หลังจากที่เปียโนกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็มุ่งหน้าเดินทางมาที่โรงพยาบาลที่พ่อของเธอรักษาตัวจากอุบัติเหตุ
"พ่อเป็นอย่างไรบ้างคะ" "มาแล้วเหรอลูก" เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาถามลูกสาว ในสายตาของนิลภพเปียโนยังเป็นเพียงเด็กน้อยสำหรับเขาเสมอ รอยยิ้มของเปียโนฉีกขึ้นกว้างเธอสาวเท้าเข้าไปใกล้ ๆ เตียงผู้ป่วย นิลภพไม่ได้นอนพักที่ห้องพิเศษแต่อย่างใดเพราะตอนนี้ตัวเขาไม่ได้มีเงินเหมือนเมื่อก่อนการรักษาตัวทำได้เพียงนอนพักที่ห้องผู้ป่วยรวมเท่านั้น "หนูรีบกลับมากลัวพ่อจะเหงา" "เหงาที่ไหนล่ะ ดูสิข้าง ๆ ก็มีแต่เพื่อน" ชายวัยเกือบหกสิบพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าตามร่างกายจะมีแต่รอยฟกช้ำก็ตามที "แล้วคุณหมอบอกหรือเปล่าคะว่าจะให้พ่อกลับบ้านวันไหน" "พ่อก็ไม่รู้แต่เห็นว่าพ่อต้อง x-ray อีกรอบ" " x-ray ??" คำพูดของพ่อทำเอาเปียโนชะงักเล็กน้อย เธอรู้ได้เลยว่าต้อง x-ray ส่วนไหนทว่าตอนนี้เธอยังไม่มีแม้เงินที่ต้องเตรียมผ่าตัด "พ่อค่ะ เดี๋ยวหนูมานะ" เปียโนสาวเท้าออกจากเตียงผู้ป่วยมุ่งหน้าออกไปที่แผนกอายุรกรรมระบบประสาทและสมองเธออยากจะขอคุยกับคุณหมอเรื่องการผ่าตัดหากจะผ่าตัดตอนนี้เธอไม่มีเงินมากขนาดนั้น ใบหน้าสวยคมดวงตากลมโตเหมือนจะหวั่นวิตกมากมาย สองมือเรียวงามบีบกันแน่น "ขอโทษนะคะ คุณพยาบาลหนูอยากพบคุณหมอค่ะ คือ...หนูเป็นลูกสาวนาย นิลภพ ค่ะ" "สักครู่นะคะ" เปียโนเธอยืนรอสักพัก คุณหมอเจ้าของไข้ก็เดินมาพบ ใบหน้าคุณหมอใหญ่วัยสี่สิบต้น ๆ ยิ้มเล็กน้อยจ้องมองใบหน้าเด็กสาวด้วยความเอ็นดู "สวัสดีค่ะคุณหมอ คือหนูอยากจะขอเวลาเลื่อนการผ่าตัดออกไปสักนิดได้ไหนคะ ตอนนี้หนูยังไม่พร้อมเรื่องค่ารักษา" "ได้ครับ แต่หมอก็ไม่อยากให้ปล่อยไว้นานเกรงว่ามันจะมีผลกระทบหลายด้าน หากเลื่อนก็อย่าให้มากกว่าหนึ่งเดือนนะครับ เพราะตอนนี้มันก็ไม่ได้ใหญ่มากหากปล่อยไว้นานมันจะโตมากกว่านี้อาจจะทำให้การผ่าตัดยากขึ้น" "ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ" หลังจากไปพบคุณหมอเจ้าของไข้มาแล้ว เปียโนเธอกลับมาที่เตียงผู้ป่วยอีกครั้งแม้ว่าภายในหัวจะแอบกังวลมากมายทว่าต่อหน้าพ่อแล้วเธอจำเป็นต้องฝืนยิ้มร่าออกมา "ไปไหนมาลูก" "อ้อ คือหนูแวะไปถามอาการพ่อเท่านั้นค่ะ อีกสองวันก็กลับบ้านได้แล้วนะ" "ดีเหมือนกัน พ่อเองก็เบื่อโรงพยาบาลเต็มทีแล้วเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ อันที่จริงพ่อก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่รอยฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้น" นิลภพพูดพร้อมรอยยิ้มส่งให้ลูกสาว เปียโนเองก็ยิ้มรับแต่ภายในใจเธอแอบกังวลมากมายอยากจะให้พ่อได้ผ่าตัดเร็ววัน