แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: light sky
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-21 18:05:05

Chapter 1

ไม่อยากเจอเธอแล้ว

การเลิกกับใครสักคนคนหนึ่งนั้นมันไม่ต้องหาเหตุผลร้อยแปดอะไรมาอ้างมากมาย แค่เพียงคบกันสักพักเรียนรู้ซึ่งกันและกันจนวันหนึ่งมันก็มาถึงจุดอิ่มตัวของความสัมพันธ์

เหมือนวันนั้นเมื่อสี่ปีก่อน

เป็นเช้าที่อากาศแจ่มใส มีแสงแดดส่องผ่านลอดมาทางหน้าต่างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ร้อนจนต้องพลิกตัวหนีหรือลุกขึ้นหลบ เป็นวันธรรมดาที่ฉันตื่นขึ้นมาแล้วพบกับแผ่นหลังเปล่าเปลือยเหมือนกับฉันในตอนนี้ ต่างกันตรงที่เขาสวมบ็อกเซอร์และกำลังนั่งขัดสมาธิที่พื้นตรงโต๊ะญี่ปุ่นหันหลังให้ฉันอยู่ ในขณะที่ฉันไม่ได้สวมอะไรอยู่เลย

“ไนล์” เสียงเรียกเบาๆ ก็ทำให้เจ้าของชื่อที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอไอแพดหันมายิ้มให้

“ตื่นแล้วเหรอ หิวมั้ย” คำถามนั้นทำให้ฉันรับรู้ถึงกลิ่นหอมของน้ำเต้าหู้ที่ลอยเตะมาจมูก คาดว่าอีกฝ่ายคงลงไปซื้อที่ตลาดเช้าตรงหน้าปากซอยเหมือนเช่นเคย

“เมื่อวานขอโทษนะที่ลืมวันเกิด”

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ไนล์ยังคงมีรอยยิ้มขณะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีง่ายๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ทั้งๆ ที่เขาวางแพลนต่างๆ ไว้มากมาย ทั้งจองร้านอาหาร ทั้งซื้อตั๋วหนัง

เมื่อคืนก็เป็นอีกคืนที่ฉันกลับถึงห้องเกือบตีสาม ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องก็เห็นแสงของเทียนที่ใกล้จะดับอยู่รอมร่อ เทียนเหล่านั้นปักอยู่บนหน้าเค้กที่น่าจะแต่งหน้ามาสวยเป็นอย่างดีแต่ตอนกลับถูกบดบังไปด้วยน้ำตาเทียนที่หยดลง แน่นอนว่าวันเกิดฉันยังอีกหลายเดือน ซึ่งเค้กก้อนนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากไนล์

“ไม่เป็นไรอีกแล้ว”

“ก็ไม่เป็นไรจริงๆ นี่ เดี๋ยวปีต่อๆ ไปไนล์คอยย้ำให้ก็ได้” ริมฝีปากยกยิ้มอ่อนโยน คนตัวสูงลุกขึ้นมาแล้วสอดตัวเข้ามานอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน มือหนานั่นลูบหัวฉันเพื่อปลอบก่อนจะเลื่อนมาวางเบาๆ ไว้ตรงแก้ม

“เมื่อวานลืมวันเกิด ก่อนหน้านี้ลืมวันครบรอบ ลืมนัดกินข้าว ลืมนัดดูหนัง ลืมโทรหา ลืม-”

“นับแต้ม” ไนล์หุบยิ้มขัดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นมานิดหนึ่งแต่ก็สามารถบ่งบอกได้ว่าเขากำลังไม่พอใจในสิ่งที่ฉันพูดและกำลังจะพูด

“ไม่แน่นะว่าสักวันเราอาจจะลืมไน-”

จุ๊บ!

เสียงจุ๊บหนักๆ เกิดขึ้นคล้ายจะลงโทษอยู่ในที ระยะหลังมานี้เราทะเลาะกันบ่อยขึ้น อันที่จริงเป็นฉันมากกว่าที่ทะเลาะอยู่คนเดียว เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้ฉันก็เป็นฝ่ายที่หาเรื่องขึ้นมาทะเลาะก่อน ฉันรู้ว่ามันงี่เง่าแต่บอกตามตรงว่าฉันไปต่อไม่ได้อีกแล้ว

“ไนล์” ฉันเรียกชื่อเขาแล้วถอนหายใจพร้อมทั้งแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายให้ร่างสูงได้รับรู้

“...”

