“…คืออะไร” ข้าวหอมถามกลับเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าพูดออกมา
“ทำแผลไปเถอะ”
“…”
ใบหน้าสวยมองชายหนุุ่มที่เอาแต่มองไปทางนั้นทีทางนี้ทีอย่างกับกำลังสำรวจอะไรอยู่ โดยที่เขาก็ไม่คิดจะตอบคำถามที่เธอถามออกไปแม้สักคำถามเดียว
“ถอดเสื้อสูทออกสิ”
สาวเจ้าของร้านพูดออกมาอีกครั้งเพราะเธอต้องทำแผลตรงต้นแขนของเขา ทำให้ร่างหนาต้องละสายตาออกมาจากสิ่งที่ตนเองกำลังสนใจอย่างเสียไม่ได้ แต่เขาก็ยอมให้ความร่วมมือในการถอดเสื้อสูทตัวนอกของตัวเองออกเพื่อให้ง่ายต่อการทำแผลเบื้องต้น เธอมองสูทตัวใหญ่ที่ถูกถอดออกไปก่อนจะมองแผลตรงต้นแขนล่ำที่มีรอยถูกกรีดเข้าเนื้อไปไม่ลึกมาก แล้วก้มลงหยิบสำลีแผ่นใหม่มาทำความสะอาดแผลให้เขา
“เธออยู่ที่นี่คนเดียวหรอ”
เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าหล่อที่หันกลับมามองสาวร่างเล็กที่กำลังทำแผลให้เขา
“…ก็”
“อยู่คนเดียวสินะ ถึงไม่อยากบอก”
นัยน์ตาคมมองสบตากับนัยน์ตาหวานสวยอีกคู่ที่ฉายความอึดอัดผ่านแววตาออกมาอย่างชัดเจน จากการมองเพียงแค่แวบเดียวเขาก็อ่านมันออกได้ง่าย ๆ
“…นายถามทำไม” ข้าวหอมเอ่ยถามในสิ่งที่สงสัยอีกครั้ง
“มีแฟนหรือเปล่า”
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเพราะเธอยังคงไม่ได้คำตอบจากเขา มิหนำซ้ำกลับได้คำถามกลับมาแทน
ผู้ชายคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ…
“ไม่มี” เสียงหวานตอบห้วน ๆ แต่มือก็กำลังเอาผ้าก๊อซปิดแผลที่ทำความสะอาดแล้วให้เขาอยู่
“ไม่แปลกใจ”
พรึบ!
“นี่นาย! หมายความว่าไง”
ข้าวหอมจ้องเขม็งร่างสูงตรงหน้าที่อยู่ดี ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมายืนจนตัวเธอเกือบจะเซถลาล้มลงไปก้นกระแทก ไหนจะคำพูดเขาอีกที่เหมือนกำลังบอกว่าเธอไม่น่าจะหาแฟนได้…มันชักจะเกินไปแล้วนะ
“ก็หมายความตามที่พูด”
“ออกไปจากร้านฉันได้แล้ว ร้านฉันปิดแล้ว”
เธอกดเสียงบอกเพราะเห็นผู้ชายตรงหน้ากำลังเดินดูทั่วร้านของเธออย่างถือวิสาสะไม่ต่างจากหนุ่มลูกครึ่งอีกคนที่มีใบหน้าหล่อร้ายเลยแม้แต่น้อย
“ร้านเธอมีหนังสือทุกประเภทเลยหรอ…?”
