ธารา หรือ ธาร ชายหนุ่มผู้เป็นบุตรชายคนสุดท้องของวงศ์ตระกูล ต้องรับสืบทอดดูแลเกาะทางใต้ของประเทศซึ่งเป็นแหล่งเพาะไข่มุกชั้นดี และเพราะการทำงานของเขานี้ ทำให้ได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ สิ่งที่ครั้งหนึ่งนั้นเขาเคยพบพานและลืมเลือนมันไป..... คาไนน์ ชายผู้เป็นถึงองค์รัชทายาทของชนเผ่าเงือกที่หลงเหลืออยู่น้อยนิด เพราะความอยากรู้อยากเห็นจึงทำให้เขาได้พบเข้ากับธารา และได้ช่วยชีวิตของชายหนุ่มเอาไว้ ทั้งสองมีใจผูกพันธ์รักใคร่ แต่อนิจา ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งนั้นเขาจะถูกลืมเลือน....
View Moreชายคนหนึ่งกำลังเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบนอย่างสนอกสนใจ เส้นผมหยักศกสีไลท์เกรย์พลิ้วไหวไปตามสายน้ำที่พัดหวน ข้างกายนั้นคือเพื่อนสนิทที่วนเวียนว่ายอยู่ข้างกัน พยายามดึงรั้งเขาให้ออกห่างจากพื้นผิวของธาราอย่างเกรงกลัว พร้อมเอ่ยปากเสียงดังกังวานอย่างไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน
“กลับเถอะคาไนน์ ออกมาแบบนี้องค์โพไซพิโรธแน่”
“เดี๋ยวก่อนสิ เจ้าไม่ได้ยินหรือเลโอ เสียงนั้นน่าฟังจะตายไป” ชายหนุ่มเรือนผมยาวสลวยยื้อไว้ อย่างไรก็ไม่ยอมถอยห่างไป กลับตั้งใจจะแหวกว่ายเข้าใกล้อย่างสนอกสนใจสุดทน
“อย่าเข้าไป! พวกนั้นมีแต่พวกน่ากลัว!” เลโอยื้อเอาไว้อีกครั้ง ปลายหางนั้นสะบัดรัวเร็ว
คาไนน์ นั่นคือชื่อของเขา เขามีศักดิ์เป็นถึงองค์รัชทายาท เป็นบุตรชายคนเดียวขององค์โพไซ แต่เดิมพวกเขาไม่ได้อยู่อาศัยที่นี่ แต่เพราะที่เมืองเดิมนั้นเกิดเภทภัย ทำให้ไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกต่อไป เหตุเพราะมีมนุษย์นั้นไซร์แลเห็นถึงตัวตนของชนเผ่าเงือก…..
ใช่.... เขานั้นคือ เงือก ผู้เป็นจ้าวปกครองผืนน้ำใต้มหานที
เพราะในโบราณนานมาแต่เดิมถิ่นฐานเขาไม่ได้อยู่อาศัยที่แถบนี้ แต่อยู่ห่างไกลออกไปลึกลงไปใต้มหาสมุทรกว้างใหญ่ มีเมืองของชาวเงือกอยู่อาศัย จนกระทั่งเภทภัยเริ่มรุกราน เพราะในสมัยนั้นมีมนุษย์ออกเดินเรือกันเป็นจำนวนมาก แถมยังฆ่าล้างผลาญ ล้มล้างเผ่าพันธุ์ การต่อสู้นั้นบางครั้งก็เหนือขึ้นไปบนผิวน้ำ เสียงดังโครมครามจนชาวเงือกต้องออกมาสำรวจดู
