Home / โรแมนติก / My wife เมื่อหมดรัก / บทที่ 1  ไล่เมียออกจากบ้าน

Share

My wife  เมื่อหมดรัก
My wife เมื่อหมดรัก
Author: Sitha

บทที่ 1  ไล่เมียออกจากบ้าน

Author: Sitha
last update Last Updated: 2025-08-14 02:18:32

“น้องเพียงรีบกินข้าวลูก  วันนี้แม่ต้องไปซื้อของเข้าร้านค่ะ” 

เสียงนั้นทำให้เด็กหญิงวัยห้าขวบรีบทานเร็วขึ้น  วันนี้เป็นวันหยุดเด็กหญิงสุพิชชาจะไปที่ร้านกับมารดา 

ร้านที่ว่าคือมินิมาร์ทที่แม่ของเธอเป็นเจ้าของ   อิสริยาเปิดร้านนี้ตั้งแต่แต่งงานปีแรก เดิมทีก่อนหน้านั้นหญิงสาวทำงานประจำ แต่เมื่อแต่งงานแล้วสกนธีขอให้เธอออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน แต่เมื่อเธอยอมทำตามที่เขาขอกลับพบว่าสกนธีไม่สามารถซัปพอร์ตเธอได้เท่าที่ควร  และอิสริยาเองก็ไม่อยากขอเงินสามีใช้  เธอจึงตัดสินใจเอาเงินเก็บที่มีมาเปิดร้านมินิมาร์ทที่ตึกเก่าของครอบครัวซึ่งอยู่ในย่านการค้า

“คุณพ่อล่ะคะแม่” เด็กหญิงถามเมื่อนึกขึ้นได้

“คุณพ่อนอนดึกลูกเลยยังไม่ตื่น  เราออกไปกันก่อนก็ได้ค่ะ”  หญิงสาวตอบเด็กน้อยที่ฉลาดขึ้นทุกวัน

“คุณพ่อทำงานดึกหาเงินมาเลี้ยงหนูกับคุณแม่ใช่ไหมคะ”  

เด็กหญิงพูดต่อ  คนเป็นแม่เงียบกริบเธอไม่อยากทำลายภาพพ่อที่ดีในสายตาของลูก  จึงไม่ได้แย้งว่าความจริงแล้วสกนธีมีหน้าที่ในบ้านเพียงแค่จ่ายค่าเทอมลูกเท่านั้น  นอกนั้นกินอยู่ ค่าเสื้อผ้าค่าน้ำไฟ ค่าของใช้ แม้แต่ค่ากับข้าวเธอก็ต้องออกเองหมด

สกนธีเดินลงมาจากชั้นบน   ชายหนุ่มมีนัดตอนเช้ากับหุ้นส่วนเรื่องโพรเจกต์ใหม่

“วันนี้พี่ต้องไปคุยงานกับนนท์อาจจะกลับดึก  เอ๋ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อนะ”  เขาหยิบเอกสารที่โต๊ะทำงานเตรียมออกไปข้างนอก

“คุณพ่อขา  หนูอยากไปเที่ยวค่ะ” 

เด็กหญิงรีบลงจากเก้าอี้ไปหาบิดา  สกนธีก้มลงหอมแก้มลูกสาวหนึ่งฟอดก่อนจะตอบว่า

“วันนี้คุณพ่อไม่ว่างเลยค่ะ  น้องเพียงไปกับคุณแม่ก่อนได้ไหมคะ” 

เด็กหญิงหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมเข้าใจ  “งั้นคราวหน้าคุณพ่อต้องไปกับหนูนะ” 

“จ้ะ พ่อไปนะคะ”  สกนธีอุ้มลูกสาวพากลับมาส่งที่โต๊ะทานอาหารและหยิบกุญแจรถออกไป  สักพักเสียงรถยนต์ของเขาออกจากบ้านไปอิสริยาจึงขยับตัว

“ไปกันรึยังคะลูก” 

เช้าวันต่อมาอิสริยาเก็บเสื้อผ้าของสกนธีเตรียมแยกใส่เครื่องซักผ้า  ปกติวันอาทิตย์เธอจะอยู่บ้านครึ่งวันเช้าทำงานบ้านและเข้าร้านในช่วงบ่าย  เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยลิปสติกบนปกเสื้อและกลิ่นน้ำหอมที่ไม่ใช่ของเขา

เธอตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาชานนท์ เพื่อนรุ่นน้องของสามีและเป็นหุ้นส่วนทำบริษัทเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมด้วยกัน

“พี่นนท์เหรอ เอ๋เองนะคะ”   เธอบอกเมื่อปลายทางรับสาย

“สวัสดีครับเอ๋”  ชานนท์ตอบกลับมา

“เอ๋อยากถามว่าเมื่อคืนพี่เก่งเขาไปคุยงานกับพี่นนท์ใช่ไหมคะ”  

“ครับ เมื่อคืนไปคุยกันที่ร้านเฮียหมิง แต่ไม่ดึกนะครับแค่สามทุ่มก็แยกย้าย”  ชานนท์ตอบตามตรง

“ขอบคุณค่ะพี่นนท์ ไม่รบกวนแล้วสวัสดีค่ะ” 

อิสริยาวางสายเธอรู้สึกหมดแรง  ชานนท์บอกว่าแค่สามทุ่มก็แยกย้าย แต่สกนธีกลับมาถึงบ้านตอนตีสอง  ที่ผ่านมาเธอปิดหูปิดตามาตลอดจนถึงวันนี้ที่รู้สึกว่าไม่อยากอดทนอีกแล้ว

           วันนั้นสกนธีตื่นในตอนเกือบสิบนาฬิกา  ตอนนั้นอิสริยากำลังเก็บผ้าที่เริ่มแห้งส่งร้านซักรีด 

“อ้าวทำไมเสื้อตัวนี้ไม่เอาไปซักด้วยล่ะเอ๋”  ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นเสื้อเชิ้ตเมื่อคืนยังอยู่ในถังผ้า

“เมื่อคืนพี่เก่งไปไหนมาคะ”  อิสริยาถามโดยไม่หันมามองเขา

“อ้าวพี่บอกแล้วไงว่าไปคุยงานกับไอ้นนท์”  สกนธีตอบ เขาขมวดคิ้วเมื่ออิสริยาเดินมาหยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมาแล้วคลี่ให้เห็นปกเสื้อ

“แล้วนี่อะไรคะ” 

สกนธีอึ้งเขาไม่รู้ตัวว่าเด็กเมื่อคืนจะทิ้งหลักฐานไว้ 

“ในร้านแบบนี้ก็มีเด็กดริงก์นั่งคุยเป็นปกติ มันจะอะไรนักหนาล่ะ พี่ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีสักหน่อย”

“อ้อ แล้วเลิกคุยสามทุ่มพี่ไปไหนต่อถึงกลับบ้านตีสอง” 

หญิงสาวตัดสินใจถามตรงๆ 

“นี่เธอโทรไปถามเพื่อนพี่เหรอ  ไอ้นนท์มันจะคิดว่าพี่เป็นยังไงเมียถึงโทรเช็กแบบนี้  ก่อนจะโทษคนอื่นดูตัวเองก่อนนะว่าหน้าตาดูได้ไหมโทรมขนาดนี้ใครจะไปอยากอยู่ใกล้  ไม่ขอเลิกก็ดีเท่าไหร่แล้ว” 

สกนธีเอาเสียงดังเข้าข่ม เขารู้ว่าจุดอ่อนเธอคือเรื่องที่อิสริยาจะไม่ยอมให้ลูกขาดพ่อเด็ดขาด  ไม่ว่าจะทะเลาะกันกี่ครั้งที่ผ่านมาพอเขาพูดเรื่องเลิกเธอจะเงียบและเป็นฝ่ายยอมเขามาตลอด

แต่วันนี้เธอเองก็ไม่อยากทนแล้ว  ที่โทรมที่ไม่สวยเหมือนเดิมก็ไม่ใช่เพราะเขาก็มีส่วนหรอกหรือ

“ถ้ามันแย่ขนาดนั้นก็ไม่ต้องอยู่ค่ะ  เราเลิกกันเลยก็ได้”  อิสริยาพูดเสียงเรียบ เธอทนข่มความรู้สึกจนกลายเป็นความเก็บกดมาหลายปี 

สกนธีโมโหขึ้นมาทั้งที่เขาเป็นฝ่ายผิด  “งั้นก็ออกไปเลยเก็บของออกไปทั้งแม่ทั้งลูกบ้านนี้เป็นของพี่เพราะพี่เป็นคนซื้อ  ถ้าคิดว่าที่อื่นอยู่ได้ก็ออกไปพาลูกเธอไปด้วย  มีปัญญาเลี้ยงลูกเองก็ไปเลย”

