ในเช้าวันถัดมา ผมก็ตื่นมาทำอาหารเช้าให้ตัวเองและให้ไอ้ซันมันด้วย ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้อง เพื่อไปให้ทันการเข้าเรียนทำอาหารวันแรก ไม่คิดจะปลุกมันให้ลุกขึ้นมาทานอาหารหรือไปส่งหรืออะไรทั้งนั้น เพราะเข้าใจดีว่ากว่ามันจะกลับมาถึงห้องและนอนพักผ่อนมันดึกมากขนาดไหน ปล่อยให้นอนต่อไปจะดีกว่า
หลังจากนั้นผมก็ขับพานาเม่ร่าสีน้ำเงินเข้มหรือก็คือไท่หยางของผมนั้นเองไปตามถนนที่การจราจรติดขัดอย่างไม่เร่งรีบมากนัก จนกระทั่งมาถึงโรงแรมที่เป็นสถานที่เรียน ผมเข้าไปแจ้งชื่อกับประชาสัมพันธ์ เธอก็บอกให้ผมเข้าไปที่ห้องครัวหลักของโรงแรมได้เลย พอเข้าไปแล้วทำให้ผมเห็นว่ามีนักเรียนคนอื่นๆ อีก 2 คนมารออยู่ก่อนแล้ว พวกเราทั้งสามคนนั่งเรียงกัน จนกระทั่งเชฟเดินเข้ามาใกล้ พวกผมถึงผุดตัวลุกขึ้น ยกมือไหว้สวัสดี เชฟพยักหน้ารับเล็กน้อย แล้วจึงเดินนำไปที่มุมหนึ่ง มีโต๊ะแล้วข้าวของจัดวางรอเอาไว้ 3 ชุด และที่ด้านหลังเป็นวัตถุดิบชนิดต่างๆ
“ผมจะขอแจ้งก่อนว่า การสอนของผมจะไม่เหมือนกับโรงเรียนการสอนทั่วๆ ไป ผมจะไม่บังคับให้พวกคุณพยายามทำตามวิธีการของผม หรือต้องรสชาติเหมือนผม กลับกันผมอยากจ
“ไม่!!!”“ใช่! ไม่!”“นะเมียนะ ผัวอยากเห็น นะ”“ไม่!” ตอนนี้ผมกำลังยืนกรานเสียงแข็ง สองมือถูกยกขึ้นกอดอก หันหน้าหนีสะบัดไปอีกทางอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก“โธ่ เมียครับ นะครับ น้าาาาา” ไอ้ซันเอ่ยปากขอร้องอีกครั้งทำให้ผมตวัดสายตาหันไปมอง“ลูกฉันไม่อยาก ไม่เข้าใจรึไง” ป๊าเอ่ยปากเสียงเข้ม เข้าข้างผมเต็มที่ อย่างน้อยก็ยังดีละ ที่มีป๊าเป็นพวกหลังจากที่ไอ้ซันมันขอผมแต่งงานที่สตูดิโอในวันนั้น ทำให้เกิดข่าวใหญ่ครึกโครมไปทั่ว เพราะมันเป็นรายการสด ทำให้คนทั่วโลกที่สนใจข่าวนี้ได้รับทราบพร้อมกัน รวมถึงครอบครัวที่อยู่ที่ไทยด้วย เราถึงได้บินลัดฟ้ากลับไทยอย่างรวดเร็ว เพราะป๊าผมเรียกให้มาจัดที่ไทยผมพึ่งมารู้เอาทีหลัง ว่าทีมงานไม่ได้เชิญผมไปเพื่อมอบดอกไม้หรืออะไรทั้งนั้น แต่เชิญผมไปเพื่อให้ถูกเซอร์ไพรส์มากกว่า ฉากที่ถูกจัดขึ้นมาจากการออกแบบของคนรักที่อยากให้เป็น และเหมือนว่าเจ้าตัวจะร้องขอทีมงานไว้ให้ช่วย ผมจึงแกล้งถามกลับว่าถ้าปฏิเสธจะทำยังไง ไม่อายเขา
“ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ ผมจะไว้ใจให้คุณทำงานใหญ่ได้ยังไง? อย่าให้ผมรู้สึกว่าเลี้ยงเสียข้าวสุกสิครับ”“คุณมีปัญญามีความสามารถทำได้แค่นี้หรอครับ? ผมคิดว่าผมจ้างคนที่มีความสามารถมาทำงานซะอีกนะ?”ปัง!ปัง!