“พอกันมั้ย...เรื่องของเราทั้งคู่นะ”

“…”

“เลิกกันเถอะนะ นับแต้มขอร้องละ”

แล้วเช้าวันนั้นก็เป็นเช้าอันสดใสที่เราเลิกกัน...

ข่าวการเลิกกันของฉันกับไนล์แพร่สะพัดไปเร็วยิ่งกว่ารถไฟความเร็วสูงซะอีก เป็นเหมือนอย่างหลายคู่ที่เลิกกัน ฉันลบภาพคู่ของเราออกจากไอจี ลบเพื่อนออกจากเฟซบุ๊ก แต่ไม่ว่าจะลบความทรงจำในอินเทอร์เน็ตยังไงก็ไม่สามารถหนีตัวเป็นๆ ได้เพราะเรายังต้องเรียนด้วยกัน ยังดีที่ฉันไม่ได้สนิทกับกลุ่มเพื่อนของไนล์นักจึงไม่ต้องคอยหลบหน้าหรือฝืนยิ้มทักทาย

ส่วนฉันกับไนล์เรากลายมาเป็นคนแปลกหน้า จะมีบ้างในห้องเรียนที่มองไปรอบๆ แล้วเผลอสบตาเข้ากับนัยน์ตาสีนิลเข้าแต่มันก็จบเพียงเท่านั้น มองตากัน เมินหน้ากัน ไม่มีการทักทายทั้งการกระทำและคำพูด ความสัมพันธ์เป็นเพียงเพื่อนร่วมภาคโดยสมบูรณ์แบบ

หลายคนดีใจออกนอกหน้าที่ในที่สุดคู่ของพวกเราก็เลิกกันจนได้ ฉันได้แต่แค่นยิ้มกับคำพูดของใครก็ไม่รู้ที่ฉันไม่ได้รู้จักมักจี่ด้วย มีครั้งหนึ่งได้ยินแว่วๆ มากับตัวว่ามีคนเรียกฉันว่าผู้หญิงหยำฉ่า ฉันถึงกับรีบหยิบมือถือเข้ากูเกิลเพื่อหาความหมายของมัน

ก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่

“นับแต้ม โต๊ะสาม”

เสียงของพี่เฟี้ยตดังขึ้นก่อนที่ตัวจะมาเสียอีก เจ้าของร่างบางที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการไนต์คลับแห่งนี้เปิดประตูเข้ามายังห้องแต่งตัวของพนักงาน ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดเกาะอกสีดำเข้ากับกระโปรงหนังสั้นรัดรูปตัดกับรองเท้าสีแดงสดส้นสูงปรี๊ด ใบหน้าถูกแต่งแต้มแน่นไปด้วยเครื่องสำอางเพื่อให้สู้กับแสงไฟวิบวับของคลับนี้ได้

ฉันเป็นเด็กเชียร์เบียร์ให้กับคลับแห่งนี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความลับเพราะลูกค้าหลายๆ คนก็เป็นเด็กในมหาวิทยาลัยเอง ข่าวลือเกี่ยวกับตัวฉันแพร่สะบัดแต่ฉันก็ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นต้องมาอธิบายกับใครก็ไม่รู้ที่ไม่หวังดีกับฉัน

“ใครเหรอคะพี่เฟี้ยต”

“น้องกล้าหาญจ้ะ”

ฉันพยักหน้ารับรู้แล้วเช็กตัวเองในกระจกอีกครั้ง ที่จริงฉันรับลูกค้าที่คุ้นเคยกันเท่านั้นเพราะว่ากันตามตรงฉันอายุยังไม่ถึงตามที่เขากำหนด หากแต่ตอนแรกที่มาทำเพราะขาดคนเท่านั้น แรกเริ่มหน้าที่ของฉันจริงๆ คือหยิบนั่นนี่ในครัวหรือรอทำความสะอาดต่างหาก

“สวัสดีค่ะพี่กล้าหาญ” ฉันกล่าวทักทายก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งข้างเขาบนเก้าอี้โซฟากำมะหยี่สีน้ำเงินตัวยาวพอเหมาะสำหรับนั่งสองคน

“ไงเรา จะไฟนอลแล้วนี่”

