ในเช้าวันถัดมา ผมก็ตื่นมาทำอาหารเช้าให้ตัวเองและให้ไอ้ซันมันด้วย ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้อง เพื่อไปให้ทันการเข้าเรียนทำอาหารวันแรก ไม่คิดจะปลุกมันให้ลุกขึ้นมาทานอาหารหรือไปส่งหรืออะไรทั้งนั้น เพราะเข้าใจดีว่ากว่ามันจะกลับมาถึงห้องและนอนพักผ่อนมันดึกมากขนาดไหน ปล่อยให้นอนต่อไปจะดีกว่า
หลังจากนั้นผมก็ขับพานาเม่ร่าสีน้ำเงินเข้มหรือก็คือไท่หยางของผมนั้นเองไปตามถนนที่การจราจรติดขัดอย่างไม่เร่งรีบมากนัก จนกระทั่งมาถึงโรงแรมที่เป็นสถานที่เรียน ผมเข้าไปแจ้งชื่อกับประชาสัมพันธ์ เธอก็บอกให้ผมเข้าไปที่ห้องครัวหลักของโรงแรมได้เลย พอเข้าไปแล้วทำให้ผมเห็นว่ามีนักเรียนคนอื่นๆ อีก 2 คนมารออยู่ก่อนแล้ว พวกเราทั้งสามคนนั่งเรียงกัน จนกระทั่งเชฟเดินเข้ามาใกล้ พวกผมถึงผุดตัวลุกขึ้น ยกมือไหว้สวัสดี เชฟพยักหน้ารับเล็กน้อย แล้วจึงเดินนำไปที่มุมหนึ่ง มีโต๊ะแล้วข้าวของจัดวางรอเอาไว้ 3 ชุด และที่ด้านหลังเป็นวัตถุดิบชนิดต่างๆ
“ผมจะขอแจ้งก่อนว่า การสอนของผมจะไม่เหมือนกับโรงเรียนการสอนทั่วๆ ไป ผมจะไม่บังคับให้พวกคุณพยายามทำตามวิธีการของผม หรือต้องรสชาติเหมือนผม กลับกันผมอยากจ
Sun Partพวกคุณเชื่อในรักแรกพบไหมครับ? ถ้าถามผม ผมไม่เชื่อครับ เพราะผมคิดว่ามันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น มากกว่าการที่ได้พบเพียงสบตาแล้วจะเกิดรักขึ้นมาได้นั้นมันน่าตลก สิ่งที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผม เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยลืมเลื่อนมันได้เลยแม้แต่น้อย แม้วันเวลาจะเลยผ่านมา 12 ปี แล้วก็ตาม...ภาพของเด็กชายตัวอ้วนกลมที่นั่งอยู่บนพื้นทราย ฉากหลังนั้นเป็นเพียงดอกดาวกระจายธรรมดาๆ แต่กลับยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าน่าดูมากยิ่งขึ้น แม้ว่าคนที่เป็นจุดศูนย์กลางของภาพนั้นกำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น ดวงตาเล็กๆ นั้นแดงช้ำและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เงยหน้าขึ้นมองพวกเขาทีละคน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและเว้าวอนน่าแกล้งชะมัดผมทำได้เพียงยืนมองอยู่เฉยๆ จนกระทั่งมีคนๆ หนึ่งเทราดน้ำหวานบนตัวเขา ทำให้ใบหน้านั้นนิ่งอึ้งและเผือดสีไม่สิ.... มันต้องไม่ใช่สีนี้สิ่งที่ผมทำคือการมุ่งตรงไปที่เด็กคนนั้น ดึงลากให้ลุกตามตัวเองมา ก่อนจะผลักลงไปในน้ำ ยืนมองนิ
ผมกับไอ้ซันมาถึงร้านราวๆ 1 ทุ่มเกือบๆ 2 ทุ่ม ก็จัดการสั่งอาหารมาทานพร้อมกับเหล้าอีกเล็กน้อย เมาไม่ได้ครับ ทั้งผมทั้งมันเลย เพราะมันต้องทำงาน ส่วนผมก็ต้องไปเรียน ดังนั้นแล้วเราจึงทานอาหารไปพลางๆ จนกระทั่งเวลา 2 ทุ่มครึ่ง ไอ้ซันก็ขึ้นไปร้องเพลง ผมนั่งทานอาหารเพียงลำพัง จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งมานั่งลงที่ด้านข้าง ในทีแรกผมคิดว่าเป็นพี่ต้องเจ้าเก่า เพราะพี่แกชอบเข้ามาทักทายแขกอยู่เสมอ หากแต่ไม่ใช่ครับ....