และนั่นคือการกระทำที่ผิดมหันต์ เพราะนอกจากจะถูกพบเห็น ทั้งยังถูกจับเป็น บังคับขู่เข็ญให้เป็นภรรยา หรือแม้กระทั่งแลเนื้อเถือหนังออกมากลืนกิน ชาวเงือกลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนสุดท้ายต้องอพยพย้ายถิ่นฐาน ไม่มีที่ไหนที่เขาจะอยู่ได้นาน ต้องย้ายฐานที่มั่นอยู่ร่ำไป ในทุกที่พวกเขาจะพบแต่สิ่งใหม่ แลเห็นแต่สิ่งน่าสนใจ ยิ่งทำให้คาไนน์อยากรู้อยากเห็นและอยากลอง และในครั้งนี้เขาก็กำลังสนใจอะไรบางอย่างที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำที่ด้านบน เจ้าสิ่งนั้นส่งเสียงรื่นหูน่าฟัง เขาจึงว่ายวนเวียนแถวนั้นอย่างสนอกสนใจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ที่ด้านบนของลำเรือ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง อายุราว 20 ปี กำลังเดินหน้ายุ่งอยู่ภายในงานเลี้ยงบนเรือสำราญขนาดใหญ่ ที่โคลงเคลงไปมาตามกระแสน้ำที่ซัดเซาะกระทบกัน
ชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า ธารา มหานที บิดาและมารดาของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายเครื่องประดับอัญมณี ไล่ตั้งแต่ขุดเจาะเหมืองเพชรเหมืองพลอย รับซื้อจากพ่อค้าแม่ค้ารายใหญ่และรายย่อยไปจนถึงการเพาะเลี้ยงไข่มุกอันดามัน และในงานเลี้ยงนี้นั้นก็เป็นงานประมูลเครื่องประดับคอลเลคชั่นใหม่ของบริษัท ทำให้ชายหนุ่มไม่ใคร่จะชอบใจนักเพราะเบื่อหน่ายงานเหล่านี้เหลือเกินจะกล่าวถึง ผู้คนมากหน้าหลายตาที่เดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มแต่กลับปิดซ่อนความจริงที่ต้องการไว้ภายใต้หน้ากากหนังมนุษย์ได้อย่างแนบเนียน
หลังจากที่ธาราหรือ ธาร ทำการทักทายแขกเหรื่อตามที่บิดามารดาลากตัวไปเสร็จก็หาทางปลีกตัวหลบเลี่ยงออกจากงาน เรียวขาเดินทอดน่องไปตามกราบเรือ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มระต้นคอพลิ้วไปตามกระแสลม ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยจัดทรงไม่ให้ผมลงมาปิดหน้าปิดตา สูดลมหายใจเข้าปอดลึกล้ำจนได้กลิ่นน้ำทะเลลอยมาแตะจมูก
“หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะขบขันในลำคอ เมื่อคิดไปว่าตนเองนั้นอยู่กลางทะเล ได้กลิ่นกรุ่นของทะเลนั่นก็ถูกต้องแล้ว คิดพลางเดินไปชิดริมรั้ว เท้าแขนมองความมืดมิดตรงหน้าที่มีเกลียวคลื่นหมุนวนเป็นระยะ
ซ่า!
“อะไรน่ะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองบางอย่างที่อยู่ไกลๆ นั้นออกไป เห็นเป็นเงาของอะไรสักอย่างที่กลืนไปกับความมืดของทะเลสีดำ ชายหนุ่มเพ่งพิศมองจ้องอีกครั้งอย่างไม่ละสายตา
โครม!!! ตึง!!!