เสียงเด็กหญิงสุพิชชาร้องไห้จ้าเมื่อได้ยินพ่อไล่เธอและแม่  อิสริยาตรงไปกอดลูกส่วนสกนธีเดินกระแทกเท้าปังๆ ออกไปจากบ้าน

อิสริยากอดปลอบลูกสักพักจนเด็กหญิงเงียบ  และร้องไห้จนหลับไปเอง   หญิงสาวปล่อยลูกให้นอนหลับและเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงหลับสนิทดีแล้วหลังจากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มาโทรหาน้องสาว

“แบมเหรอมาช่วยพี่เก็บของหน่อย เอารถที่บ้านมาด้วย”  เมื่ออีกฝ่ายรับสายเธอก็แจ้งถึงสิ่งที่ต้องการให้ช่วยทันทีจนน้องสาวงง

“อ้าวพี่เกิดอะไรขึ้น”  เสียงน้องสาวถามมาอย่างแปลกใจอิสริยาจึงเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้น้องฟังและกำชับว่า 

“มาเร็วๆ นะ เดี๋ยวค่อยมาคุยกัน” 

“ได้เลยพี่เอ๋  เดี๋ยวจะเอาลูกน้องไปช่วยขนด้วยมันไล่แล้วจะไปอยู่ทำไม” 

ฝ่ายนั้นรับคำอย่างโมโห  ก่อนสายจะตัดไปอิสริยาได้ยินเสียงน้องสาวเรียกหาลูกน้องเสียงดังไปหมด

ต่อจากนั้นหญิงสาวโทรไปที่ร้านมินิมาร์ทที่ตัวเองเป็นเจ้าของ  สั่งให้แม่บ้านที่ร้านทำความสะอาดห้องพักด้านบนที่เธอตกแต่งเป็นห้องนอนไว้ก่อนหน้าเหมือนจะรู้ว่าจะมีวันนี้   เพราะอิสริยาเพิ่งรีโนเวตชั้นบนเป็นที่พักและตกแต่งเสร็จเมื่อสองเดือนที่แล้วเอง

เธอรอเพียงไม่นานอันธิกาก็มาถึงพร้อมกับลูกน้องที่บ้าน  และเพราะว่าครอบครัวเดิมของเธอทำธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค  จึงมีโกดังของตัวเองและมีลูกน้องมากมายที่พร้อมมาช่วยขนของแม้ว่าจะกะทันหันก็ตาม  น้องสาวของเธอขับรถส่วนตัวมาและมีหัวหน้าคนงานขับรถหกล้อมาอีกหนึ่งคัน 

อิสริยามีหน้าที่เพียงชี้สั่งว่าเธอจะเอาอะไรไปบ้าง  จากนั้นทุกสิ่งก็ถูกขนขึ้นรถในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง

อันธิกาเข้ามาช่วยพี่สาวเก็บเสื้อผ้าของส่วนตัวและดูแลหลานสาวในห้องนอน

“พวกเอกสารสำคัญเอาไปหมดรึยังพี่”  น้องสาวเตือน

“หมดแล้ว” 

อิสริยาตอบสั้นๆ เธอไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสกนธี  เขาทำเพียงจดทะเบียนรับรองบุตรในตอนที่น้องเพียงเกิดมาจึงไม่มีเอกสารอะไรที่ยุ่งยาก 

บ้านโล่งขึ้นมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เมื่อเธอให้คนงานขนของส่วนที่เป็นของเธอออก

“แล้วนี่ล่ะพี่ ชุดรับแขกนี่เงินพี่นะชุดละเกือบแสนไม่เอาไปเหรอ  โต๊ะกินข้าวอีกไม้สักทองที่ป๊ายกให้ตอนแต่งงานก็ด้วย” 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 10 ที่ดินเจ้าปัญหา

