“...ว่าไงนะ?”
ครืดดด! พูดจบฉันก็ลุกพรวดจากโต๊ะทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่เฟรย่าพูดแบบนั้น แต่เฮียโยก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันพร้อมกับออกแรงดึงกลับไปนั่งตักเขา แถมยังใช้แขนแกร่งล็อคตัวฉันเอาไว้ พรึ่บ! “อย่ามาจับ!” ปากฉันพูดกับเฮียโยแต่ตากลับจ้องไปทางรุ่นพี่เฟรย่าที่กำลังมองมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ใจเย็นนะฮะเลดี้ เดี๋ยวเฮีย...” “...อธิบายเอง” รุ่นพี่เลโอพยายามแก้สถานการณ์ แต่รุ่นพี่เฟรย่าก็พูดขัดขึ้นมา ก่อนจะจ้องมาที่ฉันไม่วางตาแล้วพูดต่อ “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” “ก็รีบอธิบายมาดิ!” ฉันตะคอกสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด จนโดนเฮียโยดุออกมาเสียงเข้ม “โรเซ่” “โอ๊ะ เชื่อละว่าโหดจริง” รุ่นพี่เลโอมองมาที่ฉันขำๆ ก่อนที่เขาจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นไปโอบรุ่นพี่เฟรย่าไว้แบบชิลๆ “มีเรื่องนิดหน่อยฮะเลดี้ ไอ้โยมันแค่เข้าไปช่วย” รุ่นพี่เลโอพูดอ้อมๆ ออกมาด้วยท่าทางเป็นมิตร แต่ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ แล้วยังไม่ทันจะถามอะไร รุ่นพี่เฟรย่าก็กวาดสายตามองคนในร้านนิ่งๆ ก่อนจะเหลือบมองรุ่นพี่เลโอแล้วพูดสวนขึ้นมา “โดนข่มขืนน่ะ” ขวับ! “ว่าไงนะ?!” O_O! ยอมรับว่าได้ฟังคำพูดนั้นฉันเองก็ตกใจ แต่ครั้งนี้เสียงที่ดังขึ้นมามันไม่ใช่ของฉันไง แต่มันดันกลายเป็นเสียงรุ่นพี่เลโอที่สีหน้าของเขาตอนนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “จะโดน..รึเปล่า” เฮียโยพูดแก้คำออกมาเสียงเรียบและจ้องไปที่รุ่นพี่อีก แล้วรุ่นพี่ก็ดูอ้ำอึ้งตอบออกมา ก่อนจะหันไปมองหน้ารุ่นพี่เลโอนิ่งๆ “ก็..ตามนั้น แต่ไม่มีไรแล้ว” ปังงงงงง! เฮือก O_O! “ใครทำเมียกู!” แล้วอยู่ๆ รุ่นพี่เลโอก็ทุบโต๊ะตรงหน้าเสียงดังลั่นจนฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะจ้องหน้าเฮียโยด้วยแววตาแข็งกร้าวขึ้นมา ท่าทางของเขาตอนนี้ดูกลายเป็นคนละคนในทันตา และไม่ใช่แค่ฉันหรอกที่ตกใจ ขนาดรุ่นพี่เฟรย่าที่ดูนิ่งๆ ยังแอบสะดุ้งเล็กๆ เลย “เลย์..เรามาเคลียร์เรื่องน้อง” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูก็รู้ว่าตอนนี้รุ่นพี่เฟรย่ากำลังหวั่นใจ แล้วรุ่นพี่เลโอก็หันมาหาฉัน ก่อนที่เขาจะนิ่งไปและหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่..