“กรี้ดดดด/ว๊ายยย”
ตู้มมมมมมมม
ในช่วงจังหวะนั้นเขารับรู้ได้ว่าตนกำลังลอยออกจากลำเรือเสียแล้ว เพราะบางสิ่งที่เขามองจดๆ จ้องๆ อยู่นั้นมันคือปลาขนาดใหญ่ที่เขาไม่รู้จักว่ามันคือปลาอะไร รู้แค่เพียงมันตัวใหญ่มหึมาจนเทียบเท่ากับวาฬตัวโต และเจ้าปลาตัวนั้นมันก็ว่ายชนเข้ากับใต้ท้องเรือจนเกิดเสียงดังสนั่น เรือโคลงเคลงไปมาเรียกให้เกิดเสียงกรีดร้อง และสุดท้ายก็เป็นเขาที่ตกลงสู่ห้วงมหาสมุทรที่ฉ่ำชื้นและเย็นเฉียบจับขั้วหัวใจ
สายน้ำโอบอุ้มเย็นฉ่ำแต่หนาวลึกถึงกระดูก ชายหนุ่มพยายามลืมตาและตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำ หากแต่เพราะชุดสูทเรียบหรูดูแพงที่สวมใส่ทำให้อุ้มน้ำและตัวของเขากำลังจมลงเรื่อยๆ
“อึก!” เสียงอึกอักดังขึ้นภายในลำคอ สองมือปลดกระดุม ออกอย่างรวดเร็วและร้อนรน
“อึก! อั่ก!” ในครานี้เขารู้เลยว่าต้องสิ้นชีวิตแล้วเป็นแน่ เพราะความร้อนรนและความหนักของชุด ทำให้เขาไม่สามารถปลดมันออกได้โดยง่าย แล้วไหนจะยังเจ้าเพชฌฆาตตัวใหญ่ เจ้าฉลามวาฬตัวโตที่ชนเรือนั้นอ้าปากกว้าง เตรียมที่จะกลืนกินเขาลงท้อง!
จบแล้ว...... จบสิ้นชีวิตแล้ว......
คิดพลางสติเริ่มเลื่อนลอย เพราะจมลงมาลึกและขาดอากาศหายใจ แทนที่จะลอยขึ้นไป กลับจมดิ่งลงสู่ความมืดมิดมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาที่ความรู้สึกสุดท้ายกำลังจะดับวูบ ความนุ่มหยุ่นแต่เย็นชืดกลับแตะสัมผัสลงที่ริมฝีปาก บางอย่างลูบไล้ไปตามดวงหน้า และสติสุดท้ายของเขาก็ดับวูบไป.....
ธาราลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่มีแสงอาทิตย์บางๆ ส่องผ่านหน้าต่างของห้องนอน เขารับรู้ได้ว่าบนอกของตนมีน้ำหนักบางอย่างที่คุ้นเคยวางกดทับจึงก้มลงมองดูเพื่อยืนยันความคิดของตน เขาเห็นคาไนน์นอนหลับตาพริ้มอยู่บนอก จึงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบไล้เส้นผมนั้นแผ่วเบาแม้ตัวเขาจะนึกประหลาดใจว่าเหตุใดตนจึงฝันถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้ ก่อนที่ความคิดบางอย่างจะวาบผ่าน ถ้อยคำของคาไนน์ลอยซ้ำในหัวอีกครั้งหนึ่ง“แต่เจ้าต้องรับหยาดน้ำซัมไมนอลจากข้า จึงจะสามารถฟื้นคืนความทรงจำ.........”งั้นแสดงว่าที่เขาฝันถึงเรื่องราวเมื่อคืนนั้นนั่นก็เพราะ......ธาราค่อยๆ เบนสายตาลงต่ำ พยายามจ้องมองที่ด้านล่าง ไม่แน่ใจว่าตนเองคิดถูกจริงๆ หรือไม่ แต่เขากลับไม่เห็นอะไร นอกจากศีรษะเล็กทุยของคาไนน์ที่กำลังขยับขยุกขยิกไปมา เขามองจ้องภาพนั้นไม่วางตา เห็นได้ว่าคาไนน์เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มหวานทั้งที่ตาปิดปรือ หลังจากนั้นจึงขยับกายยันตัวขึ้น สองแขนคร่อมเขาไว้ที่ด้านข้าง มาพร้อมกับรอยยิ้มบางและมืออีกข้างที่ยกขึ้นขยี้ตาไปมาอย่างน่าเอ็นดู“อ้ะ” ธาร
