หน้าหลัก / โรแมนติก / My wife เมื่อหมดรัก / บทที่ 6 เมื่อไหร่จะกลับบ้าน

แชร์

บทที่ 6 เมื่อไหร่จะกลับบ้าน

ผู้เขียน: Sitha
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-16 13:51:05

อิสริยาเดินนำเขาไปที่ห้องทำงาน  ชายหนุ่มรีบตามเธอเข้าไปในนั้น  เธอนั่งที่หลังโต๊ะทำงานเหมือนกำลังจะเจรจาธุรกิจไม่ใช่คุยกับสามี

“เชิญนั่งค่ะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรคะ” 

“เอ๋ ทำไมทำเหมือนเราไม่ใช่ผัวเมียกันล่ะ” 

“เหรอคะ คุณเพิ่งรู้สึกเหรอฉันรู้สึกมาตั้งนานแล้ว รู้สึกมาเป็นปีแล้วทำไมคุณความรู้สึกช้าจัง”  เธอตอบตามที่คิดทำให้สกนธีหน้าสลดลง

“เอ๋พี่ขอโทษ  ขอโทษที่ละเลยเอ๋กับน้องเพียง ขอโทษที่ไม่ทำตามสัญญาแต่ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหม   กลับบ้านเรากันเถอะนะ” 

“คุณพูดว่านั่นเป็นบ้านคุณ  จะมาบ้านเราอะไรตอนนี้”  อิสริยากระชากเสียงนั่นเป็นเธอในมุมที่สกนธีแทบไม่เคยเห็น 

“ฉันยอมให้คุณทำหน้าที่พ่อให้น้องเพียงได้แค่นั้น แล้วถ้าวันไหนลูกรู้สึกแย่ๆ เพราะคุณอีกความเป็นพ่อก็จะไม่มีเหลือเหมือนกัน” 

“งั้น..พี่ขอพาลูกไปเรียนดนตรีได้ไหมวันเสาร์  ลูกอยากไป”  สกนธีต่อรองแต่อิสริยายิ้มมุมปาก

“คุณถามตัวเองก่อนเถอะว่าจะมีเวลาให้ลูกได้ทุกวันเสาร์ไหม  ไม่ใช่มาแค่ไม่กี่วันแล้วคุณก็หายไปเท่าที่จำได้เมื่อก่อนจะวันไหนๆ คุณก็ไม่เคยมีเวลาให้น้องเพียงเลยนะ  ลูกชวนคุณไปสวนสัตว์แล้วคุณก็รับปากส่งๆ จนตอนนี้เขาดินปิดไปแล้วเคยจำได้ไหม”

“พี่จำได้ พี่ก็พยายามแก้ไขอยู่ ให้โอกาสพี่อีกครั้งนะเอ๋พี่จะเป็นพ่อที่ดี  เป็นสามีที่ดี”  สกนธีรีบพูดแต่อิสริยาฟังแบบไม่ใส่ใจเท่าไร

“ถ้าคุณอยากจะพาลูกไปเรียนดนตรีก็ไป  แต่ช่วยส่งรายละเอียดที่เรียน วันเวลาสถานที่มาด้วย จะมารับกี่โมง มาส่งกี่โมงช่วยบอกให้ชัดเจน ฉันให้เวลาคุณมารับลูกไปไหนมาไหนได้อาทิตย์ละวันแต่ห้ามไปค้างที่อื่นที่ไม่ใช่ที่นี่”  อิสริยาคิดว่าเวลาเท่านี้เหมาะสมแล้ว เธอไม่รู้ว่าสกนธีจะเห่อการทำหน้าที่พ่อได้นานแค่ไหน  เขาอาจจะมาได้ไม่กี่ครั้งและหายไปก็ได้  ถ้าเป็นแบบนั้นน้องเพียงจะได้ไม่เสียใจเกินไป

วันต่อมาสกนธีส่งรายละเอียดการเรียนดนตรีมาให้อิสริยาดูทางไลน์  เธอมองตารางเรียนนั้นอย่างครุ่นคิด

สกนธี  :  ลูกเรียนบ่ายวันเสาร์ พี่จะไปรับลูกตอนเที่ยงเอ๋โอเคไหม

อิสริยา :  ค่ะ

สกนธี  :  แล้วเรียนเสร็จบ่ายสาม พี่จะพาลูกไปเดินห้างหรือทานข้าวเย็นก่อนค่อยพาไปส่งบ้านเอ๋จะโอเคไหมครับ

