Ingfah Kawintra talk…
เช้าวันถัดมาระหว่างนั่งรอเข้าแถวอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าตึกเรียน
“อะไรของพวกแกเนี่ย จะนั่งจ้องฉันอีกนานไหม” ฉันถามยัยเพื่อนตัวแสบสี่สาวที่เอาแต่ล้อมวงนั่งจ้องหน้าฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ยัยอิง แกมีอะไรจะบอกพวกฉันไหม” ยัยพอลล่าเป็นคนเปิดปากถามคนแรก
“ไม่มี๊ จะมีอะไรได้ล่ะหรือพวกแกไปรู้อะไรมาก็พูดออกมาเถอะฉันขี้เกียจจะเดา” ฉันตอบพร้อมสายหัวไปมา
“ตอบเสียงสูงเชียวนะแก” ยัยแป้งพูดขึ้นพร้อมยิ้มกริ่มเหมือนไปรู้อะไรมาซักอย่าง
“พวกฉันเห็นนะว่าเมื่อวานแกไปกินข้าวกับใครที่ห้างมา” ยัยกิ๊ฟพูดขึ้นพร้อมหรี่ตามองอย่างจับผิด
ฉันเบิกตากว้างเมื่อได้ยินยัยกิ๊ฟพูด “ นี่อย่าบอกนะว่า ”
“ใช่พวกฉันเห็นกันทั้งหมดนี่แหละ ว่าแกไปกินข้าวกับน้องแดนดินที่ห้างมาเมื่อวาน” ยัยพอลล่าพูดขึ้นอีก
“สรุปเรื่องมันเป็นไงมาไง ทำไมแกถึงได้ไปนั่งกินข้าวกับดินมันได้” ยัยแป้งยังคงถามต่อ
โอ๊ยยยย!! งานนี้ฉันโดนซักฟอกจนสะอาดแน่เลย มีอะไรไม่เคยปิดยัยพวกนี้ได้เลยสินะ เพราะรู้จักกันมานาน เรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาลเลยทำให้รู้ใส้รู้พุงเรื่องของกันและกันหมดทุกเรื่อง พวกเราทั้งห้าคนไม่เคยมีความลับต่อกัน เวลามีอะไรก็จะปรึกษากัน เล่าสู่กันฟังทั้งหมดและแน่นอน พวกเราเก็บความลับเก่งกันทั้งกลุ่ม ฉันจึงต้องยอมเล่าทุกอย่างให้พวกนางฟังตั้งแต่ต้นจนจบอย่างเลี่ยงไม่ได้
“โหยยย แอบซุ่มเงียบนะแก ไม่บอกเพื่อนสักคำ” หลังจากเล่าจบยัยโบว์ก็พูดขึ้น
“ก็ทีแรก ไม่ได้คิดว่าเค้าจะจริงจังถึงขั้นนี้ไงแก คิดว่าเค้าอาจจะเหมือนคนอื่นๆ ที่เข้ามาคุยแปปๆไม่กี่วันก็เงียบหายไป เพราะรับกับนิสัยและชีวิตประจำวันของฉันไม่ได้ไง ก็เลยยังไม่ได้เล่าให้พวกแกฟัง”
“จ้าาา ในที่สุดนางชีของเราก็สละโสดแล้วค้าาา / ฮี้ววว” ยัยกิ๊ฟพูดแซว ต่อด้วยยัยพอลล่าขานรับ แหมเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวยัยพวกนี้
แล้วบทสนทนาก็จบลงแค่นั้นเพราะออดสัญญาณเข้าแถวดังขึ้น
ช่วงพักกลางวัน
พวกเราก็มานั่งกินข้าวกันที่โรงอาหาร แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปซื้อข้าว ก็หันไปเห็นกลุ่มของดินเดินมาพอดี แต่มีผู้หญิงอีกสามคนเดินมาด้วย ดินเดินยิ้มมาหยุดที่หน้าฉัน “ กินอะไรดีครับยังไม่ได้ไปซื้อข้าวใช่ไหม เดี๋ยวดินไปซื้อให้นะ “
ทั้งเพื่อนฉันและเพื่อนเขาหันมามองเราเป็นตาเดียว พร้อมยิ้มกริ่มเหมือนกำลังแซวอยู่ในที ยกเว้นผู้หญิงสามคนที่เดินมาพร้อมกันกับกลุ่มเขา หันมามองฉันกับเขาสลับกันท่าทีเหมือนสงสัยอยู่ในที
