“อื้อ~”
ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเฮียโยที่รัดแน่นแต่กลับอบอุ่นมากจนหลุดยิ้มบางๆ ออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แขนข้างหนึ่งของเขายื่นมาให้ฉันหนุนแล้วยังใช้มันกอดร่างฉันเอาไว้ ส่วนอีกข้างวางพาดผ่านหน้าท้องของฉันเหมือนกำลังกอดลูกของเรายังไงอย่างงั้น ใช่..ลูกของเรา :) ตลอดค่ำคืนที่ยาวนานเฮียโยเอาแต่พูดคำนั้นจนฉันเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสที่เขาเติมเต็มมาให้อย่างอ่อนโยนและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นอีกมุมหนึ่งที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีตั้งแต่รู้จักกันมา ถัดออกไปอีกหน่อยมีสมุดบันทึกที่เขาจะให้ฉันตั้งแต่เมื่อคืนวางอยู่ ฉันเลยเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู แล้วก็โดนดึงความสนใจเอาไว้ด้วยข้อความสีชมพูมากมาย ตัดสีกับข้อความสีน้ำเงินที่ฉันเคยเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนJan 11,2017
You have no idea how hard it is to pretend all the time. (คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากขนาดไหนที่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตลอดเวลา) ♥ Don’t underestimate me, I notice more than you realize. (อย่าประเมินผมต่ำไป ผมสังเกตเห็นมันมากกว่าที่คุณเข้าใจ)Feb 28, 2017
I need love from you but I know that it’ s hard. (ฉันต้องการความรักจากคุณ แต่ฉันรู้ว่ามันยาก) ♥ It’s easier than you think. Don’t you know? that You’ve stolen my heart a long time ago. (มันง่ายกว่าที่คุณคิด ไม่รู้เลยหรอ? ว่าคุณขโมยหัวใจผมไปตั้งนานแล้ว)Mar 6, 2017
I will still love you even if you never loved me. (ฉันจะยังคงรักคุณ แม้ว่าคุณจะไม่เคยรักฉันเลย) ♥ I've never said I didn't love you. (ผมไม่เคยพูดว่าผมไม่รักคุณ)Apr 24, 2017
Sometimes you ignore of my feeling. Do you care about my feeling? (บางครั้งเธอก็ละเลยความรู้สึกของฉัน เธอสนใจความรู้สึกของฉันบ้างหรือเปล่า?) ♥ Not a day goes by that I don’ t care you. (ไม่มีวันไหนที่ผมไม่แคร์คุณ)May 9, 2017
I’d rather have you as a friend than not have you in my life at all. (ฉันขอมีเธอเป็นเพื่อน ดีกว่าไม่มีเธออยู่ในชีวิตของฉันเลย) ♥ Sorry girl, I don’t wanna be your friend. (โทษทีครับ ผมไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ)Jun 19, 2017
The truth is I gave my heart away a long time ago my whole heart and I never really got it back. (ความจริงคือ ฉันได้มอบหัวใจให้ใครคนหนึ่งไปทั้งดวง และฉันไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้อีก) ♥ Even if you want it back, I never let you go. (ต่อให้คุณอยากได้มันคืน ผมก็ไม่ให้คุณไป)Jul 27, 2017
I could always make you smile. I just couldn’ t make you stay. (ฉันทำให้เธอยิ้มได้ แต่ทำให้เธออยู่ตรงนี้กับฉันไม่ได้) ♥ Mark my word, I’ m always here. (จำคำพูดผมเอาไว้...ผมอยู่ตรงนี้เสมอ)Aug 3, 2017
How lucky I am to have something that makes saying goodbye so hard. (มันจะเป็นเรื่องดีได้อย่างไร ในเมื่อฉันมีบางอย่างที่ทำให้การพูดคำว่าลาก่อนเป็นเรื่องที่ยากลำบาก) ♥ Never say goodbye because goodbye means going away but actually I'm still beside you. (ไม่ต้องบอกลาเพราะลาหมายถึงการจากไป แต่จริงๆ แล้วผมยังอยู่ข้างคุณ)ฉันเปิดอ่านข้อความทุกหน้าที่เฮียโยเขียนตอบกลับไว้และหลุดยิ้มให้กับคำตอบพวกนั้นหลายต่อหลายครั้ง จนมาถึงหน้าสุดท้ายที่เขาเคยพูดถึงมัน...