อิสริยา :  ค่ะได้

สกนธี  :  ขอบคุณครับ เริ่มวันเสาร์นี้เลยนะ

อิสริยา :  คุณจะพาลูกไปทานข้าวหรือเดินเล่นได้ แต่ต้องมาส่งที่นี่ก่อนหกโมงเย็นค่ะ

สกนธี  :  ได้ครับ

“แม่ขา วันนี้พ่อไปหาหนูที่โรงเรียนค่ะ”  เด็กหญิงสุพิชชาเล่าให้มารดาฟังในตอนก่อนนอน

“ค่ะ แล้วพ่อมาหาทำไมเหรอ”  หญิงสาวถาม

“พ่อมาบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับหนูไปเรียนอูคูเลเล่ค่ะ” เด็กหญิงพูดด้วยเสียงสดใส

“แล้วหนูอยากไปไหมคะ”  เธอมองหน้าลูกสาว เด็กหญิงรีบพยักหน้าเร็วๆ 

“หนูอยากไปค่ะแม่” 

“ถ้าหนูอยากไปก็นอนเร็วๆ ค่ะ พรุ่งนี้หนูไปกับคุณพ่อสองคนนะคะแม่ต้องทำงานที่ร้าน”  เธอบอกเด็กหญิงรีบพยักหน้า

“ค่ะแม่ หนูไปกับพ่อสองคนก็ได้หนูจะนอนแล้ว จะได้ตื่นมาไปเรียนเร็วๆ ฝันดีค่ะแม่”  เด็กหญิงพูดพลางหลับตา

“ฝันดีค่ะลูก” 

เธอหอมแก้มลูกสาวยิ้มอย่างเอ็นดู เธอภาวนาขอให้พรุ่งนี้สกนธีไม่ทำให้น้องเพียงรอเก้อ  หรือมารับไปเรียนเพียงไม่กี่ครั้งแล้วเลิกทำจนลูกเสียใจ  ไม่งั้นเขาจะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกเลย

วันต่อมาสกนธีมาถึงร้านตั้งแต่ยังไม่สิบนาฬิกา  เด็กหญิงวิ่งลงมาหาบิดาทันทีที่อิสริยาให้พี่เลี้ยงขึ้นไปบอกว่าพ่อมารับแล้ว

“หนูยังไม่ได้แต่งตัวเลยค่ะ”  เธอพูดเสียงร้อนรนกลัวพ่อไม่รอ

“ไม่ต้องรีบก็ได้ลูก พ่อช่วยแม่ขายของด้านล่างก่อนก็ได้”  สกนธีรีบบอกลูกสาว  สีหน้าเด็กหญิงดีขึ้นทันตา

อิสริยาปรายตามองคนที่บอกว่าจะช่วยขายของ แต่เธอไม่ขัดอะไร ไม่อยากพูดอะไรไม่ดีต่อหน้าลูก  หญิงสาวคิดเงินให้ลูกค้าจากหางตาเห็นน้องเพียงวิ่งกลับขึ้นชั้นบนไปแล้ว

“ขอบคุณค่ะแปะ” 

ชายสูงวัยที่โครงหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนส่งธนบัตรสีเทาให้อิสริยา   หญิงสาวรับเงินมาแล้วเปิดเครื่องคิดเงินเพื่อทอนเงิน

“พี่ช่วยเอง”  สกนธีหยิบถุงพลาสติกใบหนึ่งมาจากห่อจะช่วยใส่ของที่ลูกค้าจ่ายเงินแล้ว แต่เขาเลือกขนาดไม่ถูก

“ไอ้หนุ่ม อันนี้มันเล็กไปใส่ไม่ได้หรอก” 

ชายชราอายุประมาณเจ็ดสิบขึ้นไปแต่ท่าทางยังดูแข็งแรงมาก  พูดขึ้นมาเมื่อเห็นสกนธีหยิบถุงหิ้วขนาดแปดคูณสิบห้า  ขึ้นมาจะใส่กระดาษทิชชูแพ็กหกม้วน

สกนธีหยิบใหม่ คราวนี้เลือกถุงขนาดสิบสองคูณยี่สิบหกดึงมาหนึ่งใบ อาแป๊ะส่ายหน้าไปมา ขณะที่อิสริยาส่งเงินทอนให้ลูกค้าและมองดูเขาเฉยๆ ไม่แนะนำอะไร

