นัยน์ตาสวยมองชั้นหนังสือที่กำลังเคลื่อนตัวสไลด์ไปข้าง ๆ ด้วยความเร็วคงที่อย่างใจจดใจจ่อ เพราะหูของเธอยังคงได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องด้านในอยู่เรื่อย ๆ มิหนำซ้ำมันยังส่งเสียงดังยิ่งกว่าเดิมจนใจของสาวเจ้าของร้านเริ่มหวั่น ๆ ว่าภายในนั้นเกิดอะไรขึ้น
“…ใส่เป็นประตูกระจกแบบโกดังของเราใช่ไหมครับ”
เสียงของผู้ชายดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินพร้อมกับเสียงเท้าหลายคู่ที่กำลังลงน้ำหนักก้าวเดินอยู่ภายในห้องลับที่ปัจจุบันเป็นห้องเก็บของของเธอ ทำให้ข้าวหอมชะเง้อใบหน้ามองแล้วรีบแทรกตัวเข้าไปด้านในทันทีที่ชั้นวางหนังสือเปิดออกจนสุด
“อืม เอาระบบเดียวกันกับที่โกดังเลย”
ร่างแบบบางในชุดกระโปรงยาวมองผู้ชายใส่สูทที่กำลังยืนหันหลังให้เธออยู่ด้วยความงุนงง ก่อนจะเลื่อนสายตามองผู้ชายอีกสองคนที่ยืนประกบข้างผู้ชายตัวสูงคนนั้น และกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างที่เธอฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ
“พวกคุณทำอะไร แล้วเข้ามาอยู่ในนี้ได้ยังไง”
เสียงหวานเอ่ยถามออกไปอย่างไม่รีรอ ทำให้ผู้ชายสามคนนั้นหันใบหน้ากลับมามองเธอพร้อมกันในทีเดียว
“คุณ…”
คิ้วเรียวย่นเข้าหากันเมื่อเห็นว่าชายรูปร่างกำยำที่ยืนอยู่ตรงกลางคือคนเดียวกันกับเมื่อวานที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาในร้านของเธอพร้อมใบหน้าฟกช้ำและเธอเป็นคนพาเขาเข้ามาหลบในห้องนี้ แต่อีกสองคนที่ยืนประกบเขาอยู่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
“ไง”
“ไงอะไรของนาย นี่นายกำลังทำอะไรในบ้านฉัน…ประ ประตูล่ะ?”
ข้าวหอมมองผู้ชายที่เอ่ยทักเธอแบบห้วน ๆ พร้อมกับตัวของเขาที่หันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ ทำให้สาวเจ้าของร้านเห็นว่าประตูไม้สีขาวเขียวที่สามารถเปิดออกไปด้านหลังได้ หายไปแล้ว…
คนตัวเล็กกำลังมึนงงและสับสนกับสิ่งที่ตัวเองกำลังพบเจอ เธอมองใบหน้าหล่อลูกครึ่งติดเอเชียของเขาอย่างรอฟังคำตอบดี ๆ ที่เขากำลังจะพูดอธิบายมันออกมา
“…เราจะติดตั้งเป็นแบบตัวกดบานสไลด์แบบธรรมดาหรือใช้แบบสแกนลายนิ้วมือดีครับ”
เสียงจากผู้ชายที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายข้างตัวเขาถามขึ้นมา ทำให้ข้าวหอมต้องละสายตาไปมองชายหนุ่มใส่แว่นแต่งตัวเนี๊ยบหน้าตาดีอีกคนแทน
“แบบธรรมดาก็พอ จะได้เข้าออกง่าย ๆ” เสียงทุ้มเข้มตอบกลับพลางชำเลืองมองผู้ช่วยมือขวาของตัวเอง
“ครับผม…มึงไปบอกช่างสิเกร จะยืนนิ่งอีกนานไหม”
ผู้ชายใส่แว่นคนเดิมรับคำจากผู้เป็นนายก่อนจะหันไปพูดกับชายหนุ่มที่มีทรงผมสกินเฮดสีเทาอย่างไม่เป็นทางการ บ่งบอกถึงความสนิทสนมให้ได้เห็น
“แล้วทำไมมึงไม่ไปเองดีน ใช้แต่กู”
“ก็มึงถนัดใช้แรง กูถนัดใช้สมอง”