“ใช่ค่ะ เทอมนี้ลงเต็มหน่วยกิตแถมสอบในตารางทุกวิชาด้วย” ฉันบ่นอุบเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากร่างสูง อ้อ! พี่กล้าหาญเรียนคณะเดียวกันกับฉันแต่เรียนป.โทแล้ว

“เหนื่อยแย่”

“ป.โทน่าจะเหนื่อยกว่านะคะ คืนนี้จะดื่มอะไรดีคะ”

“ขอเบาๆ แล้วกัน พรุ่งนี้พี่ต้องไปเจออาจารย์เรื่องธีสิส”

“ได้เลยค่า เดี๋ยวนับแต้มคนนี้จะจัดให้นะเจ้าคะ” ฉันลุกขึ้นยืนถอนสายบัวลวกๆ ก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มแล้วออร์เดอร์ชื่อของน้ำเมาไป

ฉันกลับมาที่โต๊ะพร้อมเครื่องดื่มตามที่พี่กล้าหาญต้องการ แขนแกร่งยืดมาพาดไหล่เปลือยของฉันเอาไว้ก่อนที่จะกระชับออกแรงให้ฉันนั่งไปใกล้เขาอีกส่วนอีกมือหนึ่งก็ยกเครื่องดื่มที่บรรจุลงในแก้วเล็กๆ กลืนลงคอเข้าไปรวดเดียว

“ได้ข่าวว่าน้องนับแต้มเลิกกับแฟนแล้ว” พอเหล้าเข้าปากแม้เพียงจะแก้วเดียวแต่ดูเหมือนจะทำให้อีกฝ่ายพูดเสียงออเซาะขึ้นมาอีกระดับ

“เลิกกันตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งรู้คะเนี่ย” ฉันว่าก่อนจะหัวเราะเสียงเบาแล้วโน้มตัวไปเตรียมเครื่องดื่มอีกแก้ว

“พี่ก็รู้นานแล้ว แต่เรานั่นแหละเดินสวนกันที่คณะทีไรก็ทำเฉย เดินเมินเลยพี่ไปอย่างกับว่าเราไม่สนิทกัน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาอย่างน้อยใจพร้อมกับมือหนาที่เลื่อนลงมาในระดับเอวเพื่อย้ำคำว่าสนิทของตนเอง

ฉันยิ้มก่อนจะส่งเครื่องดื่มให้เขา “ขอโทษนะคะ”

“ตอนแรกพี่นึกว่าน้องนับแต้มจะเกรงใจแฟน แต่นี่ไหนๆ ก็เลิกกันแล้วเวลาเจอกันข้างนอกอย่าทำเมินพี่ได้ไหม”

“...”

“ถ้าน้องนับแต้มเมินพี่อีกพี่จะทำโทษ” ว่าพร้อมกับกดจมูกลงมาคลอเคลียที่ไหล่ของฉันเพื่อส่งการสาธิต ฉันหัวเราะคิกคักก่อนจะเบี่ยงตัวออกมาเล็กน้อย “คืนนี้น้องนับแต้มหอมจังเลยครับ”

“เหรอคะ นับแต้มนึกว่าตัวเองหอมทุกเวลาเสียอีก”

“เด็กขี้ยั่ว” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากไหล่ฉันแล้วเอ็ดเสียงหวาน “แบบนี้พี่ต้องจัดเครื่องดื่มอีกสักชุดแล้วมั้งเนี่ย”

“ถ้าจะกรุณาค่ะ”

“งั้นจัดเต็มมาเลยครับ” ฉันยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นไปยังบาร์เครื่องดื่มอีกครั้ง ยิ่งลูกค้าสั่งเยอะเท่าไหร่นั่นหมายความว่าเงินที่ได้ก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ เพราะเปอร์เซ็นต์ก็จะหักเข้าคนสั่งเครื่องดื่มอย่างฉันไปอัตโนมัติ ถือว่าวิน-วินกันทุกฝ่าย

“เครื่องดื่มได้แล้วครับน้องนับแต้ม”

“ขอบคุณค่ะพี่เหนือ”

ฉันรับเครื่องดื่มมาจากพี่น้ำเหนือบาร์เทนเดอร์ฝีมือดีแล้วหมุนตัวกลับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นใครบางคนกำลังนั่งจิบเครื่องดื่มทางด้านอีกฝั่งหนึ่งของร้านที่อยู่ไม่ไกลนัก จากตรงนี้ไนล์กำลังนั่งอยู่กับเพื่อนในแก๊งของเขา และทั้งโต๊ะก็มองมาที่ฉันอย่างจงใจก่อนจะกระซิบกระซาบกันมีแค่ไนล์ที่ถอนสายตากลับไปเป็นคนสุดท้าย

นี่มันอะไรกันทำไมคนอย่างไนล์ถึงได้มาโผล่ที่นี่ได้แล้วเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเห็นอะไรไปแล้วบ้าง...

