หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือใหญ่วางบนไหล่อย่างเงียบเชียบ
“จุ๊... ลูกหลับอยู่อย่าเสียงดังสิเอ๋”
สกนธีออกจากห้องทำงาน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เขาจะทำงานตอนกลางคืนเป็นส่วนใหญ่ และในช่วงหลังๆ ที่อิสริยามีงานที่ต้องทำมากขึ้นเขาจึงรับหน้าที่ดูแลลูกเป็นหลัก ชายหนุ่มจะเริ่มเขียนแบบหลังจากที่ลูกสาวเข้านอนแล้วและคอยเงี่ยหูฟังเป็นระยะว่าน้องเพียงจะตื่นมาหรือไม่
เขามักจะเลิกงานตอนหลังเที่ยงคืน ลุกจากโต๊ะทำงานแล้วสิ่งที่ทำจนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้วคือแวะไปดูน้องเพียงที่ห้อง และลงไปดูอิสริยาที่ชั้นสองว่าเธอเข้านอนหรือยัง หลายครั้งที่เขายืนมองเธอเงียบๆ ในตอนที่หญิงสาวหลับสนิท มองอยู่หลายนาทีก่อนจะกลับขึ้นไปชั้นสามเหมือนเดิม
อิสริยาถอยห่างจนมือใหญ่ตกลงจากบ่าเธอ และเขาเองก็ไม่ได้ก้าวตามทำเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม
“แค่ขึ้นมาดูลูกค่ะ แต่แกหลับแล้ว”
“ฮื่อ วันนี้ลูกเล่นเยอะเลยหลับเร็ว เอ๋เลิกงานแล้วเหรอกินข้าวหรือยัง หิวไหม”
“กินข้าวแล้วค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ” เธอเดินกลับลงไปชั้นสองเงียบๆ โดยที่สกนธีทำได้แค่มองตาม
เช้าวันต่อมา
“พี่จะขอเอ๋ว่าช่วงสงกรานต์พี่อยากพาลูกกลับไปบ้าน ลูกอยากไปเล่นน้ำกับเพื่อนแถวนั้นพอได้ไหมเอ๋”
ก่อนหน้านี้น้องเพียงก็พอจะมีเพื่อนแถวบ้านที่เล่นด้วยกันอยู่ และไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยตั้งแต่ที่เธอพาลูกย้ายมาอยู่ที่ตึกนี้ อิสริยาอยากจะปฏิเสธแต่ก็อยากถามลูกก่อนว่าน้องเพียงคิดอย่างไร
“หนูอยากไปไหมลูก” เธอถามลูกสาว
“อยากค่ะ แต่หนูอยากให้แม่ไปด้วย” เด็กหญิงบอกตามตรง เธอเริ่มไม่สนุกกับการอาศัยอยู่แค่บนตึกที่ลงไปเล่นชั้นล่างไม่ได้ และการไม่มีเพื่อนเล่นวัยใกล้เคียงกันในละแวกนั้นก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูแย่ลงสำหรับเด็กวัยห้าขวบ
“งั้นเราปิดร้านไปกันลูก แม่ได้หยุดสามวันพอไหมคะ” เธอถามลูกแต่พ่อของลูกดีใจแทนเมื่อได้ยินว่าหญิงสาวจะพาลูกกลับบ้าน
“พี่ก็หยุดสามวันเหมือนกัน งั้นลงแพลนเลยนะว่าสงกรานต์จะพาลูกกลับบ้าน”
สิ่งที่สกนธีกับอิสริยามีความเห็นตรงกันมานานคือเรื่องที่พวกเขาจะไม่เดินทางในช่วงหยุดเทศกาลหากไม่จำเป็น ไม่ต้องการไปแย่งกันกินแย่งกันใช้ ไม่ต้องการไปแออัดบนถนนที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ หากจะไปไหนพวกเขามักจะเลือกเดินทางก่อนเทศกาลวันหยุดยาวเสมอ เหตุนี้น้องเพียงจึงมักมีโอกาสใช้ช่วงเวลาสงกรานต์ที่กรุงเทพฯ ในเขตละแวกบ้านตั้งแต่เกิด
“สงกรานต์อาเอ๋อีจะพาลูกกลับบ้านผัวเหรออาตี๋ใหญ่” เสี่ยกวงถามอังกูรถึงลูกสาวคนกลาง
“ครับป๊า ผมว่าก็ดีนะน้องจะได้พักผ่อนบ้าง ช่วงหลังเห็นแม่บ้านบอกว่าเอ๋ทำงานหนัก อยู่ดึกๆ เที่ยงคืนตีหนึ่งตีสองทุกวัน ไปๆ มาๆ ช่วงหลังกลายเป็นเก่งเลี้ยงลูกแทนเกือบหมด” อังกูรพูดตามที่ได้ยินมาจากแม่บ้านโดยที่ไม่ได้เข้าข้างใครเป็นพิเศษ
“ถ้าอาเก่งอีปรับปรุงตัวได้จริงก็คงดี ถ้าอีไม่ได้มีปัญหาเรื่องผู้หญิงจริงๆ อั๊วว่าสองคนนั่นก็ไม่ได้คุยกันยากหรอก”
