โคย...
ฟรึ่บ! เสียงของกระสุนปืนดังขึ้นจากปลายกระบอกที่เก็บเสียงพุ่งตรงมายังร่างบางที่หันหลังเตรียมจะหนีออกจากตรงนั้น!! ผลั่ก!! ยังไม่ทันที่กระสุนมัจจุราชจะได้ทะลุเข้าไปยังร่างกายบาง ร่างเล็กก็ถูกมือหนาของใครบางคน คว้าข้อแขนเรียวเล็ก พร้อมออกแรงกระชากให้ร่างบางไปกระแทกเข้ากับอกแกร่งอย่างเร็วและแรงจนทำให้ร่างทั้งสองล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นพร้อมกันทั้งคู่ โดยที่ร่างบางของลิลลี่ทับอยู่ด้านบนของร่างหนาของเขาคนนั้น “โอ๊ยยย จะ...เจ็บๆ” เสียงหวานร้องดังออกมา เมื่อยันตัวลุกขึ้นนั่งอยู่ที่พื้น พร้อมกับลูบมือบางไปที่ข้อศอกของเธอที่เหมือนจะไปกระแทกลงบนพื้นลานจอดรถ “ไม่ตายหรอกแค่นี้! แต่ที่จะตายคือโดนกระสุนเจาะหัวโน่น คิดยังไงเดินเข้าไปรับลูกกระสุน หิวหรือยังไง?” เสียงทุ้มพูดขัดขึ้น เมื่อลิลลี่ร้องโวยวายจบ ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดที่ผู้หญิงคนนี้เป็นห่วงแค่ความเจ็บของตัวเอง โดยไม่ทันนึกถึงอันตรายของตัวเธอเองเลยด้วยซ้ำ ว่าเมื่อกี้เกือบจะโดนลูกหลงตายไปแล้ว ลิลลี่ละสายตาจากข้อศอกของตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองคนที่กระชากแขนของเธอเมื่อกี้ ดวงตากลมใสเบิกกว้างอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะตกใจกลัว แต่เป็นการตกใจในความหล่อเหลาราวกับเทพบุตรของชายตรงหน้าเธอมากกว่า ถึงแม้ว่าใบหน้านั้นจะปราศจากรอยยิ้ม หรือร่องรอยความเป็นมิตรเลยก็ตาม แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นตาและคุ้นเคย เหมือนกับว่าเคยเจอเขามาก่อน ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาของชายตรงหน้าที่ช่วยลิลลี่จากกระสุนปืนของวัยรุ่นอีกกลุ่ม ผิวขาวเนียนใส มีไรหนวดเพียงเล็กน้อย คิ้วหนาดกดำ ริมฝีปากหยักได้รูปสีชมพูธรรมชาติ เส้นผมสีดำเข้มรากไทรไม่ยาวมากนักตามแบบฉบับของหนุ่มคณะวิศวะ เขาสวมเสื้อช็อปสีแดงเข้ม สร้อยคอที่ห้อยเกียร์เอาไว้กระทบกับแสงของพระอาทิตย์ที่เล็ดลอดเข้ามาในลานจอดรถ ทำให้มันสะท้อนจนลิลลี่เห็นมันได้ชัดเจน “นาย...ช่วยฉันไว้เหรอเมื่อกี้” ลิลลี่ถามเขา “ช่วยหมามั้ง! ก็เห็นอยู่ว่าช่วยเธอ” เขาตอบ คำตอบของเขาทำเอาลิลลี่รู้สึกหน้าชาทันที ‘เอ้าตานี่นิ ถามดีดี แต่ตอบกวนประสาท ปากแบบนี้นี่เองถึงได้มีเรื่องกับคนอื่น’ ลิลลี่คิดในใจ “ปากแบบนี้นี่เอง เขาถึงไล่ยิง ไล่ฟันมา” ลิลลี่พูดกับเขาเสียงดัง ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ปากฉันไม่ได้ดีเท่าอย่างอื่นนะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก จากนั้นก้มลงมองที่เป้ากางเกงตัวเอง ดวงตากลมหลุบมองตามสายตาของเขาไปยังเป้า ใบหน้าที่เคยอมชมพูก็เริ่มเป็นสีแดงเข้มขึ้น “ละ...ลามก!” ลิลลี่พูดกับเขา พร้อมกับสะบัดหน้าหันไปทางอื่น “ลามกอะไร คิดไปไหน ฉันหมายถึงตีน!” ชายหนุ่มพูด พร้อมกับยันตัวเองลุกขึ้น และไม่ลืมที่จะยื่นมือของตัวเองไปให้กับหญิงสาวที่ยังนั่งกับพื้นจับ เพื่อที่จะได้พาร่างของตัวเองลุกตามเขาขึ้นมา “ขอบใจ...