ร่างกายสูงโปร่งเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ชั้นหนังสือมุมกระจกฝั่งหน้าร้าน พลางใช้นิ้วแกร่งเกี่ยวหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นแล้วพลิกมันไปมาอย่างสนใจ
“ใช่”
สาวเจ้าของร้านตอบแค่นั้นแต่เธอก็เดินตามเขามาด้วยเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายออกไปจากร้านของเธอไว ๆ
“มีหนังสือโป๊ไหม…ไม่สิ หนังสือผู้ใหญ่”
ใบหน้าหล่อไม่พูดเปล่าแต่เขาหันมาหาหญิงสาวตัวเล็กเพื่อรอฟังคำตอบจากปากเธอ
“…มี”
ข้าวหอมมองผู้ชายตรงหน้าอย่างพินิจและรู้สึกทึ่งเล็กน้อยที่เขาพูดออกมาอย่างชัดเจนปราศจากอาการเขินอาย เพราะโดยปกติลูกค้าของเธอมักจะเช่าหรือซื้อหนังสือประเภทนี้ผ่านระบบออนไลน์เสียมากกว่ามาที่หน้าร้าน อีกทั้งยังเป็นประเภทหนังสือที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่งและสร้างรายได้ให้กับเธอมากกว่าประเภทอื่น ๆ ก็ตาม
“อืม ค่อยน่าอ่านหน่อยแบบนั้น”
มือหนาดันหนังสือที่ถือกลับเข้าไปวางบนชั้นตามเดินก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยเพื่อเดินผ่านคนตัวเล็กออกไปอีกฝั่งหนึ่งของร้าน ทุกจุดที่เขาเดินผ่านชายหนุ่มก็จะคอยใช้สายตาลอบสังเกตบริเวณโดยรอบของร้านหนังสือในตรอกแห่งนี้จนทั่วทุกซอกทุกมุม ไม่ให้มีพื้นที่ตรงไหนหลุดรอดไปจากสายตาของเขาได้
“ร้านเธอกว้างดีนะ…นี่อะไร ห้องลับอีกห้องหรอ?”
เขาเอี้ยวใบหน้ากลับมาถามผู้หญิงที่เดินตามหลังมาติด ๆ พลันมือก็จับม่านเปิดออกจนเห็นประตูอีกบานที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง
“บ้านชั้นบน นี่พวกนายจะถามเหมือนกันทำไม แล้วจะอยากรู้ไปทำไมก่อน”
ข้าวหอมเริ่มหมดความอดทนกับผู้ชายแปลกหน้าที่กำลังทำตัวไร้มารยาทในที่ของคนอื่นจนเธออดบ่นออกมาไม่ได้ เพราะเริ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าจะก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวของเธอมากเกินไปแล้ว ซึ่งนั่นมันหมายถึงความปลอดภัยของตัวเธอเองด้วย
“อืม แล้วห้องในนั้นคือห้องอะไร”
ร่างสูงยังคงไม่สนใจและชี้่นิ้วไปที่ห้องหลังชั้นหนังสือที่เขาเพิ่งออกมาไม่นาน
“…” คนตัวเล็กเลือกที่จะปิดปากเงียบบ้าง
“จะกลัวอะไร ฉันเข้าไปอยู่ในนั้นตั้งหลายสิบนาที”
เขาพูดเหตุผลออกมาอย่างรู้ทันความคิดของสาวเจ้าของร้าน
“ถ้ารู้แล้วจะถามทำไมอีก ออกไปได้แล้ว”
“เปิดให้ดูอีกทีหน่อย”
“เฮ้อออ!”
ปากเล็กพ่นลมหายใจออกมาแทนความรู้สึกภายในใจ เพราะร่างแกร่งตรงหน้ากำลังยืนกอดอกใส่เธออย่างคนไม่ยอมเช่นกันถ้าเธอจะไม่ทำตามที่เขาบอก หญิงสาวเลยเลือกทำตามให้มันจบ ๆ ไป แล้วเขาจะได้ออกไปจากร้านของเธอสักที
มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงอีกครั้งเพื่อควานหากุญแจดอกจิ๋วแล้วไขมันตรงกล่องดนตรีเพื่อเปิดห้องที่ซ่อนอยู่ด้านในให้ผู้ชายไร้มารยาทดู ทันทีที่ชั้นหนังสือถูกเลื่อนออกไปจนพ้นแล้วตัวของเขาสามารถเดินผ่านเข้าไปได้ ขายาวก็ก้าวเข้าไปด้านในอย่างไม่รีรอ
“เปิดไฟให้หน่อย” เสียงทุ้มออกคำสั่งอย่างเคยชิน
