LOGINNew meeting and new relationship. – II
1/4
Yaninn Yaninnthida Talk
“คุณพ่อ” ฉันตกใจเล็กน้อยเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นคุณพ่อนั่งอยู่ที่โซฟารับแขก ซึ่งนี่อาจจะเป็นภาพที่แสนจะไม่ชินตาเอาเสียเลย เพราะครั้งล่าสุดที่พ่อมาบ้านหลังนี้ก็คงก่อนฉันย้ายไปเรียนที่อเมริกา มันหลายปีมากเลยล่ะ “สวัสดีค่ะ”
“อืม” พ่อพยักหน้าและฉันก็คิดว่าฉันควรไปจากตรงนี้ เพราะพ่อมักจะไม่ชอบให้ฉันอยู่ใกล้ ไม่ชอบเห็นหน้าฉันนาน ๆ น่ะนะ แต่ก็.... “มานั่งก่อนสิ พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
“คะ ค่ะ” แม้จะตกใจแต่ฉันก็เดินมานั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัวด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม เพราะไม่บ่อยนักหรอกที่พ่อจะเรียกฉันมาคุยแบบนี้ หรือบอกว่ามีเรื่องจะคุย เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์เท่าไหร่ “คุณพ่อมีอะไรจะคุยกับณินเหรอคะ”
“ช่วงนี้แกคบกับผู้ชายคนไหนอยู่หรือเปล่า” มันดูออกจะเป็นเรื่องเหลือจะเชื่อที่ถูกพ่อถามแบบนี้เพราะตลอดเวลาที่เกิดมาพ่อแทบจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าฉันจะเป็นยังไง ยิ่งเรื่องความสัมพันธ์น่ะ ไม่ต้องพูดถึงหรอกว่าพ่อจะอยากรู้ “พ่อถามพาลินมาบ้างแล้วว่าตอนนี้แกไม่ได้คบกับใคร”
“ไม่ค่ะ ไม่มี” ฉันตอบไปเพราะตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาฉันก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกสนใจด้านความสัมพันธ์อีกแล้ว ฉันไม่เชื่อว่าจะมีรักแท้อีกแล้วด้วย “คุณพ่อถามทำไมเหรอคะ”
“พ่อจะให้แกแต่งงาน” ฉันนิ่งไปและคิดว่านี่ไม่ใช่ประโยคที่พ่อถามหรอกนะ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นคำสั่งมากกว่าล่ะ เพราะมันไม่มีคำไหนเลยที่เป็นคำถามน่ะสิ “แต่งงานกับลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อ แล้วก็เพื่อนสนิทของแม่ด้วย มะรืนนี้จะพาแกไปเจอเขาที่บ้าน”
“พ่อคะ แต่ณินไม่....” ฉันพูดออกไป
“พ่อตกลงไปกับเขาไปแล้ว และถ้าแกไม่มีใครแกก็แต่งงานไปก็ดี” ฉันไม่มีโอกาสแม้จะปฏิเสธเลยสินะ “บ้านเขาอยู่สัตหีบถ้าแกย้ายไปอยู่ที่นั่นก็จะได้ใกล้ปู่ย่าด้วย”
“แต่ณินยังไม่คิดเรื่องแต่งงานตอนนี้” ฉันกลั้นใจพูดออกไปแม้ตลอดเวลาฉันแทบจะไม่กล้าเถียงพ่อด้วยซ้ำ แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปฉันก็เริ่มรู้จักยึดมั่นจุดยืนของตัวเองเก่งขึ้น