“นั่นก็ใหญ่ไป ลื้อนี่ยังไง”  ว่าแล้วอาแป๊ะก็หยิบถุงใบใหม่ขึ้นพร้อมกับพูดว่า

“อาเอ๋  ลูกน้องใหม่เหรอต้องสอนเยอะๆ หน่อยนา  เดี๋ยวลื้อจะขาดทุนหมด”   คุณลุงลูกค้าประจำหันมาคุยกับเจ้าของร้านสาว

“ไม่เป็นไรค่ะแปะ  คนนี้หนูไม่ได้จ่ายค่าแรง”  เธอหัวเราะกับชายชรา

“อ๋อ...มาฝึกงาน อั๊วรู้ละ งั้นไปแล้ว”  แกพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากร้าน

“พี่ซื้อขนมมาฝาก จีบปูเทเวศร์ที่เอ๋ชอบกับชิฟฟ่อน”  สกนธีเอาของฝากวางบนเคาน์เตอร์เมื่อลูกค้าออกไปแล้ว

หญิงสาวชำเลืองมองนิดหนึ่ง 

“ขอบคุณค่ะ แต่ทีหลังไม่ต้องซื้ออะไรมาก็ได้  คุณอยากพาลูกไปทานอะไรก็พาไปข้างนอกได้เลย” 

ความหมายของเธอคือไม่ต้องซื้อมาฝากเธอ  อยากทำอะไรให้ลูกก็ให้กันเองเธอไม่ขัด  ชายหนุ่มหน้าจ๋อยลงแต่แล้วเขาปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“อันนี้พี่ซื้อมาให้เอ๋  จำได้ว่าเอ๋เคยชอบ” 

“เคยชอบแต่ก็ไม่ได้แปลว่าตอนนี้จะชอบค่ะ  คนเราก็ต้องเปลี่ยนไปตามเวลา” 

เธอตอบกลับมาเป็นนัยให้เขาเข้าใจว่าเธอหมายถึงการรวมเขาเข้าอยู่ในจำพวกอะไรที่เคยชอบนั้นด้วย 

สกนธีเข้าใจแต่เขาแกล้งทำไม่เข้าใจ

“งั้นตอนนี้เอ๋ชอบอะไร ก็บอกพี่มาสิ” 

เธอไม่ตอบตามองลูกค้าเดินตรงมาที่เคาน์เตอร์  พร้อมสินค้าในตะกร้า

“แหม...  วันนี้ผู้ช่วยเป็นหนุ่มหล่อเชียวค่ะคุณแม่น้องเพียง  แฟนใหม่เหรอคะ” 

มินตราผู้ปกครองของนักเรียนร่วมชั้นเรียนของลูกสาวถามเธอตรงๆ

อิสริยายังไม่ทันจะได้ตอบอะไร  มินตราพินิจพิเคราะห์สกนธีอีกครั้งแล้วพูดว่า  “เอ๊ะ หน้าเหมือนน้องเพียงจัง รึว่าคุณพ่อน้องเพียงคะ  แหม..นึกว่าแม่น้องเพียงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตลอด” 

‘หรือไม่ก็พวกเมียน้อย ไม่เคยเห็นพ่อน้องเพียงไปรับลูกที่โรงเรียนสักที’  มินตราคิดในใจ

“ผมเป็นพ่อน้องเพียง เอ๋ไม่ใช่แม่เลี้ยงเดี่ยวครอบครัวผมอยู่กันตามปกติมาตลอด ถ้าคุณพูดมากกว่านี้ผมจะฟ้องหมิ่นประมาท”  สกนธีหน้าตึง

“อุ๊ย ขอโทษค่ะ ไม่มีเจตนาหมิ่นอะไรเลย ก็แค่ไม่เคยเห็นน้องเพียงมีคุณพ่อไปรับที่โรงเรียนเลย” 

มินตราเสียงอ่อยรีบแก้ตัว  รีบเปิดกระเป๋าเงินเตรียมจ่ายค่าสินค้า

“สี่ร้อยสิบเก้าบาทค่ะ”  อิสริยาพูดเสียงเรียบ เธอหยิบถุงมาใส่ของส่งให้ลูกค้า ทำเหมือนว่าหัวข้อสนทนาที่อีกฝ่ายพูดไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ

“ค่ะๆ นี่ค่ะคุณเอ๋”  มินตรารีบส่งเงินจ่ายค่าของแล้วรีบออกจากร้านทันที

สกนธีหน้านิ่ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าการที่เขาไม่เคยไปรับไปส่งลูก จะทำให้มีคนคิดว่าน้องเพียงไม่มีพ่อ