เมียงั้นหรอ? แถมท่าทางโอบกันแบบนั้น ถ้างั้นรุ่นพี่เฟรย่าก็... “ละ..แล้วเสียงนั่น เสียงพวกเฮียมีอะไรกั...” “ไม่มี / ไม่มี” ฉันถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วรุ่นพี่เลโอก็หันขวับกลับมาทันที แววตารุ่นพี่เลโอตอนนี้นี่มันน่ากลัวชะมัด แต่ฉันยังพูดไม่ทันจบทั้งเฮียโยและรุ่นพี่เฟรย่าก็รีบพูดขัดขึ้นมาซะก่อน “แต่โรสได้ยินเสียงเฮียกำลัง...” “นั่นเสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้ ตอนนั้นเรากำลัง..ทำแผล” รุ่นพี่เฟรย่าอธิบายออกมา แต่ตาก็เหลือบมองรุ่นพี่เลโอที่พอได้ยินแบบนั้น ท่าทางของเขาก็เริ่มจะฟึดฟัดขึ้นมาอีก “แล้วทำไมเฮียโยต้องถอดเสื้อ แถมรุ่นพี่ยังหนีเข้าไปหลบในห้องน้ำ” ฉันถามคำถามที่คาใจมากมายออกไป แล้วเฮียโยก็เป็นฝ่ายอธิบายออกมา “เสื้อเจ๊ขาด เฮียเลยถอดให้ เจ๊ไม่ได้เข้าไปหลบแต่เข้าไปเปลี่ยน” “แต่เฮียไม่เห็นจำเป็นต้องปิดบังก็ได้..ถ้าไม่ได้ทำไรผิด” ฉันสวนกลับไปอย่างไม่เข้าใจอีก ก็ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำ แค่พูดมามันจะยากอะไร แล้วเฮียโยก็มองไปที่รุ่นพี่เฟรย่าที่มองมาแบบนิ่งๆไม่พูดอะไร “ที่ปิดบังไม่ใช่เพราะเฮียทำผิด แต่มันเป็นการให้เกียรติ ไม่มีใครยินดีที่จะป่าวประกาศว่าตัวเองโดนข่มขืน ยิ่งเป็นเราในโหมดนั้น..ประเมินสถานการณ์ก็มีแต่พังกับพัง แล้วถ้าเราได้ยินพวกเฮียคุยกันก็ต้องได้ยินมันดิ คำพูดของเจ๊ที่บอกว่า...” “อย่าบอกใคร” รุ่นพี่เฟรย่าพูดแทรกขึ้นมา แล้วเหลือบมองรุ่นพี่เลโอที่กำลังรับฟังคำพูดพวกนั้นจนฉันเริ่มเข้าใจ นี่พวกเขาปิดเรื่องนี้เอาไว้ไม่ให้รุ่นพี่เลโอรู้ด้วย..อย่างงั้นใช่มั้ย “ที่โยไม่ให้เราเข้ามาเพราะรักษาคำพูดที่ให้ไว้ ส่วนที่พี่ไม่ได้ออกไป..เพราะหมดสติ” ปังงง! ครืดดด! “กลับบ้าน” สิ้นสุดคำพูดรุ่นพี่เฟรย่า รุ่นพี่เลโอก็ทุบโต๊ะเสียงดังและลุกพรวดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะคว้าแขนรุ่นพี่เฟรย่ากระชากให้ลุกจากเก้าอี้ด้วยแรงมหาศาลจนตัวปลิว “เลย์” รุ่นพี่เฟรย่าพยายามเรียกชื่อเขาอย่างเตือนสติและหันมาหาพวกฉัน ก่อนที่เฮียโยจะพูดออกไปสั้นๆ “กลับไปเหอะ” พอได้ยินแบบนั้นรุ่นพี่เฟรย่าก็หันมาหาฉันที่กำลังมองเหตุการณ์พวกนั้นเงียบๆ และให้ความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง “วาโยไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าจะมีคนผิด...” “ไอ้เวรนั่นแหละที่ผิด!” พรึ่บบบ! แล้วรุ่นพี่เลโอก็พูดแทรกขึ้นมา