ชายที่มีสีผมตรงตามชื่อของเขาพูดบ่นออกมาแต่ก็ยอมเป็นฝ่ายเดินออกไปคุยกับช่าง โดยพยายามไม่สนใจประโยคที่คนใส่แว่นพูดตามหลัง แต่ใบหน้าของเขาก็แสดงถึงความเอือมระอากับเพื่อนร่วมงานออกมาชัดเจน
ผู้ชายใส่สูทสองคนที่ชื่อ ดีน กับ เกร นี่เป็นคนของเขาสินะ เพราะชายแปลกหน้าคนเมื่อวานที่ยังเอาแต่ยืนนิ่งแลจะมีอำนาจมากกว่าทุกคนในที่นี้อย่างเห็นได้ชัด
“นายมาพังบ้านฉันทำไม” ข้าวหอมเพิ่งได้จังหวะเลยรีบถามผู้ชายตรงหน้าออกไปทันที
“…”
“…นี่นายพยายามจะทำอะไรกันแน่”
เสียงหวานเอ่ยถามย้ำเพราะหนุ่มหล่อยังคงตีใบหน้าเรียบเฉยไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกมาแม้เขาจะมองใบหน้าของเธออยู่ตลอดก็ตาม
“นี่!”
หมับ! พลั่ก!
คนตัวเล็กที่ถามเท่าไหร่แต่เธอก็ยังคงไม่ได้คำตอบจากผู้ชายตรงหน้า มือเรียวเลยถือวิสาสะคว้าเข้าที่ข้อมือของเขา แต่ไม่ทันที่ร่างบางจะได้สัมผัสตัวของเขานาน ผู้ชายที่ชื่อดีนก็ออกแรงเต็มที่กระชากแขนของเธอให้ออกห่างจากผู้เป็นนาย จนหญิงสาวตัวเหวี่ยงเซถลาไปด้านหลังตามแรงกระชากของคนที่ชื่อดีน ทำให้ใบหน้าสวยเหวอไปด้วยความตกใจ
คนชื่อดีนจะทำร้ายฉันหรือไง…!?
“นี่บ้านฉันนะ พวกคุณเข้ามาทำอะไร ออกไป!”
ข้าวหอมกดเสียงให้ต่ำลงและหนักแน่น แต่ก็พยายามข่มอารมณ์ตัวเองเพราะรู้ดีว่าเธอกำลังเสียเปรียบ และอาจจะเป็นอันตรายได้เพราะพวกผู้ชายตรงหน้าดูจะไม่ได้เป็นมิตรอย่างที่คิด
“ฉันจะทำทางเชื่อมระหว่างโกดังของฉันกับร้านของเธอ ไว้เป็นทางออกอีกทาง”
“ฉันไม่อนุญาต”
ทันทีที่ร่างสูงพูดออกมา เธอก็ตอบปฏิเสธสวนกลับไปด้วยความรวดเร็วแบบไม่ต้องคิด
“ฉันเหมือนขออนุญาตหรอ” เสียงเข้มย้ำอีกครั้งพลางกดตาคมมองใบหน้าสวยไม่วางตา
“นี่บ้านฉัน ร้านฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะให้หรือไม่ให้ใครเข้ามาในนี้”
ข้าวหอมยังคงยืนกรานชัดเจน เพราะยังไงเธอก็ไม่มีทางยอมให้คนแปลกหน้ามาเข้าออกบ้านของเธอแบบนี้แน่ ๆ
“ก็พูดอยู่ว่า…ไม่ได้ขอ”
มือหนาสอดล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วย้ำคำพูดของตัวเองเป็นครั้งที่สองให้กับผู้หญิงตรงหน้าฟัง ทำให้ใบหน้าสวยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเพราะเธอก็ยังไม่เข้าใจว่าเขามีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้ในที่ของคนอื่น
“นายเป็นเจ้าของโกดังด้านหลังอย่างนั้นหรอ”
คนตัวเล็กเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว
“อืม”
พอได้ยินเขายืนยันกลับมาร่างบางก็เดินผ่านหน้าของผู้ชายคนนั้นไปแล้วไปยืนขวางตรงประตูหลังบ้านของเธอที่ตอนนี้กำลังมีช่างเตรียมจะติดตั้งประตูกระจกอยู่
“ฉันยืนยันคำเดิมว่าไม่อนุญาต และนายก็ไม่มีสิทธิ์ ถ้านายยังไม่เข้าใจฉันคงต้องดำเนินการตามกฎหมาย”
เสียงหวานใสพูดบอกออกไปพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดอกหันหน้ากลับเข้ามาหาเขา
กึก!