Kanine Partคาไนน์ยกปลายนิ้วไล้เกลี่ยผิวแก้มของผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มกว้างที่มีให้กัน กับคนเพียงผู้เดียว ก่อนที่จะค่อยๆ กดแทรกกายของตนให้เข้าลึกที่สุดของช่องทางสีหวานฉ่ำ ลำกายนั้นขยับขยายขนาดเพิ่มเติมเต็มช่องวางภายในนั้นจนติดล็อกแน่นอยู่ภายใน ปิดกั้นหยาดน้ำสีขาวขุ่นไม่ให้ไหลออกจากร่างกายโปร่งบางที่ยังคงหลับใหลไม่รับรู้เรื่องราว ท่วงทำนองเสียงหวานเอ่ยดังผะแผ่วราวกับจะช่วยขับกล่อมให้นอนหลับฝันดี“ฝันดีนะ ภรรยาที่รักของข้า......” พูดแล้วก็เอนตัวซุกซบลงบนอกของคนที่อยู่ใต้ร่าง ศีรษะเล็กทุยนั้นขยับไปมาร้าวกับลูกแมวออดอ้อนเจ้าของ ธาราที่ยังคงติดอยู่ในห้องฝันขมวดคิ้วให้กบสัมผัสวาบหวามที่สอดแทรกเข้าลึกในกาย จนเมื่อสิ่งนั้นสงบนิ่ง เจ้าตัวก็ผ่อนลมหายใจแล้วจมลงสู่ห้องนิทราอีกหนคาไนน์ยังคงฮัมเพลงในลำคอด้วยความอารมณ์ดี ปลายนิ้วเขี่ยไล้ลูบวนที่ยอดอกสีเข้มของอีกฝ่ายอย่างสบายอกสบายใจ ความรู้สึกล้ำลึกปะปนไปกับความโหยหาที่ถวิลถึงเนื่องจากตอนนี้ทั้งธาราและคาไนน์พากันอพยพย้ายขึ้นมาอยู่อาศัยบนบก คาไนน์เองก็ยังคงมีความคิดถึงบ้านบ้างเป็นบางค
ความรู้สึกร้อนรุ่มแผ่กระจายไปทั่วทั้งตัว ทำให้ธาราถึงกับขมวดคิ้วด้วยความรำคาญเล็กน้อย และนั่นทำให้ใครบางคนที่ปีนป่ายขยับมานั่งคร่อมทาบทับกันถึงกับหยุดชะงัก ดวงตากลมโตสดใสแวววาวเหลือบตาขึ้นมองด้วยความระมัดระวัง หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ลมหายใจที่สม่ำเสมอคงที่ก็ถูกปล่อยออกมา ทำให้คนที่ยังคงตื่นอยู่ลอบถอนหายใจแล้วปฏิบัติการขั้นถัดไปในทันที.....ธาราลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับความมืดมิดรอบด้าน ได้ยินเสียงคลื่นน้ำกระทบหาดทรายดังขึ้นอย่างชัดเจนสะท้อนก้องอยู่ในหู เขากวาดสายตามองออกไปรอบตัว กลับพบว่าตนเองตื่นขึ้นจากผืนทราย มิได้นอนอยู่บนเตียงและกกกอดใครอีกคนไว้ในอ้อมแขนแต่อย่างใด จนกระทั่งเขาปรับสายตาได้ จึงเห็นว่าสถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้คือถ้ำแห่งหนึ่ง......“ออกเสียงตามผมนะ กอไก่” สายตาของเขาหันไปยังทิศทางที่มาของเสียนั้น ก่อนจะพบกับภาพของเด็กชายคนหนึ่งที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น รูปร่างยังคงคล้ายกับเด็กมัธยมต้น แทนที่จะเป็นช่วงมหาลัยตามอายุ และใช่ คนๆ นั้น คือเขาเอง....“กอ...” เสียงของใครบางคนพยายามจะเลียนแบบสิ่งที่เขาพึ่งเอ่ยคำเมื่อครู่ ท