ก่อนจะลากรุ่นพี่เฟรย่าออกไปแบบหัวเสียมากจนฉันที่มองตามหลังถึงกับหวั่นใจ หืม.. รุ่นพี่เลโอที่ขี้เล่นจะตาย เอาเข้าจริงก็หัวร้อนจนชวนให้เสียวสันหลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ =[]=! “.....” “เคลียร์มั้ย?” จังหวะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ เฮียโยก็กระชับอ้อมกอดฉันที่นั่งอยู่บนตักเขาแล้วยื่นหน้าเอาคางมาเกยไหล่ฉันใกล้ๆ เดี๋ยวดิ นี่มันร้านอาหารไม่ใช่รึไง แล้วนั่น..พอมองไปก็มีใครต่อใครมองมาเยอะแยะ “ปล่อย” “ไม่ เฮียขอโทษที่บอกไม่ได้ แต่เชื่อว่าเราจะเข้าใจ” เฮียโยพูดออกแล้วกอดฉันเอาไว้ต่อหน้าผู้คนมากมาย มันใช่ป้ะเนี่ยเฮีย -////- “แล้ว..ที่บินไปเฝ้าเจ๊นิลล่ะ จะแก้ตัวว่าไง” ฉันเอ่ยปากถามออกไป เพราะนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่คาใจ แต่เฮียก็ทำหน้างง “บินไปเฝ้านิล?” “อืม ไม่ต้องทำเป็นเฉไฉ ที่ไปสารภาพรักก็ด้วย ไหนบอกว่าบริสุทธิ์ใจ” ฉันแกล้งถามออกไป ถึงแม้เจ๊นิลจะเคยแก้ต่างให้ว่ามันไม่น่าจะใช่ แต่ก็อยากได้ยินจากปากเฮียไง “เดี๋ยว สารภาพรักนั่นหลายปีละข้ามไป นิลมันไม่ได้บอกรึไงว่าหลงผิด แต่ไอ้เรื่องบินไปเฝ้านี่ไปเอามาจากไหน?” “ก็.......” หลังจากที่ฉันตอบไปว่าไปรู้มายังไง เฮียโยก็พาฉันขับรถมาที่บ้านของเขา ถามว่ารู้ได้ไง..ก็ป้ายชื่อหน้าบ้านเด่นหราจะตาย แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาพาฉันมาที่นี่ทำไม “ก็เคลียร์ให้ครบทุกเรื่องไง” เฮียโยพูดออกมาเหมือนรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร แล้วถัดออกไปป้าแม่บ้านที่ชะโงกหน้าออกมาจากประตูบ้านหลังใหญ่ก็เอ่ยทักพวกเราที่กำลังจะเข้าไปพอดี “อ้าว คุณหนูของป้า คุณโรสก็มาด้วยหรอคะ ตายแล้ว วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ เดี๋ยวป้าเตรียมให้” “ครับ แม่ล่ะครับ” เฮียโยส่งยิ้มออกไปอย่างเป็นมิตร แล้วป้าแม่บ้านก็ชี้ตรงไปในสวนที่มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังยืนจัดแจงให้คนสวนตัดกิ่งไม้อยู่ ก่อนที่เขาจะโอบเอวฉันพาเดินเข้าไป แล้วแม่ของเฮียโยก็หันมาทางเราพอดี “เอ๊ะ o_O? ลมอะไรหอบมาครับพี่โย แม่ตื่นเต้นนะเนี่ยจะบอกให้” พี่โยหรอ? นี่เฮียโยมีน้องด้วยงั้นหรอ? แล้วเฮียโยก็ใช้แขนอีกข้างไปโอบเอวแม่ของเขา ก่อนจะหันมาทางฉันแล้วพูดไปยิ้มไป “ลูกสะใภ้ฮะ” “หืม?” ไม่ใช่แค่แม่เฮียโยหรอกที่แปลกใจ ฉันเองก็แปลกใจ แล้วก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาง่ายๆ พอได้ยินเขาพูดแบบน้ัน “สะ..