย หื้มม ไคล์? หรือคิริน?”สองแฝดหยุดเลยทันท
บทที่41 ป๊ะป๊า ม๊ะม๊า...แม่เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปบรรยากาศภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานใหญ่ไทยแบงค์ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมโซฟาตัวใหญ่ในมุมห้องวางเบาะนุ่มสำหรับเจ้าตัวแฝดไว้เรียบร้อย พี่เลี้ยงสองคนกำลังสาละวนกับของเล่น เสียงกุ๊งกิ๊งของโมบายแขวนกับเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กๆ ดังแทรกเสียงเอกสารพลิกไปมาของคิงส์รินนั่งข้างสามี บนโต๊ะเล็กมีน้ำผลไม้กับขนมสำหรับเธอ และข้าวบดสำหรับลูก ๆ เธอกำลังหยิบช้อนป้อนแฝดคนโตอยู่ ขณะคิงส์อ่านเอกสารสำคัญบนตัก พร้อมๆ กับใช้มือลูบหัวลูกชายคนเล็กที่กำลังนั่งพิงหมอนอย่างสบายใจ“อ้าปากครับ…งั่ม~”รินป้อนข้าวแฝดคนโต ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ เมื่อลูกชายอ้าปากรับอย่างว่าง่าย“ดีมากเลยครับคนเก่งของแม่”คิงส์เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร ยิ้มมุมปาก“แฝดบ้านนี้กินเก่งเหมือนแม่แหง ๆ เลย”“อ้าว! ใครบอกคะ พี่ต่างหากที่กินเก่งจนลูกซึมซับ”ทันใดนั้นเอง...เสียงแผ่ว ๆ แต่ชัดเจนก็ดังขึ้นมาจากเจ้าตัวเล็กฝั่งซ้ายที่กำลังดูดนิ้วอยู่“ปะ…ป๊า…”รินกับคิงส์หันขวับมองหน้ากันทันที!“เมื่อกี้พี่ได้ยินใช่มั้ยคะ!? ลูกพูดว่า ‘ปะป๊า’ !!” รินเสียงตื่นเต้นจนมือไม้สั่นคิงส์แทบทำเอกสารหล่น รีบยื่นหน้าไปใกล้