“อ้อ อิงครับนี่เพื่อนดินเองย้ายมาจากโรงเรียนเดียวกันครับ” เขาบอกพร้อมกับยิ้มให้ฉันโดยไม่ได้มีท่าทีหรือพิรุธอะไรให้เห็น
ฉันยิ้มให้เขากับสรรพนามที่เขาเรียกชื่อเล่นฉันอย่างสนิทสนม พร้อมพยักหน้าเข้าใจ
” นี่ฝ้าย ส่วนนี่ฝน แล้วนั่นก็มีนาครับ” ฉันพยักหน้ายิ้มรับ
“สวัสดีจ้ะยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ฉันยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง ส่วนพวกเธอก็ยิ้มตอบกลับกลับมาเช่นกัน
“ฝ้าย ฝน มีนา คนนี้พี่อิงฟ้าแฟนเราเอง” หลังจากดินแนะนำฉันไปแบบนั่น ผู้หญิงที่ชื่อฝ้ายหุบยิ้มครู่นึง ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆพยักหน้าส่งกลับมา แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร ยังคงยิ้มอ่อนให้เช่นเดิม
หลังจากพูดคุยแนะนำกันเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปซื้อข้าวส่วนฉันก็ไปซื้อน้ำสำหรับตัวเองและซื้อเผื่อดินด้วย ซึ่งฉันก็ซื้อน้ำแดงเช่นทุกครั้งนั่นแหละ พอซื้อข้าวเสร็จเขาก็มานั่งข้างฉัน ซึ่งพวกเราทั้งหมดสิบเอ็ดคนเลือกนั่งที่โต๊ะใหญ่แถวยาวเรียงกัน ทำให้นั่งได้พอดีกันเป๊ะ
“ชอบกินน้ำแดงหรอครับ เห็นกินแต่น้ำแดงประจำเลย” นี่เขาสังเกตขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย แต่ฉันก็กินแต่น้ำแดงจริงๆนั่นแหละ ส่วนน้อยที่จะสั่งน้ำอย่างอื่นมากิน
“อื้อ ก็มันอร่อยนี่นา ได้กินน้ำแดงทีไรรู้สึกสดชื่นดีน่ะ ว่าแต่ดินรู้ได้ไงว่าเรากินแต่น้ำแดงอะ”
“อ้อ…ก็ดินแอบมองทุกวันนี่” เขาอมยิ้มพร้อมลูบท้ายทอยเบาๆ
“แฮ่ม…โลกนี้มีกันอยู่สองคนแหละเนอะ เพื่อนฝูงนั่งเรียงแถวอยู่นี่ไม่มีตัวตนไปซะแล้ววว” น้องกันต์พูดแซว แล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้ามองอากาศราวกับพูดลอยๆ
“สัส จะแดกอยู่มั้ยข้าวน่ะ หรือจะแดกตีนดี”
“ค้าบบ กูมันส่วนเกินที่ต้องเดินเพียงลำพัง” ว่าจบแล้วทุกคนก็ต่างหัวเราะกันดังสนั่น พูดคุยกันอย่างเฮฮาบนโต๊ะกินข้าว
หลังจากวันนั้นทุกช่วงพักเที่ยงกลุ่มของดินก็จะมานั่งกินข้าวกับกลุ่มของฉันตลอด แต่กลุ่มสามสาวเพื่อนห้องเดียวกันกับดินไม่ได้มานั่งด้วยแล้วตั้งแต่วันนั้น พวกเธอแยกไปนั่งอีกโต๊ะแทนหน่ะ