สวัสดีค่ะ -/////-” ฉันยกมือไหว้แม่เฮียโยและเอ่ยปากทักไปแบบติดๆ ขัดๆ แล้วเฮียโยก็เป็นคนแนะนำฉันให้ท่านรู้จัก “โรส..โรเซ่ครับ” “น้ำค่ะ คุณผู้หญิง” จังหวะที่แม่เฮียโยมองมา ป้าแม่บ้านก็ให้เด็กยกน้ำมาให้เรา ก่อนที่แม่ของเฮียโยจะมองฉันสลับกับป้าแม่บ้านอยู่หลายครั้งแล้วพยักหน้าออกมาช้าๆ “อ๋อ แม่ก็พอได้ยินมาบ้าง” “อื้ม ^^ ส่วนนี่...หลานฮะ” แล้วเฮียโยก็ทำให้ฉันตกใจอีกครั้ง เพราะเขาเล่นปล่อยมือจากเอวแม่เขามาชี้ที่ท้องฉันแบบไม่ยอมเตี๊ยมกัน จนแก้วน้ำในมือแม่เฮียร่วงลงพื้นเหมือนท่านมือไม้อ่อนไปในทันที พรึ่บบบ! “…หลาน?” แม่เฮียโยหันมาจ้องหน้าพวกฉันสลับกัน แล้วเฮียโยก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ พยักหน้าตอบกลับท่านไปโดยไม่สนใจท่าทางพวกนั้นของท่านเลย “อื้ม ลูกโยไง อยู่ในนี้” “นะ...นี่พี่โย พูดจริงหรอครับ?” แม่เฮียโยทำหน้านิ่งๆ และทวนคำถามซ้ำอีกครั้ง แล้วเฮียก็พยักหน้าแบบไม่สนใจอะไรอยู่อย่างนั้น ท่านเลยหันมาทางฉันและทำหน้าเหมือนกำลังกดดันให้ฉันตอบมันซะเอง “เอ่อ..ค่ะ (- -) (_ _)” ฉันตอบกลับไปแบบไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าได้ฟังแล้วท่านจะคิดยังไง เพราะเราก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แถมยังเรียนไม่จบกันเลยด้วยซ้ำ “คุณพระ..รอแม่แป๊บนะ” “เอ่อ คุณแม่คะ คือ...” พูดจบแม่เฮียโยก็เดินหนีพวกเราไปทันที จนฉันที่เห็นท่าทางนั้นก็รีบก้าวขาจะตามท่านไปแต่เฮียโยมาคว้าแขนไว้ หมับ! “ไม่เป็นไรหรอกน่า พร้อมนะ...” “ฮะ?” ฉันหันไปทำหน้างง แต่เฮียโยก็ยกแก้วน้ำในถาดที่เด็กยกมาเสิร์ฟขึ้นดื่มแบบชิลๆ แล้วสักพัก... ‘กรี๊ดดดด คุณคะ เรากำลังจะมีหลานนน~ คุณอยู่ไหนคะคุณ คุณคะะะ’ เสียงแม่เฮียโยที่เพิ่งเดินพ้นไปดังแว่วขึ้นมาจนเฮียโยที่กินน้ำอยู่ถึงกับสำลัก แล้วเขาก็หลุดขำออกมาท่ามกลางท่าทางที่ดูงงๆ ของฉัน “แค่กๆๆ ฮ่ะๆๆ ^_^” พลั่กกก! “โอ๊ย” “เฮียเล่นบ้าไร?!” ฉันใช้ศอกกระทุ้งไปที่หน้าท้องของเฮียโยเต็มแรง บ้าเอ๊ย! เขาทำอะไรแบบไม่บอกกันล่วงหน้าอย่างงี้ได้ไง เล่นเอาใจหายใจคว่ำหมด “ทำไมอ่ะ ก็ทำผู้หญิงท้องต้องบอกพ่อแม่” เฮียโยตอบกลับมาแบบกวนๆ แล้วเขาก็เลื่อนแขนมากอดคอฉันต่อหน้าป้าแม่บ้านที่เดินขำๆ ออกไป “ตลกมากรึไง” ฉันบ่นอุบอิบแต่เขาก็เอาแต่ยืนยิ้มไม่สนใจ “ไม่...