ภายในรถคันสีขาวเงาสะอาดตา วิเวียนขับเคลื่อนมาได้ครึ่งทางก่อนจะตัดสินใจเปล่งเสียงถามคนเบาะข้างๆ เสียงหวาน เมื่อลืมไปสนิทว่าต้องถามทาง เพื่อจะได้ไปส่งเขาถึงบ้านได้ถูก
"บ้านคุณอยู่ทางไหนคะ วิลืมถามไปเลยค่ะ" ทว่าดูเหมือนเธอจะไม่ได้คำตอบตามที่ถาม เมื่ออีกคนเต็มไปด้วยแผนการที่นั่งใช้สมองคิดมาตลอดระยะทาง “เอ่อ.. คุณวิครับ คือว่าผมทะเลาะกับพ่อมาน่ะครับ ที่ผมมาหาแม่ก็เพราะอยากจะระบายให้ใครสักคนได้รับฟัง ความจริงผมไม่อยากกลับบ้านเลยครับ… จะเป็นการเสียมารยาทมั้ยครับ ถ้าผมจะขอไปพักบ้านคุณวิสักคืน…” คนเจ้าแผนการอธิบายเสียงอ่อน เสแสร้งทำหน้าทำตาโศกเศร้า หนําซํ้ายังเอาชื่อพ่อมาอ้าง แหม มันช่างเป็นลูกที่ดีอะไรขนาดนี้ พ่อได้ยินนี่ภูมิใจตายเลยดิ บ้านช่องคฤหาสน์ตั้งใหญ่โตสร้างไว้ให้เพื่อความสบายของลูก แต่ดูมันทำตัว ยิ่งสะกว่าคนเร่ร่อน ความตอแหลนี้ไม่รู้ได้มาจากใคร วิเวียนเองเงียบไปพักหนึ่งในขณะที่ใช้ความคิด ใจหนึ่งก็สงสาร ส่วนอีกใจก็เป็นกังวล “เอ่อ… มันจะดีหรอคะ” วิเวียนกล่าวถามกลับเสียงอ่อนพร้อมความเกรงใจ หลังครุ่นคิดมาสักพัก ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เขามาพัก แต่มันจะดูไม่ดีรึเปล่าหากพาผู้ชายที่รู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์เข้าบ้าน “ถ้าคุณวิไม่สะดวกหรือว่ารังเกียจผมยังไง… ผมไม่ไปก็ได้ครับ คุณวิไม่ต้องฝืนตัวเองหรอกนะครับ ผมเข้าใจ” คำตอบเป็นหมาหงอยนั่นทำเอาหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เขารู้ซึ่งถึงจุดอ่อนเธอดี วิเวียนเป็นผู้หญิงชอบเห็นอกเห็นใจคนอื่น ใจอ่อนยิ่งกว่ากริบดอกไม้ เพียงจี้ให้ถูกจุดก็ทำให้เธอเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อคนตัวเล็กรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ วิเปล่ารังเกียจคุณเลยนะคะ คุณไปค้างบ้านวิก็ได้ค่ะ” วิเวียนรีบตอบด้วยนํ้าเสียงร้อนรน นิสัยขี้เกรงใจของเธอไม่เคยจะลดลงได้ บางทีก็ใจกว้างจนเกินเหตุ ก็จะไม่ให้ใจอ่อนได้ไงกันล่ะ เมื่อฝีมือการแสดงของชายเบื้องข้างนั้นช่างเริ่ดสแมนแตนมากจนน่าทึ่ง หากไม่รู้คงคิดว่ามีแม่เป็นนางเอกฮอลลีวูด “จริงหรอครับ คุณวิอนุญาตให้ผมไปค้างด้วยจริงๆ นะครับ” พอได้รับคำอนุญาติเท่านั้นแหละ ดีใจเล่นใหญ่อลังการจนแทบจะรับรางวัลออสการ์ “ค่ะ แต่บ้านวิไม่ได้ใหญ่อะไรมากนะคะ หวังว่าคุณจะอยู่ได้” วิเวียนพยักหน้าเบาๆ ตอบกลับอีกคนเสียงแผ่ว ในขณะที่สายตาจ้องมองทางข้างหน้าอย่างจดจ่อ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าแววตาอีกคนแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์แค่ไหน หาไม่รู้ว่ากำลังตกอยู่ในกับดักร้ายที่เขาวางไว้แต่แรก “ได้อยู่แล้วครับ ผมเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายครับ “ แม้คำพูดที่หลุดออกปากไปจะตรงกันข้ามกับความเป็นจริงก็เถอะ ตอนนี้ขอแค่ได้เอาใจสาวก่อน อย่างอื่นไว้ทีหลัง ขอแค่มีเธออยู่ข้างๆ จะรังหนูหรือรังนกก็มุดเข้าไปอยู่ได้ทั้งนั้น แต่ประโยคนี้กลับพูดออกไปไม่ได้ เมื่อไม่มีสิทธิ์! ไม่นานสี่ล้อก็ขับเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบท่าหน้าบ้านหลังขนาดพอดี ประตูรถสองข้างถูกเปิดออกพร้อมกันก่อนสองคนจะก้าวลงรถ เซบาสเตียนกวาดสายตามองรอบๆ ที่บรรยากาศมันน่าอยู่จนเขาแปลกใจ บ้านหลังไม่ใหญ่มากแต่กลับรู้สึกได้ถึงความสบายใจ รอบๆถูกตกแต่งไปด้วยกลิ่นอายความหอมจากต้นไม้ธรรมชาติ ที่สำคัญคือทั้งรอบข้างหรือแม้กระทั่งทางเข้าบ้านเต็มไปด้วยต้นดอกกุหลาบสีขาวสะอาดตา เขารับรู้ได้ทันทีว่าเป็นดอกไม้โปรดของหญิงสาวอย่างแน่นอน รอยยิ้มอ่อนๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าคม ก่อนจะมีเสียงเอ่ยเรียกเชิญชวนจากวิเวียนดังก้อนเข้ามา นำพาเขาหลุดออกจากภวังค์ความคิด “เข้าบ้านกันก่อนมั้ยคะ” เซบาสเตียนหันมองเจ้าของเสียงเรียกพร้อมพยักหน้าเบาๆ ให้กับเธอด้วยรอยยิ้มสุภาพ พอเข้ามาถึงตัวบ้าน ก็พบว่าทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเข้าที่เข้าทางสะอาดเป็นระเบียบสบายตาไปสะหมด แทบอยากจะขนของย้ายเข้ามาอยู่ด้วยเลยทีเดียว เธอรู้อยู่แล้วว่าวิเวียนเป็นคนมีระเบียบ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเธอจะจัดการทุกอย่างให้ดูละเอียดยิบได้ขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไร้ฝุ่นแตะ กับห้องคลัวที่เหมือนไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน ห้องนั่งเล่นที่แม้แต่หมอนเก้าอี้ยังเรียงกันเป็นระเบียบ นี่มันแม่ของลูกชัดๆ “คุณวิอยู่คนเดียวหรอครับ” เซบาสเตียนตัดสินใจถามออกไป แม้จะรู้มาบ้างถึงเรื่องบางส่วนของเธอจากเมื่อตอนเที่ยง กับสะภาพบ้านที่เงียบกริบและไร้ร่องรอยว่าจะมีคนอื่นอยู่ด้วย “ใช่ค่ะ หลังจากพ่อกับแม่วิจากไป วิอยู่กับป้าค่ะ แต่ป้าก็ต้องมาจากไปอีกทีตอนวิอายุ 17 หลังจากนั้นวิก็ตัวคนเดียวมาตลอด" "ผมนี่แย่จังเลยนะครับ… ถามแต่เรื่องที่ต้องให้คุณนึกถึงอดีตที่เลวร้าย " เซบาสเตียนรีบตำหนิตัวเอง แม้วิเวียนจะไม่ได้เล่าลึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เธอต้องเจอมา แต่เขารับรู้ได้ทันทีว่าการที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องเติบโตมาคนเดียวมันยากลำบากมากแค่ไหน ยิ่งได้ฟังเรื่องราวแบบนี้จากคนตัวเล็กยิ่งทำให้เขาอยากดึงเธอเข้ามาอยู่ไว้ในอ้อมกอด “ไม่หรอกค่ะ มันก็แค่ช่วงหนึ่งของชีวิต สุดท้ายวิก็เติบโตมาอย่างดีได้จนถึงทุกวันนี้” วิเวียนยังคงตอบด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวก เธอไม่เคยโทษฟ้าโทษดินหรือแม้กระทั่งโชคชะตา ยังไงมันแค่เป็นเพียงช่วงชีวิตช่วงหนึ่ง