“ขนมกับน้ำพี่ซื้อมาฝากเอ๋ครับ” สกนธีมาส่งลูกที่ชั้นสอง เพราะว่าอิสริยาให้คนเตรียมปิดร้านแล้ว เขาจึงถือโอกาสตามลูกขึ้นมาด้วย
“ขอบคุณค่ะ ทีหลังไม่ต้องลำบากก็ได้ฉันสั่งให้น้องเขามาส่งทุกวัน” อิสริยารับมาแล้ววางไว้ตรงหน้าเธอเอี้ยวตัวไปมองลูกที่กำลังดูดนมปั่นและเมียงมองขนมในถุง
“แม่ว่าหนูต้องกินขนมมาแล้ว ถ้ายังไม่อิ่มกินข้าวกันก่อนไหมคะน้องเพียง”
เด็กหญิงพยักหน้าทันที
“ให้คุณพ่อกินด้วยกันนะคะคุณแม่” เธอบอกแทนสกนธีทำให้ชายหนุ่มยิ้มหน้าบาน แต่ฉับพลันใจต้องเหี่ยวแฟบเมื่อได้ยินคำตอบจากแม่ของลูกสาว
“คุณพ่ออยู่กินไม่ได้หรอกค่ะลูก คุณพ่อต้องไปคุยงานนะคะ” เธอตอบเด็กหญิงสุพิชชาและหันมามองหน้าเขา “ใช่ไหมคะคุณ”
เธอสายตานั้นบังคับให้เขาทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ สกนธีจำใจต้องตามน้ำไปด้วย
“จ้ะลูก พ่อมีธุระจริงๆ งั้นไว้วันหน้านะคะ”
“มึงว่าอะไรนะ”
ชานนท์ถามอีกครั้ง เขาคิดว่าถ้าหูเขาไม่เพี้ยนเพื่อนสนิทก็คงบ้าไปแล้ว
“นายมีเพื่อนที่เมียเขาเปิดร้านขนมใช่ไหม ลูกค้าเราที่มาจ้างทำร้านขนมน่ะ” สกนธีพูดถึงลูกค้ารายหนึ่งของบริษัทที่ชานนท์เคยบอกว่าเป็นเพื่อนเก่า มาจ้างออกแบบร้านขนมเล็กๆ ให้ภรรยา
“อ้อ.. เออ ใช่ก็ไอ้กรไง ว่าแต่มึงจะขอไปเรียนทำขนมกับน้องนุทจริงเหรอวะ งานมึงน้อยไปจนฟุ้งซ่านหรือไง”
‘หรือว่ามันจะทำงานมากไปจนเพี้ยน’ ชานนท์คิดในใจ อย่าว่าจะทำขนมแค่กินขนมเขายังไม่เคยเห็นมันสนใจ มีให้กินก็กิน ไม่มีก็ไม่เคยคิดจะซื้อหามากิน
“ลูกกูชอบขนมเค้ก ชอบเบเกอรีต่างหาก เดือนหน้าจะถึงวันเกิดน้องเพียงกูอยากทำของขวัญให้ลูกต่างหาก”
ชานนท์พยักหน้า งงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมากๆ นี่ขนาดง้อลูกมันยังทุ่มเทขนาดนี้ ง้อเมียไม่ปลูกบ้านให้ฟรีเหรอวะชายหนุ่มคิดอย่างขำๆ ในใจแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อสกนธีพูดต่อ
“ส่วนงานกูตอนนี้ไม่รับงานใหม่นะ จะออกแบบห้างให้ที่บ้านเอ๋ค่าใช้จ่ายตั้งแต่ต้นจนจบลงบิลกูได้เลย” สกนธีหันไปหาลูกน้องในทีมที่นั่งทำงานห้องเดียวกัน