เวลาผ่านไปสักพักใหญ่นิลภพก็สั่งให้ลูกสาวกลับมาห้องพักไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาเฝ้าให้ลำบากเพราะตัวเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก และยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนเปียโนเธอเดินทางกลับมาที่ห้องพักที่อาศัยอยู่กับพ่อ ใบหน้าของเธอดูจะเหนื่อยล้าเล็กน้อยตึกสูงตระหง่านนี้เป็นอพาร์ตเมนต์ระดับกลางภายในห้องไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์มากมายอะไร มีแค่ทีวีและของใช้จำเป็นที่วางอยู่ในห้องโถงและยังมีห้องนอนส่วนตัวแยกออกไปอีกห้อง นิลภพเลือกที่จะเช่าห้องแบบนี้เพราะคิดเห็นใจลูกสาว อย่างน้อย ๆ น่าจะมีห้องที่แยกออกเป็นส่วนตัว ส่วนราคานั้นสี่พันกว่าบาท ถือว่าแพงสำหรับเขาในตอนนี้ หากถามว่าทำไมถึงมีค่าเช่าได้จ่ายทุกเดือนเพราะเขาขายสมบัติที่เป็นของภรรยาที่ควรเก็บไว้ให้ลูกแต่เพราะความจำเป็นเลยต้องกัดฟันสละพื้นที่ต่างจังหวัดทิ้ง "สำลี ฉันกลับมาแล้ว" เปียโนมุ่งหน้าไปอุ้มแมวตัวสีขาวสะอาด หน้าตาของมันน่ารักแสนรู้ เปียโนรับแมวตัวนี้มาเลี้ยงได้สองปีเพราะเห็นว่ามันน่าสงสารนอนขดตัวหนาวสั่นอยู่หน้าเซเว่นแถวบ้านจนตอนนี้แม้ว่าเธอจะไม่มีอะไรเหลือก็ยังอุตส่าห์หอบมันมาอยู่ห้องเช่าด้วย หลังจากที่เปียโนอุ้มแมวตัวนั้นก็วางมันลงจัดการเทอาหารให้กินเรียบร้อยก่อนที่เธอจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะไปทำงานพาร์ตไทม์ร้านกาแฟแถวห้างเป็นรายได้เสริมที่ช่วยให้เธอได้มีเงินไปเรียนหนังสือ ใบหน้าเรียวสง่างามสวมเสื้อผ้ารัดกุมดูเรียบร้อยก่อนที่เธอจะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ในซอยให้ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อทำหน้าที่พนักงาน ไม่กี่อึดใจที่วินมอเตอร์ไซค์ก็ขับมาส่ง เปียโนรีบล้วงเงินในกระเป๋าให้จากนั้นก็เหมือนจะเร่งรีบเธอทั้งกึ่งเดินกึ่งวิ่งเมื่อมาถึงร้านก็รีบคว้าผ้ากันเปื้อนมาสวมใส่จังหวะนั้นเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น ครืด ครืด เปียโนรีบเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วกดรับสายเพื่อนของเธอ "ว่าอย่างไรแมงเม่า?" "เปียโนฉันโทรถามผู้จัดการให้แล้วนะ วันนี้ว่างหรือเปล่าพี่เขาอยากเจอ" "วันนี้เลยเหรอ คือตอนนี้ฉันมาอยู่ที่ร้านแล้วน่ะสิ" "ก็ลาสักวันซิ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนะหากแกอยากได้ค่าผ่าตัดพ่อฉันว่างานนี่มันน่าจะหาเงินได้เร็ว" เปียโนเงียบไปสักพัก แม้ว่างานแบบนั้นเธออาจจะไม่ค่อยชอบทว่าเป็นทางเดียวที่เธอจะมีเงินเก็บไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลพ่อของเธอ เปียโนครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "งั้น ฉันจะลองดู" เปียโนตัดสินใจลางานเจ้าของร้านด้วยเหตุผลที่พ่อเข้าโรงพยาบาลเธอไม่ได้บอกความจริงว่าจะไปที่ไหน