ในขณะที่เสี่ยกวงและภรรยาบินไปเที่ยวยุโรปอิสริยาก็พาลูกกลับบ้าน หลังจากที่เธอขนของออกจากบ้านหลังนี้ไปนานมากกว่าครึ่งปี สกนธีเป็นคนเอารถมารับด้วยสีหน้าดีใจราวกับว่าเธอจะย้ายกลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมกระนั้น
“อู๊ว... พ่อขา บ้านเรามีดอกสีชมพูด้วย” เด็กหญิงสุพิชชาอุทานเมื่อรถเลี้ยวผ่านรั้วแล้วเห็นต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่สกนธีสั่งให้ล้อมมาปลูกได้ประมาณสองเดือนแล้ว และตอนนี้ยังพอมีดอกประปรายเพราะเขาเลือกต้นที่โตเต็มที่พร้อมมีดอกทันที
“พ่อปลูกไว้รอหนูมาไงคะ” อิสริยาลงจากรถมองไปรอบๆ บริเวณบ้านที่ดูแปลกตาไปอย่างมาก
“พี่ให้คนมาตกแต่งใหม่น่ะ เผื่อวันไหนเอ๋กับลูกกลับมาจะได้สดชื่นน่าอยู่”
“ฉันกับลูกย้ายออกเพราะถูกคุณไล่ ไม่ใช่เพราะว่าบ้านนี้ไม่มีต้นไม้ค่ะ”
อิสริยาเตือนเผื่อว่าเขาจะลืมไปว่าระหว่างเธอกับเขามันเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“พี่ขอโทษ เอ๋จะให้พี่ขอโทษอีกกี่ครั้งก็ได้เรื่องนั้น แต่พี่ไม่มีเจตนาจะให้เอ๋ไปอยู่ที่อื่นจริงๆ หรือว่าเอางี้ไหมเดี๋ยวเราไปอำเภอกัน พี่จะโอนบ้านให้เป็นชื่อเอ๋ แล้ววันไหนพี่ปากหมาหรือทำตัวไม่ดีอีกเอ๋ก็ไล่พี่ออกจากบ้านได้เลย”
“ฉันไม่มีนิสัยแย่ๆ แบบคุณหรอกค่ะ”
ฉึก! จะพูดอะไรออกไปก็ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะย้อนเขาได้ทุกคำ ยิ่งกลับมาที่นี่ก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำให้เธอคิดถึงเรื่องแย่ๆ ที่เขาเคยทำในวันสุดท้ายที่เธออยู่ที่นี่เมื่อปีก่อน
สมกับที่มีคนบอกว่าเมื่อพูดออกไปแล้วคำพูดมันเป็นนายเราเสมอ ในโลกนี้อาจจะมีหลายสิ่งที่ลบได้แต่ไม่ใช่คำพูดและความทรงจำแย่ๆ ที่เราสร้างให้แก่กัน
สกนธีอยากจะท้อ แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธออดทนมานาน ในช่วงสองปีหลังที่เราอยู่กันในบ้านหลังนี้เหมือนไม่ใช่คนรักกัน ดังนั้นหากเขาจะใช้เวลาพอๆ กันในการง้อเธอคืนมาก็คงสาสมกันแล้ว
“พรุ่งนี้ทำบุญหมู่บ้าน เจอกันที่หน้านิตินะเอ๋ พาน้องเพียงไปกินขนมกัน” สุพลอาของสกนธีแวะมา หนุ่มใหญ่ขับรถผ่านหน้าบ้านหลานชายเห็นรถจอดอยู่จึงเข้ามาหา
“ค่ะอา ดีจังเลยค่ะมาพอดีทำบุญ งั้นคืนนี้ก็มีเตรียมทำของสิคะ” ถึงแม้ว่าจะเป็นหมู่บ้านราคาแปดหลัก แต่ก็มีการทำบุญหมู่บ้านในโอกาสสำคัญเหมือนชุมชนอื่นๆ นั่นคือสิ่งที่อิสริยาชอบที่นี่ เพราะผู้คนในนี้ต่างก็มีน้ำใจและช่วยเหลือกันพอสมควร ไม่ได้ต่างคนต่างอยู่เสียทีเดียว
“มีทำขนมที่บ้านป้าจิตรแน่ะ เอ๋ไปช่วยสิเห็นว่าคงทำทั้งคืน” ป้าจิตรหรือนางสมจิตร อาจารย์สอนวิชาทำขนมไทยของสถาบันคหกรรมศาสตร์แห่งหนึ่ง นางมักจะรับเป็นหัวเรือใหญ่ครัวขนมประจำงานบุญของหมู่บ้านแต่ไหนแต่ไร ซึ่งตัวอิสริยาเองก็คุ้นเคยคุยถูกคอกับนางดี
งานบุญที่ว่าเป็นงานทำบุญประจำปีของหมู่บ้าน ปกติจะจัดในวันที่สิบสามเมษายน ทางนิติบุคคลจะนิมนต์พระมาเก้ารูปเพื่อถวายภัตตาหารและสวดอุทิศบุญให้เจ้าที่เจ้าทางและญาติที่เสียชีวิตไปแล้วของลูกบ้าน โดยที่ไม่ได้บังคับว่าใครต้องออกเงินเท่าไหร่ให้เป็นไปแล้วแต่ความสะดวกของลูกบ้าน หากเงินที่ลงขันกันไม่พอจะใช้งบกลางของนิติฯ ในการดำเนินการ