ป้าครับ!” แล้วเฮียโยก็เอ่ยปากเรียกป้าแม่บ้านเอาไว้ ก่อนจะพาฉันเดินเข้าไปหาท่านที่ชะงักฝีเท้ายืนรอเราอยู่ตรงนั้น “ว่าไงคะคุณโย” “ป้าเป็นคนเล่าเรื่องนิลให้โรสฟังใช่มั้ยครับ?” พอก้าวขาไปเผชิญหน้ากับป้าแม่บ้าน เฮียโยก็พูดออกไปแบบตรงมากอีกครั้ง จนฉันหันไปหาเขาแต่จะส่งซิกส์ไปก็คงไม่ทันแล้วไง -.- “เอ่อ..ใช่ค่ะ” “ทำไมถึงคิดว่าปีที่แล้วโยบินไปเฝ้านิลล่ะครับ?” เฮียโยยังคงถามออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบนั้น นี่เขาจะทำอะไรป้ามั้ยเนี่ยฮะ ถ้าจะพูดแรงๆ หรือดุป้าอะไรทำนองนั้น ฉันไม่อยากรู้แล้วก็ได้นะ “เฮีย...” ฉันคว้าแขนเฮียโย แล้วเขาก็หันมามองนิ่งๆ ก่อนจะหันกลับไป “ก็คุณโยบอกว่าจะบินไปหาเจ้าของสร้อยนี่คะ ป้าก็เลยรู้เลยว่าต้องเป็นคุณหนูนิลลาแน่ๆ เพราะสร้อยเส้นนั้นถูกออกแบบมาให้...” “ทั้งไอ้พายและนิลลา” ป้ายังพูดไม่ทันจบ เฮียโยก็พูดขัดออกไป แล้วป้าแกก็ทำหน้าเหมือนคิดได้ “เอ่อ ก็จริง” หลังจากนั้นทิ้งระยะไม่ถึงสามวิเลยมั้ง เฮียโยก็พูดต่อ.. “แบบนี้โยก็ต้องบินไปเฝ้าไอ้พายด้วยสิครับ” เฮียโยเลิกคิ้วถามออกไปแบบไม่มีทีท่าจะยิ้มแย้มหรืออะไร แต่พอป้าแม่บ้านได้ยินแบบนั้นก็รีบพูดขัดขึ้นมาเหมือนกัน “ไม่ใช่สิคะ จะเฝ้าได้ยังไงล่ะ ก็คุณหนูพายุเธอกลับมาพร้อมคุณโยนี่นา” “นั่นสินะครับ เพราะงั้นมาทำความเข้าใจกันใหม่ดีกว่า” หมับ! พูดจบเฮียโยก็คว้าแขนฉันขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่สร้อยข้อมือของฉันที่ยังใส่มันไว้ไม่เคยถอด “เจ้าของสร้อยที่ว่า..โยหมายถึงเจ้าของสร้อยเส้นนี้ต่างหากฮะ ไม่ใช่นิลลาสักหน่อย :) ”หลายวันต่อมา...“อ้าววว ซาหวัดดีฮับคุณแม่ ฮ่ะๆ ~”เฮียบีทเดินควงไม้กลองเข้ามาในห้องซ้อมดนตรีที่มีฉันกับเฮียโยนั่งอยู่ แล้วเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งด้วยท่าทางสบายๆฟุ้บ!“ไรเฮียอย่ามาแซว อยากตายด้วยไม้กลองรึไง -////-”พรึ่บบบ!ฉันเอื้อมมือไปคว้าไม้กลองจากมือเขาแล้วทำท่าจะฟาดเข้าให้ นี่ยังน้อยนะ ตอนฉันโทรไปบอกเฮียขำหนักกว่านี้หลายเท่าเลยเหอะ“เป็นไง เห็นไอ้นั่นแล้วเขินเลยป้ะ น่าอิจฉาจังเว้ย >////”พูดจบเฮียบีทก็แกล้งเอามือปิดหน้าปิดตาทำท่าทางกวนๆ ออกมาแถมยังทำตาปริบๆ มองไปหาเฮียโยที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ว่าแต่..ไอ้นั่นที่ว่านี่อะไร? เห็นแล้วทำไมต้องเขินด้วย?ครืดดด!