“เฮ้ย ทีมสำรวจลงตารางไว้ด้วยวันจันทร์หน้ามีลงพื้นที่หน้างาน ไปกันสักสี่ห้าคน”
ในที่สุดชานนท์ก็ต้องพาสกนธีไปหาภากรและชมพูนุท เจ้าของร้านเบเกอรีที่พวกเขาเคยเป็นลูกค้าของบริษัท ในคราวที่ภากรต้องการเปิดร้านเบเกอรีให้กับภรรยา
“รบกวนคุณนุทด้วยนะครับ” สกนธีกล่าวกับฝ่ายเจ้าของร้านสาว เขามองไปรอบๆ บริเวณร้านขนมที่ตั้งบนพื้นที่แค่งานเดียวนั้นได้รับการออกแบบจนดูไม่คับแคบ ทำให้บรรยากาศไม่ต่างจากไปคาเฟชื่อดังทั้งหลาย
“ยินดีค่ะพี่เก่ง ไม่ต้องเรียกนุทว่าคุณนะคะ” ชมพูนุทยิ้มให้อย่างร่าเริงตามนิสัย เธอถามต่อว่า
“แล้วพี่เก่งอยากฝึกทำเมนูไหนดีคะ น้องชอบทานอะไรลองลิสต์มาดูก่อนไหมจะได้วางแผนได้”
“เอ่อ... น้องเพียงชอบกินพวกช็อกโกแลตครับ เอามาทำขนมอะไรได้บ้าง” สกนธีไม่ค่อยรู้เรื่องขนมนัก โดยเฉพาะถ้าเป็นพวกขนมตะวันตกแนวเบเกอรีเขายิ่งไม่รู้จักว่าอะไรคืออะไร
“อ๋อ น้องชอบช็อกโกแลต งั้นเป็นนี่ไหมคะอัลมอนด์ลอนดอนคุกกี้” ชมพูนุทชี้ไปยังขนมในถาดเธออธิบายต่อ
“จะเป็นบัตเตอร์คุกกี้สอดใส่อัลมอนด์แล้วเคลือบด้วยช็อกโกแลตค่ะ น้องน่าจะชอบนะคะ”
สกนธีคิดตามแล้วยิ้ม ชายหนุ่มมองเจ้าของร้านสาวที่ไปหยิบขนมใส่จานเล็กมาให้เขาชิม เขาลองชิมแล้วรู้ว่าน้องเพียงจะต้องชอบแน่นอน เขาตกลงใจทันที
“ตกลงครับ ผมอยากเรียนทำอันนี้ แต่มีอีกอันที่อยากทำนิวยอร์คชีสเค้กไม่ทราบว่าน้องนุทสอนได้ไหมฮะ” เขาจำชื่อเมนูนี้ขึ้นใจหลังจากที่กลับจากร้านของเชฟดนัย
“นิวยอร์คชีสเค้กเหรอคะ ก็ถือว่ายากในระดับนึงค่ะแต่จริงๆ ขนมตัวนี้อยู่ที่วัตถุดิบหลัก ถ้าใช้ของดีก็ออกมาดีซึ่งส่วนมากต้นทุนจะค่อนข้างแพงด้วยค่ะ”
“เลยขายกันแพงเหรอครับ มิน่าล่ะ” เขาเริ่มเข้าใจว่าทำไมค่าเค้กที่จ่ายไปนั้นแพงในความรู้สึกเขาแต่ก็ยังมีคนซื้อ
“ใช่ค่ะพี่เก่ง ตัวนี้หนักครีมชีส วิปครีมหรือ Sour Cream ตัวบิสกิตที่มาทำฐานก็ต้องใช้ของดีมากๆ ถ้าพี่เก่งอยากทำนัดวันได้เลยค่ะนุทจะเตรียมของไว้ให้”
“เรียนครับ ยังไงมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่บอกได้เลยนะครับ”
สกนธีตัดสินใจทันที มันจะสักเท่าไหร่กัน ก็แค่ทำขนม?