แม้มันจะยาวหน่อยสำหรับเธอ แต่สุดท้ายก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี ทำเอาคนฟังนึกย้อนกลับไปมองตัวเอง ที่มีเพียบพร้อมทุกอย่างเกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่วันๆหาทำแต่สิ่งไร้ประโชน์ ทว่าแม้จะเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนตัวเองหรอกนะ เมื่อหาประโยชน์ไม่ได้จากตัวเอง ก็จับผู้หญิงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์มากมายอย่างวิเวียนมาเป็นคู่ชีวิตสะเลย“ชอบมั้ยครับทูลหัว” วิเวียนที่กำลังยืนชมความสวยของภาพวิวตรงหน้ารีบหันมาพยักหน้าหงึกๆให้กับคนถามด้วยความตื่นเต้น ไม่นานเรือที่ล่องอยู่ทะเลมาถึงสองวันก็ได้จอดเทียบท่าเกาะหนึ่งซึ่งสวยจับตาคนตัวเล็กจนทำเธอยิ้มปริ่ม สองคนพากันเดินเข้าไปในบ้านสไตล์ต้นมะพร้าวที่ถูกตกแต่งโดยไม้ธรรมชาติผสมผสานกับสิ่งของทันสมัย รอบๆมีต้นมะพร้าวล้อมรอบนำพาบรรยากาศดีขึ้นทวีคุณ ทว่าพอก้าวเท้าเข้ามาในบ้านเท่านั้นแหละ วิเวียนถึงกับหันมองหน้าสามีแววตาสงสัย “ทำไมบ้านรกแบบนี้ล่ะคะ” มองไปทางไหนก็มีแต่ฝุ่นกับเศษใบไม้เต็มไปหมด ดั่งกับว่าไม่มีคนมาเยือนในที่แห่งนี้เป็นชาติแล้ว “ก็ผมพึ่งซื้อมาสดๆร้อนๆเลย เป็นเกาะส่วนตัวของเพื่อนผมน่ะ ไม่มีใครมาดูแลนานแล้ว แล้วก็จะไม่มีใครมาด้วย เพราะมันคือโลกของเราสองคน” วิเวียนพยักหน้าเข้าใจ กวาดสายตามองหาอุปกรณ์ทำความสะอาดรอบๆก่อนจะเดินไปหยิบไม้กวาดขึ้นมายังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกเซบาสเตียนห้ามไว้สะก่อน “ที่รักกก ทำอะไรอ่ะ” “ก็ทำความสะอาดบ้านไงคะ” ก็เขาเป็นคนบอกเองว่าในที่นี้ไม่มีคนแล้วก็จะไม่มีใครมาเยือนด้วย เพราะมันเป็นโลกของเราสองคน เพราะงั้นจึงแปลว่าสองคนต้องช่วยกันท
ฟอดดดด! “อื้อออ” เปลือกตาคู่สวยลืมขึ้นมองก็ต้องขมวดคิ้วกับสามีที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงเธอแต่เช้า จนทำเธอตื่นไปด้วย แก้มนวลแดงชํ้าหมดแล้วมั้งถ้าจะฟัดขนาดนั้น “อรุณสวัสดิ์ครับทูลหัว” ไม่พูดเปล่า โน้มลงมาจุ๊บปากนุ่มแล้วแสดงยิ้มปริ่มให้เธอด้วย จนคนที่เพิ่งตื่นนอนต้องกระพริบมองเขาปริ๊บๆ พอได้สติแล้วนึกถึงเรื่องน่าอายเมื่อคืน สองพวงแก้มก็แดงระรื่นขึ้นมาด้วยความเขินอาย นี่เธอทำเรื่องน่าอายอะไรลงไปบ้างเนี่ย น่าอายชะมัด! ”ค..คุณไม่ไปทำงานหรอคะ“ วิเวียนรีบกลบเกลื่อนความน่าอายโดยหาเรื่องถามเขาไปเรื่อย ”ไม่ไปครับ ติดเมีย” เซบาสเตียนยิ้มซุกซน พูดแล้วก็ยิ่งกอดรัดเอวบางเข้าชิดหน้าท้องตัวเองไต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ซุกหน้าคลอเคลียกับซอกคอขาวเป็นหมาน้อย “ค..คุณไม่ไปงั้นวิไปนะคะ” วิเวียนทำท่าจะผลักเขาออกแต่ก็โดนมือหนาจับไว้ก่อน “ที่รักจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เราจะไปฮันนีมูนกัน” “ฮันนีมูน? ไปวันนี้เลยหรอคะ” “ก็ผมอยากอยู่กับคุณสองต่อสองนี่นา” ”แต่ตอนนี้เราก็อยู่กันสองคนนี่คะ“ “สองต่อสองที่แปลว่าทั้งโลกมีแค่เราน่ะครับ“ “จะบ้ารึยังไงกันคะ“ วิเวียนขำลอดออกมาเบาๆกับความทะเล้นของ