กลัวว่าหากที่นั่นไม่เหมาะกับเธออย่างน้อย ๆ ก็มีงานที่นี่รองรับ เปียโนเดินทางมาพบเพื่อนที่เลานจ์ขนาดใหญ่ ส่วนเจ้าของเป็นนักธุรกิจหนุ่ม ที่ชื่อเควินวัยสามสิบปี "ยัยเปียทางนี้" แมงเม่ายืนรอเพื่อนที่หน้าร้าน เพื่อที่จะพาเปียโนไปพบผู้จัดการสาวที่ดูแลที่นี่แทนเจ้าของ ส่วนเจ้าของจะเข้ามาแค่ตรวจงานเท่านั้น "ที่นี่?" "เขาเรียกว่าเลานจ์ เป็นสถานที่สำหรับคนรวยชอบมาปาร์ตี้ เข้าไปข้างในกันเถอะ" "......"หลังจากที่ออกจากบ้านอนันต์ธวัชแล้ว ระหว่างทางเปียโนก็เอาแต่สนใจแมวตัวสีขาวเธอทั้งกอดทั้งหอมมันต่อหน้าออสติน"ท่าทางจะรักมันมากสินะ""ใช่ค่ะ แมวตัวนี้หนูเก็บมันมาเลี้ยงมันถูกทิ้งไว้กลางถนน น่าสงสารจะตาย""ทำไมต้องเอามาฝากบ้านนั้นเลี้ยง""ก็พี่โอโซนเป็นคนเดียวที่จะเลี้ยงมันได้ ช่วงนั้นพ่อหนูก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง จะให้หนูฝากใคร""ฝากกันไว้ยังกับคนเป็นแฟนกัน""ที่จริงพี่เขาก็จีบหนูนั่นแหละ" ประโยคของเธอทำเอาออสตินต้องเลี้ยวลงข้างไหล่ทางพร้อมทั้งเหยียบเบรกอย่างแรง"อุ้ยย คุณติน""เธอบอกว่าเขาจีบแล้วเธอชอบเขาหรือเปล่า""เขาก็เป็นคนดีนะ""นิลวรรณ!!!" "หนูกำลังดูพฤติกรรมคุณอยู่นะ" พอเธอพูดแบบนั้นออสตินก็หันกลับมานั่งตัวตรงข่มความรู้สึกทั้งหมดที่มีกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ตั้งสติสงบอารมณ์หึงหวง"เอาเถอะยังไงก็แค่อดีตดูท่าเจ้าหมอนั้นก็คงไม่มายุ่งกับเธอ""ค่ะ"เหมียว"สำลีแกไม่ต้องตกใจ ที่แกเจอเนี่ยยังน้อยนะ ฉันเจอเยอะกว่าแกเสียอีก"คำพูดแซะของเธอทำเอาออสตินถึงขั้นหน้าซีดเผือดก็มันจริงเขาเองก็ทำกับเปียโนไว้เยอะ รู้สึกว่าทุกอย่างมันอึมครึมไปหมดออสตินเลยตัดบทเรื่องอื่น"จริงสิ อาทิตย์หน้าฉันอยากไปเยี่ยม
เปียโนเดินทางกลับมาที่คฤหาสน์หลังใหญ่ตามเดิม เมื่อมาถึงสิ่งที่เธออยากทำที่สุดก็คือคุยกับเจ้าของบ้าน"พี่ธนาค่ะ เจ้านายพี่อยู่ที่ไหนคะ""คุณตินพึ่งขึ้นข้างบนเมื่อกี้ครับ"เปียโนมองไปที่ชั้นบนของบ้านก่อนที่เท้าน้อย ๆ ของเธอก็ย่างขึ้นบันไดฉับ ๆ เมื่อมาถึงห้องเขาเธอก็จัดการเคาะเรียกสองครั้ง ก่อนที่เสียงคนข้างในจะอนุญาตให้เข้าไปแอ๊ดดดเปียโนแทรกร่างเข้าไปภายในห้อง เห็นว่าชายหนุ่มดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกำลังนอนเหยียดตัวยาวบนที่นอน พร้อมกับหลับตานิ่ง"คุณติน คุณทำแบบนั้นต้องการอะไรกันแน่""เธอพูดอะไรฉันไม่ได้ยิน" เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักทำให้เปียโนรู้สึกหงุดหงิด ก่อนที่เธอจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ขอบเตียงแล้วโพล่งเสียงดังฟังชัด"หนูถามคุณว่าคุณเล่นอะไรอยู่"พรึ่บ"อร๊ายยย" ร่างของเปียโนถูกดึงลงมาแล้วออสตินก็เหวี่ยงเธอลงนอนราบเป็นเขาที่ขึ้นไปทับร่าง"หูไม่ได้หนวกสักหน่อยพูดเสียงดังทำไมกัน""ก็คุณบอกว่าไม่ได้ยิน""เอ้...เราไม่ได้ทำกิจกรรมบนเตียงมานานเท่าไรแล้วนะ ว่าแต่ครั้งก่อนที่อยู่คอนโดฉันก็ไม่ได้ป้องกันผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ทำไมเธอไม่ท้องแอบซื้อยามากินหรือเปล่า""ห๊ะ คุณพูดอะไรเนี่ย" สิ่งที่เป