    “เรื่องที่ผืนนั้นตกลงเจ้าของเขาจะขายเท่าไหร่ครับคุณมิ” พุฒิเมธถามเพื่อนร่วมอาชีพสาวสวยคนหนึ่งที่ทำงานร่วมกันกับเขามาหลายครั้งแล้ว“เขายังไม่ให้ราคาแน่นอนมาเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะถามเขาใหม่อีกที คุณรออีกสักวันสองวันนะไม่อยากไปตามง้อมาก” มิลินตอบ“เขาขายแน่ใช่ไหม ผมเปิดขายไปแล้วลูกค้าก็ทำท่าสนใจด้วย ถ้าคุณเจรจากับเจ้าของที่ไม่ได้ลองให้ผมไปคุยเองไหม”มิลินปรายตามองพุฒิเมธแล้วเมิน“ฉันจัดการเอง เชื่อมือสิ” หญิงสาวคิดไปถึงชายหนุ่มเจ้าของที่รูปหล่อที่พบจากการแนะนำของชานนท์ เนื่องจากว่าสกนธีเป็นหุ้นส่วนของญาติเธอเอง‘สงสัยเราจะต้องไปดื่มที่ร้านคุณสมิติอีกครั้งแล้ว’ เธอนิ่วหน้าเมื่อคิดถึงตรงนี้ เพราะว่าเธอไม่เคยเจอสกนธีที่อื่นเลยนอกจากที่นั่น หญิงสาวรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้นเพราะว่าชานนท์เป็นคนบอก ในฐานะนายหน้าตามนิสัยเธอจึงมองหาที่ผืนใหม่ๆ เพื่อบอกขายเสมอ และเธอได้รู้ว่าที่ดินเปล่าในทำเลดีที่หมายตามานานเป็นของเพื่อนชานนท์โดยบังเอิญ จึงพยายามเลียบๆ เคียงๆ ถามมาตลอด แน่ใจว่าเจ้าของไม่มีโครงการจะทำอะไรจึงพยายามหาคอนแท็กต์ของสกนธีจนญาติหนุ่มยอมให้ในที่สุดค่ำวันนั้นเธอไปที่โรง

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 9 น้ำหยดลงหิน หินบอกว่ารำคาญ

    อิสริยากลับบ้านด้วยความหนักใจ และมีความตึงเครียดมากขึ้นเมื่อรู้ว่าพุฒิเมธมารอที่ร้าน“พี่เมธมานานหรือยังคะ เอ๋ไม่รู้ว่าพี่จะมาเลยเข้าร้านช้า” เธอออกตัวเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่ได้นัดไว้“ครับ ไม่เป็นไรพี่รู้ว่าพี่ไม่ได้นัดเอ๋ไว้ วันนี้พี่มีที่อีกผืนอยากให้เอ๋ไปดูนะครับ รับรองว่าจะต้องชอบ” “ที่ไหนคะ” อิสริยาสนใจเผื่อว่าที่ผืนใหม่ที่นายหน้าหนุ่มแนะนำจะดีกว่าที่ดินของสกนธี “นี่ครับ ที่สวยเนื้อที่ประมาณยี่สิบห้าหรือสามสิบไร่อยู่ในย่านเศรษฐกิจด้วยตรงตามเงื่อนไขน้องเอ๋ทุกอย่าง” ชายหนุ่มส่งภาพของที่ดินผืนที่ว่าให้เจ้าของร้านสาวดูอิสริยารับมาแล้วต้องขมวดคิ้ว นี่มันที่ของสกนธีนี่นา “ที่ผืนนี้เจ้าของเขาขายเหรอคะ” “ครับ ถ้าน้องเอ๋สนใจพี่ดำเนินการให้ได้เลย” “แน่ใจนะคะพี่เมธ จริงๆ เอ๋ไม่คิดว่าเจ้าของที่เขาจะขายเลยนะคะ” เธอย้ำ“ขายครับ ซื้อได้แน่นอนถ้างบไปถึงถ้าน้องเอ๋กับที่บ้านยอมทุ่มสักห้าหกร้อยล้าน” พุฒิเมธยิ้มพุฒิเมธขอตัวกลับไปแล้วแต่อิสริยายังนั่งนิ่งที่เดิม หญิงสาวพยายามคิดว่าเพื่อนรุ่นพี่ไปเอาเรื่องที่ดินผืนนี้มาได้อย่างไรว่าสกนธีจะขายเที่ยงวันนั้นสกนธีมาหาที่ร้านหญิงสาวจึงถ