“พี่ขอโทษนะ พี่ไม่คิดว่าพี่จะเคยทำให้ลูกกับเอ๋ถูกมองไม่ดี”  ชายหนุ่มนึกด่าตัวเองในใจ

“ปัญหาของฉันกับลูกไม่ได้อยู่ที่ทัศนคติหรือคำพูดของคนอื่นหรอกค่ะ” 

อิสริยาหันไปเห็นลูกสาวลงมาจากชั้นบนในชุดเจ้าหญิง เธอจึงพูดต่อ 

“แต่มันเป็นเพราะตัวคุณล้วนๆ  คุณไปได้แล้วค่ะลูกลงมาแล้ว  ขืนคุณอยู่นานกว่านี้ร้านฉันคงเจ๊งแน่”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 19 เรียนทำขนม

    วันต่อมาสกนธีทำตามที่พูดจริงๆ ชายหนุ่มขนเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว โต๊ะและอุปกรณ์การทำงานจากบ้านมาที่ร้าน โดยมีลูกสาวตัวน้อยคอยช่วยพ่อหยิบจับของด้วยสีหน้าที่บอกว่าดีใจอย่างมากพื้นที่ชั้นสองของอาคารสามคูหานั้นกว้างพอที่เขาจะจัดมุมทำงานและวางเครื่องนอนได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตของอิสริยา“ไหนคุณว่าจะขึ้นไปนอนชั้นสาม” อิสริยาออกจากห้องมาเห็นที่นอนแบบพับปูที่พื้นจึงถามด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ“ตอนนี้ชั้นสามยังไม่ได้ตกแต่ง พี่ขอเวลาแป๊บนะเดี๋ยวให้ช่างเข้ามาติดแอร์ ตกแต่งเพิ่มทาสีใหม่เปลี่ยนอะไรที่เสียชำรุดด้วย” พื้นที่ชั้นสามประกอบด้วยห้องนอนสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ และมีส่วนของพื้นที่เปิดเป็นลานกว้าง ที่สกนธีมีแผนจะทำเป็นสวนขนาดเล็กปลูกต้นไม้และดอกไม้เพื่อให้บรรยากาศสดชื่นน่าอยู่ขึ้น“แล้วก็นี่...” สกนธีหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรอยู่สองสามนาที จากนั้นมีสัญญาณข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินถูกโอนเข้าบัญชีที่โทรศัพท์ของอิสริยา เธอยกขึ้นดูอย่างงงๆ มองตัวเลขจำนวนห้าหลักที่ถูกโอนเข้ามา“พี่โอนค่าใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่ค่าน้ำไฟให้ ต่อไปนี้จะให้ทุกเดือน” อิสริยาถอนใจ จะไม่ให้เขาอยู่ก็ไม่อ

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 18 คนหน้ามึน

    วันนั้นอิสริยาไม่ได้ไปส่งลูกเพราะว่าสกนธีเสนอตัวไปส่งเอง เธอเห็นว่าน้องเพียงมีความสุขดีจึงไม่อยากขวางสองพ่อลูก หญิงสาวถือโอกาสเคลียร์งานที่ร้านหลังจากที่วานนี้ออกไปดูที่กับพุฒิเมธ และมีการปะทะเล็กๆ กับสกนธีในรถยนต์จนเธอไม่มีสมาธิทั้งวันนอกจากดูแลร้านตัวเองแล้ว หญิงสาวยังมีหน้าที่หลักช่วยเรื่องระบบหลังบ้านของห้างค้าส่งของที่บ้านอีกด้วย ในเรื่องของการดูแลด้านการเงินการบัญชีและระบบเงินเดือน ตอนบ่ายเธอเข้าไปที่สำนักงานของห้างค้าส่งเพราะเป็นวันเซ็นสัญญาจ้างก่อสร้างห้างใหม่ ซึ่งตัวอิสริยาเองต้องเข้าไปในฐานะกรรมการบริหารและหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้าง จึงได้พบกับสกนธีที่มากับ ชานนท์และทีมกฎหมายของทั้งสองฝ่าย “ดีนะ ที่อาเอ๋กับผัวไม่ได้จดทะเบียนกัน ไม่งั้นใครรู้จะหาว่าฮั้วกันเองอีก” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังเสร็จสิ้นการลงนามในสัญญา “เอาราคาที่เซ็นไปเช็กก็ได้ ว่าฮั้วกันยังไงบริษัทเขาลดให้เราจนแทบไม่มีกำไร จะพอจ่ายค่าแรงคนงานหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” เสี่ยกวงว่าใส่หน้าญาติคนหนึ่งที่เป็นผู้ถือหุ้นของห้างอย่างไม่เกรงใจ ชายสูงวัยพูดต่อ“แล้วลูกสาวลูกเขยอั๊วจะจดทะเบียน