It kills me to imagine you with anybody else.
(มันฆ่าฉันเวลาที่คิดว่าคุณอยู่กับคนอื่น) “......” แต่พอเปิดมาฉันกลับต้องผิดหวังเพราะในหน้านี้ไม่มีข้อความสีชมพูที่เป็นคำตอบจากเขาเหมือนกับหน้าอื่นๆ ฉันเลยปิดสมุดบันทึกในมืออย่างเซ็งๆ และโยนมันลงตรงพื้นที่ว่างบนเตียงแบบไม่เสียดายมันเลยสักนิด ก่อนจะพลิกตัวหันมาทำหน้ามุ่ยใส่เฮียโยที่นอนหลับตาพริ้มและกอดฉันแน่นอยู่อย่างพาลๆ ไอ้บ้า! ตอบได้ทุกหน้า แต่ไม่ยอมตอบหน้าสำคัญเนี่ยนะ เฮียนี่มัน...! “อื้มมม หึ...” คงเพราะหงุดหงิดมากไปมั้ง รู้ตัวอีกทีฉันก็พลั้งมือไปบีบจมูกเขาเต็มแรงจนเฮียงัวเงียขยับตัวและส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมา เดี๋ยว..นั่นเขาขำหรอ ถ้าขำก็แปลว่า... ตุ้บ! ตุ้บ! “ตื่นแล้วใช่มะ รู้หรอกนะ!” พรึ่บบบ! พอฉันโวยวายออกไปเฮียโยก็ยิ่งกระชับอ้อมกอดของเขาให้รัดตัวฉันแน่นขึ้นอีก ก่อนจะซุกหน้าลงมาที่ซอกคอฉันแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมาซ้ำๆ “ฮ่ะๆ โรสใจร้ายจัง จะฆ่าเฮียมั้ง” เฮียโยพูดไปขำไป ส่วนฉันก็ตีมึนทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร “ตื่นแล้วก็ปล่อยมั้ย กอดอยู่ได้เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกตายพอดี -////-” พอฉันทำเสียงเข้มกลบเกลื่อนความอยากรู้จากสมุดบันทึกไป เฮียโยก็ไม่รอช้าส่งเสียงอู้อี้ตอบกลับมา แถมยังดัดเสียงประกอบคำพูดนั้นแบบน่าหมั่นไส้ “ไม่ เมื่อคืนลูกบอกอยากได้ไออุ่นจากปะป๊า กอดหนูแน่นๆ หน่อยได้ป่ะคะ ^_^” “หรอ ลูกอาจจะเป็นผู้ชายก็ได้ป่ะ” ฉันออกตัวเถียงกลับไปใหม่ แต่เขาที่มุดหน้าอยู่ก็ไม่ยอมแพ้ส่งเสียงอู้อี้โต้ตอบกลับมาอีก “งั้นก็ทำวนไปจนกว่าจะได้ผู้หญิงไง แต่เดี๋ยวดิ..ที่เปลี่ยนเรื่องเนี่ย จะเนียนสินะฮะ” พูดจบเฮียโยก็เงยหน้าขึ้นมาทำตาปิ๊งๆ มองฉันที่ทำท่าทางกลบเกลื่อนเหมือนไม่สนใจในแบบนั้น แล้วเขาก็หลุดขำแถมยังเอามือมายีหัวฉันซ้ำๆ จนตอนนี้มันน่าจะยุ่งไปหมดแล้วล่ะมั้ง “เนียนบ้าไร แค่หมั่นไส้เลยแกล้ง” “หรอออ” พรึ่บ! แล้วเฮียโยก็ส่งเสียงล้อเลียนออกมาพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าสมุดบันทึกเล่มนั้นขึ้นมา ก่อนจะเปิดไปหน้าสุดท้ายแล้วหันมันกลับมาให้ “อยากรู้คำตอบมั้ย?” “ไม่! มะ..หมายถึง ไม่ก็ได้” เพราะปากดันไวไปหน่อย ฉันเลยออกตัวแรงและรีบแก้ต่างจนคำพูดขัดแย้งกันมั่วไปหมด “อื้ม ไม่ก็ไม่” ฟิ้ววว~ พูดจบเฮียโยก็ปิดสมุดแล้วโยนมันทิ้งไปแบบลอยลิ่วไกลจากเตียงไปเลย เฮ้ย เดี๋ยวดิ.. “โรสบอกว่าไม่..