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 8 ที่ดินสินสอด

    สามชั่วโมงต่อมา พวกเขาทั้งหมดมาถึงสวนสัตว์เปิดเขาเขียวจนได้ อิสริยานั่งเบาะหลังปล่อยให้เด็กหญิงสุพิชชานั่งคู่บิดา เธอฟังเสียงพ่อลูกคุยกันด้วยความรู้สึกไม่คุ้นชิน ไม่ชินทั้งการที่สกนธีมีเวลามาใส่ใจลูกสาว หรือไม่ชินกับการที่เธอได้ขึ้นมานั่งในรถยนต์ของเขาอีกครั้ง ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอกับสกนธีใช้ชีวิตต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่ ช่องว่างที่มีในครอบครัวกลายเป็นเรื่องปกติจนเธอชินชาหลังจากที่สกนธีจัดการเรื่องตั๋วเข้าชมสวนสัตว์แล้ว พวกเธอก็ได้ขึ้นรถรางนำชมส่วนการแสดงต่างๆ ตลอดระยะเวลานั้นอิสริยาแทบจะไม่ได้พูดอะไร นอกจากเออออเวลาที่ลูกสาวหันมาคุยด้วย นอกนั้นเธอเป็นฝ่ายเงียบปล่อยให้หน้าที่การดูแลเด็กหญิงสุพิชชาเป็นของพ่อเต็มที่“เอ๋ดูอะไรเหรอ พี่เห็นก้มหน้าก้มตามองดูแต่มือถือมาตลอดทั้งวันเลยนะ” สกนธีอดรนทนไม่ไหวจนต้องถามในขณะที่รอเด็กหญิงสุพิชชาเลือกไอศกรีม เขาเห็นอิสริยาสนใจแต่อุปกรณ์สื่อสารในมือแทบจะตลอดเวลา“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เธอเงยหน้าตอบมองเขาด้วยดวงตาว่างเปล่า เธอกำลังคุยกับครอบครัวผ่านโปรแกรมแชตเรื่องที่ดินที่พุฒิเมธเสนอมา แต่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาจุกจิกทั้งสองผืน คง

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 7 เรียนดนตรี

    ไปเรียนดนตรีสกนธีพาน้องเพียงมาถึงโรงเรียนสอนดนตรีก่อนเวลาเข้าเรียนเล็กน้อย พอมีเวลาได้คุยกับครูเรื่องรายละเอียดจนเป็นที่พอใจ ในคอร์สนั้นมีนักเรียนวัยเดียวกันกับน้องเพียงสองถึงสามคนความจริงแล้วทางโรงเรียนแนะนำว่าเด็กหญิงควรเรียนเปียโนก่อนเพื่อให้มีพื้นฐานดนตรี และครูเกรงว่าน้องเพียงที่อายุห้าขวบนิ้วอาจจะไม่มีแรงพอที่จะกดคอร์ดได้ แต่สกนธีไม่อยากให้ลูกผิดหวัง เขาจึงตั้งใจพามาเรียนก่อนสักครั้งสองครั้งแล้วถ้าเด็กหญิงอยากเรียนต่อเขาจะตามใจ แต่ถ้ายังเรียนไม่ได้จริงเขาจะคุยกับน้องเพียงว่าครูขอให้เปลี่ยนไปเรียนเปียโนก่อนชายหนุ่มมาส่งลูกที่หน้าห้องเรียน“พ่อจะรอหนูที่หน้าห้องนะคะลูก” “ค่ะคุณพ่อ หนูไปแล้วนะคะ” เด็กหญิงยกมือขึ้นบ๊ายบายกับคุณพ่อ หน้าห้องเรียนมีชุดโต๊ะเก้าอี้ว่างๆ สกนธีจึงใช้เวลาในตอนนั้นดูงานเอกสารที่ค้างอยู่ ประชุมออนไลน์กับทีมงานและสั่งงานลูกน้องที่บริษัท เวลาผ่านไปสองชั่วโมงอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงสุพิชชาวิ่งมาหาคุณพ่ออย่างร่าเริง“คุณพ่อขา หนูมาแล้ว” “เป็นไงคะลูก เรียนสนุกไหม หนูชอบไหม” สกนธีปิดแล็ปท็อป เขาเงยหน้ายิ้มให้เด็กหญิงที่กำลังอารมณ์ดี“สนุกมากค่ะคุณพ่อ