ข้าวหอมเอื้อมมือไปเปิดไฟภายในห้องให้สว่างขึ้นทำให้ตาคมมองเห็นกองหนังสือที่กองพะเนินอยู่กับพื้นได้อย่างชัดเจน เขาก้าวเดินไปรอบ ๆ ห้องพลางใช้สายตาไล่สำรวจข้าวของภายในห้องนี้อย่างละเอียดจนเธอเองก็พอจะรับรู้ได้แต่ไม่ได้ทักท้วงอะไรออกไป
“ห้องเก็บของหรอ”
ชายหนุ่มถามออกมาเพราะเท่าที่เขามองอย่างละเอียด ห้องนี้ไม่น่าใช่ห้องสำหรับให้ลูกค้ามาเดินเลือกซื้อหนังสืออย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่ามันรกหรืออะไรหรอกนะเพราะในห้องไม่มีฝุ่นเลยแม้แต่น้อย บ่งบอกว่าเจ้าของที่นี่ดูแลมันอย่างดี แต่ภายในห้องเต็มไปด้วยชั้นหนังสือและหนังสือมากมายกองเอาไว้จนล้น แถมในนี้ยังมีโต๊ะทำงานแบบสมัยก่อนที่ยังมีปากกาหมึกซึมแบบขนนกตั้งให้เห็น
“อืม เป็นห้องเก็บหนังสือบางส่วนเลยไม่ค่อยได้ใช้”
“แล้วนั่นประตูออกไปไหน” นิ้วแกร่งชี้ไปที่ประตูสีขาวเขียวโทนเดียวกันกับร้านหนังสือแห่งนี้
“เมื่อก่อนมันออกไปด้านหลังบ้านได้น่ะ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วพอดีมันติดกับโกดังด้านหลัง”
เสียงหวานใสเอ่ยบอกไปด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ อย่างคนเริ่มเหนื่อย
ปึง!
“ติดกับโกดังจริงด้วย”
ใบหน้าหล่อพยักน้อย ๆ หลังจากที่เขาได้ยินคำตอบจากปากสาวเจ้าของร้าน ชายหนุ่มก็จับประตูเปิดออกอย่างแรงทำให้มันไปชนกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง จนเขาต้องชะโงกใบหน้าออกไปมองด้านนอกเล็กน้อย และเชื่อในสิ่งที่สาวร่างเล็กพูดเพราะประตูที่เพิ่งถูกเปิดออกด้วยฝีมือเขาชนเข้ากับโกดังด้านหลังชนิดที่ว่าไม่สามารถเปิดมันให้อ้าออกจนสุดได้
“พอใจหรือยัง ออกไปจากร้านฉันได้แล้ว” ข้าวหอมพูดขึ้นมาหลังจากที่เธอปล่อยให้เขาได้สำรวจตามใจชอบมาพักหนึ่ง
ครืดด ครืดดด ~
นัยน์ตาคมหันกลับมาสบสายตากับสาวสวยตรงหน้าก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองที่สั่นอยู่ออกมารับสาย
“อืม…เค เดี๋ยวออกไป”
ชายหนุ่มพูดคุยกับปลายสายเพียงเท่านั้นแล้วก็เอาเครื่องสื่อสารออกห่างจากใบหน้าของตนเองพร้อมกับสาวเท้าเดินผ่านหน้าสาวร่างเล็กออกไปที่หน้าร้าน ทำให้เจ้าของร้านหนังสือต้องเดินตามกลับออกมาเช่นเดียวกัน เธอมองเขาเดินตรงไปที่ประตูของร้านแล้วเอื้อมมือหนาเตรียมจะดันมันเปิดออกไป แต่ขายาวกลับชะงักลงเสียก่อนพลันหมุนตัวหันกลับเข้ามามองใบหน้าของผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังมองเขาอยู่อีกครั้ง
“ชื่ออะไร?” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามออกมาห้วน ๆ
“…ข้าวหอม” ปากจิ้มลิ้มตอบออกไปแม้จะนึกสงสัยอยู่ภายในใจที่ตั้งนานเขาเพิ่งจะถามชื่อของเธอ
“ขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือ ไว้จะตอบแทน”
ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้นแล้วก็สาวเท้าเดินออกไปจากร้านหนังสือของเธอทันที ทำให้สาวเจ้าของร้านที่เตรียมจะถามชื่อของเขากลับบ้างไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไปร่างหนาก็พ้นออกไปจากร้านของเธอแล้ว