ฉันพยายามควบคุมสติที่ลอยเตลิดเปิดเปิงเพราะความตกใจที่ได้เห็นอีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อสามารถพาตนเองมาที่โต๊ะได้สำเร็จโดยที่เครื่องดื่มอย่างปลอดภัยอยู่ สีหน้าของฉันคงดูไม่ได้เอามากๆ เพราะทันทีที่กลับที่โต๊ะพี่กล้าหาญก็ถามฉันทันทีว่าเป็นอะไรไปหรือเปล่า ฉันส่ายหน้าพยายามทำตัวปกติแม้สายตาจะเหลือบไปยังโต๊ะนั้นบ้างเป็นระยะ

“พี่นึกว่าเราจะตกใจแฟนเก่า”

“...จะตกใจทำไมคะ ในเมื่อเลิกกันไปแล้ว” ฉันว่าเสียงเรียบ คนตัวโตกว่าหัวเราะถูกใจและพี่กล้าหาญก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าฉันไม่ต้องการสนทนาเรื่องนี้เลยโอบเอวฉันแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยแทน

ในที่สุดไนต์คลับก็ปิดและฉันก็ไม่ได้รับลูกค้าคนอื่นเลยนอกจากพี่กล้าหาญ คนตัวสูงเช็กบิลไปในราคาที่เท่ากับเงินเดือนของใครหลายๆ คน ในขณะที่ฉันก็คิดถึงส่วนแบ่งที่จะได้ตอนสิ้นเดือน เพราะบรรดาค่าต่างๆ นั้นงวดใกล้เข้ามาทุกทีทำให้ฉันต้องคำนวณอยู่ตลอดเวลาว่ามันจะพอรึเปล่า

“ให้พี่ไปส่งมั้ย” พี่กล้าหาญรั้งแขนฉันเอาไว้ด้วยสายตาที่มีเลศนัยและเดาไม่ยากว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

ฉันคลี่ยิ้มบางออกมา ดึงแขนตัวเองกลับมาไว้ข้างตัวด้วยท่าทีนุ่มนวล ก้มศีรษะส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นการปฏิเสธก่อนจะเดินเข้ากลับห้องพักพนักงาน

แต่พี่กล้าหาญก็ขี้ตื๊อกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ทันทีที่ก้าวออกมาจากร้านซึ่งเป็นประตูเฉพาะพนักงาน ร่างสูงของพี่กล้าหาญก็ยืนจังก้าคลี่ยิ้มเต็มหน้ามาให้ โดยไม่ต้องถามว่าอีกฝ่ายมายืนตรงนี้ได้ยังไงพี่เฟี้ยตที่ยืนหลบมุมอยู่ก็โผล่ออกมายิ้มเผล่แล้วรีบเดินออกไป

“อย่าไปว่าคุณเฟี้ยตเธอเลยนะครับ”

“จะว่าพี่หาญนั่นแหละค่ะ” เขาหัวเราะชอบใจกับสายตาขุ่นของฉันก่อนจะเดินตามหลังฉันมาต้อยๆ จนถึงล็อบบี้ของโรงแรม “พี่ไปส่ง”

“แต่พี่หาญดื่ม” ฉันค้าน

“งั้นเรียกรถ” ร่างสูงว่าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะกดแอปเรียกรถให้แต่ฉันก็ห้ามไว้เสียก่อน

“นับแต้มเรียกรถแล้วค่ะพี่หาญ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ตั้งใจจะไปส่งนับแต้ม” ฉันทอดเสียงหวานเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขมวดคิ้ว “ช่วยไปส่งนับแต้มขึ้นรถได้ไหมคะ”