ตอนนี้ทั้งเขาและลุงบาซิมกำลังนั่งประจันหน้ากันในห้องทำงานส่วนตัวที่ศูนย์วิจัยในช่วงเย็นค่ำของวัน หลังจากที่เขาตัดสินใจที่จะทำห้องวิจัยและนำเอามาปรึกษาพูดคุยกับอีกฝ่าย เขากลับได้รับคำตอบที่น่าตกใจยิ่งกว่า....“ครับ ที่ใต้อควาเรียมนั้นมีศูนย์วิจัยอยู่ก่อนแล้ว” ลุงบาซิมยืนยันหลังจากที่เขาเอ่ยถามซ้ำไปอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตนเอง ก่อนที่ลุงบาซิมจะเล่าถึงความเป็นมาของห้องวิจัยนั้นด้วยตนเอง“คือตอนที่คุณท่านตัดสินใจซื้อเกาะนี้แล้วเพาะเลี้ยงหอยมุกขาย ท่านก็มีการสั่งให้ทำห้องวิจัยเอาไว้ใต้ศูนย์นิทรรศการอยู่ก่อนแล้วน่ะครับ และแน่นอนว่า....... ใช้เพื่อวิเคราะห์และสำรวจหาเหล่าเงือกเหมือนกัน” เพียงเท่านั้นหัวใจของธาราก็เย็นเหยียบขึ้นมาในทันที เขาเงยหน้ามองคนพูดนิ่งๆ อีกฝ่ายที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยเล่าเรื่องราวต่อโดยไม่ต้องเอ่ยปากแต่อย่างใด“ตอนนั้นท่านบอกว่า ตอนที่พบคุณธาราแล้วพาตัวกลับไปรับการรักษาที่กรุงเทพ คุณธาราพยายามดิ้นรนเป็นอย่างมาก พยายามที่จะกลับมาที่เกาะนี้ ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไรมา คุณท่านบอกเพียงแค่ว่าคุณธารายืนกรานว่าเงือกมีอยู่จ
ในที่สุดหลังจากที่ธาราขลุกอยู่กับคาไนน์ เพื่อให้อีกฝ่ายได้ฝึกพูด ฝึกเดิน และหัดการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ปกติทั่วไป ตอนนี้วันเวลาผ่านเลยไปหลายสัปดาห์แล้ว และธาราไม่อาจเกเรไม่ยอมทำงานทำการมากไปกว่านี้ได้ นั่นด้วยเพราะผู้เป็นบิดาและพี่ชาย มักจะโทรมาถามข่าวคราวอยู่เสมอซึ่งธาราได้แต่อึกอักในลำคอ เอ่ยตอบไม่เต็มเสียง จะให้เขาบอกครอบครัวได้อย่างไร ว่าหลังจากที่ลงมาดูงานยังไม่ถึงอาทิตย์ ก็เก็บเอาเงือกตนหนึ่งมาเลี้ยงดูเสียแล้ว ดังนั้นแล้วธาราจึงต้องจำใจปล่อยคาไนน์ไว้ที่บ้านพักเพียงลำพัง ส่วนตนเองนั้นก็เข้ามาทำงานตรวจเอกสารอยู่ที่ศูนย์วิจัย บางครั้งก็หอบงานกลับไปทำที่บ้านพักด้วยแม้ว่าบิดาและพี่ชายจะเร่งตามยิ้กๆ ให้เขากลับไปช่วยงานในกรุงเทพ หากแต่เขาก็ยังคงยืนกรานที่จะอยู่ต่อ ไม่ยินยอมเดินทางกลับแต่อย่างใด แถมยังบอกทิ้งท้ายเอาไว้ว่าเขาอาจจะย้ายมาอยู่ประจำการที่นี่เป็นการถาวร และหากมีเรื่องด่วนอะไรหรือจำเป็นจริงๆ ค่อยขึ้นเครื่องกลับไปจัดการ หลังจากจบคำบอกกล่าว คนทางบ้านก็พากันร้องโวยวาย หากแต่เจ้าตัวไม่คิดจะอยู่ฟัง กลับกดตัดสายทิ้งไปในทันที แล้วโยนโทรศัพท์ส่งๆ ไว้บนโต๊ะทำงานดว