ชานนท์และภากรหัวเราะหึหึ มองตากันแล้วนึกตรงกัน ‘แล้วมันจะรู้ว่าซื้อเขาเถอะ สบายกว่าเยอะ’
“เอ๋ตัดสินใจหรือยังครับ ว่าสนใจผืนไหน” พุฒิเมธมาขอพบอิสริยาเรื่องที่ดินที่เขาให้ข้อมูลไว้รอบก่อน
“ค่ะ เอ๋อยากถามพี่เมธว่าที่ผืนนั้นแปลงล่าสุดที่ห้าไร่น่ะค่ะ พี่ติดต่อกับเจ้าของเขาเองแน่ใช่ไหมคะ”
“ครับ ทีมงานพี่รู้จักตัวเจ้าของเลยครับ น้องเอ๋ไม่ต้องกลัวนะว่าพี่มาหลอก ที่ไม่มีใครซื้อเพราะว่าสู้ราคาไม่ได้ครับ เจ้าของเขาไม่ได้ร้อนเงินเลยรอคนที่ให้ราคาดีที่เขาพอใจ”
“สักเท่าไหร่ล่ะคะ”
“ห้าร้อยล้านครับ ที่ยี่สิบห้าไร่ใจกลางเมืองราคานี้หาที่ไหนไม่ได้แล้วนะน้องเอ๋ พี่ไปต่อรองมาได้ราคานี้พิเศษสุด” พุฒิเมธตัดสินใจให้ราคาสูงพอที่เจ้าของที่จะต้องพอใจ หากเขาไปเจรจาด้วยตัวเอง ชายหนุ่มคิดว่ามิลินคงอยากกั๊กไว้คนเดียวไม่อยากให้เขาได้ส่วนแบ่งค่านายหน้าเป็นแน่
“ถ้าพี่เมธแน่ใจว่าเขาขายแน่ เอ๋อยากไปดูที่จริงค่ะ สักวันจันทร์นี้สะดวกไหมคะ”
วันต่อมาสกนธีทำตามที่พูดจริงๆ ชายหนุ่มขนเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว โต๊ะและอุปกรณ์การทำงานจากบ้านมาที่ร้าน โดยมีลูกสาวตัวน้อยคอยช่วยพ่อหยิบจับของด้วยสีหน้าที่บอกว่าดีใจอย่างมากพื้นที่ชั้นสองของอาคารสามคูหานั้นกว้างพอที่เขาจะจัดมุมทำงานและวางเครื่องนอนได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตของอิสริยา“ไหนคุณว่าจะขึ้นไปนอนชั้นสาม” อิสริยาออกจากห้องมาเห็นที่นอนแบบพับปูที่พื้นจึงถามด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ“ตอนนี้ชั้นสามยังไม่ได้ตกแต่ง พี่ขอเวลาแป๊บนะเดี๋ยวให้ช่างเข้ามาติดแอร์ ตกแต่งเพิ่มทาสีใหม่เปลี่ยนอะไรที่เสียชำรุดด้วย” พื้นที่ชั้นสามประกอบด้วยห้องนอนสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ และมีส่วนของพื้นที่เปิดเป็นลานกว้าง ที่สกนธีมีแผนจะทำเป็นสวนขนาดเล็กปลูกต้นไม้และดอกไม้เพื่อให้บรรยากาศสดชื่นน่าอยู่ขึ้น“แล้วก็นี่...” สกนธีหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรอยู่สองสามนาที จากนั้นมีสัญญาณข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินถูกโอนเข้าบัญชีที่โทรศัพท์ของอิสริยา เธอยกขึ้นดูอย่างงงๆ มองตัวเลขจำนวนห้าหลักที่ถูกโอนเข้ามา“พี่โอนค่าใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่ค่าน้ำไฟให้ ต่อไปนี้จะให้ทุกเดือน” อิสริยาถอนใจ จะไม่ให้เขาอยู่ก็ไม่อ
วันนั้นอิสริยาไม่ได้ไปส่งลูกเพราะว่าสกนธีเสนอตัวไปส่งเอง เธอเห็นว่าน้องเพียงมีความสุขดีจึงไม่อยากขวางสองพ่อลูก หญิงสาวถือโอกาสเคลียร์งานที่ร้านหลังจากที่วานนี้ออกไปดูที่กับพุฒิเมธ และมีการปะทะเล็กๆ กับสกนธีในรถยนต์จนเธอไม่มีสมาธิทั้งวันนอกจากดูแลร้านตัวเองแล้ว หญิงสาวยังมีหน้าที่หลักช่วยเรื่องระบบหลังบ้านของห้างค้าส่งของที่บ้านอีกด้วย ในเรื่องของการดูแลด้านการเงินการบัญชีและระบบเงินเดือน ตอนบ่ายเธอเข้าไปที่สำนักงานของห้างค้าส่งเพราะเป็นวันเซ็นสัญญาจ้างก่อสร้างห้างใหม่ ซึ่งตัวอิสริยาเองต้องเข้าไปในฐานะกรรมการบริหารและหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้าง จึงได้พบกับสกนธีที่มากับ ชานนท์และทีมกฎหมายของทั้งสองฝ่าย “ดีนะ ที่อาเอ๋กับผัวไม่ได้จดทะเบียนกัน ไม่งั้นใครรู้จะหาว่าฮั้วกันเองอีก” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังเสร็จสิ้นการลงนามในสัญญา “เอาราคาที่เซ็นไปเช็กก็ได้ ว่าฮั้วกันยังไงบริษัทเขาลดให้เราจนแทบไม่มีกำไร จะพอจ่ายค่าแรงคนงานหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” เสี่ยกวงว่าใส่หน้าญาติคนหนึ่งที่เป็นผู้ถือหุ้นของห้างอย่างไม่เกรงใจ ชายสูงวัยพูดต่อ“แล้วลูกสาวลูกเขยอั๊วจะจดทะเบียน
เช้าวันรุ่งขึ้นสกนธีตื่นจากเสียงดังก๊อกแก๊กของแม่บ้านที่มาทำความสะอาด ชายหนุ่มลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ลงไปเอามาจากในรถ เขาจึงได้เห็นว่าบริเวณชั้นสองจะมีแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด ในโซนห้องครัวแม่บ้านจะช่วยเตรียมอาหารสดไว้ให้อิสริยามาปรุงเองสำหรับอาหารมื้อเช้า เธอไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมอาหารสำหรับครอบครัว ทำงานบ้าน แต่งตัวให้ลูก ดูแลให้รับประทานมื้อเช้าและไปส่งลูก ทำทุกอย่างเองแบบในตอนที่ยังอยู่กับเขาอีกแล้ว‘นอกจากช่วยแบ่งเบาภาระไม่ได้ เรายังทำให้เอ๋เหนื่อยขึ้นด้วยการไม่ยอมให้มีแม่บ้าน มึงคิดอะไรอยู่วะตอนนั้น’ เขานึกด่าตัวเองที่เคยหลุดปากตำหนิว่าเธอไม่ดูแลตัวเอง ตอนนี้เมื่อมีโอกาสทบทวนจึงรู้ว่าอิสริยาจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลความสวยความงามแบบตอนก่อนแต่งงาน ในเมื่อเธอต้องดูแลทุกอย่างในบ้านคนเดียวเขาเดินเข้าไปในครัว เห็นอิสริยายืนหันหลังให้เธอกำลังทำอะไรที่หน้าเตา “มีอะไรให้พี่ช่วยไหมเอ๋” หญิงสาวเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะมองเตาที่หม้อข้าวต้มกำลังเดือด “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” เธอได้ยินเสียงเขาเดินมาหาจึงไม่ตกใจ “คุณจะกลับเลยก็ได้ค่ะ ถ้าลูกตื่นเดี๋ยวฉ
สองพ่อลูกหายไปกันประมาณสี่สิบนาทีเมื่ออิสริยาได้ยินเสียงแจ้วๆ ของลูกเธอจึงออกจากห้องทันได้เห็นว่าสกนธีอุ้มลูกเดินขึ้นบันไดมาเพราะเด็กหญิงอ้อนไม่อยากเดินเอง เธอฟังเสียงชายหนุ่มคุยเล่นกับลูกอย่างสะท้อนใจ ภาพความสุขของเด็กหญิงทำให้เธอไล่เขาออกไปจากบ้านไม่ลง จนกระทั่ง“โอ๊ย...” เสียงสกนธีดังขึ้นเพราะลูกที่กอดคอเขาอยู่เผลอกดมือลงบนแผลที่อิสริยากัดเขาเมื่อตอนกลางวัน“พ่อร้องทำไมคะ เจ็บเหรอ” น้องเพียงทำหน้าตกใจจนอิสริยาต้องรีบไปรับตัวลูกมา“น้องเพียงมาหาแม่ก่อนค่ะ”“ไม่มีอะไรค่ะลูก พ่อลืมว่าเดินชนประตูเลยเจ็บ” ชายหนุ่มปล่อยเด็กหญิงลงนั่งบนเก้าอี้ เขารีบพูดให้เธอสบายใจ“น้องเพียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับพี่จี๊ดก่อนค่ะลูก จะได้มากินขนม” เมื่อลูกไปกับพี่เลี้ยงแล้วหญิงสาวหันมามองเขาเขม็ง“เลือดออกขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมคุณไม่ไปทำแผล” เธอย่อมจำได้ดีว่าตัวเองเป็นเจ้าของรอยแผลนั้น แต่เขาจะโทษเธอไม่ได้เพราะถ้าเขาไม่ทำรุ่มร่ามมันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสกนธีหันมามองรอยเลือดบนบ่าที่ซึมผ่านเสื้ออย่างไม่สนใจนัก “ไม่เป็นไรหรอกเอ๋ เอาไว้เตือนตัวเองก็ดีเหมือนกัน”