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 17 ข้อตกลงในการดูแลลูก

    เช้าวันรุ่งขึ้นสกนธีตื่นจากเสียงดังก๊อกแก๊กของแม่บ้านที่มาทำความสะอาด ชายหนุ่มลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ลงไปเอามาจากในรถ เขาจึงได้เห็นว่าบริเวณชั้นสองจะมีแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด ในโซนห้องครัวแม่บ้านจะช่วยเตรียมอาหารสดไว้ให้อิสริยามาปรุงเองสำหรับอาหารมื้อเช้า เธอไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมอาหารสำหรับครอบครัว ทำงานบ้าน แต่งตัวให้ลูก ดูแลให้รับประทานมื้อเช้าและไปส่งลูก ทำทุกอย่างเองแบบในตอนที่ยังอยู่กับเขาอีกแล้ว‘นอกจากช่วยแบ่งเบาภาระไม่ได้ เรายังทำให้เอ๋เหนื่อยขึ้นด้วยการไม่ยอมให้มีแม่บ้าน มึงคิดอะไรอยู่วะตอนนั้น’ เขานึกด่าตัวเองที่เคยหลุดปากตำหนิว่าเธอไม่ดูแลตัวเอง ตอนนี้เมื่อมีโอกาสทบทวนจึงรู้ว่าอิสริยาจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลความสวยความงามแบบตอนก่อนแต่งงาน ในเมื่อเธอต้องดูแลทุกอย่างในบ้านคนเดียวเขาเดินเข้าไปในครัว เห็นอิสริยายืนหันหลังให้เธอกำลังทำอะไรที่หน้าเตา “มีอะไรให้พี่ช่วยไหมเอ๋” หญิงสาวเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะมองเตาที่หม้อข้าวต้มกำลังเดือด “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” เธอได้ยินเสียงเขาเดินมาหาจึงไม่ตกใจ “คุณจะกลับเลยก็ได้ค่ะ ถ้าลูกตื่นเดี๋ยวฉ

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 17 อยากให้พ่อนอนด้วย

    สองพ่อลูกหายไปกันประมาณสี่สิบนาทีเมื่ออิสริยาได้ยินเสียงแจ้วๆ ของลูกเธอจึงออกจากห้องทันได้เห็นว่าสกนธีอุ้มลูกเดินขึ้นบันไดมาเพราะเด็กหญิงอ้อนไม่อยากเดินเอง เธอฟังเสียงชายหนุ่มคุยเล่นกับลูกอย่างสะท้อนใจ ภาพความสุขของเด็กหญิงทำให้เธอไล่เขาออกไปจากบ้านไม่ลง จนกระทั่ง“โอ๊ย...” เสียงสกนธีดังขึ้นเพราะลูกที่กอดคอเขาอยู่เผลอกดมือลงบนแผลที่อิสริยากัดเขาเมื่อตอนกลางวัน“พ่อร้องทำไมคะ เจ็บเหรอ” น้องเพียงทำหน้าตกใจจนอิสริยาต้องรีบไปรับตัวลูกมา“น้องเพียงมาหาแม่ก่อนค่ะ”“ไม่มีอะไรค่ะลูก พ่อลืมว่าเดินชนประตูเลยเจ็บ” ชายหนุ่มปล่อยเด็กหญิงลงนั่งบนเก้าอี้ เขารีบพูดให้เธอสบายใจ“น้องเพียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับพี่จี๊ดก่อนค่ะลูก จะได้มากินขนม” เมื่อลูกไปกับพี่เลี้ยงแล้วหญิงสาวหันมามองเขาเขม็ง“เลือดออกขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมคุณไม่ไปทำแผล” เธอย่อมจำได้ดีว่าตัวเองเป็นเจ้าของรอยแผลนั้น แต่เขาจะโทษเธอไม่ได้เพราะถ้าเขาไม่ทำรุ่มร่ามมันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสกนธีหันมามองรอยเลือดบนบ่าที่ซึมผ่านเสื้ออย่างไม่สนใจนัก “ไม่เป็นไรหรอกเอ๋ เอาไว้เตือนตัวเองก็ดีเหมือนกัน”