คาไนน์กำลังรู้สึกว่าตนเองถูกทรมาน.....นั่นก็เพราะว่าธาราบังคับขู่เข็ญให้เขาพยายามพูดออกเสียงให้ได้น่ะสิ!!!“ลองใหม่ครับ” ธาราในตอนนี้นั่งอยู่ข้างกัน มีปากกาอยู่ในมือและใช้มันชี้ไปที่แบบเรียนตัวอักษรอย่างใจเย็น“ตะ”“ตอเต่า”“ตะ” แรกเริ่มเดิมที ในคราแรกที่ธาราให้คาไนน์ลองออกเสียง อีกฝ่ายทำได้เพียงแค่เปล่าเสียง อื้อๆ อ่าๆ ออกมาเท่านั้น หากแต่พอเป็นคำพูดในหัวนั้นกลับพูดได้ลื่นไหล นั่นอาจจะเพราะภาษาที่เฉพาะของอีกฝ่าย ภาษาเงือกที่คาไนน์บอกว่าเราพูดคุยได้และเข้าใจกัน เพราะเขาเป็นภรรยาเงือก แต่ในเมื่อตอนนี้ขึ้นมาอยู่บนบก คาไนน์จะต้องอ่านออก เขียนได้ พูดได้ และต้องฝึกเดินให้ได้ด้วย“ลองใหม่ครับ ตอเต่า”“ตอตา” แม้มันจะดูยากไปสักหน่อย และต้องใช้ความอดทนไม่น้อย แต่ธาราคิดว่าอยู่เสมอว่าเขากำลังเลี้ยงเด็กเล็กที่อ่อนต่อโลกคนหนึ่ง ดังนั้นแล้วเขาจะต้องใจเย็นให้มาก เพื่อให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกกดดันจนเกินไปนัก ความคิดของเขาสะดุด เมื่อจู่ๆ คนที่นั่งอยู่ข้างกันก็ทิ้งตัวไปนอนแผ่หลาลงบนโต
ในเช้าวันถัดมา ธาราก็จับคาไนน์ให้ไปอาบน้ำแปรงฟันและจับแต่งตัวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับมีสิ่งที่พิเศษแตกต่างจากเมื่อคืนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่องนั่นก็คือ....‘ภรรยา ข้าเจ็บ.....’“อดทนหน่อยสิ”‘งื้ออออออ’ เสียงร้องประท้วงแผ่วเบาดังขึ้นในลำคอของเงือกหนุ่ม ตอนนี้ทั้งคาไนน์และธารากำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เส้นผมสีเงินเป็นยวงของคาไนน์ถูกจับสางไปมาและจับแต่งทรงผม นั่นเพราะหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ ธาราก็ตั้งใจจะพาคาไนน์ลงมาทานอาหารที่ด้านล่าง แต่เพราะผมที่ยาวจนเกินไปของคาไนน์ ทำให้ธาราเผลอเหยียบเข้าไปเต็มๆ เท้า จนคาไนน์หัวกระตุกหน้าหงายเงิบสุดท้ายธาราจึงตัดสินใจที่จะพาคาไนน์มานั่งลงที่หน้ากระจกเงา แล้วพยายามทำผมให้อีกฝ่ายเพื่อให้ผมไม่ยาวรุงรังเช่นแต่ก่อน และเพราะเขาเป็นผู้ชาย ยางมัดผมจึงไม่เคยได้ใช้งาน สุดท้ายก็ต้องลงไปขอยางมัดแกงจากห้องครัวกับน้ามูนา เพื่อเอามาทำผมให้อีกฝ่าย แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นอีก เมื่อธาราทำผมไม่เป็น แน่ล่ะ เขาจะไปเคยทำผมให้ใครได้ยังไง ในเมื่อชีวิตนี้เขาไม่เคยมีหญิงสาวข้างกาย จะไม่เคยทำผมให้
