หลายวันต่อมา...
“อ้าววว ซาหวัดดีฮับคุณแม่ ฮ่ะๆ ~” เฮียบีทเดินควงไม้กลองเข้ามาในห้องซ้อมดนตรีที่มีฉันกับเฮียโยนั่งอยู่ แล้วเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งด้วยท่าทางสบายๆ ฟุ้บ! “ไรเฮียอย่ามาแซว อยากตายด้วยไม้กลองรึไง -////-” พรึ่บบบ! ฉันเอื้อมมือไปคว้าไม้กลองจากมือเขาแล้วทำท่าจะฟาดเข้าให้ นี่ยังน้อยนะ ตอนฉันโทรไปบอกเฮียขำหนักกว่านี้หลายเท่าเลยเหอะ “เป็นไง เห็นไอ้นั่นแล้วเขินเลยป้ะ น่าอิจฉาจังเว้ย >////<” พูดจบเฮียบีทก็แกล้งเอามือปิดหน้าปิดตาทำท่าทางกวนๆ ออกมาแถมยังทำตาปริบๆ มองไปหาเฮียโยที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ว่าแต่..ไอ้นั่นที่ว่านี่อะไร? เห็นแล้วทำไมต้องเขินด้วย? ครืดดด! “เชี่ยยย คณะคหกรรมค้นพบดาวดวงใหม่ งานดีสัส! เด็กในชมรมบอกมา” ยังไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรเฮียบีท อยู่ๆ เฮียเลย์ก็พรวดพราดเปิดประตูห้องซ้อมดนตรีเข้ามา แถมยังคว้ามือถือตัวเองมาวางบนโต๊ะลงตรงหน้าพวกฉัน ในหน้าจอนั้นมีรูปผู้หญิงคนหนึ่งที่ขนาดแค่มองผ่านๆ ก็ยังถือว่าละสายตาได้ยากเหมือนกัน แล้วเฮียโยก็เอ่ยปากพูดอะไรงึมงำที่ฟังแล้วฉันถึงกับหันไปทำตาขวางใส่เขาทันที “จุ๊ๆๆ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะฆ่าเมียเหลือเกิน” “เฮ้ย!” “อุ่ย..แต่ก็ทำไม่ได้เพราะรักเค้ามากกกก ^_^” พรึ่บ! พอเห็นหน้าฉันเฮียโยก็รีบลากเสียงแก้ตัวพัลวัน แล้วกระชับอ้อมกอดที่โอบไหล่ฉันจากข้างหลังมากอดเอวไว้ขำๆ เหอะ! น่าเชื่อตายเลยมั้ง! “กากกกกก” แล้วเฮียบีทกับเฮียเลย์ที่ได้ฟังก็ประสานเสียงออกมาพร้อมกัน ส่วนฉันก็จิกกัดเขาไปเบาๆ เหมือนกัน “กะล่อนนัก! น่ารำคาญ!” พรึ่บ! หมับ! พูดจบฉันก็ง้างไม้กลองในมือฟาดเขาเต็มแรง แต่เฮียไวกว่าก็ยื่นมือข้างที่ว่างอยู่มารับมัน ไว้แล้วทำหน้าตาสำนึกผิดแบบเชื่อถือไม่ค่อยจะได้ส่งมาให้ “โอ๋~ เฮียหยอกเล่นน้าาา ใครจะฆ่าเมียได้ลงคอล่ะครับ” จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! แล้วเฮียโยก็กระหน่ำกดจูบลงมาที่ขมับของฉันยกใหญ่ หรออออ...ไม่มีพิรุธเลยนะว่ามั้ย -_- “ไปไกลๆ เลยไป!” ไม่รู้ทำไมตั้งแต่กลับมาคุยกันดีๆ ฉันก็หงุดหงิดมากเป็นพิเศษทุกทีเวลาที่เขาพูดถึงหรือใกล้กับผู้หญิงไหน หรืออาจจะเป็นอย่างที่เฮียพายเคยบอกก็ได้ว่าฉันแพ้ท้องแล้วหึงพร่ำเพรื่ออะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง “โอ๊ะ เชื่องเป็นหมาเลยฮะ วาโย Nightshade กลัวเมียงั้นสินะ ฮ่ะๆๆ” เฮียเลย์มองมาที่เราแล้วส่ายหัวไปมาอย่างขำๆ แล้วอยู่ๆ เฮียโยก็ทำหน้าสลดพร้อมกับเลื่อนมือขึ้นไปคลายเนคไทที่ปกเสื้อเชิ้ต ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ และส่งเสียงอ่อนตอบกลับไป “เหี้ย นั่งตรงนี้แม่งรู้สึกไม่ค่อยดีเลยว่ะ” “เป็นห่าไรอ่ะ โดนรังสีอำมหิตเมียเข้าไป หน้าซีดเลยไง o_O?” เฮียบีทเลิกคิ้วถามพอเห็นท่าทางไม่ค่อยสู้ดีของเขา ทั้งฉันและเฮียเลย์ก็เลยหันไป หืม..เมื่อกี๊ยังซ่าอยู่เลยไม่ใช่ไง -.-? แล้วพอเห็นพวกเรามองไปด้วยท่าทางสนใจ สุดท้ายเฮียโยก็กระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ และพูดออกมา “เปล่า ที่รู้สึกไม่ค่อยดีเพราะความรู้สึกดีๆ กูให้คนนี้ไปหมดละ” พูดจบเขาก็ชี้มาที่ฉัน แถมยังทำหน้าทะเล้นออดอ้อนขั้นสุดออกมา จ้า..จะไม่ฟินเพราะเล่นหูเล่นตาเกินเรื่องนี่แหละ แต่ที่จริงก็แอบเขินอยู่ -////- “ฮิ้ววว~ โอ้โหวว~ ฟังแล้วเขินจังเลย มุกเพื่อนดีมากเลย อะแฮ่ม.. มึงห่างๆ จากเฮียเวย์มั่งนะช่วงนี้อ่ะ เสี่ยวฉิบหาย =_=” แปะๆๆๆ เฮียเลย์ปรบมือแบบประชดประชันขั้นสุด แล้วโน้มตัวไปกระซิบกระซาบกับเฮียโย แต่เขาก็ไม่ได้มีทีท่าจะสำนึกอะไรสักนิด มิหนำซ้ำยังทำตาปิ๊งๆ ส่งมาให้ฉันอยู่ได้ “แหวะ เลี่ยน -////-” “จ๋าที่รัก แพ้ท้องหรอจ๊ะ มา..