“คุณเก่งมาได้ยังไงคะ” มิลินรีบมาดักหน้าเขาไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปถึงตัวอิสริยา
“ที่ผม ผมก็ต้องมาสิแล้วคุณล่ะมาทำไม”
“เอ่อ... คือว่ามิลินนัดคุณเมธกับคุณเอ๋มา...” มิลินอึกอัก เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ไหนจะเรื่องที่เพื่อนโทรมาบอกว่าที่ผืนนี้ถูกทำสัญญาเช่าระยะยาวไปแล้วอีก
“คุณสกนธีเขาเป็นสามีของเอ๋ ผมต่างหากที่ต้องถามว่าคุณทำอะไร”
พุฒิเมธพูดเสียงห้วนกับมิลิน โกรธที่หญิงสาวทำให้เขาอับอาย มิน่า...อิสริยาจึงถามย้ำนักหนาว่าเจ้าของจะขายจริงหรือ
มิลินชะงัก เธอหันมามองอิสริยาด้วยความโกรธเคือง ยายหน้าอ่อนนี่ทำเธอเสียเวลามาก รวมถึงผู้ชายคนนี้ด้วย
“คุณก็รู้อยู่แล้วสิว่าใครเป็นเจ้าของที่ ยังจะถามหาเจ้าของถามหาสำเนาโฉนดอีกเหรอ คุณก็เหมือนกันถ้าที่มีแพลนทำอะไรแล้วปล่อยให้ฉันตื๊อทำไม ทำไมไม่บอกดีๆ จะได้ไม่เสียเวลา”
อิสริยามองหน้าสวยๆ ที่กำลังบิดเบี้ยวด้วยความโมโห เธอมองทุกคนตรงนั้นโดยที่พุฒิเมธไม่ได้สบตาเธอ ส่วนสกนธีกำลังมองเธออยู่สลับกับมองมิลินอย่างเริ่มไม่พอใจ
“เพราะฉันอยากรู้ไงว่าพี่เมธเอาที่ผืนนี้มาเสนอขายฉันได้ยังไง แล้วคุณเป็นนายหน้าของผู้ชายคนนี้จริงๆ หรือเปล่า ทำไมเขาถึงเอาที่มาให้ฉันทั้งที่บอกให้คุณขายให้”
“ไม่ใช่นะเอ๋... พี่ไม่เคยยอมให้ใครเอาที่นี้มาขาย พี่ก็ยังยืนยันทุกครั้งว่ามันเป็นที่สินสอดที่พี่ยกให้เอ๋ด้วยซ้ำ” สกนธีรีบแก้ความเข้าใจผิดของภรรยา ก่อนจะหันไปทางมิลิน
“ผมบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าที่ผืนนี้ผมไม่ขาย และผมก็ไม่เคยยินดีที่ได้พบคุณเลยสักครั้ง คิดว่าน่าจะชัดเจนพอด้วยซ้ำไม่คิดว่าคุณจะถึงขั้นคิดเองเออเองแล้วเอาที่ผมมาบอกขายคนอื่นแบบพลการแบบนี้ บอกไว้เลยนะว่าผมเอาเรื่องคุณทางกฎหมายแน่” พูดจบสกนธีหันมาทางพุฒิเมธ
“คุณเองก็เหมือนกัน ไม่เคยเห็นสัญญานายหน้า ไม่เคยเห็นสำเนาโฉนดคุณเอาที่ใครต่อใครมาหาลูกค้าได้ยังไง จรรยาบรรณนายหน้าหายไปไหน ผมจะเอาเรื่องให้คุณสองคนโดนถอนใบนายหน้าแน่คอยดู”
พุฒิเมธเม้มปาก แต่เรื่องนี้เขาหละหลวมไปมากจริงๆ เขาคิดไปเองว่ามิลินไม่ยอมให้ข้อมูลจริงๆ เพราะหวงว่าเขาจะไปติดต่อเจ้าของที่เอง อยากให้เธอสบายใจเขาจึงไม่ซักไซ้อะไรมาก กลายเป็นว่าทำให้ตนเองถูกหลอกจนเสียประวัติ
“ผมยอมรับว่าผมผิดจริงที่ตรวจสอบน้อยไป ยังไงก็ขอโทษคุณด้วย เอ๋ด้วยนะพี่ไม่มีเจตนาให้เรื่องเป็นแบบนี้จริงๆ พี่เองก็เสียใจมากที่ทำให้เอ๋ผิดหวัง”
สกนธีผิดหูขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวๆ เมียผมจะผิดหวังอะไรในตัวคุณ พูดให้ดีๆ อย่าคิดไปเองอีก”
“ผิดหวังในหน้าที่นายหน้า ในเมื่อเอ๋ไว้ใจผมและผมทำงานพลาดผมก็ควรขอโทษมันผิดตรงไหน”
“เอ๋เข้าใจพี่เมธค่ะ แต่ถ้าเขาจะเอาเรื่องอะไรเอ๋คงไม่ยุ่งนะคะ ขอให้ทุกอย่างเรียบร้อย”
“งั้นพี่ขอตัวกลับก่อน เอ๋จะกลับพร้อมพี่เลยไหมครับ” พุฒิเมธรู้อยู่แล้วว่าสกนธีคงไม่ยอมให้ภรรยาตัวเองกลับพร้อมกับเขา แต่เขาเป็นคนรับเธอมาจึงจำเป็นต้องถาม
“เอ๋ต้องอยู่รอดูงานคงไปกับคุณไม่ได้ รบกวนคุณพาเพื่อนของคุณกลับไปด้วย แล้วผมจะให้ทนายติดต่อไปเร็วๆ นี้” สกนธีตอบแทนห้วนๆ แม้ว่าอิสริยาจะไม่เห็นด้วยแต่การหักหน้าเขาต่อหน้าคนอื่นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยทำ ปัญหาในบ้านไม่ควรนำออกมาให้คนอื่นรับรู้
พุฒิเมธลากลับโดยที่เขาลากมิลินที่ยืนฟังคนนั้นทีคนนั้นทีพูดกันโดยที่ไม่รู้จะพูดอะไร เธอยังตกใจกับความจริงที่ว่าสกนธีมีภรรยาแล้วและเป็นคนที่เสนอขายที่ดินให้ ความอับอายนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเมื่อเธอรู้สึกตัวอีกครั้ง หญิงสาวสะบัดมือพุฒิเมธให้หลุดโดยเร็ว
“ฉันเป็นตัวตลกของพวกคุณ นี่แผนที่คุณจะเขี่ยฉันออกจากวงการใช่ไหมเมธ”
ใช่... มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ มีหรือที่อิสริยาจะไม่บอกว่าพุฒิเมธว่าที่ผืนนี้เป็นของเธอ แล้วคนพวกนี้ก็ยังรวมหัวกันปั่นหัวเธออีก
“ถ้าคุณยังคิดไม่ได้ว่าตัวเองผิดก็เชิญตามสบาย หาทางแก้ต่างเอาเองละกันเรื่องที่เขาจะฟ้องน่ะ ส่วนผมยังไงเอ๋ก็ต้องบอกว่าผมไม่รู้เรื่อง” พุฒิเมธเดินห่างไปขึ้นรถยนต์ของตนเอง ไม่หันมามองมิลินที่กำลังกล่าวหาเขา
‘ผู้หญิงอะไรบ้าบอฉิบหาย อย่าทำงานด้วยกันอีกเลย’ ชายหนุ่มคิดในใจขณะที่ออกรถเคลื่อนตัวไปยังถนนเพื่อเดินทางกลับ
วันต่อมาสกนธีทำตามที่พูดจริงๆ ชายหนุ่มขนเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว โต๊ะและอุปกรณ์การทำงานจากบ้านมาที่ร้าน โดยมีลูกสาวตัวน้อยคอยช่วยพ่อหยิบจับของด้วยสีหน้าที่บอกว่าดีใจอย่างมากพื้นที่ชั้นสองของอาคารสามคูหานั้นกว้างพอที่เขาจะจัดมุมทำงานและวางเครื่องนอนได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตของอิสริยา“ไหนคุณว่าจะขึ้นไปนอนชั้นสาม” อิสริยาออกจากห้องมาเห็นที่นอนแบบพับปูที่พื้นจึงถามด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ“ตอนนี้ชั้นสามยังไม่ได้ตกแต่ง