“เพราะดีนะ” สายตาของคนพูดมองมุ่งตรงไปที่นักร้องบนเวที ก่อนที่ผมจะตอบรับกลับไปเบาๆ“อ่า ครับ สวัสดีครับ” อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรนอกจากส่งรอยยิ้มมาให้ ขยับเข้ามาใกล้ผมอีกนิด เพราะเสียงที่ดังอยู่รอบนอก ทำให้ได้ยินไม่ค่อยชัดนัก“พี่ขอนั่งด้วยได้ไหม” พี่ก็นั่งไปแล้วไม่ใช่หรอครับ!! ผมคิดในใจก่อนจะตอบกลับไป“ครับ แล้วนี่ พี่ท็อปมาทำอะไรที่นี่ครับ พาลูกค้ามาเลี้ยงหรอ?”“ฮึฮึ เปล่าหรอก หลังจากที่น้องเบสบอกว่าคุณซันมาร้องเพลงอยู่นี่ พอดีวันนี้พี่ว่างก็เลยลองแวะมาดู” พี่ท็อปพูดแล้วยกมือขึ้นพาดบน
ในเช้าวันถัดมา ผมก็ตื่นมาทำอาหารเช้าให้ตัวเองและให้ไอ้ซันมันด้วย ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้อง เพื่อไปให้ทันการเข้าเรียนทำอาหารวันแรก ไม่คิดจะปลุกมันให้ลุกขึ้นมาทานอาหารหรือไปส่งหรืออะไรทั้งนั้น เพราะเข้าใจดีว่ากว่ามันจะกลับมาถึงห้องและนอนพักผ่อนมันดึกมากขนาดไหน ปล่อยให้นอนต่อไปจะดีกว่าหลังจากนั้นผมก็ขับพานาเม่ร่าสีน้ำเงินเข้มหรือก็คือไท่หยางของผมนั้นเองไปตามถนนที่การจราจรติดขัดอย่างไม่เร่งรีบมากนัก จนกระทั่งมาถึงโรงแรมที่เป็นสถานที่เรียน ผมเข้าไปแจ้งชื่อกับประชาสัมพันธ์ เธอก็บอกให้ผมเข้าไปที่ห้องครัวหลักของโรงแรมได้เลย พอเข้าไปแล้วทำให้ผมเห็นว่ามีนักเรียนคนอื่นๆ อีก 2 คนมารออยู่ก่อนแล้ว พวกเราทั้งสามคนนั่งเรียงกัน จนกระทั่งเชฟเดินเข้ามาใกล้ พวกผมถึงผุดตัวลุกขึ้น ยกมือไหว้สวัสดี เชฟพยักหน้ารับเล็กน้อย แล้วจึงเดินนำไปที่มุมหนึ่ง มีโต๊ะแล้วข้าวของจัดวางรอเอาไว้ 3 ชุด และที่ด้านหลังเป็นวัตถุดิบชนิดต่างๆ“ผมจะขอแจ้งก่อนว่า การสอนของผมจะไม่เหมือนกับโรงเรียนการสอนทั่วๆ ไป ผมจะไม่บังคับให้พวกคุณพยายามทำตามวิธีการของผม หรือต้องรสชาติเหมือนผม กลับกันผมอยากจ
ผมตื่นนอนขึ้นมาช้าๆ เป็นเวลายามเช้าแล้วล่ะครับ เห็นไอ้ซันนอนอยู่ข้างๆ วงแขนแกร่งยังคงกกกอดผมเอาไว้ พอก้มมองดูเสื้อผ้าของตัวเองก็เข้าใจได้ว่ามันคงจะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แล้ว รวมถึงตัวมันเองด้วย ผมยกแขนของมันออกจากตัวช้าๆ แล้วก้าวเท้าลงจากเตียง เดินมุ่งตรงไปที่ห้องครัวเริ่มรื้อค้นวัตถุดิบออกมาทำอาหาร แต่เมื่อเปิดตู้เย็นแล้วก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ขยับขนมทั้งหลายแหล่ออกไปด้านข้าง แล้วรื้อของมาทำกับข้าวแทน ผมตั้งใจจะทำกระเพาะปลาครับ เสียดายที่ไม่มีไข่นกกระทา แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่ใส่ก็ได้ คิดพลางเริ่มขยับมีด หั่นกระเพาะปลาออกเป็นชิ้นๆ แล้วหั่นเห็ดหอมต่อ ผมเริ่มทำอาหารไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรับรู้ถึงความอบอุ่นที่ตามมาทาบทับจากด้านหลัง“หอมจัง”“อื้อ ใกล้เสร็จแล้ว ไปนั่งไป”“เปล่า ไม่ใช่กระเพาะปลา แต่เป็นเมียอะ” พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มผมเบาๆ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ยืนทำอาหารต่อไป โดยที่มีลูกลิงเกาะอยู่ที่ด้านหลัง จนกระทั่งทำเสร็จ ก็ตักใส่ถ้วย แล้วยื่นให้มันเป็นคนยกไปวางเอาไว้ ก่อนจะล้างไม้ล้างมือ ถอดผ้ากันเปื้อน แล้วเดินไปนั