“อุ้ย… เลอะหมดเลยทูลหัว :)” มือเล็กเตรียมจะเช็ดไวน์ที่หกออกแต่ก็โดนคนโตกว่ารีบจับไว้ทัน เขาชันเข่าขึ้นบนเตียงหนึ่งข้างพร้อมชูคางมนขึ้นแล้วโน้มหน้าเลียปากนุ่มจากส่วนที่เลอะลงมาจากทุกสัดส่วนด้านบนจนถึงสองเต้าตูม “ฮึกกกก….” ลมหายใจของคนที่โดนเล้าโลมเริ่มติดขัดไม่เป็นจังหวะ นิ้วเท้าเบียดเสียดกันด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสถึงขั้นนี้มาก่อน ช่วงท้องรู้สึกวูบวาบขึ้นมาดั่งว่ามีผีเสื้อนับพันโบยบินแข่งกัน เกาะอกชิ้นบางถูกเขาปลดออกอย่างง่ายดายตามมาด้วยชิ้นส่วนที่เป็นสิ่งขวางกั้นช่วงล่างโดยเธอไม่อาจห้ามได้ เมื่อร่างกายมันอ่อนระทวยตอบสนองเขาทุกสัมผัส จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ ร่างบางค่อยๆเอนลงนอนราบบนเตียงตามแรงดันจากจูบที่เขามอบให้เธอทั่วทั้งตัว ตอนนี้เธออยู่ภายไต้การควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง อ้าปากงับดูดดูลยอดทับทิมสีนํ้าตาลอ่อนอมชมพูระรื่นอย่างเมาส์มัน ในขณะที่ส่วนล่างก็ถูกเขาควบคุมด้วยนิ้วมือเรียว แม้จะแค่วนเล่นตามกริบกุหลาบแต่กลับสร้างความเสียวสวาทให้กับคนไต้ร่างจนต้องสูดปากครางเสียงหวานอย่างห้ามไม่อยู่ “ซี๊ดดดด อื้มมมมม” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤกษ์แอลกอฮอล์เมื่อครู่หรือความร
ภายในเวลาสั้นๆ ในที่สุดงานวิวาห์ก็ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ประหนึ่งว่าเจ้าของงานต้องการประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้ ภายในงานถูกตกแต่งเต็มไปด้วยดอกไม้ธรรมชาติโทนสีชมพูบาร์บี้ตามที่เจ้าสาวปลื้ม นักข่าวจากสำนักงานดังทั้งหมดมารวมตัวกันในงานวันนี้จนหมด วิเวียนยืนเกรงอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังจะเปิดออกและนำเธอเข้าสู่โลกใบใหม่ ชุดเจ้าสาวอลังการยิบยับไปด้วยเพชรพลอยตามชายกระโปรงและรอบอก เธอเหมือนพญาหงส์ที่มีเวตมนต์สะกดให้สายตาทุกคู่ที่มองมาพลอยหลงไหลในความสง่า “ลูกสะใภ้ป๊าสวยจริงๆ“ ”ป๊า“ เสียงจากชายวัยกลางที่ดังขึ้นมาจากแผ่นหลังร่างระหงทำให้เธอลดละความเกรงลงบ้าง เบรย์เดนเดินเข้ามายืนเคียงข้างว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้มชอบใจที่แสดงอยู่บนใบหน้า ”พร้อมมั้ยลูก วันนี้ป๊าจะทำหน้าที่พ่อให้หนูเอง“ วิเวียนเผยยิ้มอ่อนพยักหน้าตอบเบาๆอย่างอ่อนน้อม ตั้งแต่ที่เซบาสเตียนพาไปรู้จักกับพ่อเขา เธอก็ถูกเบรย์เดนเอ็นดูเหมือนลูกสาวในไส้มาตลอด ไม่นานประตูบานใหญ่ก็ค่อยๆเปิดขึ้นจนภาพในตาเต็มไปด้วยงานหรูหราที่ถูกจัดอยู่ภายหน้า ผู้คนมากหน้าหลายตารวมถึงคนที่เธอไม่เคยแม้แต่จะพบเจอยืนยิ้มต้อนรับอยู่เบื้องหน้า โ