พี่ขอเวลาแป๊บนะเดี๋ยวให้ช่างเข้ามาติดแอร์ ตกแต่งเพิ่มทาสีใหม่เปลี่ยนอะไรที่เสียชำรุดด้วย” พื้นที่ชั้นสามประกอบด้วยห้องนอนสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ และมีส่วนของพื้นที่เปิดเป็นลานกว้าง ที่สกนธีมีแผนจะทำเป็นสวนขนาดเล็กปลูกต้นไม้และดอกไม้เพื่อให้บรรยากาศสดชื่นน่าอยู่ขึ้น“แล้วก็นี่...” สกนธีหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรอยู่สองสามนาที จากนั้นมีสัญญาณข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินถูกโอนเข้าบัญชีที่โทรศัพท์ของอิสริยา เธอยกขึ้นดูอย่างงงๆ มองตัวเลขจำนวนห้าหลักที่ถูกโอนเข้ามา“พี่โอนค่าใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่ค่าน้ำไฟให้ ต่อไปนี้จะให้ทุกเดือน” อิสริยาถอนใจ จะไม่ให้เขาอยู่ก็ไม่อ
วันนั้นอิสริยาไม่ได้ไปส่งลูกเพราะว่าสกนธีเสนอตัวไปส่งเอง เธอเห็นว่าน้องเพียงมีความสุขดีจึงไม่อยากขวางสองพ่อลูก หญิงสาวถือโอกาสเคลียร์งานที่ร้านหลังจากที่วานนี้ออกไปดูที่กับพุฒิเมธ และมีการปะทะเล็กๆ กับสกนธีในรถยนต์จนเธอไม่มีสมาธิทั้งวันนอกจากดูแลร้านตัวเองแล้ว หญิงสาวยังมีหน้าที่หลักช่วยเรื่องระบบหลังบ้านของห้างค้าส่งของที่บ้านอีกด้วย ในเรื่องของการดูแลด้านการเงินการบัญชีและระบบเงินเดือน ตอนบ่ายเธอเข้าไปที่สำนักงานของห้างค้าส่งเพราะเป็นวันเซ็นสัญญาจ้างก่อสร้างห้างใหม่ ซึ่งตัวอิสริยาเองต้องเข้าไปในฐานะกรรมการบริหารและหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้าง จึงได้พบกับสกนธีที่มากับ ชานนท์และทีมกฎหมายของทั้งสองฝ่าย “ดีนะ ที่อาเอ๋กับผัวไม่ได้จดทะเบียนกัน ไม่งั้นใครรู้จะหาว่าฮั้วกันเองอีก” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังเสร็จสิ้นการลงนามในสัญญา “เอาราคาที่เซ็นไปเช็กก็ได้ ว่าฮั้วกันยังไงบริษัทเขาลดให้เราจนแทบไม่มีกำไร จะพอจ่ายค่าแรงคนงานหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” เสี่ยกวงว่าใส่หน้าญาติคนหนึ่งที่เป็นผู้ถือหุ้นของห้างอย่างไม่เกรงใจ ชายสูงวัยพูดต่อ“แล้วลูกสาวลูกเขยอั๊วจะจดทะเบียน