“ด้วยความยินดีครับ” ฉันเบาใจเมื่อพี่กล้าหาญมีสีหน้าที่ดีขึ้น

รถที่เรียกมารออยู่ที่หน้าโรงแรมแล้ว พี่กล้าหาญเปิดประตูให้ฉันแต่ก่อนที่ฉันจะได้เข้าไปนั่งคนตัวโตกว่าก็รั้งฉันไปกอดเอาไว้แน่น ฉันตกใจแต่ก็มีสติมากพอที่จะไม่ผลักอีกฝ่ายออก ฉันรอให้เขากอดฉันจนพอใจแล้วผละฉันออกก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการหอมผมฉันเบาๆ

“ฝันดีนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

เพียงไม่นานฉันก็พาตัวเองกลับมาในห้องแคบๆ นี้ได้สำเร็จ ฉันทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง มันไม่มีแรงแม้กระทั่งจะเปิดโคมไฟที่หัวเตียง ชื่นชมตัวเองในใจว่าเก่งมากที่สามารถผ่านไปได้อีกหนึ่งวันจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงเสียงสะอื้นของตัวเอง

“ฮึก...”

เมื่อกี้ที่หน้าโรงแรมฉันมั่นใจว่าตัวเองตาไม่ฝาด ฉันเห็นไนล์ที่กำลังจงใจมองฉันมาจากที่นั่งตรงบริเวณล็อบบี้ และใช่ฉันก็จงใจสบตากับเขากลับในตอนที่พี่กล้าหาญกำลังกอดฉันอยู่ สายตาว่างเปล่าส่งไปให้อีกฝ่ายเพื่อยืนยันว่าฉันไม่มีความรู้สึกใดๆ กับเขาอีกแล้ว

ส่วนน้ำตาที่ไหลอยู่ตอนนี้ถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูทำให้ฉันฝืนตัวเองเด้งตัวขึ้นมา มือบางปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ แล้วเดินไปเปิดประตู ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย

“ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังเปิดประตูง่ายๆ แบบนี้” เสียงเหมือนจะดุหากทว่าฟังดูเป็นห่วงอยู่ในทีทำฉันเม้มปากแน่น มองดูไนล์ที่ยืนอยู่หน้าห้องโดยไม่มีทีท่าว่าอยากจะเข้ามา

“มีอะไร” ฉันถามเสียงเรียบ

“มาคืนกุญแจ” กุญแจห้องนี้อีกชุดที่ปั๊มเอาไว้ให้อีกคนโดยเฉพาะถูกยัดใส่มือฉัน แม้ว่าจะไม่ได้มองแต่ความรู้สึกเย็นๆ จากโลหะที่ฝ่ามือก็ยืนยันได้เป็นอย่างดี

“ที่จริงเอาไปทิ้งเลยก็ได้”

“ไม่ละ...เผื่อนับแต้มเก็บเอาไว้ให้ใคร” ฉันเงยหน้าขึ้นไปสบตากับอีกฝ่ายที่จ้องมองตาฉันกลับโดยไม่ยอมแพ้ “เมื่อกี้แฟนเหรอ...ที่ส่งขึ้นรถ”

“ลูกค้า” ไนล์นิ่งไปเมื่อฟังคำตอบของฉันจบ “กลับไปได้แล้ว”

“...ไม่เข้าใจ” นานทีเดียวกว่าอีกฝ่ายจะหาเสียงตัวเองเจอ

“...”

“ไนล์ไม่เข้าใจ...ว่าทำไมเราถึงเลิกกัน” สายตาตัดพ้อของไนล์กำลังทำฉันหายใจไม่ออก “ไนล์รับได้ทุกอย่างจริงๆ นะ ไม่สนด้วยว่าคนอื่นจะว่ายังไง”

“แล้วคิดว่าเราสนเหรอ” ฉันสวนกลับไป

“นับแต้ม...”

“เราแค่ไม่ได้รักไนล์แล้ว ทำไมถึงไม่เข้าใจ”

“ใจร้ายว่ะ”

“แล้วการที่เราทนคบไนล์ต่อทั้งๆ ที่เราไม่ได้รักไนล์แล้วมันดูไม่ใจร้ายกว่าเหรอ” ฉันถามคนตรงหน้าไปตรงๆ ไนล์เหมือนจะอึ้งไป คงไม่คิดว่าฉันจะพูดออกไปแบบนี้

“จะย้ำกันไปถึงไหน”

“ก็จะย้ำจนกว่าไนล์จะยอมรับ”

“เธอแม่ง...โคตรใจร้ายเลยว่ะนับแต้ม”

“...”