วันถัดมา ในช่วงเกือบๆ เที่ยงของวัน ในขณะที่ผมกับไอ้ซันก็ยังคงนอนด่ากันพร้อมกับดูทีวีไม่เลิก เสียงโทรศัพท์ก็ดังเข้าแทรก ทำให้บทสนทนาของเราหยุดชะงักลง ก่อนที่ไอ้ซันจะผุดตัวลุกขึ้นไปกดรับสาย พูดคุยอีกนิดหน่อย หันมองมาทางผมเล็กน้อย แล้วจึงตอบรับกลับไป“ปะ”“ไปไหน?”“ไปคอนโดไอ้วุฒิ มันชวนไปตั้งวง” ผมพยักหน้ารับน้อยๆ เตรียมตัวออกจากห้อง ไม่ได้เจอพวกมันนานแล้วเหมือนกัน เราพากันแวะซื้อของนิดหน่อย ทั้งเหล้า เบียร์ น้ำอัดลม และกับแกล้ม โดยที่ได้รับรู้มาว่าไอ้เพชรมันมีเรื่องเครียดๆ ไอ้วุฒิเลยชวนเพื่อนๆ ไปจอยกัน ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็น่าจะทำให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้น พอพวกผมซื้อของเสร็จก็พากันมุ่งตรงไปหาไอ้วุฒิกับไอ้เพชรที่คอนโดทันที เห็นว่าไอ้วุฒิมันเป็นคนออกมาเปิดประตู และไอ้เพชรกำลังนั่งเล่นเกมอยู่บนโซฟา หันหน้ามามอง พวกผมโบกไม้โบกมือน้อยๆ เป็นการทักทายแล้วจึงพากันเข้าไปในห้อง เตรียมตั้งวง ไอ้วุฒิมันเป็นคนหาจานชามช้อนส้อมมาให้ ส่วนผมก็ช่วยกันจัดใส่จานอีกทีไอ้ซันขยับขึ้นไปนั่งข้างๆ ไอ้เพชร ยกแขนขึ้นคล้องคอก่อนจะเอ
“เมีย ขอโทษ......”“.....”“นะ ขอโทษ....”“.....” ผมนอนปรายตามองคนที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ข้างเตียง โดยที่กำลังนอนคว่ำ บนหน้าผากมีแผ่นเจลลดไข้แปะพาดเอาไว้อยู่ แววตานั้นนิ่งสงบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟันขบกัดจนห้อเลือด ไม่พอ ยังมีรอยช้ำม่วงตามข้อแขน หัวไหล่ ลำคอ ข้อเท้า และต้นขาอยู่เต็มไปหมด ผสมกับรอยรักสีกุหลาบที่กระจายอยู่ทั่วทั้งตัว และครับ ผมเป็นไข้ครับ“ผัวจะพยายามครับเมีย.....”คำๆ นี้มันเชื่อไม่ได้!!!!!แม่ง.... ยับเลยครับ ไหนครับความอ่อนโยน? ทนทำได้ไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ!!! ความอดทนของมันก็จบสิ้นลงแล้ว มันพยายามข่มกลั้นความดิบเถื่อนเอาไว้สุดความสามารถ จึงเป็นที่มาของรอยรักสีกุหลาบทั่วตัว ไม่เว้นแม้พื้นที่ใกล้เคียงกับส่วนอ่อนไหวของผม แต่ก็เท่านั้นละครับ หลังจากนั้นมันก็ตะโกนออกมาดังลั่น“ไม่ไหวแล้วเมียยยยยย”ผมที่กำลังยกมือขึ้นปิดปาก
“เมีย ตื่นๆ” เสียงของไอ้ซันที่เขย่าตัวผมเบาๆ ทำให้ผมปรือตาขึ้นมองอย่างหงุดหงิดใจ เห็นใบหน้าของมันที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษจนน่าหมั่นไส้ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง พลิกตัวหนี นอนขดผ้าห่ม“เมียยยย ตื่นน คนอื่นเขากลับกันหมดแล้วนะ”“ช่างแม่งดิ”“อ้อ” ไอ้ซันตอบรับแล้วเงียบไป ก่อนที่จะรับรู้ความรู้สึกนุ่มหยุ่น ประทับลงที่หัวไหล่ และเริ่มขบกัดไปทั่วแผ่นหลัง กดต่ำลงมาจนสะโพก ก่อนจะกัดก้นกลมเต็มแรงจนผมสะดุ้ง“เหี้ย!! ทำอะไรของมึงเนี้ย!!!” ว่าพร้อมกับผุดตัวลุกขึ้นทันที แต่เพราะช่องทางหลังที่พึ่งผ่านการใช้งานมาหมาดๆ ทำให้ยู่หน้าอย่างเจ็บปวด“หมั้นเขี้ยว” ว่าจบก็ขยับมากัดแก้มของผมต่อ“โอ๊ย!!! ไอ้ห่านี่ กูเจ็บนะมึง!!!!”