เฮียกอดให้ความอบอุ่นนะ” พรึ่บ! พอฉันเบะปากใส่ เฮียโยก็ยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจนน่าอึดอัด นี่เขาแทบจะยกตัวฉันขึ้นไปนั่งบนตักอยู่ละ ถ้าไม่ติดว่าฉันใส่กระโปรงนักศึกษาอยู่เนี่ย -_- “จ้ะไอ้เฮีย กูขอแช่งให้เมียถีบมึงนะ หมั่นไส้!” เฮียบีทบ่นๆ ไปตามประสา แต่จะว่าไปวันนี้เฮียโยก็น่าหมั่นไส้มากจริงๆ นั่นแหละนะ คึกบ้าคึกบอ ผิดวิสัยเอามากๆ “แล้วนี่หลานเฮียกี่ขวบแล้วอ่ะโรส ^_^” เฮียเลย์ถามฉันด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรอย่างทุกที แต่เฮียโยก็ชิงตอบไปอีก “เสือกไรด้วยอ่ะ” “มึงอ่ะเสือก โรส ขอจับท้อ...” “ไม่ให้! จะจับทุกคนเลยมั้งไอ้ห่า ไม่ทำเองอ่ะมีเมียละหนิ” เฮียเลย์ยังพูดไม่ทันจบแต่เขาก็ขยับตัวและเลื่อนมือมาหาฉันช้าๆแล้วล่ะ อ๋อ..เฮียจะพูดว่าขอจับท้องใช่ป่ะ แล้วนี่เขาขอจับทุกคนเลยจริงอ่ะ “อ้าววว เพื่อนเลย์~” พอเฮียโยหลุดปากเรื่องเมียเฮียเลย์ออกมา เฮียบีทก็หูผึ่งขึ้นมาเลยล่ะ เล่นเอาเฮียเลย์แก้สถานการณ์แทบไม่ทัน “อารายยย ป่ะกูพาไปส่องสาว ยังไม่มีเมียใช่มั้ยไปเร๊ววว~” “เปลี่ยนเรื่องเก่ง” เฮียโยยังลอยหน้าลอยตาส่งเสียงยียวนออกไปทั้งที่เฮียเลย์เคยขอเราเอาไว้ว่าไม่ให้พูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับรุ่นพี่เฟรย่าเพราะมีเหตุผลจำเป็นบางอย่าง “จุ๊ๆ อย่าห้าวมากมันจะลำบากเพื่อน ลุกสิไอ้เสือ ชักช้าจังนะมึงเนี่ย” เฮียเลย์ชี้หน้าเฮียโยแล้วพรวดพราดลากเฮียบีทออกไป เฮียบีทก็งงๆ แต่ลุกเดินตามไปอย่างว่าง่าย “อะไรของมึง เด็ดขนาดนั้นเลยหรอวะ” “เออน่า เชื่อกูนี่” ตึงงง! “เอาล่ะ..เหลือแค่เราละ จะทำไรกันดี” ทันทีที่ประตูห้องซ้อมดนตรีปิดลง เฮียโยก็หันขวับมาหาฉันด้วยสีหน้ามีเลศนัยทันที “ทำไรกับผีดิ เลิกทะลึ่งสักทีได้มั้ยเนี่ย >_<” ถึงมันเป็นเรื่องธรรมดาของคนคบกันก็เหอะ แต่เวลาเอามาพูดพร่ำเพรื่อแบบนี้มันก็ทำให้เขินได้นะ >////< “เดี๋ยว เฮียไม่ได้คิดไรเลยนะ เราอ่ะคิดมาก หึ...” เฮียโยกระตุกยิ้มมุมปากครั้งที่ร้อยล้านเห็นจะได้ ทำไมหูตาเขามันแพรวพราวขนาดนี้เนี่ยฮะ “สาบานให้ฟ้าผ่า” ฉันยักคิ้วท้าออกไป แต่เขาก็สวนกลับมาอย่างไว “Nope! แต่ถ้าให้เฮียผ่าเข้าไปอ่ะ Deal!” พูดจบเฮียก็เลื่อนหน้ามาใกล้ แถมยังล็อคหน้าฉันไว้ให้เผชิญหน้ากับเขาห้ามหลบตาไปไหน แล้วแววตาทีเล่นทีจริงก็เปลี่ยนเป็นจริงจังและดูมีความหมายจนฉันใจสั่นเอาง่ายๆ >< “วันนี้หมอนัดใช่มั้ย” เฮียโยเลื่อนมือมาจับหน้าท้องฉันเบาๆ กลายเป็นตอนนี้แขนทั้งสองข้างของเขากอดเอวฉันไว้ไปโดยปริยาย “อื้ม” “ไปเลยก็ได้” เขาหันมองนาฬิกาที่ผนังห้องแล้วพูดออกมา แต่ฉันก็เลือกจะส่ายหัวเพราะรู้เวลานัดดี “ยัง เฮียมีเรียนไม่ใช่?” “โดดได้” เฮียโยพูดไปเอามือลูบท้องฉันไป แต่ฉันก็แย้งออกไปอีก “ไม่ได้” “ทำไม -.-” “อยากให้ลูกมีพ่อเรียนไม่จบรึไง” ฉันพูดออกไปอย่างที่คิด เขาก็พยักหน้าจำยอมออกมาง่ายๆ “อืม งั้นเฮียไปส่งที่ห้อง Nightshade...” “ไปเรียนเหอะ โรสไปเองได้” ฉันตอบกลับไป เพราะดูจากเวลาที่เหลืออีกแค่ 15 นาทีก็จะถึงเวลาที่เขาต้องเข้าเรียนแล้ว “งั้น..เราอยากลองไปเรียนกับเฮียมั้ย?” อยู่ๆ เฮียก็เลิกคิ้วถามมา ไปเรียนคณะอัญมณีเนี่ยนะ...อืม น่าสนแฮะ ยังไม่เคยไปสักทีเลยอ่ะ “แน่ใจ หมดโอกาสเหล่สาวนะ ทนไหวไง๊?” ฉันแกล้งถามลองเชิงไป แล้วคำตอบที่ได้กับท่าทางที่เหมือนไม่ใส่ใจก็ทำให้ฉันอดน้อยใจไม่ได้เลย “ไม่เห็นต้องทนอะไร ไม่มีใครรู้จักเราสักหน่อย” “.....”@ คณะอัญมณี
‘เฮ้ยได้เวลายัง บันไดหนีไฟเหอะว่ะ ตื่นเต้น ไม่ไหวละเนี่ย’ ‘เออดิ ไม่เคยเห็นของจริงแบบครบๆ สักที ยิ่งใกล้เวลายิ่งโคตรลุ้นเลยว้อยยย’ ‘ฮู่ววว รอมาเป็นปียังรอได้ อดทนไว้ๆ อ๊ากกก แต่กูก็ทนไม่ไหวล๊าววว’ ‘ในนั้นมีของมึงด้วยใช่มะ อย่าเพิ่งเป็นลมนะเว้ย มือสั่นหมดละมึงอ่ะ’ พอเดินมาถึงตึกคณะอัญมณี ฉันก็เห็นกลุ่มคนจำนวนมากกำลังพูดคุยกันด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้น แถมยังยืนออกันรอขึ้นลิฟท์อย่างเนืองแน่นด้วย และเพราะคนค่อนข้างเยอะ บวกกับฉันที่หยุดมองท่าทางของคนรอบข้างที่ดูกระตือรือร้นจนผิดหูผิดตา ทำให้ฉันเดินทิ้งช่วงห่างจากเฮียโยออกมาจนหันไปอีกทีเขาก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ หมับ! “เดินห่างขนาดนี้ ใครเหล่ใครกันแน่” มือหนาของเฮียโยที่เดินฝ่าคนมากมายคว้าแขนฉันไว้จากข้างหลัง ใครเหล่ใครอะไรล่ะ แล้วเขาจะมาสนทำไมกัน... “ก็พูดเองไม่ใช่ไง ไม่มีใครรู้จักโรสหนิ” ฉันตอบออกไปอย่างน้อยใจ ไอ้เฮียปากเสีย! เขาต้องพูดคำนั้นกับตัวเองมากกว่าป่ะ ที่ก่อนหน้านี้บอกว่าไม่มีใครรู้จักฉัน แปลว่าเขาเลยจะเหล่ใครก็ได้อย่างงั้นใช่มั้ยฮะ?! แต่เฮียก็ไม่สนใจ เขาคว้าแขนฉันเดินฝ่ากลุ่มคนมากมาย ลัดคิวคนอื่นมาขึ้นลิฟท์แบบไม่แคร์อะไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าตำหนิเขาแม้แต่คนเดียว ดีไม่ดีจะหลบทางให้ด้วย ติ๊งงง~ แล้วลิฟท์ตัวใหญ่ก็พาเราขึ้นมาที่ชั้น 9 ที่ดูเหมือนจะเป็นชั้นที่สูงสุดที่สุดในตึกแล้ว และก็เหมือนเดิมฉันเจอเหล่านักศึกษายืนออกันเยอะมาก เรียกว่าแน่นจนน่าอึดอัดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่มีคณาจารย์จากหลากหลายคณะยืนอยู่ “เอาล่ะครับเด็กๆ เก้าโมงเก้านาที ฤกษ์ดีที่เราจะตัดริบบิ้นเปิดประตูแล้วนะ แล้วก็..นี่ๆ ไม่ใช่แค่พวกคุณหรอกเชื่อเถอะ ผมเองขนาดแอบเห็นข้างในบ้างแล้วก็ยังตื่นเต้นอยู่ดีนะเนี่ย >_<!” อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าสดใส เหล่านักศึกษาที่ยืนล้อมประตูบานนี้ไว้ก็ส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ “เปิดเลยค่ะจารย์ เปิดเลยๆๆๆ” ฉึ่บ! แกร๊ก แอ๊ดดด “โหหหหห~” ทันทีที่ริบบิ้นหน้าประตูขาดลง ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับความตระการตาของเพชรนิลจินดาด้านในและเสียงโห่จากคนรอบข้างมากมาย ตามด้วยเสียงประกาศจากทีมงานควบคุมดูแลพื้นที่ ‘สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่พิพิธภัณฑ์อัญมณีประจำมหาลัย ผลงานทั้งหมดในสถานที่นี้ถูกออกแบบโดยนักศึกษาคณะอัญมณีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้และความสามารถ โดยได้รับความร่วมมือในการสนับสนุนชิ้นส่วนอัญมณีประกอบการเรียนรู้จาก AKR Jewelry… และในบริเวณสถานที่เยี่ยมชมนี้จะมี VTR ที่เล่าถึงแรงบันดาลใจในการสังสรรค์ผลงานแต่ละชิ้น เพื่ออธิบายความยากง่ายในการออกแบบเอาไว้ ขอให้เพลิดเพลินกับการรับชมและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการของมหาลัยค่ะ...ขอบคุณค่ะ’ แล้วเฮียโยก็จับมือฉันเดินผ่านประตูของสถานที่ที่เหล่านักศึกษาเรียกมันว่า ‘พิพิธภัณฑ์อัญมณี’ ที่ใช้พื้นที่มากมาย กินอาณาเขตชั้น 9 ของตึกทั้งชั้นเข้ามาช้าๆ ปรากฏอัญมณีดีไซน์หลากหลายที่ดูสวยงามตระการตาจนฉันเองก็ถึงกับทึ่งในภาพตรงหน้าตอนนี้เหมือนกัน “โรสสส~” ขวับ! ฉันหันไปตามเสียงเรียกแล้วเจอเจ๊นิล เจด้า และเจ๊โมที่ยืนอยู่ถัดออกไปกับบรรดาเฮียๆ Nightshade และพวกเขาก็เดินตรงเข้ามา ก่อนที่เราจะเดินเกาะกลุ่มดูอัญมณีมากหน้าหลายตาที่เป็นผลงานนักศึกษาในคณะ พร้อมกับหยุดฟังแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานแต่ชิ้นขึ้นมาด้วยความชื่นชม ผลงานทุกชิ้นตรงหน้าฉันมันดูดีจนประเมินค่าไม่เลยแฮะ ยิ่งเห็นผลงานพวกนั้น ทำให้ฉันมองย้อนกลับมาที่สร้อยข้อมือของตัวเอง แล้วหลุดยิ้มบางๆ ทั้งที่ยังแอบงอนเฮียนิดหน่อยเพราะคำพูดนั้นอยู่แบบนี้นี่แหละ อยากรู้จัง...ตอนเขาออกแบบมัน เขามีอะไรเป็นแรงบันดาลใจนะ ถึงจะไม่มีจี้อัญมณีอย่างที่ฉันเคยตั้งคำถามไป แต่มันก็มีใบโคลเวอร์สี่แฉกที่ฝากความหมายมากมายเอาไว้จนอดยิ้มให้กับความใส่ใจนี้ไม่ได้เลยแฮะ :) “เฮ้ย เก็บภาพกิจกรรมกันหน่อยฮะ” เสียงของเฮียเลย์ทำให้ฉันละสายตาจากสร้อยข้อมือและเงยหน้าขึ้นไปเจอเขากับรุ่นพี่เฟรย่ายืนอยู่ พวกเราทั้ง Nightshade และ Nightshade’s Lady เลยหันมองกล้องโดยมีรุ่นพี่เฟรย่าเป็นคนถ่ายให้ แชะ! พอถ่ายเสร็จก็มีเสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งเรียกเสียงฮือฮาให้ทุกคนบริเวณนี้ยิ่งกว่าตอนอยู่หน้าประตูทางเข้าซะอีก ‘เก้านาฬิกาห้าสิบเก้านาที.. ขอเชิญทุกท่านพบกับ “แก้วนพรัตน์” 9 อัญมณีมงคล ที่ตามความเชื่อของคนไทยแต่โบราณว่ากันว่า..