อาจจะเพราะพี่สาวและพี่ชายของฉันสอนมาแบบนี้ด้วย
“ลูกชายอาไตรเขาหน้าตาดี การงานก็ดีถ้าพาลินไม่แต่งงานไปแล้วพ่อก็คงให้แต่งกับพี่สาวแก” ฉันเม้มปากเป็นเส้นตรง และรู้สึกสลดหดหู่ใจมากจริง ๆ ที่รู้ว่าพ่อเลือกฉันเพราะฉันเป็นตัวเลือกสุดท้ายแล้วนั่นเอง เพราะพี่สาวของฉันแต่งงานออกไปก่อนแค่นั้นเอง เลยเป็นเหตุผลที่พ่อเลือกฉัน
ฉันไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี และระหว่างคิดหาคำพูดในหัวอยู่นั้นก็พูดว่า
“อาเขาป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เขาเป็นเพื่อนรักของแม่แก แล้วแม่ก็อยากให้ลูกแต่งงานกัน” พ่อพูดและไม่ได้มองหน้าฉันก่อนจะยกบรั่นดีที่เหลืออยู่ในแก้วเข้าปาก “อาเขาน่าจะอยู่ได้ไม่ถึงปีพ่อไม่มีอะไรจะทำให้ในฐานะเพื่อนรักของพ่อของแม่นอกจากทำตามสัญญา”
สัญญาที่พ่อกับแม่ให้กันไว้เนิ่นนานแล้วทำไมถึงต้องขึ้นอยู่กับฉันล่ะ พ่อไม่เคยสนใจเลยใช่ไหมว่าฉันจะมีความสุขหรือเปล่า ฉันต้องการอะไรพ่อก็ไม่เคยรู้ แต่พ่อมาบอกความต้องการของตัวเองและใช้ฐานะพ่อบีบบังคับฉัน เพราะพ่อรู้ว่าฉันไม่เคยปฏิเสธท่าน
“ไปมะรืนนี้บ้านคุณอาก่อนค่อยว่ากันอีกที” ดูเหมือนฉันก็คงจะปฏิเสธไม่ได้อีกตามเคย ฉันเลยรับคำและเดินจากท่านมา
ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนโตฉันถูกเลี้ยงมาโดยคุณปู่คุณย่า แม่นมแล้วก็พี่เลี้ยงมาตลอดเลย เพราะแม่ฉันเสียตั้งแต่ฉันเกิด ตอนแม่คลอดฉันแม่มดลูกฉีกแล้วตกเลือดน่ะ ฉันมีภาพคู่ภาพเดียวกับแม่คือภาพตอนฉันออกจากท้องแม่ก่อนหมอจะเอาตัวแยกไปเข้าตู้อบ
หลังจากนั้นมาพ่อก็โทษว่าที่แม่ตายเป็นเพราะความผิดของฉัน เพราะตอนท้องแม่เสี่ยงเป็นภาวะโลหิตจางแต่แม่ก็ยังยืนยันที่จะท้องฉันต่อไป แล้วพ่อก็ย้ายไปทำธุรกิจที่แคนาดา ทิ้งให้ปู่กับย่าต้องเลี้ยงดูฉันกับพี่ ๆ มาแต่ที่พ่อทำแบบนั้นเป็นเพราะพ่อเสียใจและทนอยู่ที่ไทยไม่ได้อีก
พ่อจะกลับมาไทยปีละไม่บ่อย และพ่อก็มักจะแสดงความรักกับพี่ธาวิน พี่ชายคนโตของฉันที่อายุห่างกับฉันสิบปี และพี่พาลินพี่สาวคนรองที่อายุห่างกับฉันห้าปี มากกว่าที่จะแสดงความรักกับฉัน หรือเรียกว่าไม่เคยเลยจะดีกว่า พ่อไม่เคยอุ้มฉัน ฉันไม่เคยนั่งตักพ่อ และฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อรักฉันมั้ย
แต่ยังโชคดีที่พี่ชายและพี่สาวฉันรักฉันมาก ๆ และคุณปู่คุณย่าก็ทำหน้าที่พ่อแม่ให้ฉันอย่างดี และยังของคุณที่ท่านอายุยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้ ปู่กับย่าฉันแปดสิบกว่า ๆ แล้วและย่าของฉันก็บอกเสมอว่าหากฉันแต่งงานมีครอบครัวย่าก็คงหมดห่วง แต่ก็นะฉันน่ะไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลย
ฉันไม่ชอบความรัก ไม่ชอบการแต่งงานและแทบจะไม่เคยคิดถึงมันเลยตลอดห้าปี อาจจะเพราะฉันผิดหวังจากความรักมามาก และเรื่องภายในครอบครัวเองก็ทำให้ฉันไม่อาจจะแต่งงานได้ด้วย
“หื้ย” ฉันขัดข้อมือซ้ายตัวเองระหว่างอาบน้ำพร้อมกับส่งเสียงฮึดฮัดไม่สบายอารมณ์เพราะข้อมือข้างนั้นถูกแฟนเก่า เฮงซวย และชาติหมา ที่ฉันเกลียดเข้าไส้จับมาเมื่อบ่าย
ฉันเจอกับเต แฟนเก่าคนสุดท้ายที่ทำให้เกือบจะตาย คนที่ทำให้ฉันต้องจมอยู่กับความทุกข์ทรมาน และสร้างบาดแผลให้ชีวิตฉันแบบที่ต่อให้เวลาจะผ่านไปอีกกี่สิบปีฉันก็ไม่สามารถลืมมันได้ และเขาก็เป็นคนที่ทำให้ฉันสิ้นศรัทธาในความรักบ้าบอพวกนั้นด้วย
ไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันคิดว่าสวรรค์ส่งเขามาได้ยังกัน แต่ตอนนี้เขาน่ะเป็นแค่คนที่นรกส่งมาให้ฉันต้องชดใช้กรรม และผูกมัดฉันไว้กับบ่วงแห่งความทรมานที่ฉันแทบจะหนีมันไม่ได้
หลังจากเลิกกับเตฉันได้ประสบปัญหาใหญ่หลวงในชีวิตหนักมาก ต้นเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากเขา ฉันเป็นซึมเศร้า และจมอยู่กับความทรมานทั้งที่เขาเสวยสุขกับผู้หญิงคนนั้น
แต่หลังจากที่เอาชีวิตรอดกลับมาได้ ฉันก็ย้ายไปเรียนต่อปอโทด้านบริหารที่อเมริกา ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเกือบสองปี แล้วก็ย้ายไปเรียนปริญญาโทใบที่สองที่ฝรั่งเศสเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้าซึ่งเป็นการเรียนต่อในสาขาที่ฉันเรียนจบในปอตรี
ช่วงเวลาเกือบห้าปีของฉันใช้ไปกับการเรียน การใช้ชีวิตที่มีแต่ตัวเอง ไม่สนใจผู้ชายหน้าไหนที่มาจีบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายเมกาฯ ฝรั่ง ไทย เอเชีย และต่าง ๆ เพราะฉันไม่สนใจความรักต่อไปแล้ว
สำหรับฉันความรักมันน่ารังเกียจ และความรักทำให้เรามีจุดอ่อน
กรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้ากรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้ากรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้ากรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้าNew meeting and new relationship. – III4/4“ณินรู้ว่าพ่อเกลียดณิน ไม่รักณิน แต่ไม่ต้องแสดงออกให้เห็นมากขนาดนั้นก็ได้ค่ะ” ฉันให้หลังมือปาดน้ำตาออก