“ครับ ผมก็ว่างั้น” เพราะเรื่องอื่นน้องสาวเขาก็ทนมาได้ตลอด พอมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเจ้าของรอยลิปสติกนั่น อิสริยากับสกนธีจึงได้ขัดแย้งกันถึงขั้นแตกหักแบบที่เห็น
“แต่แบมว่ายังไงก็รอดูกันไปนานๆ ก่อนดีกว่าค่ะ เผื่อพี่เก่งจะเอกการละคร” อันธิกาอดไม่ได้ที่จะแซะแม้ว่าคนที่ถูกแซะจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ ในวันที่อิสริยาต้องขนของออกจากบ้านหลังนั้น เธอเป็นคนที่ไปรับดังนั้นความรู้สึกเสียใจของพี่สาวในวันนั้นเธอยังจำได้ดี
“แล้วเราล่ะอาแบม เมื่อไหร่จะมีแฟน” เสี่ยกวงหันมาหาลูกสาวคนเล็กบ้าง อายุจะสามสิบอยู่แล้วไม่เห็นคบใครสักที
“วกมาหาเรื่องของแบมได้ไงละป๊า ไม่คุยด้วยแล้วไปดีกว่า” ว่าแล้วหญิงสาวก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ลุกออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้บิดาและพี่ชายมองตามและส่ายหน้าไปมา
“เรื่องอาเอ๋ อั๊วว่าไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่แล้ว ห่วงลื้อกับอาแบมดีกว่า เมื่อไหร่จะมีครอบครัวกัน” เสี่ยกวงหันมาหาลูกชายพลอยทำให้อังกูรเตรียมหลบอีกคน
“โอ๊ย ป๊า... เอาไว้สร้างห้างใหม่เสร็จก่อนนะ เราค่อยว่ากัน”
“ทำไมต้องรอห้างใหม่เสร็จ ห้างนะไม่ใช่เรือนหอ รอทำไม” เสี่ยบ่นพึมพำกับตัวเอง
“เอาน่าเฮีย ลูกๆ โตแล้ว ปล่อยพวกอีคิดกันเองเถอะ” ภรรยาเดินมาหาพร้อมกับเด็กแม่บ้านประคองถาดน้ำชาและของว่างเข้ามา คุณนายอิสรีย์ได้ยินที่พ่อลูกคุยกันแต่ไม่อยากขัดจังหวะ จนตอนนี้ที่เห็นลูกๆ ไปกันหมดแล้วจึงจัดของว่างมาให้สามีคู่ทุกข์คู่ยาก
“ลูกโตแค่ไหน สำหรับเราก็เหมือนพวกอีโตแต่ตัว ข้างในก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ กันอยู่”
“เข้าใจ แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ทำได้แค่คอยซัปพอร์ตเวลาลูกล้มนี่เฮีย ถ้าลูกมีปัญหาแล้วหันกลับมา เราก็ยังอยู่ตรงนี้ตลอดไม่ไปไหน”
เสี่ยกวงพยักหน้า แม้จะร่ำรวยแค่ไหนแต่คนเป็นพ่อก็ห่วงลูกอยู่ดี ห่วงเลยไปถึงครอบครัวของพวกเขา ห่วงกิจการที่จะต้องส่งต่อให้ลูกๆ ว่าพวกเขาจะทำมันได้ดีแค่ไหน เพราะทุกอย่างจะส่งผลถึงลูกน้องและบริวาร คู่ค้าต่างๆ รวมแล้วนับพันชีวิต ทุกอย่างเป็นลูกโซ่ที่เกี่ยวพันและจุดเริ่มมาจากครอบครัวนั่นเอง
แต่นั่นล่ะ ภรรยาก็พูดถูก ทุกคนโตแล้วและตอนนี้อาจจะเป็นเวลาของคนรุ่นใหม่ เขาต้องไว้ใจให้ลูกๆ ดูแลทั้งตัวเองและกิจการที่เขาสร้างมา เสี่ยกวงหันมามองคุณนายอิสรีย์ คู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่วันที่เขายังไม่มีอะไร จนถึงวันนี้ที่ชีวิตไม่ได้ขาดอีกแล้วเธอก็ยังต้องเหนื่อยดูแลเขาอยู่
“เฮียว่าเฮียอยากลาพักร้อนสักสองเดือน เราไปทัวร์รอบโลกกันไหมม้า” นั่นคือคำสัญญาที่เคยพูดกันไว้ในยามที่ลำบากว่า หากชีวิตมีพร้อมทุกอย่างเขาจะพาภรรยาไปเที่ยวรอบโลก หยุดคิดเรื่องงาน ใช้ชีวิตแบบสโลวไลฟ์กันสองคนตายาย
คุณนายอิสรีย์ยิ้มราวกับถูกหวย
“งั้นหาทัวร์เลยนะ เราจะไปยังไงดีเฮีย จะจ้างไกด์นำเที่ยว จ้างบริษัททัวร์ประสานงานให้ หรือล่องเรือกันดี”
“ถ้าเลือกไม่ถูกก็เหมาไปเลยสิ จะเลือกทำไมให้ลำบากใจ” เสี่ยหัวเราะ เขาไม่ได้เที่ยวมานานแค่ไหนแล้วนะ แค่คิดก็กระชุ่มกระชวยเหมือนเป็นหนุ่มขึ้นมาอีกสิบปี
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่