เป็นสัญลักษณ์ของดาวนพเคราะห์ ถือเป็นของสูง มีคุณค่าทางจิตใจ หากผู้ใดได้ครอบครองจะเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุด นำมาซึ่งโชคลาภ ความสุข และความสมหวังด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันของนักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ...วิธวินท์ เตชะอัครา’ สิ้นสุดเสียงประกาศนั้นฉันก็หันมองหน้าเฮียโยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่ที่เดินดูมายังไม่มีผลงานของเขาที่เป็นทายาทผู้สนันสนุนชิ้นส่วนอัญมณีทั้งหมดเลยสักชิ้นนี่นะ ครืดดดดด! แล้วประตูลับที่มองผ่านๆ เข้าใจว่าเป็นเพียงผนังกั้นตรงหน้าฉันก็ถูกเปิดออก ปรากฏตู้โชว์อัญมณีทั้งเก้าตู้ตั้งเรียงเป็นครึ่งวงกลมตามความโค้งเว้าของห้อง เรียกเสียงฮือฮาหนักกว่าเดิมหลายเท่าตัว ‘สุดยอดดดดดด’ Nightshade และ Nightshade’s Lady เป็นกลุ่มคนที่ก้าวขาเข้ามาในพื้นที่นี้ก่อนใคร เนื่องด้วยบริเวณโดยรอบนี้ไม่สามารถจุคนจำนวนมากทั้งหมดได้ แต่แอบเห็นว่าจอโปรเจคเตอร์ทั้งหมดรอบพิพิธภัณฑ์ก็กำลังฉายภาพผลงานของเฮียโย เรียกความสนใจในแต่ละจุดเอาไว้ได้ในพริบตาเดียว “ว๊าว..ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะเนี่ย :)” ฉันเอ่ยปากแซวเฮียโยที่ยังคงจับมือฉันเดินดูอัญมณีทั้ง 9 ในดีไซน์ที่หลากหลาย แต่เมื่อมาอยู่รวมกันกลับเข้ากันได้อย่างลงตัว ซึ่งประกอบไปด้วย... 1.เพชร (Diamon) 2.ทับทิม (Ruby) 3.มรกต (Emerald) 4.บุษราคัม (Yellow Sapphire, Topaz) 5.โกเมน (Garnet) 6.ไพลิน (Blue Sapphire) 7.มุกดา (Moonstone) 8.เพทาย (Zircon) 9.ไพฑูรย์ (Chrysoberyl, Cat's eye) แล้วเขาก็หันมายักคิ้วให้ฉันและหลุดยิ้มบางๆ พร้อมกับเอามืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางเท่ๆแบบนั้น ครืดดดดด! แล้วอยู่ๆ ประตูห้องลับที่พวกเราทุกคนยืนอยู่ก็เลื่อนปิดเองอัตโนมัติ ก่อนที่เฮียโยจะล้วงเอาบางอย่างคล้ายรีโมทคอนโทรลขนาดเล็กในกระเป๋ากางเกงของเขา โยนให้เฮียบีทที่ก็ไม่รู้เข้ามาตอนไหน พรึ่บบบ! “ที่เราเคยถามว่าทำไมสร้อยข้อมือเส้นนี้ถึงไม่มีจี้สวยๆ แบบของนิลลากับไอ้พายบ้าง...” เฮียโยพูดขึ้นมาพร้อมกับคว้ามือฉันข้างที่ใส่สร้อยไว้พาเดินย้อนกลับมาที่หน้าประตูลับที่เพิ่งถูกปิดไปเมื่อกี๊ใหม่อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้มี Nightshade และ Nightshade’s Lady ยืนเป็นคู่ ขนาบสองข้างของเราเอาไว้ “...ตอนนั้นเฮียยังหาอัญมณีที่เหมาะกับเราไม่ได้” เขาหันหน้ามาหาฉันและพูดมันพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ มาให้กันอีกครั้ง ก่อนที่เฮียจะปล่อยมือและดันตัวฉันให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับอัญมณีทั้ง 9 ที่ส่องแสงแพรวพราวในอยู่ตู้เหล่านั้นแล้วพูดต่อ... “จะใส่นพรัตน์ไปให้หมดนี่ เราก็คงไม่ชอบอะไรที่มันคัลเลอร์ฟูลขนาดนี้” ครั้งนี้เขาพูดออกมาขำๆ ซึ่งฉันก็เห็นด้วยนะ เกิดมีสร้อยข้อมือที่เต็มไปด้วยอัญมณี 9 สีอยู่บนแขนแบบนั้น มีหวังฉันคงโดนกระชากเอาง่ายๆ เลยล่ะมั้ง “อื้ม แล้ว...?” ครืดดดดด! สิ้นสุดคำถามของฉัน อยู่ๆ พื้นกลางห้องตรงหน้าฉันก็ถูกเปิดออกและมีบางอย่างคล้ายแท่นวางค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาให้แปลกใจอีกครั้ง ปรากฏอัญมณีสีชมพูวางเด่นเป็นสง่าอยู่บนแท่นวางนั้น... และถึงจะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องอัญมณีเท่าไหร่แต่เหมือนว่าฉันจะเคยเห็นมันนะ รู้สึกจะเป็น... “โรสควอตซ์...” “มอร์แกไนท์” พอฉันพูดออกไปเฮียโยก็ส่ายหัวและเรียกอัญมณีตรงหน้าเราด้วยอีกชื่อหนึ่งที่ต่างออกไป ก่อนที่เขาจะพูดต่อ.. “มันเป็นความผิดของเฮีย...ที่ทำให้ทุกคนในที่นี้ไม่รู้จักเรา ทั้งที่ถ้านับกันจริงๆ Nightshade’s Lady คนแรกๆ ควรเป็นเรา” “เฮีย...” ฉันเอ่ยปากปรามเขาออกไป แล้วหันมองไปรอบๆ เพราะเกรงใจเจ๊นิล เจด้า และเจ๊โมที่ยืนอยู่ แต่เฮียก็ไม่สนใจ “มอร์แกไนท์ เป็นตัวแทนของความรักแบบไม่มีเงื่อนไข รัก..ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง มันคือสิ่งที่สะท้อนความเป็น Nightshade ได้ดี” คราวนี้เฮียโยพูดไปและหันมองทุกคนในห้องนี้ไป ซึ่งแต่ละคนตอนนี้ก็กำลังมองมาที่เราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไร้ความขุ่นเคืองใดๆ แล้วเขาก็เลื่อนมือหนามาลูบหัวฉันพร้อมกับส่งสายที่ดูมีความหมายมาให้ “ผู้ครอบครองสิ่งนี้จะเป็นที่รักของผู้ที่มีอายุมากกว่า..มอร์แกไนท์จะทำให้เราได้สิ่งที่เรารักกลับคืนมา และจะนำพาชีวิตรักของเราให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง” พอได้ฟังเฮียเล่าถึงความหมายและความเชื่อของอัญมณีที่ส่องแสงระยิบระยับในตู้นั้น ฉันยิ่งรู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ เขาเองก็เอาแต่อมยิ้มและมองมาด้วยสีหน้าและแววตาที่มีความสุขมากอยู่อย่างนั้น พรึ่บบบ! ติ๊ดดด~ แล้วอยู่ๆ ไฟในห้องก็ดับลงจนมืดสนิท ก่อนที่หน้าจอโปรเจคเตอร์ที่เรียงต่อกันตามส่วนโค้งเว้าของห้องนี้จะฉายรูปถ่ายและคลิปวิดีโอมากมายที่มีฉันในหลายๆ อิริยาบถอยู่ในนั้น พร้อมกับมีคลิปเสียงของคนสองคนที่ฉันคุ้นเคยดังซ้อนขึ้นมาเรียกเสียงฮาจากทุกคนที่อยู่รอบข้างฉัน ‘บีท : เชี่ยยย น้องหันมาแล้ว มึงโดนจับได้แน่ๆ อ่อนหัดชะมัด!’ ‘วาโย : หุบปาก! เสียงดังหาพ่อมึงไง๊’ ------------------------------------------ ‘บีท : เฮ้ย ดึกขนาดนี้โรสมันออกไปหาผัวใหม่หรอวะ’ ผลัวะ! ‘วาโย : ไสหัวมึงกลับไปเลยป่ะ’ ‘บีท : โธ่ แพ้แล้วพาล น้องมันอาจจะชอบฝรั่งก็ได้55555’ ------------------------------------------ ‘บีท : อ้าว โดนแล้วว่ะ ไอ้ก้ามปูนั่นมันจีบน้อง เป็นกูไม่ยอมหรอก’ พรึ่บ! ‘วาโย : จิ๊! หลบดิ๊หัวบัง กระทืบมึงก่อนดีมั้ง’ ‘บีท : ใจร้ายยย’ ------------------------------------------ ‘บีท : นั่งมองเค้ากินก็สบายใจเน่อะ กูไลน์ไปถามให้มั้ยล่ะ ว่าน้องหาเพื่อนกินข้าวป่าวน้า’ ‘วาโย : เสือก’ ‘บีท : เอ้าเฮ้ย! โรสมันวิ่งตามผู้ชายไปแล้ว ม่ายยย’ ขวับ! ‘บีท : กูล้อเล่น’ ‘วาโย : ไอ้เหี้ยบีท!’ ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ! ------------------------------------------ ‘บีท : นั่นแน่ อยากแดกชาเขียวเหมือนเค้า ให้มานั่งโต๊ะเดียวกับเรามั้ยล่ะ กูเรียกให้’ ‘วาโย : มึงพูดมากจังวะฮะ’ ‘บีท : หรอ น้องครับ น้องคนนั้นอ่ะ มีผู้ชายตามอยู่รู้ตัวรึป่ะ555555’ ------------------------------------------ ‘บีท : เชี่ย น้องสะดุด ฮู่ววว เกือบแล้ว!!!’ พรึ่บบบ ‘บีท : เอ้า ไปไหนเล่า ใจเย็นครับพี่ครับ ความแตกไม่รู้ด้วยน้า~’ ------------------------------------------ ‘บีท : นั่นแน่ รักโรสป่ะกูถามจริง’ ‘วาโย : ไม่รักก็เหี้ยละ’ฉันกวาดสายตามองสิ่งที่ฉายอยู่รอบตัวและเสียงที่ได้ยิน แล้วก็ต้องอึ้งไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันกลับมุมมองของฉันที่จำความรู้สึกตอนทำอะไรคนเดียวได้ดี เพราะมันมีแต่หน้าเฮียวนเวียนเข้ามาในห้วงความคิดตลอดเวลา
คนที่ตอนนั้นฉันคิดว่าเขาน่าจะกำลังทำอะไรกับใคร ที่แท้กลับอยู่ข้างฉันแทบจะทุกช่วงเวลาที่ฉันคิดถึงเขาเลยด้วยซ้ำ... ฉันหันมองเฮียโยด้วยความรู้สึกผิดลึกๆ และตื้นตันกับความจริงที่เพิ่งได้รู้ ทั้งใบโคลเวอร์ที่ซ่อนไว้ในสร้อยข้อมือเส้นนี้.. ข้อความที่เขาตอบกลับมาในสมุดบันทึก.. ภาพถ่ายและวิดีโอตรงหน้านี้.. ทุกอย่างมันลบล้างมุมมองเลวร้ายที่ฉันเคยมีต่อเขาไปอย่างสิ้นเชิง... เฮียโยมองฉันที่ไม่รู้จะทำหน้ายังไง สลับกับมองภาพบนจอแล้วเขาก็หลุดขำราวกับยังจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ดี มันยิ่งย้ำชัดว่าที่ผ่านมาเขาเหนื่อยกับฉัน อดทนกับฉันมากเหมือนกัน สิ่งที่เขาทำมัน..เป็นหลักฐานชั้นดีว่าเราไม่เคยห่างกัน เขา..