“ยังไม่ชินอีกรึไง” ไอ้ซันพูดพร้อมกับยกยิ้มได้ใจ เริ่มดึงยืดแก้มของผมแล้วส่ายไปมา“ตื่นได้แล้ว นอนกินบ้านกินเมือง จะไปอาบน้ำที่คอนโดหรืออาบที่ค่าย?”“คอนโด” ไอ้ซันบีบปลายคางของผมเอาไว้ แล้วกดจู
“ซัน.....” ผมเรียกคนตรงหน้าเสียงสั่นสะท้านเมื่อมันกดจูบลงมาอย่างเร่าร้อนไม่พักเว้นช่วงไว้ให้หายใจ จนผมต้องหันหน้าหนีเพื่อให้หลุดออกจากริมฝีปากที่ดึงรั้งนั้น“อะ อื้ออออ” ไอ้ซันตามลงมาทาบทับประกบจูบต่อ ไม่ยอมให้ผมได้ถอยห่าง ฝ่ามือจับล็อกท้ายทอยของผมเอาไว้ บังคับใบหน้าให้หันกลับไปรับจูบร้อนแรงดุไฟแผดเผานั้น มือของมันขยุ้มเส้นผมที่ท้ายทอยซึ่งเปียกชื้นอยู่ จูบของมันราวกับช่วงชิงลมหายใจของผมไปจนหมด ลิ้นร้อนเข้ามาตวัดเลียไปทั่วโพรงปาก หยอกล้อกับลิ้นเล็กของผม ก่อนจะละออกไปเลียตามไรฟัน และดูดดึงน้ำหวานสีใสออกไปจนหมด“อื้อออ” ผมร้องครางเบาๆ ด้วยความเสียวซ่าน ฝ่ามือของมันไต่ไปตามตัว ทิ้งสัมผัสอุ่นร้อนผะผ่าวเอาไว้ตามมือที่ลากผ่าน ศีรษะบดส่ายไปมาอย่างเพลิดเพลินไปกับรสจูบที่หอมหวาน ขบเม้มดูดดึงและขบกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ในขณะที่ผมก็ดูดดึงริมฝีปากบนของมันเช่นกัน ใช้ปลายลิ้นแตะๆ ริมฝีปากมันอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนมันเปิดปากออก ใช้ปลายลิ้นหลอกล่อให้ผมตามไปหา จนในที่สุดผมก็สามารถสอดแทรกลิ้นเข้าไปหยอกล้อได้เหมือนกับที่มันทำกับผม“อ
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรครับ เราพากันนั่งร้องเพลงสองคน นอนดูดาว พอดึกๆ เข้าหน่อยไอ้ซันก็เรียกให้ไปนอน เช้าวันถัดมามันไม่ได้ปลุกผมให้ตื่นไปทำกิจกรรม แต่กลับปล่อยให้ผมนอนไหลยาวเรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงเวลาสายๆ ที่เขาพักเบรกกัน ไอ้ซันก็เข้ามาปลุกให้ไปอาบน้ำแต่งตัว มันเก็บอาหารเช้าเอาไว้ให้แล้ว ระหว่างที่รอผมอาบน้ำมันก็จัดการไปอุ่นรอพอผมอาบน้ำเสร็จ ก็เอาของไปเก็บที่เต็นท์ แล้วเดินมาหามันที่โถงกิจกรรม เห็นพี่ท็อปกับเพื่อนๆ อีก 2 – 3 คนนั่งคุยกันอยู่ ผมนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับไอ้ซัน ซึ่งพี่ท็อปก็อยู่ข้างๆ มัน หน้าของไอ้ซันมันดูหงุดหงิดตลอดเวลา ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา ต่างจากพี่ท็อปที่ยิ้มร่าอารมณ์ดี เออเว้ย ตีกันแน่ๆ ละผมว่า“น้องเบส หลับสบายไหมครับ”“ก็พอได้อยู่ครับ แค่พื้นมันแข็งไปหน่อย ทำให้ผมปวดหลังนิดๆ น่ะ”“น้องเบสย้ายมานอนห้องพี่ไหม?”“ไม่เอาหรอกครับ พี่ท็อปจองแยกเพราะอยากนอนแบบส่วนตัวนี่น่า ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ”“ได้ไงละ ถ้าลุงเดชารู้ว่าพี่ดูแลเราไม่ดี ได้โดนทั้งพ่อพี่ทั้งลุง