“ไม่อยากเจอเธอแล้วอะ”

“อืม จะพยายามไม่ให้ไปอยู่ในสายตาแล้วกัน”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัท   บทที่ 66

    ร่างบางใช้เวลาทั้งหมดก่อนจะโดนเรียกประชุมไปกับการแก้แผนงาน ที่จริงแล้วแผนงานฉบับเดิมนั้นดูโอเคดีแล้วเพียงแต่มีบางจุดอย่างไม่สามารถตอบโจทย์ ‘บอส’ ได้ก็เท่านั้น ห้องประชุมทีม NewType นั้นอยู่ชั้นเดียวกันกับห้องประธาน ร่างบางรวบแฟ้มที่มีแผนงานอยู่ในนั้นรวมทั้งแฟลชไดรฟ์เพื่อเตรียมจะนำเสนอ ก่อนจะเลือกหลบมุมอยู่มุมหนึ่งเพื่อใช้สมาธิในการท่องจำ ระหว่างนั้นมือถือที่ปิดเสียงไว้ก็สั่นขึ้นมา ร่างบางปรายหางตาไปมองก่อนจะตัดสายด้วยความรวดเร็วก่อนจะส่งสติกเกอร์รูปหัวใจตอบกลับไปให้ทีนึง “ทุกคน บอสมาแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาพาให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไม่นานนักก็ปรากฏร่างสูงในชุดสูทแบรนด์ดังดูได้จากลวดลายบนเสื้อเดินผ่านประตูเข้ามาด้วยท่าทางที่สง่างามไปทุกท่วงท่า ทว่าใบหน้านั้นติดจะเรียบเฉยเอนเอียงไปทางหงุดหงิดค่อนข้างมาก ร่างสูงเดินผ่านทุกคนไปนั่งตรงหัวโต๊ะอย่างไม่แม้แต่จะสบตาใครสักคน บรรยากาศขมุกขมัวที่แผ่ออกมาจากร่างสูงทำให้ห้องนี้เหมือนอยู่ในอากาศที่ติดลบหนาวสั่นไปทั้งตัว ด้านหลังของร่างสูงนั้นมีคุณจันทร์เลขาของบอสตามมาติดๆ เธอได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ให้คนในห้องและยกกำปั้นขึ้นเพื่อจะบอกว่า ‘สู้ๆ’

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัท   บทที่ 65

    Special Chapter l พนักงานใหม่ หนึ่งวันผ่านไปก็แล้ว... สองอาทิตย์ผ่านไปก็แล้ว... สามเดือนผ่านไปก็แล้ว... แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่นับแต้มจะกลับมา! ภายในห้องทำงานของท่านประธานบริษัท Being you Group ที่อยู่ชั้นบนสุดของตึก เจ้าของห้องกำลังเคาะปากกาลงบนโต๊ะจนได้ยินเสียง กึก กึก อยู่ตลอดเวลา ใบหน้าหล่อเหลาที่ได้รับสืบทอดยีนเด่นมาตั้งแต่ต้นตระกูลนั้นกำลังขมวดคิ้วยุ่งบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวที่ไม่คงที่นัก นัยน์ตาสีเข้มทอดมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองที่ดับไปแล้ว นึกย้อนถึงบทสนทนาของตนกับนับแต้มที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ของยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เขาพยายามเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะกลับมาแต่เจ้าของปลายสายนั้นกลับเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องอื่นอย่างจงใจ นี่เขากำลังถูกทิ้งอีกครั้งเหรอ? ร่างสูงเริ่มนั่งไม่ติด เข่าที่อยู่ใต้โต๊ะเริ่มเขย่าไปมาอย่างเสียบุคลิก เป็นไปไม่ได้หรอก...ไนล์เริ่มคิดปลอบใจตัวเอง ในเมื่อสองเดือนแรกที่นับแต้มกลับไปนั้นเขายังเทียวขึ้นเทียวลงไปกลับเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ทุกเสาร์อาทิตย์อยู่เลย อีกอย่างตอนที่ไม่ได้เจอกันเราก็ยังคุยโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลกันเป็นปกติดี แม้ก