ไม่เคยละเลยฉันอย่างที่เคยพูดมันไว้จริงๆ พรึ่บ! แล้วสักพักไฟในห้องก็ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้งจนสว่างโล่ง ก่อนที่เฮียโยจะเป็นฝ่ายละสายตาจากฉัน หันไปปลดล็อคตู้อัญมณีตู้นั้นช้าๆ แล้วเอื้อมมืออ้อมไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีม่วงที่อยู่ด้านหลังแท่นวางอัญมณีออกมา พร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้าฉันท่ามกลางสายตาของทุกคนที่กำลังจ้องมา ฟุ้บ! “เพราะมอร์แกไนท์สะท้อนความเป็น Nightshade ผู้ที่ครอบครองมันไว้..ก็ควรเป็นหัวใจของ Nightshade” แกร๊ก... ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนฉันตั้งตัวไม่ทัน พูดจบเฮียโยก็ค่อยๆ เปิดกล่องกำมะหยี่ในมือเขาขึ้นมา เผยให้เห็นแหวนอัญมณีสีชมพูระเรื่อแบบเดียวกับบนแท่นวาง ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดกับฉันโดยไม่เว้นช่องว่างให้ฉันซักถามอะไรออกไปได้เลยสักคำ...“รสิตา วัชรประภา
โรสจะให้เกียรติมาเป็น Nightshade’s Lady เป็นเจ้าสาว..ของเฮียจริงๆ สักทีได้มั้ยครับ?” คำพูดของเฮียโยทำให้ฉันตัวชา ที่ผ่านมาอาการนี้มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ฉันรู้สึกผิดหวังในตัวเขาเสมอ... แต่กับครั้งนี้...ทั้งแววตาที่ดูจริงจัง ภาพการกระทำต่างๆ ของเขาที่เล่นวนซ้ำไปซ้ำมาในมุมที่ฉันไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีมัน กับท่าทางให้ความเชื่อมั่นที่ถูกแสดงออกมาจากตัวเขาแบบนั้นทำให้ฉันกลั้นน้ำตาจากความตื้นตันที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในห้องๆ นี้เอาไว้ไม่ได้เลย “ฮึก...” ฟุ้บ! พรึ่บ! คราวนี้เป็นฉัน..เป็นฉันที่ทิ้งตัวลงตรงหน้าเขาอย่างลืมตัวว่าแรงกระแทกอาจทำให้มีปัญหากับลูกได้ แต่ยังไม่ทันที่เข่าสองข้างของฉันถึงพื้นเลยด้วยซ้ำ เฮียโยก็ยื่นแขนข้างที่ว่างอยู่มารวบเอวฉันให้ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนตักเขา แถมยังประคองไม่ให้ฉันหงายหลัง แล้วส่งสายตามาสำรวจร่างกายของฉันแบบเลิ่กลั่กอยู่เหมือนกัน “ฮึก..ฮือออ” พรึ่บบบ! เห็นแบบนั้นฉันก็ปล่อยโฮออกไปแบบไม่กลั้นมันไว้อีกเลย แล้วพุ่งเข้าไปกอดเฮียเต็มแรงจนเขาเกือบหงายหลัง แล้วเฮียโยก็เลื่อนมือมาลูบหัวฉันที่กำลังกอดเขาแน่นมากซ้ำๆ “เฮียรักโรสนะ รักโรสกับลูก..มากเท่าชีวิตของเฮียเลยนะ” “(- -) (_ _)” เฮียโยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ส่วนฉันก็ได้พยักหน้าออกไปทั้งน้ำตาหลายต่อหลายครั้ง “ขอบคุณที่กลับมา ขอบคุณที่อดทนกับคนอย่างเฮียนะ...” ประโยคนี้เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นและกอดฉันแน่นมากพอกัน ฉันเลยปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ และค่อยๆ คลายอ้อมกอดนั้น แล้วก็เป็นอย่างที่คิดคือขอบตาเฮียโยตอนนี้มันเริ่มจะแดงก่ำ “ขี้ลอก..โรสร้องก่อนเฮียมาร้องตามได้ไงอ่ะ” ฟรืดดด ฉันเอ่ยปากแซวแล้วสูดน้ำมูกพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ แต่น้ำตามันก็ดันไหลออกมาอีกจนได้จนเฮียโยต้องเอื้อมมือมาเช็ดให้ “งื้อออ รีบๆ สวมแหวนแล้วกลับไปร้องต่อที่บ้านได้มั้ย อายเค้าอ่ะ T_T” “หึ...” แล้วเฮียโยและคนรอบข้างเราก็พากันขำ ก่อนที่เฮียโยจะค่อยๆ หยิบแหวนอัญมณีมอร์แกไนท์วงนั้นสวมใส่นิ้วนางข้างซ้ายของฉันที่นั่งอยู่บนตักเขาช้าๆ “โรสรักเฮียนะ” ฉันพูดออกไปทั้งน้ำตา แล้วเฮียก็หลุดยิ้มกว้างออกมาทันตา “ครับ คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้ฟังซะละ :)” พูดจบเฮียโยก็กระชับอ้อมกอดฉันอีกครั้ง ก่อนจะมุดหน้าเอาคางมาเกยอยู่บนไหล่ฉันแบบที่เขาชอบทำประจำ แล้วหลังจากนั้นมือหนาของเฮียพาย เฮียเวย์ เฮียเต และเฮียเลย์ก็สลับกันเลื่อนมาลูบหัวฉันซ้ำๆ ก่อนที่พวกเขาจะพูดออกมาพร้อมกัน... “ยินดีต้อนรับอย่างเป็นทางการฮะ Nightshade’s Lady” อ่าหะ...ก็คงนัดกันมาล่ะมั้ง :)...END ♥