“ฮึก / ฮืออออ”ผมมองประตูที่อยู่คู่กันถูกเปิดออกในเวลาแทบจะไล่เลี่ยกัน แล้วมีหญิงสาวสองคนที่แต่งกายชุดสุภาพพากันเดินออกจากห้องด้วยน้ำตานองหน้า ในขณะที่เลขาหน้าห้องของทั้งสองกำลังนั่งกุมขมับ ในจังหวะที่ประตูถูกเปิดออก ทำให้เห็นชายสองคนที่แต่งกายคล้ายกัน รูปร่างคล้ายกัน กำลังเงยหน้าขึ้นมองผมพร้อมยกยิ้มพร้อมร้องเรียก“น้องเบส! /เมีย!” ประตูปิดลงช้าๆ พร้อมกับผมที่หยุดชะงักฝีเท้า เลือกไม่ถูกว่าจะเข้าห้องไหนก่อนดี ยืนมึนงงอยู่ระหว่างประตูทั้งสองบาน ก่อนจะตัดสินใจ เดินเข้าประตูบานแรก เคาะประตูเล็กน้อย แล้วจึงเปิดเข้าไป“สวัสดีครับคุณลุง”“คุณลุงอะไรกันละ ต้องเรียกพ่อได้แล้วสิ” ชายรูปร่างภูมิฐานเอ่ยบ
“อะ อืมมมม มึงจะพอได้ยัง?”“ยัง”“ห่า กูจะตายอยู่ละนะ” ผมร้องบอกคนที่ซ้อนทับอยู่ที่ด้านหลัง เมื่อมันยังขยับโยกกายเข้าหาไม่หยุด โดยบอกเอาไว้ว่านี่คือการลงโทษ ของคนที่ชอบหนี ชอบมีอะไรแล้วไม่พูด และอีกหลายๆ ข้อหา ที่ผมทำลงไป ผมกับมันหมกตัวอยู่แต่ในห้องมา 3 วันแล้ว ป๊าแทบจะพังประตูเข้ามาอยู่แล้วปัง! ปัง! ปัง!“ปล่อยลูกฉันออกมาได้แล้ว!!! ใจคอจะจับขังลืมเลยรึไง!!! ออกมาเดี๋ยวนี้!!!” เสียงของป๊าโวยวายอยู่หน้าห้อง ทำให้การขยับกายเข้าหาของไอ้ซันหยุดชะงัก พร้อมกับตะโกนกลับไป“ถ้าป๊าอยากดูหนังสดก็พังประตูเข้ามาเลยครับ!!!” ว่าจบก็ไม่สนใจเสียงร้องตะโกนโวยวายข้างนอกห้อง แต่กลับมาสนใจเรียกเสียงครางของผมแทน ยิ่งครางดังเท่าไหร่มันก็ยิ่งชอบใจ“อะ อื้อ! ซัน! อ๊าาา ปะ ป๊ากู อื้ออออ” ผมร้องครางด้วยความทรมาน พร้อมบิดเร้ากายอย่างห้ามไม่อยู่ ไอ้ซันมันรู้จักเนื้อตัวของผมทุกซอกทุกมุม รู้ว่าตรงไหนคือจุดอ่อนที่ผมมี มันก็เล่นผมไม่ยั้งจนตัวสั่นสะท้าน กระตุกเ
ร่างสูงที่รีบเร่งเดินทางมาด้วยความรวดเร็ว จอดรถเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ แล้วก้าวเท้าลงจากรถ เดินมุ่งตรงไปที่บ้านหลังใหญ่ ซึ่งมีการประดับตกแต่งไม่ต่างจากบ้านหลังก่อนหน้า เพียงแต่ว่าทุกอย่างมันจบสิ้นลงแล้ว ที่บ้านหลังนี้ไร้ผู้คน มันดูเงียบเหงาเหมือนเมื่อยามที่งานเลี้ยงเลิกรา โต๊ะจีนที่ถูกเรียกมาเริ่มต้นเก็บข้าวของเข้าที่ ทำการรื้อค้นอุปกรณ์ออก จัดเก็บข้าวของขึ้นรถทำให้คนที่เร่งรีบเดินทางมาถึงกับหยุดชะงัก หายใจหอบเหนื่อย ดวงใจหนักอึ้ง ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาคือ ไม่ทัน.... ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว.... คิดพลางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนหมดแรง ดวงตาเหม่อมองไปที่ประตูบ้าน พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนที่มันจะไหลออกมาช้าๆ เมื่อเห็นคนรักประคอง ภรรยา ออกมาจากบ้านหลังโต และหยุดชะงักลงเมื่อเห็นร่างสูงนั่งอยู่ที่หน้าประตูบ้าน จึงหันไปร้องบอกภรรยาหมาดๆ เบาๆ ลูบหัวอีกนิดหน่อย แล้วจึงเดินสาวเท้าเข้ามาหา ในขณะที่เจ้าสาวแยกตัวไปอีกทางพร้อมกับชายชุดดำคนหนึ่งตึก ตึก ตึกเสียงย่ำเท้าในจังหวะ