ก็ได้” ฉันขมวดคิ้วพูดออกไป แต่เขาก็ลอยหน้าลอยตาแป๊บหนึ่ง แล้วหลุดยิ้มออกมา “ก็ต้องบอกว่าอยากรู้ก่อนไงถึงจะบอก” แล้วเฮียก็ยักคิ้วกวนประสาทส่งมา เหอะ! ให้ตาย! รู้นะว่าคิดไรอ่ะ “.....” “ว่าไงฮะ อยากรู้มั้ย? เสียฟอร์มนิดหน่อยคงไม่เป็นไร..เฮียว่า” เขายังส่งเสียงกวนประออกมาทำลายสมาธิฉันที่ลังเลว่าจะตอบยังไง “เป็น ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก ไม่ได้อยากรู้สักหน่อ...” พรึ่บบบ! “...อื้อออ” ฉันร่ายยาวออกไปแต่อยู่ๆ เฮียโยที่นอนอมยิ้มก็พลิกตัวมาคร่อมร่างฉันแล้วกดจูบลงมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวทั้งที่เขาก็ยังยิ้มอยู่แบบนั้น เฮียโยค่อยๆ แทรกลิ้นของเขาเข้ามาและไล่ต้อนลิ้นฉันอยากนึกสนุก ฉันเองก็ปล่อยให้เขากดจูบลงมาได้ตามใจ ก่อนที่เฮียจะค่อยๆ ผละออกและมองลึกเข้ามาในตาฉัน พร้อมกับเลื่อนมือหนาของเขามาลูบหัวฉันอ่อนโยนเช่นเดียวกับแววตาคู่นั้น “if loving me is killing you, I can't let it be like that” (ถ้าการรักผมมันฆ่าคุณ ผมปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ) เขาพูดมันออกมาแล้วเลื่อนมือไปตามกรอบหน้าของฉันอย่างแผ่วเบา แววตาคู่นั้นเผยให้เห็นถึงความเป็นห่วงเป็นใย มันอธิบายความหมายคำพูดของเขาได้ดี แต่... “…Why?” ฉันถามออกไปเพราะอยากมั่นใจว่าเข้าใจความหมายนั้นไม่ผิด แล้วเฮียโยก็เลื่อนหน้าผากของเขาเข้ามาแนบชิดกับหน้าผากของฉันช้าๆ จนฉันเผลอจ้องมองแววตาคู่นั้นของเฮียที่มองมา ยิ่งเขาใกล้เข้ามา แววตาคู่นั้นยิ่งแสดงเห็นว่ามันแฝงไว้ด้วยความหมายมากมาย ก่อนที่เฮียจะกระตุกยิ้มมุมปากเล็กๆ แล้วพูดออกมาใหม่.. “...because all I care about is how you feel, My lady.” ได้ยินแบบนั้นฉันก็เป็นฝ่ายหลุดยิ้มออกมาแถมยังแอบน้ำตาคลอด้วยความตื้นตัน และเป็นฝ่ายโน้มคอเขาลงมากดจูบเองเลยด้วยซ้ำ เข้าใจแล้วล่ะ...ฉันเข้าใจมันแล้ว ทั้งหมดที่เฮียทำก็เพื่อปกป้องความรู้สึกของฉันทั้งนั้นเลยสินะ...หลายวันต่อมา...“อ้าววว ซาหวัดดีฮับคุณแม่ ฮ่ะๆ ~”เฮียบีทเดินควงไม้กลองเข้ามาในห้องซ้อมดนตรีที่มีฉันกับเฮียโยนั่งอยู่ แล้วเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งด้วยท่าทางสบายๆฟุ้บ!“ไรเฮียอย่ามาแซว อยากตายด้วยไม้กลองรึไง -////-”พรึ่บบบ!ฉันเอื้อมมือไปคว้าไม้กลองจากมือเขาแล้วทำท่าจะฟาดเข้าให้ นี่ยังน้อยนะ ตอนฉันโทรไปบอกเฮียขำหนักกว่านี้หลายเท่าเลยเหอะ“เป็นไง เห็นไอ้นั่นแล้วเขินเลยป้ะ น่าอิจฉาจังเว้ย >////”พูดจบเฮียบีทก็แกล้งเอามือปิดหน้าปิดตาทำท่าทางกวนๆ ออกมาแถมยังทำตาปริบๆ มองไปหาเฮียโยที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ว่าแต่..