หลายวันต่อมา...“อ้าววว ซาหวัดดีฮับคุณแม่ ฮ่ะๆ ~”เฮียบีทเดินควงไม้กลองเข้ามาในห้องซ้อมดนตรีที่มีฉันกับเฮียโยนั่งอยู่ แล้วเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งด้วยท่าทางสบายๆฟุ้บ!“ไรเฮียอย่ามาแซว อยากตายด้วยไม้กลองรึไง -////-”พรึ่บบบ!ฉันเอื้อมมือไปคว้าไม้กลองจากมือเขาแล้วทำท่าจะฟาดเข้าให้ นี่ยังน้อยนะ ตอนฉันโทรไปบอกเฮียขำหนักกว่านี้หลายเท่าเลยเหอะ“เป็นไง เห็นไอ้นั่นแล้วเขินเลยป้ะ น่าอิจฉาจังเว้ย >////”พูดจบเฮียบีทก็แกล้งเอามือปิดหน้าปิดตาทำท่าทางกวนๆ ออกมาแถมยังทำตาปริบๆ มองไปหาเฮียโยที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ว่าแต่..ไอ้นั่นที่ว่านี่อะไร? เห็นแล้วทำไมต้องเขินด้วย?ครืดดด!“เชี่ยยย คณะคหกรรมค้นพบดาวดวงใหม่ งานดีสัส! เด็กในชมรมบอกมา”ยังไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรเฮียบีท อยู่ๆ เฮียเลย์ก็พรวดพราดเปิดประตูห้องซ้อมดนตรีเข้ามา แถมยังคว้ามือถือตัวเองมาวางบนโต๊ะลงตรงหน้าพวกฉัน ในหน้าจอนั้นมีรูปผู้หญิงคนหนึ่งที่ขนาดแค่มองผ่านๆ ก็ยังถือว่าละสายตาได้ยากเหมือนกัน แล้วเฮียโยก็เอ่ยปากพูดอะไรงึมงำที่ฟังแล้วฉันถึงกับหันไปทำตาขวางใส่เขาทันที“จุ๊ๆๆ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะฆ่าเมียเหลือเกิน”“เฮ้ย!”“อุ่ย..
วันต่อมา...@ DARK SHADOW CASTLE“ทำไมทำหน้างั้น?”เฮียโยหันมาถามฉันที่นั่งนิ่งๆ อย่างใช้ความคิด เพราะวันนี้เป็นวันพิพากษาเฮียคิระที่สร้างเรื่องไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน อีกอย่าง..ฉันเพิ่งจะถามที่มาที่ไปของการทำสงครามขนาดย่อมครั้งนี้จากปากเฮียโยตอนมาที่นี่ ก็ได้ความว่าเฮียคิระกับเฮียเตไม่ค่อยจะถูกกันมาตั้งนานแล้วแค่เพิ่งจะมาฉะกันจริงจังก็คราวนี้“เฮียว่าเฮียคิระ...”“เฮียอีกละ -.- ทำไมต้องไปนับญาติกับมัน”ฉันยังไม่ทันพูดอะไร เฮียโยก็ออกอาการไม่พอใจขึ้นมาซะก่อน ที่จริงก่อนหน้านี้เฮียโยก็ออกอาการหงุดหงิดมากที่ฉันเอาแต่ถามถึงเฮียคิระไม่หยุด“อะไร เฮียต้องขอบคุณเค้ารึเปล่า เฮียคิระเป็นคนพาโรสไปหาหมอถึงรู้ว่าท้อง” ฉันพูดออกไปแล้วเฮียโยก็หันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจ“มันรู้ก่อนใคร?”“ใช่ รู้พร้อมโรส แล้วรู้ก่อนพ่อของลูกเลยไง ชัดมั้ย?!”ฉันส่งเสียงประชดประชันและทำหน้าตากวนประสาทแบบที่เขาชอบทำออกไป แล้วเฮียก็ขยับเข้ามาใกล้พรึ่บ! หวืดดด“ถอยไปไกลๆ ไม่ต้องมาง้อ”เฮียโยเอื้อมแขนมาทำท่าจะโอบ แต่ฉันขยับตัวหนีแล้วยักคิ้วท้าทายแต่เขาก็ยิ่งทำหน้าตาได้ใจ“ป่าวง้อสักหน่อย แค่จะบอกว่าอย่างอแง เดี๋ยวจะโดนชุดใหญ
“อื้อ~”ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเฮียโยที่รัดแน่นแต่กลับอบอุ่นมากจนหลุดยิ้มบางๆ ออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แขนข้างหนึ่งของเขายื่นมาให้ฉันหนุนแล้วยังใช้มันกอดร่างฉันเอาไว้ ส่วนอีกข้างวางพาดผ่านหน้าท้องของฉันเหมือนกำลังกอดลูกของเรายังไงอย่างงั้นใช่..ลูกของเรา :)ตลอดค่ำคืนที่ยาวนานเฮียโยเอาแต่พูดคำนั้นจนฉันเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสที่เขาเติมเต็มมาให้อย่างอ่อนโยนและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นอีกมุมหนึ่งที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีตั้งแต่รู้จักกันมาถัดออกไปอีกหน่อยมีสมุดบันทึกที่เขาจะให้ฉันตั้งแต่เมื่อคืนวางอยู่ ฉันเลยเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู แล้วก็โดนดึงความสนใจเอาไว้ด้วยข้อความสีชมพูมากมาย ตัดสีกับข้อความสีน้ำเงินที่ฉันเคยเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนJan 11,2017You have no idea how hard it is to pretend all the time.(คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากขนาดไหนที่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตลอดเวลา)♥ Don’t underestimate me, I notice more than you realize.(อย่าประเมินผมต่ำไป ผมสังเกตเห็นมันมากกว่าที่คุณเข้าใจ)Feb 28, 2017I need love from you but I know that it’ s hard.(ฉันต้องการความรักจากคุณ แต่ฉันรู้ว่ามันยาก)♥