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัท   บทที่ 64

    มีเวลาสักพักกว่าเครื่องจะออก เพราะเช็กอินทางอออนไลน์มาแล้วจึงไม่ต้องรีบมากนัก ฉันขึ้นชั้นสองแวะซื้อขนมไปฝากพี่ๆ เพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยและที่คลับ ก่อนจะเข้ามาภายในของเกต โชคดีที่เกตที่ฉันต้องขึ้นอยู่ไม่ไกลนัก เดินไปแป๊บเดียวก็ถึง ภายในเกตคนน้อยกว่าข้างนอกมาก ฉันนั่งลงที่เก้าอี้รอประกาศการขึ้นเครื่อง ทอดสายตามองไปนอกอาคารเห็นเครื่องบินลำน้อยใหญ่จอดรอเรียงกันอยู่บนรันเวย์ ฉันยกมือถือขึ้นถ่ายรูปกับภาพเบื้องหน้าที่มองเห็นก่อนจะอัปลงในไอจีและส่งข้อความไปรายงานไนล์ “ขอโทษนะครับ ตรงนี้มีคนนั่งมั้ยครับ?” !!! ฉันเงยหน้าขึ้นขวับทอดสายตามองไปยังเจ้าของเงาที่ปกคลุมร่างของฉันเอาไว้ ดวงตาของฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจ อวัยวะภายในอกเต้นสั่นระรัว นิ่งค้างอยู่แบบนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “ไนล์...” ฉันเอ่ยเสียงแผ่วเหมือนจะคุยกับตัวเองมากกว่า “อื้ม ไนล์เอง” ร่างสูงยิ้มพลางทรุดตัวลงนั่งข้างฉัน “มาได้ไง ไหนบอกว่าจะไม่มาไม่ใช่เหรอ?” “กลัวเด็กร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่หน้าเกตก็เลยเข้ามาดูสักหน่อย” ไนล์เอ่ยแซว ร่างสูงงอนิ้วชี้แล้วมาแตะลงบนจมูกฉันเบาๆ “ไนล์เห็นนับแต้มยืนหันซ้ายหันขวาตั้งแต่อยู่นอ

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัท   บทที่ 63

    Final Chapter officially “อย่าโมโหไปเลยน่า เขาคงเมานั่นแหละ น่านะ” ฉันพูดขึ้นเมื่อเราสองคนเข้ามาอยู่ในรถ หันหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังตีหน้ามุ่ยอยู่ นัยน์ตาเข้มจับจ้องไปที่ท้องถนนที่อยู่ด้านหน้า มือทั้งสองข้างกำพวงมาลัยรถไว้แน่น ช่วงนี้อารมณ์ของร่างสูงนั่นค่อนข้างจะอ่อนไหว ซึ่งฉันรู้ดีว่าเขาเป็นแบบนี้เพราะอะไร ตลอดทางจากร้านชาบูมายังหอพักที่ฉันเช่าเอาไว้ร่างสูงไม่พูดอะไรออกมาสักแอะ ยิ่งพอเข้ามาในห้องอารมณ์ของอีกฝ่ายก็เหมือนจะดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ หน้าของเขามืดไปแปดส่วนขณะทอดสายตาไปยังกระเป๋าเดินทางที่เปิดอ้าอยู่ตรงมุมห้องเพราะยังเก็บของไม่เสร็จ ไนล์เดินปั้นปึ่งไปทิ้งตัวนั่งกอดอกอยู่บนเตียงนอน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นจนเกิดเป็นรอยย่นตรงหน้าผาก ฉันมองแผ่นหลังกว้างแล้วเดินตามไปทรุดตัวนั่งลงข้างๆ อ้าแขนกอดรวบร่างอีกฝ่ายเอาไว้พลางเงยหน้าขึ้นวางคางบนหัวไหล่ของเขาเป็นที่ค้ำ “ไม่ไปไม่ได้เหรอ” เป็นไนล์ที่เอ่ยออกมาก่อน เสียงของเขาฟังดูเศร้าสร้อยเสียจนคนฟังอย่างฉันใจอ่อนยวบ แต่ถึงอย่างนั้นฉันและไนล์ต่างก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ “ไม่ไปก็เรียนไม่จบสิ” ฉันบอกในสิ่งที่เจ้าตัวรู้อยู่แ