เวลาเดินทางไม่เคยหยุดนิ่ง จากอาทิตย์ก็ผันเปลี่ยนเป็นเดือน เปียโนเองก็เริ่มคิดอยากจะกลับมาเรียนใหม่อีกครั้ง รู้สึกว่าทุกอย่างตอนนี้จะดีขึ้นเจ้าหนี้ที่เคยโทรมาทวงก็ดันเงียบหาย แม้จะแอบแปลกใจแต่เธอก็ไม่ได้ถามนิลภพ รู้แค่ว่าพ่อดูมีความสุขมากขึ้นสุขภาพร่างกายก็ค่อนข้างแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน ระหว่างที่เปียโนนั่งเช็ดถูถ้วยชามอยู่ในครัว มือถือของเธอก็ดังขึ้นครืด ครืดมือเรียวเล็กล้วงลงไปหยิบมือถือในกระเป๋าผ้ากันเปื้อน เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์พ่อของเธอเปียโนก็รีบกดรับ"ค่ะพ่อ"(ยุ่งอยู่หรือเปล่าลูก)"พ่อมีอะไรหรือคะ"(พ่ออยากให้หนูมาหาพ่อหน่อย พ่อมีอะไรจะให้ดู เดี๋ยวพ่อส่งพิกัดไปให้)"ได้สิคะ" หลังจากที่วางสายพ่อ แม้ว่าจะเกิดความสงสัยในคำพูดของพ่อแต่เปียโนก็ต้องเก็บเอาไว้ รอให้ถึงเวลาก็น่าจะเห็นเอง#คอนโดมิเนียมหรู"ทำไมพ่อถึงให้มาที่นี่นะ" คำถามที่เกิดกับตัวเองพร้อมดวงตาที่แหงนขึ้นไปมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้า ก่อนที่เท้า น้อย ๆ ของเธอจะย่างเข้าไปในตัวตึกเมื่อรู้ตำแหน่งแล้วเปียโนก็มุ่งหน้าไปที่ชั้นห้าของอาคารแห่งนี้เบอร์ห้องที่พ่อบอกไว้เธอเดินมาถึงก่อนที่เท้าจะหยุดนิ่ง แล้วจัดการเคาะประตูเรียกก๊อ
เย็นของวันนั้นออสตินกลับบ้านเร็วกว่าปกติ และสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุดน่าจะเป็นใบหน้าหวาน ๆ ของสาวใช้ที่บ้านเปียโนยกเมนูอาหารเย็นขึ้นมาตั้งที่โต๊ะ เมนูอาหารล้วนแต่น่าทานทั้งนั้น"นั่งทานด้วยกันสิ""ไม่เป็นไรค่ะ""ฉันบอกให้นั่งก็นั่งเถอะน่า"เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย เปียโนก็ต้องยอมเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่ง ส่วนออสตินดูเหมือนเขาจะพอใจมากที่คนตัวเล็กยอมที่จะนั่งทานเป็นเพื่อนเขา"ไหนลองเสนอเมนูที่เธอทำสิ""ก็มีแค่ผัดผักใส่หมู ส่วนแกงส้ม กับพะโล้ ป้าแม่บ้านเป็นคนทำ" เพียงแค่เสนอเมนูอาหารออสตินก็ไม่รอช้าที่จะตักผัดผักใส่ในจานตัวเอง แค่อาหารเข้าไปในปากก็เคี้ยวอย่างอร่อยทำเหมือนว่าไม่เคยทานมันมาก่อน และเขายังเอ่ยปากชมฝีมือเธอ"อร่อยดีนี่" แต่สิ่งที่มันทำให้เปียโนย่นคิ้วเรียวก็คือ เขาไม่แตะจานอื่นเลย ยิ่งทำให้เปียโนทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าอาการผีเข้าผีออกเมื่อก่อนมันหายไปไหนแล้ว คนที่นั่งทานอาหารตรงหน้าเธอตอนนี้เหมือนเป็นคนละคนเปียโนตักต้มพะโล้ใส่ในจาน พร้อมกับเหลือบสายตามองเขาบ่อยครั้ง ส่วนเขานะเหรอไม่สนใจเมนูอื่นตรงหน้าระหว่างที่ทานอาหาร เสียงรถอีกคันก็วิ่งเข้ามาในบ้าน ไม่กี่อ