ไอ้นั่นที่ว่านี่อะไร? เห็นแล้วทำไมต้องเขินด้วย?ครืดดด!“เชี่ยยย คณะคหกรรมค้นพบดาวดวงใหม่ งานดีสัส! เด็กในชมรมบอกมา”ยังไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรเฮียบีท อยู่ๆ เฮียเลย์ก็พรวดพราดเปิดประตูห้องซ้อมดนตรีเข้ามา แถมยังคว้ามือถือตัวเองมาวางบนโต๊ะลงตรงหน้าพวกฉัน ในหน้าจอนั้นมีรูปผู้หญิงคนหนึ่งที่ขนาดแค่มองผ่านๆ ก็ยังถือว่าละสายตาได้ยากเหมือนกัน แล้วเฮียโยก็เอ่ยปากพูดอะไรงึมงำที่ฟังแล้วฉันถึงกับหันไปทำตาขวางใส่เขาทันที“จุ๊ๆๆ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะฆ่าเมียเหลือเกิน”“เฮ้ย!”“อุ่ย..
วันต่อมา...@ DARK SHADOW CASTLE“ทำไมทำหน้างั้น?”เฮียโยหันมาถามฉันที่นั่งนิ่งๆ อย่างใช้ความคิด เพราะวันนี้เป็นวันพิพากษาเฮียคิระที่สร้างเรื่องไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน อีกอย่าง..ฉันเพิ่งจะถามที่มาที่ไปของการทำสงครามขนาดย่อมครั้งนี้จากปากเฮียโยตอนมาที่นี่ ก็ได้ความว่าเฮียคิระกับเฮียเตไม่ค่อยจะถูกกันมาตั้งนานแล้วแค่เพิ่งจะมาฉะกันจริงจังก็คราวนี้“เฮียว่าเฮียคิระ...”“เฮียอีกละ -.- ทำไมต้องไปนับญาติกับมัน”ฉันยังไม่ทันพูดอะไร เฮียโยก็ออกอาการไม่พอใจขึ้นมาซะก่อน ที่จริงก่อนหน้านี้เฮียโยก็ออกอาการหงุดหงิดมากที่ฉันเอาแต่ถามถึงเฮียคิระไม่หยุด“อะไร เฮียต้องขอบคุณเค้ารึเปล่า เฮียคิระเป็นคนพาโรสไปหาหมอถึงรู้ว่าท้อง” ฉันพูดออกไปแล้วเฮียโยก็หันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจ“มันรู้ก่อนใคร?”“ใช่ รู้พร้อมโรส แล้วรู้ก่อนพ่อของลูกเลยไง ชัดมั้ย?!”ฉันส่งเสียงประชดประชันและทำหน้าตากวนประสาทแบบที่เขาชอบทำออกไป แล้วเฮียก็ขยับเข้ามาใกล้พรึ่บ! หวืดดด“ถอยไปไกลๆ ไม่ต้องมาง้อ”เฮียโยเอื้อมแขนมาทำท่าจะโอบ แต่ฉันขยับตัวหนีแล้วยักคิ้วท้าทายแต่เขาก็ยิ่งทำหน้าตาได้ใจ“ป่าวง้อสักหน่อย แค่จะบอกว่าอย่างอแง เดี๋ยวจะโดนชุดใหญ
“อื้อ~”ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเฮียโยที่รัดแน่นแต่กลับอบอุ่นมากจนหลุดยิ้มบางๆ ออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แขนข้างหนึ่งของเขายื่นมาให้ฉันหนุนแล้วยังใช้มันกอดร่างฉันเอาไว้ ส่วนอีกข้างวางพาดผ่านหน้าท้องของฉันเหมือนกำลังกอดลูกของเรายังไงอย่างงั้นใช่..