หลังจากที่ธาราจัดการคาไนน์ให้สวมใส่เสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อยดี เขาก็โอบอุ้มคนตัวเล็กกว่าลงไปที่ห้องรับประทานอาหาร ดวงตาคมกล้าเหลือบมองเวลา ขณะนี้ล่วงเข้าวันใหม่ไปเล็กน้อย ทางที่ดี เขาควรจะรีบพาคนตัวเล็กไปทานอาหาร แทนที่จะกัดแทะเสื้อผ้าของเขาประทังชีวิตดังนั้นแล้วหลังจากที่พาคาไนน์มาถึง ก็จับให้อีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ดีๆ ตรงหน้าของพวกเขามีกับข้าวพร้อมฝาครอบวางไว้อยู่ ธาราไม่รอช้าที่จะตักข้าวแล้วนำไปวางลงตรงหน้า พร้อมกับจัดเตรียมน้ำเปล่าให้คาไนน์ด้วย คนตัวเล็กได้แต่นั่งกะพริบตาปริบๆ เพราะยังใช้ขาไม่คล่อง ทำให้ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ดั่งใจอยาก จึงทำเพียงมองตามหลังภรรยาของตนไปมาเท่านั้น จวบจนกระทั่งธารามาทรุดตัวนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับพยักหน้าส่งสัญญาณและเอ่ยบอกเป็นคำพูด“ทานได้ครับ” นั่นทำให้คาไนน์ดวงตาลุกวาวด้วยความหิวโหย จับคว้าจานเข้ามาใกล้ แล้วกัดเข้าไปเต็มคำกร๊วม!!!‘โอ้ย!!!’ เสียงร้องดังขึ้นภายในหัว ทำให้ธาราถึงกับต้องหรี่ตาเมื่อมันดังลั่นจนหูอื้ออึง จนเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องเบิกตากกว้าง ทะล
“แล้วเลโอนี่ใคร? ทำไมเขาสอนอะไรคุณเยอะจัง?” ธาราถามด้วยความสงสัย ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินอีกฝ่ายพูดชื่อเลโอมาหลายครั้งแล้ว‘เลโอเป็นเพื่อนสนิทของข้า เขาชอบที่จะขึ้นบกมาเที่ยวเล่นบ่อยๆ แต่พอข้าขอบ้าง เขาก็บอกว่าเผ่ามนุษย์นั้นน่ากลัว เขาไม่อยากพาข้าไปเสี่ยง เลยไม่ยอมพาไปด้วยสักที’ คาไนน์ร้องบอก พร้อมกับตีหางแปะๆ ด้วยความแง่งอน“แล้วคุณไปรู้จักคำพวกนี้ได้ยังไง รู้หรอว่าหม้อต้มเป็นแบบไหน สุกเป็นยังไง ร้อนเป็นยังไง” ธารายังคงถามต่อเขาคิดว่าอีกฝ่ายคงอยู่แต่ในน้ำที่เย็นจัด จนไม่รู้จักความร้อน หม้อต้ม หรือว่าไฟ จึงเป็นเรื่องแปลกที่เขาได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าตนเองกำลังจะสุกทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นเองกับตา ธาราคิดพลางเปิดน้ำฝักบัว รินรดบนศีรษะให้ชุ่มน้ำ ก่อนจะบีบยาสระผมออกมาจัดการให้คนตัวเล็กกว่าที่ยังคงนั่งไม่รู้เรื่องรู้ราว‘รู้สิ เลโอเคยทำให้ดู เขาบอกว่าพวกมนุษย์จะชอบจับปลาไปต้มยำทำแกง แล้วก็ตั้งหม้อไฟ ต้มน้ำ แถมยังให้ข้าลองเอานิ้วจุ่มดูด้วย ตอนนั้นข้าไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร รู้เพียงข้าเจ็บและไม่สบายตัวเอาเสียเลย สุดท้ายเลโอก็บอกว่าความรู้ส
Comments