และฉันก็เจ็บจนชาไปเลยล่ะ “เพราะแค่ที่ผ่านมาพ่อก็แสดงออกมันมากพอแล้ว”“เพราะแกเกิดมาแล้วก็ทำให้ผู้หญิงที่ฉันรักที่สุดในชีวิตต้องจากโลกนี้ไป” ฉันหลับตาลงอย่างข่มกลั้นอารมณ์ “แกไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกถึงคุณค่าที่แกเกิดมาเลยสักครั้ง แกเคยไหมที่จะทำให้ฉันรู้สึกมีคุณค่า มีประโยชน์ที่แกเกิดมา มีสักครั้งไหมที่ทำให้ฉันภูมิใจ”น่าแปลกจริงเชียวที่ฉันเจอคำพูดรุนแรงขนาดนี้ใจฉันกลับรู้สึกไม่สะทกสะท้านอะไรขึ้นมาเลยสักนิด ไม่ได้รู้สึกว่าน้ำตาจะไหลออกมาเพิ่มได้อีก มันจุก ตื้อตันในคออย่างบอกไม่ถูกเลย“เกิดมาแกเคยมีอะไรดีไหม ถ้าแกอยากให้ฉันยอมรับแกในฐานะลูก แกก็ควรจะทำตัวให้เป็นประโยชน์โดยการแต่งงานกับเขาซะ”“พ่อไม่เคยภูมิใจ ไม่เคยเห็นคุณค่า ไม่เคยเห็นประโยชน์ในตัวณินเพราะพ่อไม่เคยมองเลยต่างหาก” ฉันจ้องหน้าพ่อและรู้สึกว่านี่ก็เห็นครั้งแ
กรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้ากรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้ากรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้ากรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้าNew meeting and new relationship. – III3/4เพราะฉันไม่เคยสัมผัสคำว่าแม่มาก่อนในชีวิต แล้วฉันก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะต้องมารับผิดชอบความรู้สึกของแม่เขา รับผิดชอบคำสัญญาของพ่อแม่เราด้วย“ฉันไม่ได้มีหน้าที่มารับผิดชอบความรู้สึกของพ่อแม่ใคร ฉันบอกแล้วไง” ฉันพูดกับด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและเรียบเฉย คุณเป็นแฟนที่ดีให้ฉันไม่ได้ แล้วฉันจะไปเชื่อได้ยังไงว่าคุณจะเป็นสามีที่ดีฉันกอดอก จ้องมองเขา และคิดว่าฉันเคยรักผู้ชายคนนี้มากขนาดไหน และตอนนั้นฉันรักเขาลงไปได้ยังไง แต่ตอนนั้นฉันจำได้ว่าฉันรักเตมากแค่ไหน แต่มีคนสอบฉันว่าให้เปลี่ยนความรักที่มีเป็นความโกรธ ถ้าทำได้เราจะเกลียดชังเขามากกว่าที่เคยรักเป็นพันเท่า ๆ“ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้คุณเชื่อดี แต่ขอโอกาสให้ผมได้ทำให้ดูสักครั้งได้ไหม” ฉันไม่เคยเห็นเตพูดด้วยความจริงใจขนาดนี้มาก่อน มันเหมือนตอนที่เตอยากเป็นแฟนกับฉัน และเหมือนตอนที่เขาอยากไปจากฉันด้วย พอคิดถึงความเก่าหนหลังมันก็ทำให้ฉัน...เบ้ปากเส