ลูกของเรา :)ตลอดค่ำคืนที่ยาวนานเฮียโยเอาแต่พูดคำนั้นจนฉันเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสที่เขาเติมเต็มมาให้อย่างอ่อนโยนและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นอีกมุมหนึ่งที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีตั้งแต่รู้จักกันมาถัดออกไปอีกหน่อยมีสมุดบันทึกที่เขาจะให้ฉันตั้งแต่เมื่อคืนวางอยู่ ฉันเลยเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู แล้วก็โดนดึงความสนใจเอาไว้ด้วยข้อความสีชมพูมากมาย ตัดสีกับข้อความสีน้ำเงินที่ฉันเคยเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนJan 11,2017You have no idea how hard it is to pretend all the time.(คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากขนาดไหนที่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตลอดเวลา)♥ Don’t underestimate me, I notice more than you realize.(อย่าประเมินผมต่ำไป ผมสังเกตเห็นมันมากกว่าที่คุณเข้าใจ)Feb 28, 2017I need love from you but I know that it’ s hard.(ฉันต้องการความรักจากคุณ แต่ฉันรู้ว่ามันยาก)♥
“เมื่อกี๊ของแม่นะ ส่วนอันนี้อ่ะ..ของลูก”แคว่กกกกกก!O_O!พูดจบเฮียโยก็กระชากชุดนอนฉันจนขาดหลุดติดมือเขาไป โชคดีที่ฉันยังมีชั้นในปกคลุมร่างกายบางส่วนเอาไว้ แต่อากาศที่เย็นจัดภายในห้องก็ทำให้ฉันแอบสะท้านจนขนลุก“ไม่ขอนะ...”เฮียโน้มตัวมากระซิบข้างหูฉันด้วยแววตายียวนและตั้งใจกวนประสาท ฉันเลยยกมือขึ้นดันตัวเขาออกแล้วกำลังจะเอ่ยปาก แต่เฮียก็ชิงพูดขัดขึ้นมาซะก่อน“จุ๊ๆ พ่อลูกจะคุยกันฮะ แม่รอฟังเฉยๆ ครับห้ามดื้อ”“...อื้อออ”พูดจบเฮียก็กดจูบลงมาแบบหนักหน่วงกว่าเดิมหลายเท่า และเร่งจังหวะกระตุ้นให้ฉันเคลิบเคลิ้มตามเขา แถมยังเลื่อนมือมาสัมผัสเรือนร่างของฉันอย่างแผ่วเบา ลูบไล้มันไปมาอยู่อย่างนั้นจนฉันดิ้นพล่าน“อื้อออ~”ฉันขยับตัวไปมาตามสัมผัสของเฮียโยอย่างเก็บอาการไม่อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาเขาเลื่อนมือไปโดนตรงไหนมันก็ทนไม่ได้ ร่างกายฉันมันไวต่อความรู้สึกไปหมด“ชู่ววว เฮียแค่จูบลูก จับ..ลูก”เฮียโยถอนจูบและพูดออกมาเบาๆ แบบเน้นคำอยู่ข้างหูฉันจนฉันรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง“ปล่อยโร...อื้อออ”ฉันเอ่ยปากพูดออกไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น เฮียก็เลื่อนจมูกโด่งๆ ของเขาลงมาซุกไซร้ตรงซอกคอของฉัน