ตอนพิเศษ4 เดือนผ่านไปแว๊ อุแว๊ อุแว๊!!!! แอ้!!!!!เสียงแฝดน้อยส่งเสียงร้องพร้อมกันในห้องทำงานกว้าง ซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นสถานที่เลี้ยงเด็กไปเป็นเรียบร้อยแล้ว“ ใจเย็นๆครับลูก นมหม่ำๆกำลังมาแล้วนะครับ…โอ๋ๆไม่ร้องนะคะคนสวยของพ่อจ๋า ” มือข้างนึงของผมก็อุ้มลูกสาวโยกไปมา ส่วนอีกข้างก็ไกวเปลให้ลูกชายไปด้วยที่ผมต้องพาลูกมาทำงานด้วยเพราะมีเอกสารด่วนที่ต้องเซ็น ส่วนพี่เลี้ยงสองแฝดก็ลาหยุดหนึ่งวันกลับมาตอนเย็น คุณแม่คนสวยอย่างอิงฟ้าก็มีเคสพิเศษเข้ามาพอดี อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นใช่ไหมล่ะครับ แต่ก็นั่นแหละครับมันเป็นไปแล้วและตอนนี้ผมกำลังรอนมแม่ที่ให้ไอ้ทิวไปอุ่นอยู่ อิงฟ้าเธอค่อนข้างเก่งมาๆทีแรกน้ำนมไม่ค่อยเยอะเธอก็สรรหาของอะไรมาบำรุงเยอะแยะเต็มไปหมดผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ซักเท่าไหร่ เวลาเมียใช้ให้ไปซื้ออะไรก็หาอยู่นานทีเดียว“ ไอ้ทิวโว้ยยยย!!! ได้หรือยังวะ ลูกกูจะกินชาตินี้นะเว้ยไม่ใช่ชาติหน้า ” พอผมตะโกนว่าไอ้ทิวไปแบบนี้ลูปผมหยุดร้องไปทันที แล้วพากันมองมาที่ผมตาแป๋ว“ ได้แล้วๆ…ท่านรอง ต่อหน้าเด็กไม่ควรพูดคำหยาบนะครับ ถ้าคุณอิงฟ้ามาได้ยินท่านรองจะโดนบิดหูชาเหมือนวันนั้นนะครับ ”ใช่ครับที่
ตอนที่38 END….เจ้าสองแฝดหลังจากเพื่อนๆกลับไปกันหมดแล้ว ฉันก็มานั่งจับมือดินแล้วก็เอาไดอารี่ที่เขาเขียนไว้ขึ้นมาอ่านไปด้วยเริ่มตั้งแต่เล่มแรก เขาเป็นคนละเอียดใส่ใจเหมือนกันนะเนี่ย มีรูปฉันแปะหน้าสมุดทุกเล่มแถมมีเลขเขียนติดมาด้วยว่าเล่มไหนเป็นเล่มที่เท่าไหร่[ ถึงที่รักของดิน…อิงฟ้า]วันนี้เป็นวันที่เราตัดสินใจบอกเลิกอิงแต่รู้ไหมว่าเราเจ็บปวดมากแค่ไหนยิ่งเห็นตอนอิงร้องไห้ ใจเรามันเหมือนจะขาดตาม ที่เราพูดไปทั้งหมดวันนี้มันไม่จริงเลย อิงมีค่ากับดินมากที่สุดแต่เป็นดินเองที่ไม่ดี ดินอยากบอกให้อิงรู้ว่าอิงมีความหมายและสำคัญกับดินมากนะดินไม่เคยอยากเลิกกับอิงเลยแต่ดินไม่มีทางเลือกดินไม่อยากให้อิงเกลียดดินดินรักอิงนะ…รักมากที่สุด…รักมากกว่าชีวิต….....ดิน....ฉันอ่านไปก็ร้องไห้ไปดินเขียนไว้หมดทุกช่วงเวลาตลอด7ปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งตอนที่เขาเรียนมหาลัยแล้วเขาเดินผ่านฉันเขาก็ยังเขียนไว้หมดเขาคงเจ็บปวดมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฉันเองก็ไม่ต่างกัน กว่าที่ฉันจะผ่านมาได้แต่ละวันมันช่างยากลำบาก ‘และฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะรักฉันได้มากขนาดนี้ทุกเล่มที่เขียนเขามักจะลงท้ายด้วยคำว่า รักมากกว่าชีวิต ทุกหน