[ไอ้เบสมันกลับมาไทยแล้ว!!! แล้วกำลังจะ แต่งงาน วันพรุ่งนี้!!! มึงไปมุดหัวอยู่ที่ไหนห๊ะ!!!] เสียงของไอ้วุฒิดังมาตามสาย ผมร้องออกไปอย่างไม่เชื่อหูของตัวเอง“อะไร.... นะ” เสียงของผมเบาหวิว หูดับ ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก แม้ว่าคนที่ปลายสายจะโวยวายออกมายกใหญ่ แต่ผมจับใจความอะไรไม่ได้เลย นอกจากคำว่า แต่งงานแต่งงานอะไร? แต่งกับใคร? ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมผมถึงไม่เห็นรู้? ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างคนคิดอะไรไม่ออก นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ลำดับเหตุการณ์ไม่ถูกว่าควรจะทำอะไรก่อนหลัง ก่อนจะกดตัดสายเพื่อนทิ้งอย่างรวดเร็ว แล้วกดโทรออกไปหาคนๆ หนึ่ง“เตรียมเครื่องบินให้ฉัน ด่วน!!!!” หลังจากนั้นก็กดวางสาย มือกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นจนมันแทบจะแหลกคามือ“เบส.... โธ่เว้ย!!!!” ตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย รีบเก็บข้าวของๆ ตัวเอง แล้วก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เดินลงไปรอที่ด้านล่างด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านใจ“อีกแล้ว หนีกูไปอีกแล้ว!!!” เดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น ก่อนที่รถเช่าจะมาจอ
“โอ้ย ฮึก ฮืออออ” ผมนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง เจ็บตามเนื้อตัวก็ว่าพอแรงแล้ว ทำไมต้องมาเป็นตอนนี้ด้วย คิดไปคิดมาที่มันเป็นแบบนี้ก็สมเหตุสมผลอยู่“ฮือออ อึก!” อาการพะอืดพะอมเริ่มตีตื้นขึ้นมา ชวนให้พาร่างที่เจ็บปวดรวดร้าวคลานเข้าห้องน้ำทั้งๆ ที่เดินแทบไม่ไหว“อุ้บ อ๊อก อ้วกกกกกก” ผมกอดโถ่เอาไว้พร้อมกับอาเจียนน้ำย่อยสีขาวใสลงโถ่อย่างคนหมดแรง จนเมื่อความรู้สึกพะอืดพะอมจางหายไป แทนที่ด้วยความเจ็บปวดที่ภายใน จนต้องงอตัว มือถูกกดไว้ที่หน้าท้องของตัวเองแน่น เหมือนอยากให้มันช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ดวงตาเริ่มปรือปรอยจะปิดพับลง ตัวโอนเอนไปมาอย่างห้ามไม่อยู่“เบส!!!” เสียงของคนรักเข้ามารับได้ทันก่อนที่ลำตัวจะล้มลงกับพื้นห้องน้ำ“เมีย!! เป็นอะไร! เจ็บตรงไหน บอกกูสิ!! เบส!!” ไอ้ซันร้องเรียกผมให้พยายามมีสติ ฝ่ามือขยับแตะไปทั่วตัวอย่างเป็นห่วง ผมพยายามฝืนความต้องการของร่างกาย ร้องบอกเสียงเบา“ยา... หัวเตียง...” เพียงเท่านั้นเป็นอันรู้เรื่อง มันอุ้มผมขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว พาไปนอ