“เมื่อกี๊ของแม่นะ ส่วนอันนี้อ่ะ..ของลูก”แคว่กกกกกก!O_O!พูดจบเฮียโยก็กระชากชุดนอนฉันจนขาดหลุดติดมือเขาไป โชคดีที่ฉันยังมีชั้นในปกคลุมร่างกายบางส่วนเอาไว้ แต่อากาศที่เย็นจัดภายในห้องก็ทำให้ฉันแอบสะท้านจนขนลุก“ไม่ขอนะ...”เฮียโน้มตัวมากระซิบข้างหูฉันด้วยแววตายียวนและตั้งใจกวนประสาท ฉันเลยยกมือขึ้นดันตัวเขาออกแล้วกำลังจะเอ่ยปาก แต่เฮียก็ชิงพูดขัดขึ้นมาซะก่อน“จุ๊ๆ พ่อลูกจะคุยกันฮะ แม่รอฟังเฉยๆ ครับห้ามดื้อ”“...อื้อออ”พูดจบเฮียก็กดจูบลงมาแบบหนักหน่วงกว่าเดิมหลายเท่า และเร่งจังหวะกระตุ้นให้ฉันเคลิบเคลิ้มตามเขา แถมยังเลื่อนมือมาสัมผัสเรือนร่างของฉันอย่างแผ่วเบา ลูบไล้มันไปมาอยู่อย่างนั้นจนฉันดิ้นพล่าน“อื้อออ~”ฉันขยับตัวไปมาตามสัมผัสของเฮียโยอย่างเก็บอาการไม่อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาเขาเลื่อนมือไปโดนตรงไหนมันก็ทนไม่ได้ ร่างกายฉันมันไวต่อความรู้สึกไปหมด“ชู่ววว เฮียแค่จูบลูก จับ..ลูก”เฮียโยถอนจูบและพูดออกมาเบาๆ แบบเน้นคำอยู่ข้างหูฉันจนฉันรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง“ปล่อยโร...อื้อออ”ฉันเอ่ยปากพูดออกไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น เฮียก็เลื่อนจมูกโด่งๆ ของเขาลงมาซุกไซร้ตรงซอกคอของฉัน
@ VAYO’ S CONDOแกร๊ก แอ๊ดดด“เมื่อไหร่จะพากลับห้อง”ฉันบ่นๆ ออกไปพอเฮียโยพาฉันวนกลับมาที่คอนโดเขาอีกครั้งหลังออกจากบ้านเขา ใจคอจะไม่ให้ฉันกลับห้องตัวเองเลยมั้ง น่าเบื่อจะแย่ -.-“ห้องไหนอ่ะ? ห้องลิซหรือห้องนิล”ฟุ้บ!พูดจบเฮียโยทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแบบชิลๆ แล้วเลิกคิ้วถามฉันที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขาออกมา...หืม? นี่เขารู้ด้วยหรอว่าฉันย้ายไปอยู่ห้องเจ๊นิลแล้วอ่ะ“งง.. เมียทั้งคนถูกมั้ย เราทำไรเฮียรู้หมดแหละ”เฮียโยพูดออกมาอย่างรู้ทัน พร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยท่าทางกวนประสาทแบบนั้นไม่หยุด ก่อนที่ฉันจะตอบกลับไป“อะไร ใครเมีย คิดไปเอง!”“หึ..ก็ไม่รู้สิฮะ ถามเด็กในท้องมั้ยล่ะ โหลๆ พ่อชื่อไรอ่ะ? พ่อหล่อแบบนี้รึป่ะ? ฮ่ะๆ”เฮียโยพูดไปชี้นิ้วเข้าหาตัวเองไป แล้วเขาก็หลุดขำออกมาอย่างผู้ชนะ แถมยังยักคิ้วท้าทายฉันที่พอได้ฟังแล้วอยากจะคว้าแจกันเขวี้ยงใส่ให้รู้แล้วรู้รอด“รำคาญ! คืนนี้นอนข้างนอกไปเลยไป” พูดจบฉันก็เดินหนี แต่เฮียโยก็ยังส่งเสียงตามหลังมาแบบยียวนมากกก ให้ตาย!“ครับ เชิญตามสบาย ให้เฮียเซ็นยกมรดกให้ลูกเลยมั้ย ปากกาอยู่ไหนน้า~ หาแป๊บ”ชิ.. ประสาท!ครึ่งชั่วโมงต่อมา...ครืดดด!“เข้ามาทำไ
“...ว่าไงนะ?”ครืดดด!พูดจบฉันก็ลุกพรวดจากโต๊ะทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่เฟรย่าพูดแบบนั้น แต่เฮียโยก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันพร้อมกับออกแรงดึงกลับไปนั่งตักเขา แถมยังใช้แขนแกร่งล็อคตัวฉันเอาไว้พรึ่บ!“อย่ามาจับ!” ปากฉันพูดกับเฮียโยแต่ตากลับจ้องไปทางรุ่นพี่เฟรย่าที่กำลังมองมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ“ใจเย็นนะฮะเลดี้ เดี๋ยวเฮีย...”“...อธิบายเอง”รุ่นพี่เลโอพยายามแก้สถานการณ์ แต่รุ่นพี่เฟรย่าก็พูดขัดขึ้นมา ก่อนจะจ้องมาที่ฉันไม่วางตาแล้วพูดต่อ“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”“ก็รีบอธิบายมาดิ!” ฉันตะคอกสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด จนโดนเฮียโยดุออกมาเสียงเข้ม“โรเซ่”“โอ๊ะ เชื่อละว่าโหดจริง” รุ่นพี่เลโอมองมาที่ฉันขำๆ ก่อนที่เขาจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นไปโอบรุ่นพี่เฟรย่าไว้แบบชิลๆ“มีเรื่องนิดหน่อยฮะเลดี้ ไอ้โยมันแค่เข้าไปช่วย”รุ่นพี่เลโอพูดอ้อมๆ ออกมาด้วยท่าทางเป็นมิตร แต่ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ แล้วยังไม่ทันจะถามอะไร รุ่นพี่เฟรย่าก็กวาดสายตามองคนในร้านนิ่งๆ ก่อนจะเหลือบมองรุ่นพี่เลโอแล้วพูดสวนขึ้นมา“โดนข่มขืนน่ะ”ขวับ!“ว่าไงนะ?!”O_O!ยอมรับว่าได้ฟังคำพูดนั้นฉันเองก็ตกใจ แต่ครั้งนี้เสียงที่ดังขึ้นมามันไม่ใช่ของฉันไ