“เชี่ยยย คณะคหกรรมค้นพบดาวดวงใหม่ งานดีสัส! เด็กในชมรมบอกมา”ยังไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรเฮียบีท อยู่ๆ เฮียเลย์ก็พรวดพราดเปิดประตูห้องซ้อมดนตรีเข้ามา แถมยังคว้ามือถือตัวเองมาวางบนโต๊ะลงตรงหน้าพวกฉัน ในหน้าจอนั้นมีรูปผู้หญิงคนหนึ่งที่ขนาดแค่มองผ่านๆ ก็ยังถือว่าละสายตาได้ยากเหมือนกัน แล้วเฮียโยก็เอ่ยปากพูดอะไรงึมงำที่ฟังแล้วฉันถึงกับหันไปทำตาขวางใส่เขาทันที“จุ๊ๆๆ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะฆ่าเมียเหลือเกิน”“เฮ้ย!”“อุ่ย..
วันต่อมา...@ DARK SHADOW CASTLE“ทำไมทำหน้างั้น?”เฮียโยหันมาถามฉันที่นั่งนิ่งๆ อย่างใช้ความคิด เพราะวันนี้เป็นวันพิพากษาเฮียคิระที่สร้างเรื่องไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน อีกอย่าง..ฉันเพิ่งจะถามที่มาที่ไปของการทำสงครามขนาดย่อมครั้งนี้จากปากเฮียโยตอนมาที่นี่ ก็ได้ความว่าเฮียคิระกับเฮียเตไม่ค่อยจะถูกกันมาตั้งนานแล้วแค่เพิ่งจะมาฉะกันจริงจังก็คราวนี้“เฮียว่าเฮียคิระ...”“เฮียอีกละ -.- ทำไมต้องไปนับญาติกับมัน”ฉันยังไม่ทันพูดอะไร เฮียโยก็ออกอาการไม่พอใจขึ้นมาซะก่อน ที่จริงก่อนหน้านี้เฮียโยก็ออกอาการหงุดหงิดมากที่ฉันเอาแต่ถามถึงเฮียคิระไม่หยุด“อะไร เฮียต้องขอบคุณเค้ารึเปล่า เฮียคิระเป็นคนพาโรสไปหาหมอถึงรู้ว่าท้อง” ฉันพูดออกไปแล้วเฮียโยก็หันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจ“มันรู้ก่อนใคร?”“ใช่ รู้พร้อมโรส แล้วรู้ก่อนพ่อของลูกเลยไง ชัดมั้ย?!”ฉันส่งเสียงประชดประชันและทำหน้าตากวนประสาทแบบที่เขาชอบทำออกไป แล้วเฮียก็ขยับเข้ามาใกล้พรึ่บ! หวืดดด“ถอยไปไกลๆ ไม่ต้องมาง้อ”เฮียโยเอื้อมแขนมาทำท่าจะโอบ แต่ฉันขยับตัวหนีแล้วยักคิ้วท้าทายแต่เขาก็ยิ่งทำหน้าตาได้ใจ“ป่าวง้อสักหน่อย แค่จะบอกว่าอย่างอแง เดี๋ยวจะโดนชุดใหญ
“อื้อ~”ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเฮียโยที่รัดแน่นแต่กลับอบอุ่นมากจนหลุดยิ้มบางๆ ออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แขนข้างหนึ่งของเขายื่นมาให้ฉันหนุนแล้วยังใช้มันกอดร่างฉันเอาไว้ ส่วนอีกข้างวางพาดผ่านหน้าท้องของฉันเหมือนกำลังกอดลูกของเรายังไงอย่างงั้นใช่..