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัท   บทที่ 62

    “อื้อออ” “อืมมม” ไนล์ออกแรงกระแทกเอวสอบเข้ามาทีหนึ่งแรงๆ ก่อนจะกดค้างไว้อย่างนั้นพร้อมกับเสียงทุ้มที่คำรามออกมาพร้อมกับเสียงหวีดร้องของฉัน ไนล์ซุกหน้าลงกับหน้าอกของฉันที่กระเพื่อมขึ้นลงปรับอารมณ์ตัวเองให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ สองร่างสอดประสานกันแบบนั้นสักพักก่อนร่างสูงจะถอนตัวออกไป “ไปเขียนรายงานให้นับแต้มเลยนะ” “สบายอยู่แล้ว! ให้เป็นหน้าที่ไนล์เอง” เวลาสามเดือนแห่งการฝึกงานผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่หากพอมองดีๆ แล้วกลับมีเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างมากมาย ฉันมองไปที่โต๊ะข้างตัวที่ว่างเปล่า อย่างน้อยหนึ่งในนั้นคือพี่สาเลือกที่จะลาออกไปแต่โดยดี ฉันเก็บของบนโต๊ะลงใส่กล่องลังด้วยความรู้สึกหน่วงใจเล็กน้อย เย็นนี้พี่ปิ่นเป็นเจ้ามือเลี้ยงส่งเด็กฝึกงานแผนกการตลาดที่ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูแห่งหนึ่งใกล้กับบริษัท เมื่อมาถึงก็เห็นโต๊ะขนาดยาวต่อกันไว้ให้พวกเราโดยเฉพาะ ทุกคนในทีมต่างกันแย่งกันจับจองที่นั่งโดยมีพี่ปิ่นนั่งอยู่หัวโต๊ะ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือแอลกอฮอล์ แต่ฉันที่เพิ่งไปเจอเรื่องของนับตังค์มาแล้วยังสะเทือนใจไม่หายก็ขอผ่านเครื่องดื่มพวกนี้ไปกดน้ำพันช์สีส้มมาดื่มแทน ชาบูทุกหม้อแน่นขนัด

  • My Ex. แฟนเก่าของฉันเป็นประธานบริษัท   บทที่ 61

    ฉันเขม่นตาหรี่มองคนที่พูดไปตุเป็นตะ “ตลกละ” ไนล์หัวเราะก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอด “พ่อกับแม่ไม่ได้ทิ้งนับแต้มหรอกนะ เขาแค่ดีใจที่มีคนมาดูแลนับแต้มเพิ่มขึ้นไง ถ้าอะไรๆ ลงตัวเราสองคนก็ไปเยี่ยมท่านให้บ่อยขึ้นดีมั้ย” “อื้ม” ฉันพยักหน้าอยู่กับอกร่างสูง “ว่าแต่...อาทิตย์หน้าก็จะฝึกงานเสร็จแล้วใช่มั้ย” ฉันชะงักมือที่กอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าไปทำตาโตใส่ไนล์ “จริงด้วย! นับแต้มยังทำรายงานไม่เสร็จเลย เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยมัวแต่ยุ่งๆ เรื่องนับตังค์ อ๊ะ!” “รายงานน่ะเดี๋ยวค่อยทำ มาทำการบ้านกับไนล์ก่อน” ฉันร้องเสียงหลง ร่างของฉันที่ตั้งใจจะผละออกไปยังที่โต๊ะทำงานกลับต้องซวนเซมาอยู่ในอ้อมแขนของไนล์อีกครั้งริมฝีปากหยักก้มลงมาประทับจูบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนลิ้นหยุ่นจะเข้ามากวาดต้อนความหวานด้านในด้วยความรวดเร็ว ไนล์ใช้ร่างกายที่ใหญ่โตกว่าดันร่างฉันให้ก้าวถอยหลัง และด้วยขนาดของพื้นที่ห้องที่ไม่ได้กว้างอะไรเลย เพียงเดินถอยหลังสองสามก้าวก็ชนเข้ากับขอบเตียงเสียหลักหงายหลังหล่นตุ๊บไปอยู่บนที่นอนแล้ว ยังดีที่เหมือนว่าร่างสูงได้คาดคะเนไว้แล้วจึงใช้มือหนายั้งแผ่นหลังฉันไว้ไม่ให้กระแทกลงไปอย่างเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status