@ VAYO’ S CONDOแกร๊ก แอ๊ดดด“เมื่อไหร่จะพากลับห้อง”ฉันบ่นๆ ออกไปพอเฮียโยพาฉันวนกลับมาที่คอนโดเขาอีกครั้งหลังออกจากบ้านเขา ใจคอจะไม่ให้ฉันกลับห้องตัวเองเลยมั้ง น่าเบื่อจะแย่ -.-“ห้องไหนอ่ะ? ห้องลิซหรือห้องนิล”ฟุ้บ!พูดจบเฮียโยทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแบบชิลๆ แล้วเลิกคิ้วถามฉันที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขาออกมา...หืม? นี่เขารู้ด้วยหรอว่าฉันย้ายไปอยู่ห้องเจ๊นิลแล้วอ่ะ“งง.. เมียทั้งคนถูกมั้ย เราทำไรเฮียรู้หมดแหละ”เฮียโยพูดออกมาอย่างรู้ทัน พร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยท่าทางกวนประสาทแบบนั้นไม่หยุด ก่อนที่ฉันจะตอบกลับไป“อะไร ใครเมีย คิดไปเอง!”“หึ..ก็ไม่รู้สิฮะ ถามเด็กในท้องมั้ยล่ะ โหลๆ พ่อชื่อไรอ่ะ? พ่อหล่อแบบนี้รึป่ะ? ฮ่ะๆ”เฮียโยพูดไปชี้นิ้วเข้าหาตัวเองไป แล้วเขาก็หลุดขำออกมาอย่างผู้ชนะ แถมยังยักคิ้วท้าทายฉันที่พอได้ฟังแล้วอยากจะคว้าแจกันเขวี้ยงใส่ให้รู้แล้วรู้รอด“รำคาญ! คืนนี้นอนข้างนอกไปเลยไป” พูดจบฉันก็เดินหนี แต่เฮียโยก็ยังส่งเสียงตามหลังมาแบบยียวนมากกก ให้ตาย!“ครับ เชิญตามสบาย ให้เฮียเซ็นยกมรดกให้ลูกเลยมั้ย ปากกาอยู่ไหนน้า~ หาแป๊บ”ชิ.. ประสาท!ครึ่งชั่วโมงต่อมา...ครืดดด!“เข้ามาทำไ
“...ว่าไงนะ?”ครืดดด!พูดจบฉันก็ลุกพรวดจากโต๊ะทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่เฟรย่าพูดแบบนั้น แต่เฮียโยก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันพร้อมกับออกแรงดึงกลับไปนั่งตักเขา แถมยังใช้แขนแกร่งล็อคตัวฉันเอาไว้พรึ่บ!“อย่ามาจับ!” ปากฉันพูดกับเฮียโยแต่ตากลับจ้องไปทางรุ่นพี่เฟรย่าที่กำลังมองมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ“ใจเย็นนะฮะเลดี้ เดี๋ยวเฮีย...”“...อธิบายเอง”รุ่นพี่เลโอพยายามแก้สถานการณ์ แต่รุ่นพี่เฟรย่าก็พูดขัดขึ้นมา ก่อนจะจ้องมาที่ฉันไม่วางตาแล้วพูดต่อ“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”“ก็รีบอธิบายมาดิ!” ฉันตะคอกสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด จนโดนเฮียโยดุออกมาเสียงเข้ม“โรเซ่”“โอ๊ะ เชื่อละว่าโหดจริง” รุ่นพี่เลโอมองมาที่ฉันขำๆ ก่อนที่เขาจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นไปโอบรุ่นพี่เฟรย่าไว้แบบชิลๆ“มีเรื่องนิดหน่อยฮะเลดี้ ไอ้โยมันแค่เข้าไปช่วย”รุ่นพี่เลโอพูดอ้อมๆ ออกมาด้วยท่าทางเป็นมิตร แต่ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ แล้วยังไม่ทันจะถามอะไร รุ่นพี่เฟรย่าก็กวาดสายตามองคนในร้านนิ่งๆ ก่อนจะเหลือบมองรุ่นพี่เลโอแล้วพูดสวนขึ้นมา“โดนข่มขืนน่ะ”ขวับ!“ว่าไงนะ?!”O_O!ยอมรับว่าได้ฟังคำพูดนั้นฉันเองก็ตกใจ แต่ครั้งนี้เสียงที่ดังขึ้นมามันไม่ใช่ของฉันไ