เย็นนั้นกว่าจะถึงบ้านก็เหนื่อยกันไปตามๆ กันทั้งพ่อและลูก รวมถึงอิสริยาด้วย หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้วคุณศิริจึงให้ไปพักผ่อนกันเร็วกว่าปกติ เพราะว่าพรุ่งนี้พวกเขานัดกันว่าจะพาน้องเพียงไปเที่ยวในไร่องุ่นของคุณปู่
และคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่สกนธีอาศัยความหน้ามึนเข้ามาขอนอนด้วยกับลูก ซึ่งน้องเพียงก็อนุญาตด้วยความยินดีที่จะมีพ่อแม่นอนกอดเธอคนละฝั่ง
“เอ๋อยากมีน้องอีกคนให้น้องเพียงไหม” มือใหญ่แข็งแรงเอื้อมมากุมมือบางที่กอดน้องเพียงไว้ ตอนนี้เด็กหญิงหลับสนิทแล้วสกนธีจึงอยากคุยเรื่องส่วนตัวกับภรรยา
“ไม่ค่ะ” เธอตอบแบบไม่ต้องคิด พยายามชักมือกลับแต่ก็ถูกยึดไว้แน่น
“แต่ลูกอยากมีน้อง” เขาท้วง
อิสริยาถอนใจ “เอาไว้เราเลิกกันเรียบร้อยแล้วและฉันมีสามีใหม่เมื่อไหร่ ถ้าเขาเองก็อยากมีเดี๋ยวคงคิดอีกที”
“เฮ้ย... ไม่สิเอ๋ พี่ไม่เลิกนะยังไงก็ไม่ยอมเลิก” สกนธีอุทาน พูดไปพูดมาทำไมมาลงตรงนี้ได้ เขานึกในใจก่อนจะออกแรงกุมมือนั้นไว้แน่นขึ้น
“บอกเลยว่าพี่ไม่เลิกและเอ๋จะไม่มีสามีใหม่แน่ๆ เรานอนกันเถอะพี่ง่วงแล้ว”
หญิงสาวจิกเล็บลงกับมือเขาเต็มแรงจนชายหนุ่มเผลอปล่อย เธอไม่ได้ว่าอะไรแต่พลิกตัวนอนหันหลังให้ ปล่อยให้อีกฝ่ายมองแผ่นหลังเธอผ่านความสลัวในห้องนอนตาปรอยจนต่างคนต่างหลับไปเอง
วันรุ่งขึ้นพวกเขาออกจากบ้านกันตั้งแต่สายๆ เพื่อเข้าไร่ โดยที่มีคุณศิริและคุณธิดาร่วมขบวนไปด้วย เมื่อไปถึงโซนแปลงองุ่นที่พร้อมตัดปู่ย่าก็พาหลานสาวคนเดียวเดินชมโดยที่สวมหมวกปีกกว้างคนละใบเผื่อแดดร้อน
เด็กหญิงสุพิชชาสนุกสนานกับการเที่ยวชมไร่องุ่น ชิมองุ่นสดๆ หวานกรอบจากต้น ได้ทดลองตัดช่อองุ่นด้วยตัวเองซึ่งวันนั้นเธอก็ได้เที่ยวเล่นภายในไร่ทั้งวัน
“คุณแม่จะลองส่งองุ่นไปวางที่ห้างไหมคะ หนูว่าน่าจะขายดี” อิสริยาคุยกับแม่สามี ตอนนี้เธอสองคนพักอยู่ในร่มมองดูคนอื่นๆ ตัดองุ่นกันในแปลง
“มันจะต้องทำเรื่องเอกสารยุ่งยากมากไหมลูก ต้องเป็นบริษัทเป็นนิติบุคคลหรือเปล่า” คุณธิดาและสามีเป็นข้าราชการกันมาทั้งชีวิต จึงแทบไม่รู้เรื่องการดำเนินธุรกิจเลยว่าควรเป็นอย่างไร ต้องทำอะไรแบบไหน ใครแนะนำอะไรพวกท่านจึงพยายามรับฟังอย่างเต็มที่