ตอนที่37 บันทึกแดนดิน3วันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพเหตุการณ์นั้นย้อนกลับเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ มันทำให้ฉันรู้ว่าฉันได้เสียเขาไปแล้วตลอดกาลจริงๆ ‘แดนดิน จิรายุ’ ผู้ชายคนเดียวที่ฉันรักหมดหัวใจ และไม่รู้ว่าจะสามารถรักใครได้เท่าเขาอีกหรือเปล่า แล้วเขายังฝากตัวแทนของเขาอีกหนึ่งชีวิตไว้กับฉันด้วย“ดิน ฮึก” ฉันตื่นขึ้นมามองไปบนเพดานห้องถึงได้รู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคนไข้ที่โรงพยาบาล“อิงฟ้าลูก ฟื้นแล้วหรอ” ทันทีที่แม่กับพ่อเห็นฉันขยับตัวก็รีบลุกจากโซฟามาดูฉันทันที“แม่คะ ฮือออ พ่อคะ…ดินอยู่ไหนคะ ฮึก”“ใจเย็นๆนะลูกร่างกายเพิ่งจะฟื้นตัวอย่าขยับเยอะ ไม่ห่วงตัวเองก็เป็นห่วงหลานแม่กับพ่อบ้าง”“พะ พ่อแม่รู้แล้วหรอคะ?” ฉันเบิกตากว้าง เงยหน้ามองพ่อกับแม่“ใช่…พ่อเป็นหมอนะทำไมพ่อจะไม่รู้” พ่อลูบหัวฉันพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม“ลูกท้องกับดินใช่ไหม หลานแม่ไม่ใช่ลูกของเสือใช่ไหมยัยอิง” แม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่มีดุหรือด่าเลยซักคำ“...” ฉันได้แต่ก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ แต่ทันใดนั้นก็มีคน เคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา ฉันเคยเห็นพวกเขาผ่านจอทีวีมาบ้าง แต่ยังไม่เคยเจอตัวจริงก็อกๆ ก็อกๆ คลืดดดดดดเป็นพ่อ แม่ น้องช
ตอนที่36 ขอร้อง ได้โปรดกลับมา“เห้ยยย ไอ้ดิน / อ๊ายยย / กรี๊ดดด” เสียงผู้คนอื้ออึงหลากหลายเสียง แต่สำหรับฉันเหมือนโลกแตกสลายหูดับไปชั่วขณะ“ไม่ๆๆ ดินทำแบบนี้ทำไม มาบังอิงไว้ทำไม ฮือๆๆ” ฉันร้องไห้นั่งกอดเขาราวกับจะขาดใจ“ไอ้คินเอารถออกเร็ววว” เสียงพี่เสือวิ่งมาหาฉัน “อิงๆเป็นอะไรรึเปล่า” พี่เสือถามด้วยความร้อนรน“มะ ไม่ค่ะ แต่ดิน ฮืออ! ดินลืมตามามองอิงก่อนนะห้ามหลับเด็ดขาดเลยนะ”แล้วพวกเพื่อนดินก็พากันมาแบกดินขึ้นรถ ฉันก็นั่งไปกับเขาโดยที่เขาหนุนตักฉัน“ไม่ เป็นไร นะ ดะ ดินไม่เจ็บเลย อย่าร้องไห้ เพราะ ดินอีกเลย นะ” ดินเอ่ยด้วยน้ำเสียงพร่าเบาหวิวเอ่ยปลอบฉันที่เอาแต่กอดเขาร้องไห้“ไม่นะดิน ดินห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด อิงยังรักดินอยู่นะ รักมาตลอด ดินห้ามตายไม่งั้นอิงจะไม่รักดินแล้ว ฮึก ฮือออ”“ดิน ก็ รักอิงนะ อิงฟ้า ระ รักมากกว่า ชะ ชี…” เสียงเขาขาดห้วงไปในตอนท้ายมือของเขาจากที่จับแก้มฉันอยู่ก็ตกลงข้างลำตัวนิ่งสนิทไป“ไม่ๆๆไม่นะดิน ลืมตามาคุยกับอิงสิ ฮือๆ แล้วอิงจะอยู่ยังไง ลูกของเราเค้าก็ต้องการดินนะ ฮือๆๆ!” ฉันเพิ่งตรวจพบเมื่อวานนี้เอง ว่าฉันท้อง น่าจะได้เดือนกว่าๆแล้ว เพราะตั้งแต่วันนั้น