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 16 ผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก

    อิสริยาหันมากระชากแขนออกจากมือเขาแต่กลับถูกดึงเข้าไปกอดทั้งตัว ชายหนุ่มยกร่างบอบบางลอยหวือจากเบาะที่นั่งอยู่ไปนั่งบนตักเขา เขารวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้ด้วยกันด้วยมือเดียวไพล่หลัง อิสริยาดิ้นขลุกขลักด้านหลังเธอชนกับพวงมาลัยรถยนต์ด้านหน้าก็ถูกกอดรัดจนขยับไม่ได้“ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” เธอก้มลงกัดบ่าเขาเต็มแรงเมื่อถูกพันธนาการไว้แน่นหนาสกนธีปล่อยให้เธอกัด เขากอดเธอนิ่งจนหญิงสาวได้กลิ่นเลือดเธอเงยหน้าขึ้นเห็นเลือดที่ซึมจากแผลที่เธอกัดผ่านเนื้อผ้าของเสื้อเชิ้ตเนื้อดีที่เขาสวมอยู่ “กัดอีกก็ได้ เอ๋จะทำอะไรพี่อีกก็ได้ถ้าทำให้ความรู้สึกดีขึ้น”ชายหนุ่มเจ็บหนึบที่แผลแต่เขารู้ว่านั่นยังไม่เท่ากับที่เขาเคยทำไว้กับเธอ เขาคลายมือที่รวบข้อมือเธอไว้แต่ยังกอดเธอนิ่งรอจนเธอสงบลงเอง “ปล่อยเดี๋ยวนี้” อิสริยาขบฟันด้วยความโมโห“สัญญาก่อนว่าจะไม่วิ่งหนี เดี๋ยวพี่ไปส่งเอ๋ที่ร้านเอง”สกนธีไปส่งอิสริยาที่ร้านแล้วจึงย้อนกลับมาเอาเอกสารที่บ้าน ชายหนุ่มเข้าบริษัทในตอนบ่ายเจอกลุ่มเพื่อนที่มาหาพอดี“มึงไปโดนอะไรมาวะ” อัศราทักขึ้นมา เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมเปลี่ยนเสื้อ ฝ่ายนั้นลุกมาดูใกล้ๆ ที่ไหล่

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 15 ฟังก่อน

    หลังจากที่พุฒิเมธและมิลินกลับไปแล้ว อิสริยาก็ขยับตัวแต่สกนธีรีบเรียกเธอไว้“เอ๋จะไปไหนครับ ช่วยมาดูอะไรตรงนี้ก่อนได้ไหม” อิสริยาชะงักเธอกำลังจะออกไปมองหารถแท็กซี่ เมื่อครู่ดูเหมือนว่าพุฒิเมธจะลืมว่าเธอยังไม่ได้ตอบคำถาม เขารีบร้อนกลับไปโดยที่ไม่รอเธอตอบสักคำว่าจะกลับอย่างไร แต่อีกใจเธอก็เข้าใจเขาว่าคงต้องการเวลาในการปรับอารมณ์พอสมควร หญิงสาวจึงสะดวกใจที่จะหา รถกลับเองมากกว่า“มีอะไรคะ” หญิงสาวถามแต่ไม่เดินไปหาสกนธีที่กำลังกางกระดาษออกมาดูอะไรสักอย่างในนั้น“พี่อยากให้เอ๋มาดูตรงนี้ทีครับ ว่าพี่เขียนแบบมาอย่างนี้การใช้งานจริงจะโอเคไหม” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเดินมาหาเธอเอง เขาส่งกระดาษแบบโครงสร้างคร่าวๆ ให้เธอดู อิสริยารับไปถือดูเองเขาจึงหันไปขอร่มจากลูกน้องมากางให้ทั้งภรรยาและตนเองเนื่องจากตอนนี้แดดเริ่มแรงมาก“เฮียเขาว่าอย่างไงคะ เห็นแบบนี้หรือยัง” อิสริยาขมวดคิ้วเมื่อการออกแบบห้างใหม่ ดูต่างจากของเดิมค่อนข้างมาก“เมื่อคืนพี่ส่งไฟล์คร่าวๆ ให้ดูยังไม่ได้ลงดีเทล เฮียเขาว่าให้เอ๋ดูวันนี้ก็ได้ว่ามันเหมาะกับที่จริงไหม” “ก็น่าจะดีนะคะ แต่จริงๆ ก็คือยังไม่เห็นภาพค่ะ” เธอตอบตามตรง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status