คำเตือน กรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้าNew meeting and new relationship. – III2/4“คุณเตบอกว่าอยากคุยจริง ๆ นะคะ เค้าบอกจะรออยู่ที่นี่จนกว่าคุณณินจะยอมคุยด้วย” ฉันกรอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย เขานี่พูดไม่รู้เรื่องเลยหรือไงนะ“งั้นบอกเขาไปค่ะว่าณินจะนอน ณินตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยคุย” แม่บ้านทำท่าทางเลิ่กลั่กเมื่อฉันบอกแบบนั้น และฉันก็คิดอะไรบางอย่างออก “พี่ตาไปบอกเขานะคะว่าถ้าอยากคุยก็รอณินตื่นก่อน แต่ถ้ารอไม่ไหวก็ไสหัวกลับไป บอกเขาตามนี้เลยนะคะ”“กะ ก็ได้ค่ะคุณณิน” แม่บ้านตอบรับและฉันก็กลับเข้าไปนอนต่อ คือฉันง่วงนอนมาก ๆ แล้วก็ไม่ชอบใจเวลาที่ฉันถูกรบกวนจากการนอน แม่บ้านที่บ้านจะรู้ดีว่าฉันไม่ชอบและจะไม่เคยปลุกฉันหากไม่มีอะไรเร่งด่วน และไม่มีอะไรสำคัญฉันหลับไปนานจนนาฬิกาปลุกดังขึ้น ซึ่งน่าจะถึงเวลาเที่ยงของวันนี้แล้ว แม้ฉันจะนอนดึกแค่ไหนฉันจะไม่ตื่นเกินเที่ยงเลย หลังจากนอนตื่นแล้วฉันก็อาบน้ำอาบท่า แต่งตัวอย่างอารมณ์ดีเพราะคิดว่าเตคงรอไม่ไหวและกลับไปแล้วล่ะมั้งพออาบน้ำแต่งตัวอีกครั้งชั่วโมงเสร็จฉันก็เดินนวยนาดลงมาจากห้องด้วยอารมณ์ดีพลางคิดว่าวันนี้จะมีอะไรกินเป็นมื้อเที่ยง หรือจะสั่งอะไ
คำเตือน กรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้าNew meeting and new relationship. – III1/4“ทำหน้าอย่างกับโลกจะแตกเลยณิน” ระหว่างมื้อค่ำที่ฉันนั่งทานข้าวอยู่กับพี่ชายคนโตของฉัน ซึ่งวันนี้เขานอนที่บ้าน ไม่ได้กลับไปนอนที่อพาร์ทเม้นท์ของเขา ส่วนใหญ่แล้วพี่วินจะอยู่ห้องชุดของโครงการหนึ่งซึ่งห้องนั้นก็ค่อนข้างจะหรูหราอยู่มาก ฉันไปหาพี่ชายบ่อยครั้งนะบอกเลยว่าห้องเขาค่อนข้างที่จะไฮเทคฯ สมกับเป็นผู้นำด้านไอที“พี่วินพูดกับพ่อให้หน่อยได้ไหม ณินไม่อยากแต่งงาน” ฉันเริ่มเปิดประเด็นเพราะวันนี้ฉันกะจะพูดกับพ่อแล้วแต่ว่าพอส่งฉันกับพี่วินลงที่บ้านพ่อก็ไปทำงานต่อทั้งที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ชีวิตพ่อมีแต่งาน“พี่ก็เห็นว่าณินก็ชอบคุณอาทั้งสองคนนี่นา” พี่ชายถามมา“ณินชอบคุณอาค่ะ แต่ณินไม่ชอบลูกชายเขา” ฉันบอกไปก่อนจะใช้ซ่อมหมุนเส้นพาสตาอย่างเซ็ง ๆ “ณินพูดจริงนะเรื่องที่บอกว่าไม่อยากแต่งงานแล้วน่ะ”“พี่เข้าใจ” พี่ชายเอื้อมมือมาจับมือฉัน แต่พ่อดูจริงจังมากนะ“พ่อเกรงใจพี่มากนะพี่วิน ถ้าเกิดว่าพี่วินพูดพ่อจะต้องยอมใจอ่อนแน่ ๆ” ฉันร้องขออย่างมีหวัง พี่ชายก็ทำหน้าคิดหนักพอดูเราทุกคนในบ้านรู้ว่าพ่อเป็นคนยังไง เป็นคนคำไ