“ตอนนี้ไร่เราได้ใบรับรองมาตรฐานส่งออกแล้วใช่ไหมคะแม่ ส่งเข้าห้างได้สบายๆ เลยค่ะ ยิ่งถ้าเป็นนิติบุคคลด้วยยิ่งดี” อิสริยาพูดตามตรง และถึงแม้ว่าทางไร่จะยังเดินเรื่องใบรับรองมาตรฐานไม่ได้ ทางห้างของเธอก็สามารถส่งคนมาช่วยดูแลเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
“ไร่นี้เป็นชื่อเจ้าเก่งมัน งั้นคงต้องจดทะเบียนบริษัทก่อนเดี๋ยวพ่อให้ทนายจัดการให้ หนูกับเจ้าเก่งคอยดูเซ็นเอกสารแล้วกัน” คุณศิริที่เดินมาสมทบกล่าวขึ้น เขาเองก็เห็นด้วยกับหญิงสาวหากจะลงขายที่ไหนสักที่ ติดต่อค้าขายกับคนในครอบครัวก็น่าจะสบายใจที่สุด
หลังจากกลับจากไร่ หนึ่งเดือนต่อมาอิสริยาและสกนธีก็ยังใช้ชีวิตตามปกติ คือเขาย้ายตัวเองมาอยู่ที่ตึกด้วยโดยที่ชั้นสามเขาตกแต่งทำเป็นห้องพักและห้องทำงานนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว และถึงแม้ว่าเขาจะย้ายห้องทำงานและเก็บเอกสารไปที่ชั้นสาม แต่พอถึงเวลานอนช่วงดึกๆ ชายหนุ่มก็เดินลงมานอนที่มุมเล็กๆ ที่เขาจัดที่นอนชั่วคราวไว้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอยู่ดี ตัวอิสริยาเองก็เคยบอกให้เขาขึ้นไปนอนในห้องนอนที่ทำไว้ แต่อีกฝ่ายก็ทำเป็นไม่ได้ยินจนเธอเลิกพูดไปเอง
“อะไรคะ” เธอถามเมื่อวันหนึ่งสกนธียื่นเอกสารเป็นปึกให้เธอ อิสริยารับมันมาอย่างงงๆ
“เอกสารจดทะเบียนบริษัท พ่อแม่แบ่งหุ้นให้มีชื่อเราสามคนด้วย” เขาเองก็เพิ่งทราบเรื่องนี้ตอนที่ทนายของพ่อติดต่อมา
“ใส่แค่ชื่อคุณกับลูกก็พอค่ะ” เธอตอบหลังจากที่พลิกดูเอกสารครบทุกหน้าแล้ว เหตุผลของผู้ใหญ่เธอก็พอเข้าใจ แต่วันนี้อิสริยาเองไม่แน่ใจว่าตนเองจะยังคงเป็นลูกสะใภ้ของบ้านนี้ได้อย่างสนิทใจหรือไม่ จึงไม่อยากรับอะไรมาให้ลำบากใจกันในวันข้างหน้า
“แต่ว่า...” เขาท้วงแต่เธอพูดต่อ
“ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากให้ ก็ให้น้องเพียงดีกว่าค่ะ ส่วนฉันตามกฎหมายเราไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างถ้าจะทำธุรกิจดีลเป็นคู่ค้ากันก็อย่าเอาชื่อฉันไปอยู่ในบริษัทของคู่ค้าเลยค่ะ มันจะไม่งาม”
สกนธีถอนใจ แต่ ณ ตอนนี้เขาไม่มีเหตุผลอะไรไปแย้งเธอเลย
“แล้วแต่เอ๋ละกันครับ”
อิสริยาให้ทางห้างส่งทีมไปช่วยเรื่องการจัดการสินค้าให้พร้อมสำหรับการส่งเข้าวางจำหน่ายที่ห้างจนทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อย
การวางจำหน่ายในช่วงสัปดาห์แรกนั้นอยู่ในจังหวะเดียวกันกับเทศกาลผลไม้ไทยซึ่งเป็นแคมเปญที่ห้างจัดพอดี ทำให้การเปิดตัวสินค้าจากไร่สุพิชชาเป็นไปอย่างค่อนข้างสวยงาม ได้รับการตอบรับจากประชาชนดีมากจนล็อตแรกหมดไปอย่างรวดเร็ว