หลายวันผ่านพ้นทุกอย่างภายในบ้านเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด สำหรับเปียโนแล้วเธอรู้สึกว่าออสตินอ่อนโยนขึ้นไม่กระโชกโฮกฮากปากร้ายเหมือนเมื่อก่อน ดูจะสงบลงเสียด้วยซ้ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรหรือเขากินยาผิดซองกันแน่แต่หลายวันมานี้สิ่งที่เธอเองก็เริ่มแปลกอีกอย่างคือเพื่อนสาวที่ติดต่อกันประจำ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยจะติดต่อมาหาเธอเท่าไรนัก ไม่รู้ว่าแมงเม่าเป็นอย่างไร เมื่อนึกถึงเพื่อนก็อยากจะโทรหา เปียโนไม่รอช้าหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหาเพื่อนทันทีครืด ครืด (เสียงรอสาย)(ว่าไงเปีย)"ก็แค่คิดถึงยุ่งเหรอช่วงนี้ไม่เห็นโทรหาฉันบ้าง"(เออ คือ ใช่ ๆ ฉันยุ่งก็เลยไม่ได้โทรหาแกเลย)"จริงสิ แกเจอพี่โอโซนบ้างหรือเปล่าเขาบอกไหมว่าฉันออกจากงานแล้ว"(บะ บอกเหรอ อ้อ ฉันจะไปเจอเขาได้อย่างไรละ ว่าแต่แก่ได้งานแถวไหนเห็นว่ากลับมาอยู่กับคุณลุง)"ทำไมแกรู้ว่าฉันจะกลับไปอยู่กับพ่อ"(นั่นสินะ ฮ่า ฮ่า ฉันเดา)"ยัยเม่าเธอมีอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า ดูแกเปลี่ยนไปนะ"(ไม่มีสักหน่อย)"จริงนะ" (ที่รัก)"เอ้นั้นเสียงใคร แกอยู่กับผู้ชายเหรอ"(ไม่มี ๆ แค่นี้นะแกฉันยุ่งอยู่)แมงเม่ารีบตัดสายทำให้เรียวคิ้วของเปียโนย่นลงเล็กน้อย เก
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากที่แคธี่มาเที่ยวเมืองไทยได้ร่วมอาทิตย์ เธอก็ต้องกลับไปที่เยอรมันตามเดิม ส่วนคนที่มาส่งก็คงเป็นออสตินกับเควิน"ฉันขอบใจเธอมากนะที่ช่วยดูแลพวกเรา""ยินดี"แคธี่ยิ้มหวานก่อนจะสวมกอดหนุ่มหล่อตรงหน้า จากนั้นทั้งคู่ก็โบกมือลากัน ส่วนเควินดูเหมือนจะติดใจสาวผมทองเพื่อนของแคธี่ ดูเหมือนว่าเขาเองจะยิ้มไม่หุบเช่นกันสองหนุ่มแยกย้ายและเดินทางกลับเพราะการไปส่งในครั้งนี้ใช้รถคนละคันกันออสตินไม่ได้เข้าไปที่บริษัท แต่เขามีนัดกับนิลภพที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ส่วนเรื่องที่นัดในวันนี้น่าจะเป็นเรื่องหนี้สินและการตัดสินใจของนิลภพด้วยณ ร้านคาเฟ่"ขอโทษนะครับที่ให้รอนาน""ไม่นานหรอกครับ ผมเองก็พึ่งมาถึง" นิลภพพูดจาอย่างสุภาพอ่อนโยนแม้ว่าออสตินจะเป็นรุ่นลูกของเขา แต่หน้าที่การงานอิทธิพลต่าง ๆ ของ T.GROP เขาเองก็พอรู้จักอยู่บ้างออสตินหย่อนสะโพกลงนั่งด้านหน้าของเขาคือกาแฟร้อนที่นิลภพพึ่งสั่งไว้รอเป็นจังหวะที่ออสตินมาถึงพอดี ออสตินยกกาแฟขึ้นมาจิบ เมื่อวางแก้วลงก็ยกขาขึ้นไขว่ห้างเคาะนิ้วบนโต๊ะอย่างไม่มีจังหวะ พร้อมเอ่ยถามด้วยท่าทางมาดเข้ม"หวังว่าคูณจะได้คำตอบให้ผมแล้วนะครับ""ผมถ