แต่ไม่ต้อง! เอาไว้ให้นายเก็บมือไปไว้ช่วยหมาเถอะ!” ลิลลี่พูดด้วยน้ำเสียงสะบัด ก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นเองโดยไม่จับมือของเขา “อวดดี...” เขาพูดพึมพำ แต่หญิงสาวกลับได้ยินชัดเจน แล้วตามด้วยส่งสายตาค้อนขวับให้เขาทันที “พวกมึง!!! ไอ้โคยมันหายไปไหนวะ เร็วมาก ไปหาเร็ว อย่าให้มันรอดไปได้ กูจะเอาเลือดมันมาล้างตีนกู!” เสียงของชายคนหนึ่งในกลุ่มที่ยิงปืนเข้ามา ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มพูดขึ้น “นี่...นาย คนที่พวกนั้นพูดถึง หมายถึงนายใช่มะ” เสียงอู้อี้กระซิบแผ่วเบาของคนตัวเล็กเอ่ยถามคนที่อยู่ใกล้กับเธอมากที่สุดตอนนี้ เพราะว่าเขานั้นดึงร่างของเธอมาหลบอยู่หลังเสา โดยที่ร่างหนาของเขาบังเธอเอาไว้อยู่และกอดประคองร่างเล็กเอาไว้หลวมๆ “ถ้าพวกมันไม่ได้หมายถึงฉัน เธอว่ามันจะหมายถึงเธอหรือยังไงล่ะ” เขาตอบเสียงเรียบ และเบา “ถ้าพวกเขาหมายถึงนาย...งั้นนายก็ชื่อ โคย เหรอ?” หญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเชิดใบหน้าเล็กขึ้นมองชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่า แต่ก็สามารถมองเห็นได้แค่ปลายคางของเขาเท่านั้น ลิลลี่เอ่ยถามเขาพร้อมกับอมยิ้มให้กับชื่อของเขาที่เธอได้ยิน “โคเยอร์!” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ เขาไม่ค่อยชอบอธิบายเรื่องชื่อของเขาให้ใครฟัง อยากคิด อยากเรียกยังไงก็เรื่องของมัน แต่กับเธอ เขากลับอยากบอกชื่อจริงๆ ให้เธอรู้เสียอย่างนั้น “โคเยอร์...แต่เมื่อกี้ พวกนั้นเขาเรียกโคยนะ” ลิลลี่ถามต่อ เพราะเธอได้ยินแบบนั้นจริงๆ “จะเรียกยังไงก็เรียก” เขาบอกกับเธอเสียงเรียบ แต่ไม่ได้สนใจหันมามองหญิงสาว สายตาคมกลับมองไปที่กลุ่มวัยรุ่นนั้นอย่างจริงจัง เพราะสถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขานั้นใช่ว่าจะปลอดภัยมากนัก “น่ารักดีนะ” เสียงเล็กของคนในอ้อมกอดดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มน่ารักปรากฏอยู่บนใบหน้าหวาน “อะไร?” ชายหนุ่มถามกลับอย่างสงสัย ที่จู่ๆ คนตัวเล็กก็เอ่ยชมลอยๆ “ก็ชื่อนาย น่ารักดี ไม่เหมือนใครดี” ลิลลี่บอกแบบนั้น แม้ว่าคนถูกชมจะไม่ได้พูดอะไร แต่ถ้าเธอสามารถมองหน้าเขาได้ก็คงจะเห็นว่าตอนนี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มขึ้นจนถึงใบหูแล้ว “พวกมึงเห็นเมื่อกี้ไหม? ไอ้โคยมันช่วยผู้หญิงคนหนึ่งไว้” หนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น เมื่อวิ่งตามหาพวกเธอแต่ไม่เจอ “เห็นครับพี่...ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะสวยด้วยนะพี่” ชายอีกคนสมทบขึ้น “กูยังไม่เคยเห็นไอ้โคยมันสนใจผู้หญิงคนไหนเลยแม้แต่คนเดียว กับคนนี้ทำไมมันถึงได้ช่วยไว้วะ” ชายคนเดิมเอ่ยถามลูกน้องของตัวเอง “แสดงว่า...ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นแฟนมันแน่ๆ เลยครับพี่” ลูกน้องในกลุ่มออกความคิดเห็น “ถ้าไม่อยากตายก็อยู่เงียบๆ” ชายหนุ่มใช้มือปิดปากคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กทำท่าจะส่งเสียงค้านในสิ่งที่อีกกลุ่มพูด ลิลลี่ได้ยินเขากระซิบแบบนั้นก็ทำได้แค่นิ่งไป ไม่ขัดขืนอีก เพราะรู้ดีว่าถ้าเธอมีเสียงจริงๆ จนพวกนั้นได้ยิน คงไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่ สายตาคมของโคยยังจับจ้องไปที่คู่อริไม่วางตา หากสถานการณ์ตอนนี้มีเขาเพียงคนเดียว เขาก็คงเอาตัวรอดได้อย่างง่ายได้ แต่นี่มีคนตัวเล็กอยู่กับเขาด้วย ซึ่ง...