คำเตือน กรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้าNew meeting and new relationship. – II4/4ฉันได้แต่อดทนและคิดว่าฉันเองจะอดทนเอาไว้แล้วค่อยกลับไปคุยกันพ่อที่บ้านก็ได้ ฉันอยากจะรักษาหน้า รักษาความรู้สึกของคนป่วยอย่างคุณอาไว้ เพราะฉันไม่สามารถที่จะแต่งงานกับเตได้จริง ๆ อันที่จริงก็คงไม่ต้องพูดถึงขั้นแต่งงานหรอก แค่มองหน้ายังไม่อยากจะมองเลยที่ทนกลืนข้าวลงได้ทั้งที่นั่งข้างเขาฉันก็แทบจะใช้พลังทั้งหมดชีวิตที่มีแล้ว“เต พาญาณินไปเดินเล่นหน่อยสิ เดินคุยกันจะได้ทำความรู้จักกันไว้” หลังจากทานผลไม้เป็นของหวานกันไปแล้วพ่อก็เป็นฝ่ายบอกกับเตไปเอาตรง ๆ วันนี้แทบจะไม่ให้ฉันได้มีโอกาสออกบากเรื่องแต่งงานเลยสักครั้งเดียว ฉันจะได้แค่ตอบคำถามที่ผู้ใหญ่ถามหรือพูดเรื่องอื่นเท่านั้น“ได้ครับลุง” เตรับคำราวกับว่ารอโอกาสนี้อยู่แล้ว และถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากใช้เวลาร่วมกับเตมากเกินไปกว่านี้ได้ฉันก็จำใจ เพราะฉันอยากจะบอกเตว่าฉันไม่มีวันนที่จะแต่งงานกับเขาเตพาฉันเดินมาที่สวนหลังบ้านซึ่งเป็นสระน้ำและมีดอกบัวอยู่หลายกอ ลายล้อมไปสวนพืชผักนานาพันธุ์ และสวนดอกไม้ด้วย อีกฝากฝั่งของสระน่าจะเป็นสวนผลไม้ซึ่งมองด้วยสายตาฉันก็เห็
คำเตือน กรุณาเม้นด้วยถ้อยคำสุภาพด้วยจ้าNew meeting and new relationship. – II3/4“คือหนู....” ฉันอยากบอกว่าฉันไม่อยากแต่งงาน ถ้าพูดออกไปตอนนี้เลยก็น่าจะดีแต่ว่าในตอนนั้นเองก็มีคนใหม่เดินเข้าประตูมาฉันก็ตกใจมากที่เห็นว่าคนนั้น ๆ คือเต เขายืนอยู่หน้าประตูและฉันเห็นว่าทุกคนหันไปมองเขาคนเดียว เขาเองก็มองมายังฉันด้วยสีหน้าที่แปลกใจแต่ฉันตั้งสติและรู้ตัวได้ว่าฉันไม่อยากจะให้ใครตรงนี้รู้เรื่องอดีตของฉันกับเตจึงได้พยายามส่งสายตาให้เขารู้เป็นนัย ๆ ว่าฉันนั้นไม่อยากให้ใครรู้“มาแล้วเหรอเจ้าเต “คุณอาไตรทักลูกชายที่อยู่ในชุดวอร์มซึ่งน่าจะเป็นของหน่วยงาน “ลุงกับพี่ ๆ เขามารออยู่นานแล้วนะ ทำไมถึงพึ่งมา”“พึ่งจัดการงานเสร็จนะครับ” เขาพูดและรอบมองมายังฉันอยู่อีกหน แต่วันนี้ฉันรู้สึกใจเต้นแรงอีกครั้งเพราะความรู้สึกตื่นตะลึง และเกลียดขี้หน้า “ขอโทษทีที่ให้รอนะครับ”“ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องงาน มา ๆ นั่งก่อน” พ่อฉันพูดแล้วก็บอกให้เขามานั่ง ซึ่งที่ว่างที่เหลือตอนนี้ก็คือโซฟาตัวเดียวกันกับฉัน และที่ว่างคือข้างแม่เขากลายเป็นว่าแม่ของเขาคั่นกลางระหว่างฉันกับเขาอยู่ ฉันควบคุมสีหน้าและอารมณ์เอาไว้แม้ว่าจะ