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเอ๋เดินไปบ้านป้าจิตรดูว่ามีอะไรให้ช่วย”
“งั้นอาไปก่อน ไอ้เก่งอย่าลืมนะ พรุ่งนี้ขอยืมรถไปรับพระตอนเก้าโมงด้วย” สุพลตะโกนบอกหลานชายที่อยู่ในครัว
“เขาล้างจานอยู่ค่ะ เดี๋ยวถ้าเขาลืมเอ๋เตือนให้ก็ได้ค่ะอา”
สุพลทำหน้าตกใจเมื่อได้ยินคำว่าหลานชายกำลังล้างจานก่อนจะหัวเราะออกมาในที่สุด
“เออ ดีๆ ให้มันทำงานบ้านบ้าง งั้นอาไปล่ะขอบใจมากลูก”
สุพลออกจากบ้านไปเป็นเวลาเดียวกับที่สกนธีออกมาหน้าบ้านเพื่อดูว่าอิสริยาคุยกับใคร
“ใครมาน่ะเอ๋”
“อาสุพลค่ะ แกมาบอกว่าพรุ่งนี้มีทำบุญหมู่บ้านจะขอยืมรถคุณไปรับพระตอนเก้าโมง”
สุพลใช้คำว่าขอยืมรถแต่ที่จริงแล้วหมายความว่าให้สกนธีขับรถไปรับพระอีกคันหนึ่ง
“อ๋อ ได้... พี่ลืมเลยว่ามีทำบุญบ้าน” เพราะว่าช่วงนี้เขาแทบไม่ได้กลับบ้านเลยจึงลืม ได้อ่านข่าวในไลน์ที่นิติแจ้งมาแค่ครั้งเดียว
“งั้นเราออกไปซื้อของมาทำบุญกับเขาดีไหม” เขาถามต่อ
“ก็ดีค่ะ งั้นเราไปห้างกันก็ได้ แต่ก่อนไปแวะบ้านป้าจิตรให้ด้วยค่ะ จะไปถามว่าแกมีอะไรให้ช่วยไหม”
“ได้ๆ งั้นน้องเพียงลูก ไปข้างนอกกันครับ”
สกนธีเดินเข้าบ้านเรียกลูกสาว พักเดียวอิสริยาที่เตรียมหยิบกระเป๋าเงินก็ได้ยินเสียงลูกสาววิ่งลงมาชั้นล่าง
“จะไปไหนกันคะแม่”
“ไปซื้อของทำบุญลูก พรุ่งนี้มีทำบุญหมู่บ้านค่ะ”
“ทำบุญ ทำบุญที่มีของกินเยอะๆ มีคนเยอะๆ เหรอคะ”
ภาพจำของงานทำบุญในความคิดของเด็กห้าขวบคืองานที่สนุกสนาน มีขนมเยอะและแน่นอนเพื่อนเล่นก็เยอะด้วย
“ใช่ค่ะลูก เดี๋ยวเราต้องไปซื้อของกันนะคะ เตรียมไว้ถวายพระพรุ่งนี้ค่ะ”
อิสริยาหยิบกระเป๋าใบเล็กใส่ของจุกจิกส่วนเด็กหญิงสุพิชชาวิ่งออกไปรอที่โรงรถเรียบร้อย ส่วนสกนธีเดินเข้าไปดูความเรียบร้อยในครัว ปิดไฟ ปิดน้ำจนแน่ใจแล้วจึงปิดประตูบ้านออกเป็นคนสุดท้าย
อิสริยามองกิริยาของเขาอย่างค่อนข้างแปลกใจ สิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่เธอเคยทำมาก่อนที่เราจะแตกหักกันในปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้เวลาจะออกไปไหนหากต้องไปด้วยกันเขาจะไปรอบนรถ ส่วนเธอต้องคอยเช็กบ้านว่าปิดทุกอย่างเรียบร้อยหากแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหน้าที่ของเขาและเธอจะสลับกันหมดทุกอย่าง
สกนธีจอดรถหน้าบ้านนางสมจิตรตามที่หญิงสาวบอก เธอเดินหายเข้าบ้านป้าจิตรไปครู่เดียวก็เดินออกมาโดยที่เจ้าของบ้านออกมาส่ง สีหน้ายิ้มแย้ม
“ป้าฝากซื้อของด้วยนะลูก ขอบใจเอ๋มากมาพอดีเลย”
“เดี๋ยวเอ๋ซื้อมาให้ค่ะ กลับมาแล้วจะมาช่วยทำด้วย”
เธอเปิดประตูรถ สกนธีจึงลดกระจกลงยกมือไหว้ทักทายนางสมจิตร “สวัสดีครับป้าจิตร”
“สวัสดีลูก ป้ารบกวนเก่งกับเอ๋ฝากดูของด้วยนะจ๊ะ เงินถ้าไม่พอโทรมาบอกเดี๋ยวป้าโอนเพิ่มให้”
“ไม่เป็นไรครับป้า ช่วยๆ กันเดี๋ยวผมจัดการให้ครับ”
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่