ตอนที่35 ทำไมทำแบบนี้วันนี้เป็นวันเลี้ยงฉลองก่อนวันหมั้นจะเกิดขึ้นในอีกสองวันของฉัน และพี่เสือ ซึ่งฉันก็ได้เชิญเพื่อนทุกคนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมและมหาลัย วันนี้เป็นงานเลี้ยงแบบปิดรู้กันเฉพาะเพื่อนและคนรู้จักเท่านั้น เรามาจัดกันที่ผับของพี่คินกัน ถึงจะเป็นงานเลี้ยงแบบปิดแต่คนก็ยังเยอะอยู่ดีมีประมาณ 30 กว่าคนทั้งเพื่อนฉันเพื่อนพี่เสือ แล้วฉันก็ยังเชิญกลุ่มของน้องกันต์มาด้วย ซึ่งในนั้นก็มีแดนดิน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่านะ“ยินดีด้วยค๊าาเพื่อนสาว เผลอแปปๆก็จะมีสามีก่อนเพื่อนคนอื่นๆซะแล้ว” พวกเพื่อนฉันต่างมายืนล้อมวงชนแก้วฉัน“ยังๆ สามงสามีอะไร คู่หมั้นก็พอไหม แกก็เวอร์เกิน” ฉันว่าให้ยัยกิ๊ฟ ที่พอเมาแล้วพูดเก่งกว่าใครเพื่อนเลย“เอาน่าอีกไม่กี่เดือนก็เป็นสามีแล้ว” ใช่ค่ะ ที่เพื่อนพูดก็มีส่วนถูก เพราะเราหมั้นกัน แล้วอีกสามเดือนก็จะเกิดงานแต่งขึ้นซึ่งมันไวมาก จนฉันก็แทบจะตั้งรับไม่ทันเพราะพวกผู้ใหญ่เค้าคุยและจัดการกันเองฉันเพิ่งจะมารู้เรื่องก็วันที่แม่โทรมาบอกให้ฉันไปลองชุดงานหมั้นที่บ้านนั่นเอง “เฮ้อ!!” ฉันได้แต่ถอนหายใจ“เป็นไรแก ไม่มีควาทสุขหรอจะได้หมั้นกับพ่อหนุ่มเทพบุตรเชียวนะ” ยัยแ
ตอนที่34 ทรมานจนไม่รู้จะอยู่ยังไงหลังจากปรับความเข้าใจกับอิงฟ้า ผมก็หอบสังขารกับใจที่แตกสลายกลับมาบ้านด้วยใจที่แสนจะเจ็บปวด ผมไม่มีวันได้เธอคืนมาจริงๆแล้วสินะ เธอใจแข็งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ผมคิดว่าถ้าผมได้บอกความจริงกับเธอไปแล้ว เธอจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ผมคิดผิด เธอยังคงยืนยันจะหมั้นกับผู้ชายคนนั้น ผมก็คงทำได้เพียงแค่ยินดีกับเธอขอให้เธอไม่เจ็บปวดเหมือนตอนคบกับผม และดูจากสายตาทุกครั้งที่ผู้ชายคนนั้นมองอิงฟ้ามันเต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น หวังว่าเขาจะทำให้เธอมีความสุขมากกว่าคนอย่างผมมาถึงบ้านผมก็หมกตัวอยู่แต่บนห้องนอน ในห้องผมจะมีห้องทำงานแยกออกไปอีก มีโซฟากลางห้องและมีทีวีจอยักติดผนังอยู่ซึ่งผมก็นั่งตรงนั้น ตรงโซฟาตัวยาวกลางห้องทำงาน จอภาพยังคงฉายวนซ้ำๆกับคลิปวิดิโอต่างๆที่ผมชอบถ่ายเก็บไว้เวลาผมกับอิงฟ้าใช้เวลาอยู่ด้วยกัน วันๆผมก็มักจะมาหมกตัวอยู่แต่ในห้องนี้ตลอด และเขียนไดอารี่ถึงเธอทุกครั้งที่คิดถึงผมนั่งกระดกเหล้าลงคอไม่รู้เป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้ว เหม่อมองวิดิโอตอนที่เราไปเที่ยวทะเลและเล่นน้ำด้วยกันซ้ำๆ มันเล่นวนไปมาตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ก็เช้าแล้ว ผมก็ยังไม่ลุกไปไหน[ ถึงท