“สงกรานต์ลื้อจะปิดร้านไหมอาเอ๋” อาแปะลูกค้าประจำคนเดิมถามเธอในเช้าวันหนึ่งขณะที่หญิงสาวดูแลร้านตามปกติ
“ปิดค่ะอาแปะ ให้ลูกน้องลากันค่ะ” ลำพังตนเองเธอคงไม่ได้อยากหยุด แต่เมื่อกิจการมีลูกจ้างเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนธุรกิจ เทศกาลต่างๆ ที่เป็นวันสำคัญของครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่นายจ้างควรใส่ใจ
“ดีๆ พักบ้าง ไปเที่ยวกันบ้าง ครอบครัวจะได้ไม่มีปัญหาลูกไม่ขาดความอบอุ่น”
แกพูดแล้วก็จ่ายเงินและเดินออกไปจากร้าน พร้อมกับทิ้งท้ายคำพูดบางคำที่ทำให้เธอต้องเก็บมาคิด
เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอมของน้องเพียง ตั้งแต่กลับมาจากไร่ของพ่อแม่สามีสกนธีก็แทบจะรับหน้าที่ดูแลทุกอย่างเกี่ยวกับลูกไปเกือบทั้งหมด หลายครั้งที่เธอขึ้นไปชั้นบนตอนดึกและเห็นพ่อลูกนอนด้วยกันตรงที่นอนปิคนิคของสกนธี
และหลายครั้งในระยะหลังๆ ที่น้องเพียงขอขึ้นไปนอนที่ห้องนอนชั้นสาม เพราะชายหนุ่มทำห้องนอนใหม่แยกเป็นส่วนตัวให้ลูกตามที่สัญญาไว้กับเด็กหญิงเรียบร้อยแล้ว
อิสริยาทบทวนตัวเอง ตกใจที่ตนเองก็กำลังจะกลายเป็นสกนธีในเวอร์ชันอดีตสองปีก่อนที่พอสบายใจว่าลูกมีคนดูแล ก็ทุ่มเทให้งานอย่างเต็มที่จนลืมไปเลยว่าครอบครัวไม่ได้กินข้าวด้วยกันมานานเท่าไหร่แล้ว ตัวสกนธีเองก็ไม่ได้พยายามเข้าหาเธอมากกว่าเดิม ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นฝ่ายโฟกัสกับลูกแทนเธอ และเหมือนว่าตอนนี้เรากำลังสลับบทบาทกันกระนั้น
“น้องเพียงอยู่ไหนลูก” คืนนั้นเธอเคลียร์งานเสร็จเร็วกว่าทุกวัน แต่เมื่อขึ้นไปชั้นบนทุกอย่างเงียบสนิท
ไม่มีเสียงตอบรับใดใด ชั้นสองมีไฟดวงเล็กถูกเปิดทิ้งไว้เพียงดวงเดียวและเหมือนว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลยที่ชั้นนี้ อิสริยาจึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสาม
อิสริยาตรงไปที่ห้องนอนใหม่ของลูก หญิงสาวแง้มประตูอย่างแผ่วเบาเห็นว่าร่างเล็กหลับท่ามกลางกองตุ๊กตาที่กินพื้นที่ไปเกินครึ่ง มือหนึ่งกอดตุ๊กตาแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้นทำให้หญิงสาวสะท้อนใจว่าช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอลืมลูกไปได้อย่างไร
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่