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 6 เมื่อไหร่จะกลับบ้าน

    อิสริยาเดินนำเขาไปที่ห้องทำงาน ชายหนุ่มรีบตามเธอเข้าไปในนั้น เธอนั่งที่หลังโต๊ะทำงานเหมือนกำลังจะเจรจาธุรกิจไม่ใช่คุยกับสามี“เชิญนั่งค่ะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรคะ” “เอ๋ ทำไมทำเหมือนเราไม่ใช่ผัวเมียกันล่ะ” “เหรอคะ คุณเพิ่งรู้สึกเหรอฉันรู้สึกมาตั้งนานแล้ว รู้สึกมาเป็นปีแล้วทำไมคุณความรู้สึกช้าจัง” เธอตอบตามที่คิดทำให้สกนธีหน้าสลดลง“เอ๋พี่ขอโทษ ขอโทษที่ละเลยเอ๋กับน้องเพียง ขอโทษที่ไม่ทำตามสัญญาแต่ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหม กลับบ้านเรากันเถอะนะ” “คุณพูดว่านั่นเป็นบ้านคุณ จะมาบ้านเราอะไรตอนนี้” อิสริยากระชากเสียงนั่นเป็นเธอในมุมที่สกนธีแทบไม่เคยเห็น “ฉันยอมให้คุณทำหน้าที่พ่อให้น้องเพียงได้แค่นั้น แล้วถ้าวันไหนลูกรู้สึกแย่ๆ เพราะคุณอีกความเป็นพ่อก็จะไม่มีเหลือเหมือนกัน” “งั้น..พี่ขอพาลูกไปเรียนดนตรีได้ไหมวันเสาร์ ลูกอยากไป” สกนธีต่อรองแต่อิสริยายิ้มมุมปาก“คุณถามตัวเองก่อนเถอะว่าจะมีเวลาให้ลูกได้ทุกวันเสาร์ไหม ไม่ใช่มาแค่ไม่กี่วันแล้วคุณก็หายไปเท่าที่จำได้เมื่อก่อนจะวันไหนๆ คุณก็ไม่เคยมีเวลาให้น้องเพียงเลยนะ ลูกชวนคุณไปสวนสัตว์แล้วคุณก็รับปากส่งๆ จนตอนนี้เขาดินปิดไปแล้วเคยจ

  • My wife เมื่อหมดรัก   คุณพ่อน้องเพียงมาค่ะ

    “พี่เอ๋คะคุณพ่อน้องเพียงมาค่ะ” อิสริยาเงยหน้าจากกองเอกสารบัญชีเมื่อลูกน้องเดินมาบอกในห้องทำงาน เธอยังไม่ทันตอบอะไรสกนธีก็เข้ามาในห้อง หญิงสาวจึงโบกมือให้พนักงานออกไปเธอมองเขานิ่งเมื่อชายหนุ่มมานั่งตรงหน้าโต๊ะทำงาน “เมื่อไหร่เอ๋จะพาลูกกลับบ้าน” สกนธีไม่อารัมภบทนาน“บ้านฉันอยู่ที่นี่ค่ะ” อิสริยาตอบเสียงเรียบ เธอทำงานตรงหน้าต่อเหมือนว่าเขาเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่น่าสนใจ“เอ๋.. พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่ได้ไหม” เขายอมเอ่ยคำว่าขอโทษเมื่อรู้ว่าถูกเมินจริงๆอิสริยาเงยหน้ามองเขา “ขอโทษเรื่องอะไรคะ เรื่องที่คุณไล่ฉันกับลูกออกจากบ้าน เรื่องที่ไม่สนใจลูกเมีย เรื่องที่ไปเที่ยวแล้วไปไหนต่อไหนกับใคร หรือว่าเรื่องที่..เราหมดรักกันแล้ว” “ไม่ใช่นะเอ๋ พี่รักเอ๋กับลูกส่วนเรื่องคืนนั้นพี่อธิบายได้” สกนธีรีบพูด“แต่ฉันไม่อยากรู้แล้วค่ะว่าคืนนั้นคุณไปไหนมา ไปกับใคร ส่วนเรื่องหมดรัก คุณจะคิดยังไงฉันไม่รู้แต่ฉันหมดแล้ว ฉันเหนื่อย เหนื่อยมากกับการเป็นเมียเป็นคนใช้เป็นสารพัดอย่างแต่ไม่เคยมีความหมาย ไม่มีตัวตน” อิสริยาระเบิดออกมาอย่างเหลืออด เธอเห็นแววตาตื่นตะลึงของสกนธีมันยิ่งทำให้คำพูดหลั่งไหลไม่หย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status