อิสริยาหันมากระชากแขนออกจากมือเขาแต่กลับถูกดึงเข้าไปกอดทั้งตัว ชายหนุ่มยกร่างบอบบางลอยหวือจากเบาะที่นั่งอยู่ไปนั่งบนตักเขา เขารวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้ด้วยกันด้วยมือเดียวไพล่หลัง อิสริยาดิ้นขลุกขลักด้านหลังเธอชนกับพวงมาลัยรถยนต์ด้านหน้าก็ถูกกอดรัดจนขยับไม่ได้“ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” เธอก้มลงกัดบ่าเขาเต็มแรงเมื่อถูกพันธนาการไว้แน่นหนาสกนธีปล่อยให้เธอกัด เขากอดเธอนิ่งจนหญิงสาวได้กลิ่นเลือดเธอเงยหน้าขึ้นเห็นเลือดที่ซึมจากแผลที่เธอกัดผ่านเนื้อผ้าของเสื้อเชิ้ตเนื้อดีที่เขาสวมอยู่ “กัดอีกก็ได้ เอ๋จะทำอะไรพี่อีกก็ได้ถ้าทำให้ความรู้สึกดีขึ้น”ชายหนุ่มเจ็บหนึบที่แผลแต่เขารู้ว่านั่นยังไม่เท่ากับที่เขาเคยทำไว้กับเธอ เขาคลายมือที่รวบข้อมือเธอไว้แต่ยังกอดเธอนิ่งรอจนเธอสงบลงเอง “ปล่อยเดี๋ยวนี้” อิสริยาขบฟันด้วยความโมโห“สัญญาก่อนว่าจะไม่วิ่งหนี เดี๋ยวพี่ไปส่งเอ๋ที่ร้านเอง”สกนธีไปส่งอิสริยาที่ร้านแล้วจึงย้อนกลับมาเอาเอกสารที่บ้าน ชายหนุ่มเข้าบริษัทในตอนบ่ายเจอกลุ่มเพื่อนที่มาหาพอดี“มึงไปโดนอะไรมาวะ” อัศราทักขึ้นมา เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมเปลี่ยนเสื้อ ฝ่ายนั้นลุกมาดูใกล้ๆ ที่ไหล่
หลังจากที่พุฒิเมธและมิลินกลับไปแล้ว อิสริยาก็ขยับตัวแต่สกนธีรีบเรียกเธอไว้“เอ๋จะไปไหนครับ ช่วยมาดูอะไรตรงนี้ก่อนได้ไหม” อิสริยาชะงักเธอกำลังจะออกไปมองหารถแท็กซี่ เมื่อครู่ดูเหมือนว่าพุฒิเมธจะลืมว่าเธอยังไม่ได้ตอบคำถาม เขารีบร้อนกลับไปโดยที่ไม่รอเธอตอบสักคำว่าจะกลับอย่างไร แต่อีกใจเธอก็เข้าใจเขาว่าคงต้องการเวลาในการปรับอารมณ์พอสมควร หญิงสาวจึงสะดวกใจที่จะหา รถกลับเองมากกว่า“มีอะไรคะ” หญิงสาวถามแต่ไม่เดินไปหาสกนธีที่กำลังกางกระดาษออกมาดูอะไรสักอย่างในนั้น“พี่อยากให้เอ๋มาดูตรงนี้ทีครับ ว่าพี่เขียนแบบมาอย่างนี้การใช้งานจริงจะโอเคไหม” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเดินมาหาเธอเอง เขาส่งกระดาษแบบโครงสร้างคร่าวๆ ให้เธอดู อิสริยารับไปถือดูเองเขาจึงหันไปขอร่มจากลูกน้องมากางให้ทั้งภรรยาและตนเองเนื่องจากตอนนี้แดดเริ่มแรงมาก“เฮียเขาว่าอย่างไงคะ เห็นแบบนี้หรือยัง” อิสริยาขมวดคิ้วเมื่อการออกแบบห้างใหม่ ดูต่างจากของเดิมค่อนข้างมาก“เมื่อคืนพี่ส่งไฟล์คร่าวๆ ให้ดูยังไม่ได้ลงดีเทล เฮียเขาว่าให้เอ๋ดูวันนี้ก็ได้ว่ามันเหมาะกับที่จริงไหม” “ก็น่าจะดีนะคะ แต่จริงๆ ก็คือยังไม่เห็นภาพค่ะ” เธอตอบตามตรง