เขาเห็นเธอเพียงแวบเดียวก็จำได้อย่างแม่นยำ ชายหนุ่มก้มลงมองคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างไม่ขัดขืน เธอคงลืมตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดเขา เพราะสถานการณ์ตอนนี้น่าสิวน่าขวานจนไม่อาจจะไปสนใจเรื่องอื่นได้ โคเยอร์แอบสูดดมความหอมที่คุ้นเคยของเขาเข้าไปเต็มปอด โดยทำในแบบเนียนๆ จนร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดเขาไม่ได้สงสัยอะไร “พวกมึง! ไปสืบมาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร หากว่ากูทำอะไรมันไม่ได้ กูจะเล่นอีนั่นแทน!” คนที่ดูจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มเอ่ยขึ้น เคล้ง!!!Special คิลเลอร์และเมแกน 3 ปีต่อมา “เห้ย!! โคเยอร์ทางนี้ๆ” เสียงกลุ่มเพื่อนชายที่โบกมือเรียกโคเยอร์อยู่ที่โต๊ะลายหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างตึกเรียนในคณะของเขา “พวกมึงยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ ไม่มีเรียนแล้วนี่ กูก็ส่งงานเสร็จละ จบละ” โคเยอร์ถามเพื่อน วันนี้เขามาที่คณะ เพื่อมาส่งงานชิ้นสุดท้ายก่อนจบการศึกษา แต่พวกเพื่อนของเขาต้องเข้าเรียนเก็บชั่วโมงอีก หลังจากที่เขาแต่งงานและพักการเรียนไปได้สองปี เขาก็กลับเข้ามาเรียนใหม่จนจบได้ภายในปีเดียว “เพิ่งออกจากห้องเรียนเมื่อกี้ มารอเจอหลานกูก่อน มาๆ ให้กูอุ้มหน่อย” เพื่อนของเขาคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหาโคเยอร์ ที่ในอ้อมแขนนั้นมีเด็กน้อยรูปร่างจ้ำม่ำ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผิวขาวใส แก้มป่อง ผมสีดำขลับสั้นๆ แต่หยักศกเล็กน้อย ดวงตากลมโตบ้องแบ๊วสร้างความน่าเอ็นดูให้กับผู้ที่พบเห็นไม่น้อย “กูขออุ้มหน่อย” เพื่อนของเขาพูด ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อจะเอาเด็กน้อยมาอุ้ม “มายุ่งกับลูกกูอีกแล้ว อยากอุ้มทำไมไม่มีเป็นของตัวเองกันวะ” โคเยอร์บ่นให้กับเพื่อน ที่รอจะเจอและอุ้มลูกเขา เมื่อรู้ว่าวันนี้เขาเอาลูกมาด้วย วันนี้ลิลลี่ไม่ว่าง
ลิลธิกาแต่งงานกับกฤตินนท์ นะ! (The End) “โคยมีอะไรจะบอกลี่ไหม?” เสียงของลิลลี่ที่นั่งอยู่ข้างคนขับ เอ่ยถามชายคนรักที่กำลังทอดสายตามองไปด้านหน้าท้องถนน “แต่งงานกับโคยนะลี่” โคเยอร์เอ่ยขอคนรักแต่งงานด้วยน้ำเสียงและใบหน้าจริงจัง พวงมาลัยรถถูกหักเข้าข้างทาง สภาพแวดล้อมโดยรอบที่มีแต่ป่าเขา ไร้ผู้คนและบ้านของผู้คนอยู่อาศัย เครื่องยนต์ของรถถูกดับสนิท โคเยอร์หันใบหน้าหล่อเหลาเข้าหาลิลลี่ที่ตอนนี้ก็หันมองเขาอยู่ด้วยเช่นกัน “โคยมั่นใจแล้วใช่ไหมถึงพูดมันออกมา” ลิลลี่ถามย้ำ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นมั่นใจแค่ไหน ถึงขนาดเอาผู้ใหญ่มาคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายเธอถึงที่บ้าน “มั่นใจ 100% เลย โคยรักลี่ รักมาก และก็รักลูกด้วย ตอนนี้โคยมั่นใจแล้วด้วยว่าสามารถดูแลลี่กับลูกได้ตลอดไปแล้ว ไม่อดตายแน่ แค่โคยยังเรียนไม่จบ เลยพักการเรียนไว้ก่อน รอลูกคลอดแล้วค่อยกลับไปเรียน” โคเยอร์บอกกับคนรัก พร้อมกับยกมือหนาขึ้นลูบบริเวณหน้าท้องน้อยของคนรัก “มั่นใจแค่ไหนที่จะดูแลลี่ได้ตลอด” เธอถามกลับอีกรอบ “มั่นใจมาก ลี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยนะ ถึงโคยจะยังเรียนไม่จบ แต่โคยก็มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจเป็นขอ
จุดจบคนไม่สำนึก! “ถ้าเธอไม่รู้จักฉัน ลองถามพ่อของเธอดู!” เสียงทุ้มแค่นเสียงเป็นเชิงเย้ยหยันพูดกับน้ำขิงที่นั่งกอดผู้เป็นพ่ออยู่ที่พื้นเบื้องหน้าของทุกคน “ทำร้ายลูกกับหลานฉันอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ลูกกับหลานของฉันยังไม่ได้ไปทำอะไรให้แม้แต่นิดเดียว เธอกล้ามากนะ คงยังไม่รู้จักฉันสินะ” บอมพ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ทำให้น้ำขิงถึงกับขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว “แล้วแกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมารุมฉันกับพ่อแบบนี้” น้ำขิงมองพวกเขาด้วยสายตาแค้นเคือง “แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายลูกกับหลานของฉัน!” บอมพ์สวนกลับทันที อารมณ์โมโหเริ่มเก็บเอาไว้ไม่อยู่ จนลิลลี่สังเกตพ่อของตัวเองได้ “พ่อคะ...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อของโคยเถอะค่ะ ลี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ลิลลี่รีบห้ามทัพ เมื่อเห็นว่าพ่อของตัวเองเริ่มโมโห “เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” โคเยอร์รีบบอกพ่อของคนรัก แล้วค่อยๆ วางร่างเล็กให้ลงยืนที่พื้นอย่างเบาๆ มือเล็กของลิลลี่คว้าแขนของโคเยอร์เอาไว้ เหมือนเป็นการห้ามเบาๆ แบบไม่ต้องใช้เสียง สายตาคมก้มมองที่แขนของตัวเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนรักต้องการอะไร “เดี๋ยวป๊าจัดการเอง” ค
ถ้าไม่รู้จักฉัน ลองถามพ่อเธอดู! “อาเขต!” โคเยอร์เอ่ยเรียกคนที่มาห้ามเขาไว้ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของเขานั่นเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขตนั้นตามเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร เพราะเขามัวแต่สนใจคนที่อยู่ด้านในโกดัง “อย่าวู่วามครับนายน้อย หากบุ่มบ่ามเข้าไป คุณลิลลี่จะเป็นอันตรายได้” เขตบอกกับนายน้อยของตัวเอง “ผมโมโหจนลืม” โคเยอร์บอก เขาโมโหจนอยากจะจัดการคนทีี่มันทำกับลิลลี่เสียจนลืมนึกไปถึงความปลอดภัยของคนรักด้วย เพราะตอนนี้ลิลลี่อยู่ในมือของพวกมัน “หนะ...น้ำขิง!!” เสียงเล็กแหบของลิลลี่เอ่ยเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอเพิ่งฟื้นมาจากอาการสลบ เพราะลูกน้องของน้ำขิงเอาน้ำมาราดที่ตัวเธอจนรู้สึกตัวขึ้นมา “ฟื้นแล้วเหรอ? สำออยจริงนะ อุบัติเหตุแค่นี้ทำเป็นสลบ ทำไมไม่ตายไปเลยนะ!” เสียงน้ำขิงพูดเหน็บปนแช่งกับคนที่ถูกมัดมือมัดเท้า แต่พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง “เธอ...จับฉันมาทำไม” ลิลลี่ถามคนที่จับเธอมา เธอไม่รู้ถึงสาเหตุที่ตัวเองโดนจับมา และไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้น้ำขิง เพื่อนของโคเยอร์โกรธเธอขนาดนี้ “ก็...จับมาให้เป็นเมียไอ้พวกนี้ไง 5555” น้ำขิงพูด พร้อมกับหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ เมื่อคิดไป