ลูกของเรา :)ตลอดค่ำคืนที่ยาวนานเฮียโยเอาแต่พูดคำนั้นจนฉันเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสที่เขาเติมเต็มมาให้อย่างอ่อนโยนและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นอีกมุมหนึ่งที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีตั้งแต่รู้จักกันมาถัดออกไปอีกหน่อยมีสมุดบันทึกที่เขาจะให้ฉันตั้งแต่เมื่อคืนวางอยู่ ฉันเลยเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู แล้วก็โดนดึงความสนใจเอาไว้ด้วยข้อความสีชมพูมากมาย ตัดสีกับข้อความสีน้ำเงินที่ฉันเคยเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนJan 11,2017You have no idea how hard it is to pretend all the time.(คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากขนาดไหนที่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตลอดเวลา)♥ Don’t underestimate me, I notice more than you realize.(อย่าประเมินผมต่ำไป ผมสังเกตเห็นมันมากกว่าที่คุณเข้าใจ)Feb 28, 2017I need love from you but I know that it’ s hard.(ฉันต้องการความรักจากคุณ แต่ฉันรู้ว่ามันยาก)♥
“เมื่อกี๊ของแม่นะ ส่วนอันนี้อ่ะ..ของลูก”แคว่กกกกกก!O_O!พูดจบเฮียโยก็กระชากชุดนอนฉันจนขาดหลุดติดมือเขาไป โชคดีที่ฉันยังมีชั้นในปกคลุมร่างกายบางส่วนเอาไว้ แต่อากาศที่เย็นจัดภายในห้องก็ทำให้ฉันแอบสะท้านจนขนลุก“ไม่ขอนะ...”เฮียโน้มตัวมากระซิบข้างหูฉันด้วยแววตายียวนและตั้งใจกวนประสาท ฉันเลยยกมือขึ้นดันตัวเขาออกแล้วกำลังจะเอ่ยปาก แต่เฮียก็ชิงพูดขัดขึ้นมาซะก่อน“จุ๊ๆ พ่อลูกจะคุยกันฮะ แม่รอฟังเฉยๆ ครับห้ามดื้อ”“...อื้อออ”พูดจบเฮียก็กดจูบลงมาแบบหนักหน่วงกว่าเดิมหลายเท่า และเร่งจังหวะกระตุ้นให้ฉันเคลิบเคลิ้มตามเขา แถมยังเลื่อนมือมาสัมผัสเรือนร่างของฉันอย่างแผ่วเบา ลูบไล้มันไปมาอยู่อย่างนั้นจนฉันดิ้นพล่าน“อื้อออ~”ฉันขยับตัวไปมาตามสัมผัสของเฮียโยอย่างเก็บอาการไม่อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาเขาเลื่อนมือไปโดนตรงไหนมันก็ทนไม่ได้ ร่างกายฉันมันไวต่อความรู้สึกไปหมด“ชู่ววว เฮียแค่จูบลูก จับ..ลูก”เฮียโยถอนจูบและพูดออกมาเบาๆ แบบเน้นคำอยู่ข้างหูฉันจนฉันรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง“ปล่อยโร...อื้อออ”ฉันเอ่ยปากพูดออกไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น เฮียก็เลื่อนจมูกโด่งๆ ของเขาลงมาซุกไซร้ตรงซอกคอของฉัน