เช้าวันรุ่งขึ้นสกนธีตื่นจากเสียงดังก๊อกแก๊กของแม่บ้านที่มาทำความสะอาด ชายหนุ่มลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ลงไปเอามาจากในรถ เขาจึงได้เห็นว่าบริเวณชั้นสองจะมีแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด ในโซนห้องครัวแม่บ้านจะช่วยเตรียมอาหารสดไว้ให้อิสริยามาปรุงเองสำหรับอาหารมื้อเช้า เธอไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมอาหารสำหรับครอบครัว ทำงานบ้าน แต่งตัวให้ลูก ดูแลให้รับประทานมื้อเช้าและไปส่งลูก ทำทุกอย่างเองแบบในตอนที่ยังอยู่กับเขาอีกแล้ว‘นอกจากช่วยแบ่งเบาภาระไม่ได้ เรายังทำให้เอ๋เหนื่อยขึ้นด้วยการไม่ยอมให้มีแม่บ้าน มึงคิดอะไรอยู่วะตอนนั้น’ เขานึกด่าตัวเองที่เคยหลุดปากตำหนิว่าเธอไม่ดูแลตัวเอง ตอนนี้เมื่อมีโอกาสทบทวนจึงรู้ว่าอิสริยาจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลความสวยความงามแบบตอนก่อนแต่งงาน ในเมื่อเธอต้องดูแลทุกอย่างในบ้านคนเดียวเขาเดินเข้าไปในครัว เห็นอิสริยายืนหันหลังให้เธอกำลังทำอะไรที่หน้าเตา “มีอะไรให้พี่ช่วยไหมเอ๋” หญิงสาวเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะมองเตาที่หม้อข้าวต้มกำลังเดือด “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” เธอได้ยินเสียงเขาเดินมาหาจึงไม่ตกใจ “คุณจะกลับเลยก็ได้ค่ะ ถ้าลูกตื่นเดี๋ยวฉ
สองพ่อลูกหายไปกันประมาณสี่สิบนาทีเมื่ออิสริยาได้ยินเสียงแจ้วๆ ของลูกเธอจึงออกจากห้องทันได้เห็นว่าสกนธีอุ้มลูกเดินขึ้นบันไดมาเพราะเด็กหญิงอ้อนไม่อยากเดินเอง เธอฟังเสียงชายหนุ่มคุยเล่นกับลูกอย่างสะท้อนใจ ภาพความสุขของเด็กหญิงทำให้เธอไล่เขาออกไปจากบ้านไม่ลง จนกระทั่ง“โอ๊ย...” เสียงสกนธีดังขึ้นเพราะลูกที่กอดคอเขาอยู่เผลอกดมือลงบนแผลที่อิสริยากัดเขาเมื่อตอนกลางวัน“พ่อร้องทำไมคะ เจ็บเหรอ” น้องเพียงทำหน้าตกใจจนอิสริยาต้องรีบไปรับตัวลูกมา“น้องเพียงมาหาแม่ก่อนค่ะ”“ไม่มีอะไรค่ะลูก พ่อลืมว่าเดินชนประตูเลยเจ็บ” ชายหนุ่มปล่อยเด็กหญิงลงนั่งบนเก้าอี้ เขารีบพูดให้เธอสบายใจ“น้องเพียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับพี่จี๊ดก่อนค่ะลูก จะได้มากินขนม” เมื่อลูกไปกับพี่เลี้ยงแล้วหญิงสาวหันมามองเขาเขม็ง“เลือดออกขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมคุณไม่ไปทำแผล” เธอย่อมจำได้ดีว่าตัวเองเป็นเจ้าของรอยแผลนั้น แต่เขาจะโทษเธอไม่ได้เพราะถ้าเขาไม่ทำรุ่มร่ามมันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสกนธีหันมามองรอยเลือดบนบ่าที่ซึมผ่านเสื้ออย่างไม่สนใจนัก “ไม่เป็นไรหรอกเอ๋ เอาไว้เตือนตัวเองก็ดีเหมือนกัน”