บุกช่วย...ถล่มโกมินทร์ “กะ...โกดัง หลังโกมินทร์ กะ...กรุป...” เสียงของคีรีพึมพำบอกพี่ชาย ก่อนที่เธอจะสลบไม่ได้สติไปในที่สุด “โกมินทร์...!” โคเยอร์พึมพำชื่อบริษัทที่ได้ยินน้องสาวบอก เขารู้ได้ในทันทีเลยว่าคนที่เป็นตัวการทำเรื่องแบบนี้คือใคร “อาเขต! ฝากยัยคีด้วย” โคเยอร์บอกกับเขต ก่อนจะกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เขตอุ้มร่างคุณหนูที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยเช่นกัน พาไปที่รถเพื่อส่งตัวไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะต่อสายหานายใหญ่ของตัวเองที่ตอนนี้อยู่บ้านของตระกูลอีแวนสัน รายงานเรื่องนี้ให้รู้เรื่องก่อน “นายครับ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ รถคุณหนูคีและคุณลิลลี่ถูกเบียดชนต้นไม้ ผมกำลังพาคุณหนูคีไปโรงพยาบาล ส่วนคุณลิลลี่ถูกจับตัวไปครับ” เขตรายงานเจ้านายแบบรัวๆ “เมื่อกี้แกว่ายังไงนะ?! แล้วลูกสะใภ้ฉันถูกจับไปที่ไหน มันเป็นใคร?!!” คิงส์ตะโกนเข้ามาในสายดังลั่น “โกดังหลังโกมินทร์กรุป ครับ” เขตไม่รอช้ารีบรายงานสถานที่ให้เจ้านายฟังทันที “เดี๋ยวกูไป!!” คิงส์บอกกับเขต “คุณไปดูลูกสาวที่โรงพยาบาลเถอะ ส่วนโกมินทร์กรุป เดี๋ยวผมไปจัดการเอง” บอมพ์กัดฟัน
คำบอกเล่า...และการปองร้าย! “พี่โคยเขารักพี่มากเลยนะคะ ที่สุดในชีวิตเลย” คีรีเอ่ยบอกพี่สะใภ้ตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่สะใภ้คนนี้คงไม่รู้ว่าตัวเธอนั้นมีอิทธิพลต่อพี่ชายของเธอมากแน่ๆ ถึงได้งอนได้ หากรู้ว่าความจริงที่เธอจะบอกก็คงเข้าใจอะไรในตัวพี่ชายของเธอได้มากขึ้น “ไม่ขนาดนั้นมั้ง” ลิลลี่หันมามองเด็กสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองยังเบื้องหน้า “ขนาดนั้นเลยแหละค่ะ” “แล้วเราน่ะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของโคยเหรอ” ลิลลี่เปลี่ยนเรื่อง เธอไม่อยากฟังอะไรจากปากคนอื่น นอกจากเจ้าตัวที่จะหาทางมาอธิบายกับเธอเอง “ใช่ค่ะ คีชื่อเต็มๆ ว่า คีรี เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพี่โคย อายุห่างกันประมาณ6-7 ปีเห็นจะได้” คีรีบอก “ถึงว่าพูดเก่งเหมือนโคยเลย” ลิลลี่บอกในขณะขับรถไปเรื่อยๆ “พี่ลี่คะ...พี่โคยไม่ใช่นักศึกษาตัวเปล่านะคะ คีรู้ว่าพี่อยากให้พี่โคยมาบอกเอง แต่คีอยากบอกว่าพี่โคยตั้งใจและรักพี่มากๆ มากจนยอมรับช่วงต่อธุรกิจสายดำของพ่อทั้งหมดเลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนแกจะขอรับแค่ธุรกิจขาวกับเทาบางส่วนเท่านั้น แล้วจะปล่อยให้สายดำเจ๊งหรือเงียบหายไปเอง ตระกูลของพี่ก็เป็นมาเฟียใหญ่เหมือนกัน พี่คงเข้าใจและก็มี