“ตามกฎหมายอย่างนั้นหรอ…พวกเราไม่สนใจมันหรอก”
เสียงของผู้ชายดังขึ้นที่ด้านหลังพร้อมกับของมีคมบางอย่างที่กำลังจ่ออยู่ตรงคอของเธอ นัยน์ตาสวยหลุบลงมองปลายแหลมคมเงาวับของมีดพกที่ประชิดอยู่กับผิวเนื้อ ชนิดที่ว่าถ้าเธอขยับเพียงนิดมันก็พร้อมจะแทงสวนเข้ามา ทำให้เธอต้องยืนนิ่งอย่างไม่มีทางเลือก
ทำไมคนพวกนี้ถึงใจกล้าและป่าเถื่อนกันขนาดนี้…
“จัดการเลยไหมครับ”
น่าจะเป็นเสียงของคนที่ชื่อเกรที่กำลังถามผู้ชายตรงหน้าของเธอออกมาโดยไม่คิดจะลดมีดที่จ่ออยู่ออกห่างเลย
“ไม่ต้อง…เธออยู่เฉย ๆ เถอะถ้าไม่อยากถูกฝังอยู่ในร้านนี้” เสียงเข้มพูดบอกพร้อมมองสบตากับสาวเจ้าของร้าน
“แต่…”
“ส่วนค่าเสียหาย เดี๋ยวชดเชยให้ไม่ต้องห่วง แต่ถ้าเธอยังโวยวายและขัดขวางการทำงานคนของฉันอยู่…ฉันคงรับประกันชีวิตของเธอไม่ได้”
ข้าวหอมฟังในสิ่งที่เขาพูดออกมาด้วยโทนน้ำเสียงจริงจังกับแววตาที่บ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่มีทางไว้ชีวิตของเธอแน่ ๆ ถ้าเธอยังยืนกรานอยู่แบบนี้ ทำให้คนตัวเล็กต้องจำยอมพยักหน้าตกลงอย่างไม่มีทางเลือก ใบหน้าหล่อถึงได้บอกคนของตัวเองให้ลดมีดที่จ่อคอของเธออยู่ลง สาวเจ้าของร้านหันกลับไปมองคนด้านหลังซึ่งก็เป็นผู้ชายที่ชื่อเกรตามที่เธอคาดไว้ในตอนแรกจริง ๆ
ร่างแบบบางกลับมายืนอยู่ตรงชั้นวางที่เป็นประตูลับอีกครั้งโดยไม่ได้เอ่ยอะไร แม้ยังมีเกรที่ยังยืนอยู่ด้านหลังประกบตัวเธออยู่ไม่ห่างอย่างกับกลัวว่าเธอจะทำอันตรายต่อผู้เป็นนายของเขา
พวกนี้เป็นใครกันแน่…ทำไมถึงได้ดูน่ากลัวและอันตรายอย่างกับพวกกลุ่มมาเฟียที่ข่าวกำลังออกเลยล่ะ
ดวงตากลมสวยมองตามช่างคนนั้นทีคนนี้ที ทยอยสลับกันเดินเข้าออกและติดตั้งประตูกระจกแบบเลื่อนบานใหญ่ระหว่างบ้านของเธอกับโกดังด้านหลังโดยไม่ได้ปริปากพูดอะไร แม้ภายในใจจะยังมีความคิดอยากเรียกตำรวจมาจัดการ แต่พอคิดอีกทีตามเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ได้เจอ คนพวกนี้คงไม่กลัวกฎหมายจริง ๆ และพวกเขาก็ดูไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแบบเธอด้วย ทำให้หญิงสาวเลือกที่จะไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเพื่อความปลอดภัยของตัวเองในตอนนี้