@ VAYO’ S CONDOแกร๊ก แอ๊ดดด“เมื่อไหร่จะพากลับห้อง”ฉันบ่นๆ ออกไปพอเฮียโยพาฉันวนกลับมาที่คอนโดเขาอีกครั้งหลังออกจากบ้านเขา ใจคอจะไม่ให้ฉันกลับห้องตัวเองเลยมั้ง น่าเบื่อจะแย่ -.-“ห้องไหนอ่ะ? ห้องลิซหรือห้องนิล”ฟุ้บ!พูดจบเฮียโยทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแบบชิลๆ แล้วเลิกคิ้วถามฉันที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขาออกมา...หืม? นี่เขารู้ด้วยหรอว่าฉันย้ายไปอยู่ห้องเจ๊นิลแล้วอ่ะ“งง.. เมียทั้งคนถูกมั้ย เราทำไรเฮียรู้หมดแหละ”เฮียโยพูดออกมาอย่างรู้ทัน พร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยท่าทางกวนประสาทแบบนั้นไม่หยุด ก่อนที่ฉันจะตอบกลับไป“อะไร ใครเมีย คิดไปเอง!”“หึ..ก็ไม่รู้สิฮะ ถามเด็กในท้องมั้ยล่ะ โหลๆ พ่อชื่อไรอ่ะ? พ่อหล่อแบบนี้รึป่ะ? ฮ่ะๆ”เฮียโยพูดไปชี้นิ้วเข้าหาตัวเองไป แล้วเขาก็หลุดขำออกมาอย่างผู้ชนะ แถมยังยักคิ้วท้าทายฉันที่พอได้ฟังแล้วอยากจะคว้าแจกันเขวี้ยงใส่ให้รู้แล้วรู้รอด“รำคาญ! คืนนี้นอนข้างนอกไปเลยไป” พูดจบฉันก็เดินหนี แต่เฮียโยก็ยังส่งเสียงตามหลังมาแบบยียวนมากกก ให้ตาย!“ครับ เชิญตามสบาย ให้เฮียเซ็นยกมรดกให้ลูกเลยมั้ย ปากกาอยู่ไหนน้า~ หาแป๊บ”ชิ.. ประสาท!ครึ่งชั่วโมงต่อมา...ครืดดด!“เข้ามาทำไ
“...ว่าไงนะ?”ครืดดด!พูดจบฉันก็ลุกพรวดจากโต๊ะทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่เฟรย่าพูดแบบนั้น แต่เฮียโยก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันพร้อมกับออกแรงดึงกลับไปนั่งตักเขา แถมยังใช้แขนแกร่งล็อคตัวฉันเอาไว้พรึ่บ!“อย่ามาจับ!” ปากฉันพูดกับเฮียโยแต่ตากลับจ้องไปทางรุ่นพี่เฟรย่าที่กำลังมองมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ“ใจเย็นนะฮะเลดี้ เดี๋ยวเฮีย...”“...อธิบายเอง”รุ่นพี่เลโอพยายามแก้สถานการณ์ แต่รุ่นพี่เฟรย่าก็พูดขัดขึ้นมา ก่อนจะจ้องมาที่ฉันไม่วางตาแล้วพูดต่อ“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”“ก็รีบอธิบายมาดิ!” ฉันตะคอกสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด จนโดนเฮียโยดุออกมาเสียงเข้ม“โรเซ่”“โอ๊ะ เชื่อละว่าโหดจริง” รุ่นพี่เลโอมองมาที่ฉันขำๆ ก่อนที่เขาจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นไปโอบรุ่นพี่เฟรย่าไว้แบบชิลๆ“มีเรื่องนิดหน่อยฮะเลดี้ ไอ้โยมันแค่เข้าไปช่วย”รุ่นพี่เลโอพูดอ้อมๆ ออกมาด้วยท่าทางเป็นมิตร แต่ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ แล้วยังไม่ทันจะถามอะไร รุ่นพี่เฟรย่าก็กวาดสายตามองคนในร้านนิ่งๆ ก่อนจะเหลือบมองรุ่นพี่เลโอแล้วพูดสวนขึ้นมา“โดนข่มขืนน่ะ”ขวับ!“ว่าไงนะ?!”O_O!ยอมรับว่าได้ฟังคำพูดนั้นฉันเองก็ตกใจ แต่ครั้งนี้เสียงที่ดังขึ้นมามันไม่ใช่ของฉันไ