“คะ…” แววตาวูบไหวหันกลับมามองหน้าเขาแต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเมื่อเธอเห็นใบหน้าหล่อของเขาได้ไม่ชัดเหมือนเมื่อครู่ นํ้าสีใสคลอเอ่อออกมาเต็มม่านตาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่แล้วเขาก็นำพาความสับสนเพิ่มเข้ามาให้ เมื่ออยู่ๆเซบาสเตียนก็คุกเข่าลงต่อหน้าเธอพร้อมทั้งนำกล่องแหวนออกมา นี่มันอะไรกัน… “ผมเคยบอกคุณแล้วไงครับ ขาดคุณไปมันจะสมบูรณ์แบบได้ยังไงวิเวียน…” เซบาสเตียนยิ้มอ่อนทั้งมองเธอด้วยแววตาเต็มไปด้วยความหมาย วงแหวนเพชรเม็ดเงาส่องแสงแวววับระยิบระยับภายไต้แสงอาทิตย์ดั่งว่ามันกำลังประกายแสงต้อนรับเจ้าของมัน “ผมเคยบอกคุณว่าถ้าวันไหนที่ผมต้องการคำตอบจากคุณ คุณห้ามปฏิเสธเด็ดขาด…” ”แต่งงานกับผมนะครับ My Lady” หยาดนํ้าตาที่คลอเต็มเบ้าหยดลงพื้นพร้อมเจ้าของของมันที่ปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ฮ..ฮึกก เล่นบ้าอะไรของคุณ” ถ้อยคำดุถูกเปล่งออกมาด้วยนํ้าเสียงสั่นเคลือ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากเซบาสเตียนผู้สร้างเรื่อง เขาไม่รีรอและไม่ต้องให้เธอตอบ รีบสวมแหวนเข้านิ้วนางหญิงสาวพร้อมทั้งโน้มหน้าลงจูบแผ่นหลังมือเนียน ตอนนี้เขาได้จองเธออย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะไม่มีใครหน้าไหนมาแย่งเธอไปจากเขาได้
ปึ้ง! วิเวียนที่นั่งเหม่ออยู่ในภวังค์ความเศร้าถึงกับสดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆซาร่าก็ทุบโต๊ะด้วยแรงโมโหจนเกิดเสียงดังปั้ง หลังจากที่เธอเล่าทุกอย่างให้ลูกน้องสาวฟัง “อะไรกันคะ! จะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ไอ้คุณชายนั่น!” ไม่ยักรู้ว่าคนที่จะโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟแทนที่จะเป็นตัวเธอเองแต่ตอนนี้กลับเป็นซาร่าสะงั้น “ใจเย็นๆซาร่า” “จะให้ใจเย็นได้ยังไงกันคะ พี่วิรู้มั้ยคะว่าตอนนี้ซาร่าอยากทำอะไรมากที่สุด ซาร่าอยากบุกบ้านไอ้คุณชายนั่นแล้วซัดหมัดนี่เข้าเบ้าหน้าหล่อๆที่มาหลอกคนอื่นเข้าให้จนเละเลยค่ะ!” วิเวียนถึงกับยิ้มแห้งกับอารมณ์โทสะของสาวน้อยที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาวมาตลอด เพิ่งจะเคยเห็นหญิงสาวตัวเล็กๆอารมณ์พรุ่งพร่านแทนเธอได้ขนาดนี้ “พี่วิไม่ต้องห่วงนะคะ พรุ่งนี้ซาร่าจะจัดการทุกอย่างให้พี่เองค่ะ” “หื้ม?” คิ้วบางขมวดอย่างไม่เข้าใจ ดูจากสีหน้าที่มุ่งมั่นของซาร่าแล้วบ่งบอกว่าเธอไม่ได้พูดเล่นๆ ยัยเด็กคนนี้คิดจะทำอะไรกัน แล้วก็เป็นแบบที่เธอพูด เมื่อซาร่ามากดกริ่งหน้าบ้านเธอแต่เช้าตอนตีสี่ วิเวียนที่เพิ่งจะผลอยหลับไปจากการนั่งคิดมากได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินงัวเงียมาเปิดประตู “มาค่ะพี่วิ