อิสริยาหันมากระชากแขนออกจากมือเขาแต่กลับถูกดึงเข้าไปกอดทั้งตัว ชายหนุ่มยกร่างบอบบางลอยหวือจากเบาะที่นั่งอยู่ไปนั่งบนตักเขา เขารวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้ด้วยกันด้วยมือเดียวไพล่หลัง อิสริยาดิ้นขลุกขลักด้านหลังเธอชนกับพวงมาลัยรถยนต์ด้านหน้าก็ถูกกอดรัดจนขยับไม่ได้“ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” เธอก้มลงกัดบ่าเขาเต็มแรงเมื่อถูกพันธนาการไว้แน่นหนาสกนธีปล่อยให้เธอกัด เขากอดเธอนิ่งจนหญิงสาวได้กลิ่นเลือดเธอเงยหน้าขึ้นเห็นเลือดที่ซึมจากแผลที่เธอกัดผ่านเนื้อผ้าของเสื้อเชิ้ตเนื้อดีที่เขาสวมอยู่ “กัดอีกก็ได้ เอ๋จะทำอะไรพี่อีกก็ได้ถ้าทำให้ความรู้สึกดีขึ้น”ชายหนุ่มเจ็บหนึบที่แผลแต่เขารู้ว่านั่นยังไม่เท่ากับที่เขาเคยทำไว้กับเธอ เขาคลายมือที่รวบข้อมือเธอไว้แต่ยังกอดเธอนิ่งรอจนเธอสงบลงเอง “ปล่อยเดี๋ยวนี้” อิสริยาขบฟันด้วยความโมโห“สัญญาก่อนว่าจะไม่วิ่งหนี เดี๋ยวพี่ไปส่งเอ๋ที่ร้านเอง”สกนธีไปส่งอิสริยาที่ร้านแล้วจึงย้อนกลับมาเอาเอกสารที่บ้าน ชายหนุ่มเข้าบริษัทในตอนบ่ายเจอกลุ่มเพื่อนที่มาหาพอดี“มึงไปโดนอะไรมาวะ” อัศราทักขึ้นมา เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมเปลี่ยนเสื้อ ฝ่ายนั้นลุกมาดูใกล้ๆ ที่ไหล่
หลังจากที่พุฒิเมธและมิลินกลับไปแล้ว อิสริยาก็ขยับตัวแต่สกนธีรีบเรียกเธอไว้“เอ๋จะไปไหนครับ ช่วยมาดูอะไรตรงนี้ก่อนได้ไหม” อิสริยาชะงักเธอกำลังจะออกไปมองหารถแท็กซี่ เมื่อครู่ดูเหมือนว่าพุฒิเมธจะลืมว่าเธอยังไม่ได้ตอบคำถาม เขารีบร้อนกลับไปโดยที่ไม่รอเธอตอบสักคำว่าจะกลับอย่างไร แต่อีกใจเธอก็เข้าใจเขาว่าคงต้องการเวลาในการปรับอารมณ์พอสมควร หญิงสาวจึงสะดวกใจที่จะหา รถกลับเองมากกว่า“มีอะไรคะ” หญิงสาวถามแต่ไม่เดินไปหาสกนธีที่กำลังกางกระดาษออกมาดูอะไรสักอย่างในนั้น“พี่อยากให้เอ๋มาดูตรงนี้ทีครับ ว่าพี่เขียนแบบมาอย่างนี้การใช้งานจริงจะโอเคไหม” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเดินมาหาเธอเอง เขาส่งกระดาษแบบโครงสร้างคร่าวๆ ให้เธอดู อิสริยารับไปถือดูเองเขาจึงหันไปขอร่มจากลูกน้องมากางให้ทั้งภรรยาและตนเองเนื่องจากตอนนี้แดดเริ่มแรงมาก“เฮียเขาว่าอย่างไงคะ เห็นแบบนี้หรือยัง” อิสริยาขมวดคิ้วเมื่อการออกแบบห้างใหม่ ดูต่างจากของเดิมค่อนข้างมาก“เมื่อคืนพี่ส่งไฟล์คร่าวๆ ให้ดูยังไม่ได้ลงดีเทล เฮียเขาว่าให้เอ๋ดูวันนี้ก็ได้ว่ามันเหมาะกับที่จริงไหม” “ก็น่าจะดีนะคะ แต่จริงๆ ก็คือยังไม่เห็นภาพค่ะ” เธอตอบตามตรง