เรือไม้ของฟรอเรสแล่นฝ่าคลื่นออกจากเขตน้ำวนได้ในที่สุด ทะเลกลับมาสงบลงทีละน้อย กลิ่นเกลือคละเคล้ากับกลิ่นไม้เก่า ๆ ของดาดฟ้าให้ความรู้สึกโล่งใจหลังผ่านพายุ
“ฟู่… ข้าว่าเราสมควรหาที่นั่งดื่มสักเจ็ดแปดขวดเพื่อฉลองที่ยังมีชีวิต” ฟรอเรสเอ่ยพลางลูบหนวดตัวเองยิ้มกว้าง “ถ้าดื่มแล้วเรือไม่ถึงฝั่ง ก็ไม่ต้องฉลองหรอก” “เชื่อมือข้าเถอะ กัปตันเรือผู้นี้ไม่เคยชนโขดหิน… เอ่อ ก็มีครั้งเดียว แต่ นั่นเพราะหินมันขยับเข้ามาหาข้า” ฟรอเรสว่าพลางหัวเราะเสียงดัง ในที่สุด เส้นขอบฟ้าก็เผยให้เห็นเงาของวังใหญ่ตั้งตระหง่านบนเกาะกลางทะเล ตัวปราสาทเป็นหินสีทองปนส้ม หลังคามุงกระเบื้องสีเขียวมรกตสะท้อนแดดจนแสบตา รอบ ๆ มีท่าเรือหินอ่อนและสวนปาล์มไหวเอนตามลม เมื่อเรือเทียบท่า บรรดาคนรับใช้สวมเสื้อผ้าสีสดพากันออกมาต้อนรับ ทั้งยกผลไม้ เหล้า และผ้าขนหนูผืนใหญ่ให้ทุกคน ฟรอเรสยิ้มร่าแล้วหันไปหาไอล่า ซึ่งกำลังยืนมองวิวรอบ ๆ อย่างสงบ “นี่… เอ่อ…” เขาเกาท้ายคออย่างเก้อ ๆ ไอล่าเลิกคิ้ว “อะไรหรือ?” “คือ… ข้าเคยพาใครมาที่นี่ไม่กี่ครั้งนะ ส่วนใหญ่ก็แค่พวก… เอ่อ… ลูกเรือขี้เมา หรือไม่ก็พวกนักล่าค่าหัวที่มาขอที่ซุกหัวนอน” “แล้วทำไมถึงพาเรามา?” ไอล่าถาม พลางยกถาดผลไม้จากคนรับใช้ ฟรอเรสกลืนน้ำลาย ยิ้มแหย “ก็… เอ่อ… เพราะเจ้าไม่เหมือนใครไง” ไอล่าชะงักนิดหนึ่ง หันมามองเขา “ไม่เหมือนใครยังไง?” “ก็แบบ… เจ้าไม่เคยขโมยเหล้าข้าตอนข้าเผลอ ไม่เคยด่าเรือข้าเหมือนคนอื่น… แถมเวลาเจ้ามอง มันทำให้ข้ารู้สึกว่า… อืม… มันสวยกว่าปกติ” เขาพูดรัวเหมือนกลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจ แล้วรีบเสริม “แล้วก็เพราะเจ้าไม่เคยหัวเราะตอนข้าร้องเพลงเมา ๆ… เออ ถึงจริง ๆ มันก็น่าขำอยู่บ้าง” ไอล่าหลุดหัวเราะ “ฟรอเรส… นี่ท่านสารภาพรักหรือแค่บ่นชีวิตตัวเอง?” “อ่า… อันที่จริง ข้าพยายามจะสารภาพรัก แต่ดันกลายเป็นบ่น… ก็ข้าไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนนี่” เขายกมือเกาหัวแรงจนผมกระเซิง ไอล่ายิ้มบาง “ข้าไม่เคยมีใครพาไปดูวังที่เต็มไปด้วยของประหลาด แล้วก็พูดสารภาพรักกลางท่าเรือแบบนี้มาก่อนเช่นกัน” ฟรอเรสตาโต “งั้น… ถือว่าข้าชนะใจเจ้าได้ใช่ไหม?” “ถือว่าเจ้าทำให้ข้ายิ้มได้หลังผ่านเรื่องน่ากลัวมา… ก็นับว่าได้ครึ่ง” เธอตอบพร้อมยื่นแก้วเหล้าให้เขา ฟรอเรสยิ้มจนแก้มปริ “ครึ่งก็ครึ่ง เดี๋ยวข้าจะหาทางเอาอีกครึ่งมาเอง… แบบถูกกฎหมายและไม่ต้องใช้มีด” หลังพักค้างคืนในวังหนึ่งคืน ฟรอเรสก็ประกาศเสียงดังตั้งแต่เช้าตรู่ "ทุกคน! เก็บข้าวของ เตรียมใบเรือ ข้าจะจัดงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมี!" อีธานเลิกคิ้ว "ใหญ่แค่ไหน?" "ใหญ่พอให้ปลาวาฬว่ายมาร่วมวงเต้นได้" ฟรอเรสยักคิ้ว ไอล่าหัวเราะส่ายหัว "ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดจริงหรือเปล่า" "ครั้งนี้จริง… และจะมีงานแต่งด้วย" เขายิ้มกว้าง "ใครจะแต่ง?" นีร่าถามอย่างระแวง ฟรอเรสชี้นิ้วไปที่ตัวเองอย่างภาคภูมิ "ข้าไง กับไอล่า!" ทุกคนหันมามองไอล่าพร้อมกัน เธอหน้าแดงนิด ๆ แต่พยักหน้าช้า ๆ “ก็… ถ้ามันทำให้ทุกคนได้ดื่มฟรี ข้าก็ไม่ขัด” เสียงเฮดังลั่นเรือ เมืองทั้งเมืองถูกประดับด้วยธงผ้าสีทองและน้ำเงินเข้ม ลวดลายตราประจำตระกูล—ดาบไขว้เหนือคลื่น—สะบัดพลิ้วตามแรงลมทะเล เสียงปืนใหญ่ยิงต้อนรับดังก้องจากป้อมปราการริมท่าเรือ ลานพระราชวังที่หันหน้าออกทะเลถูกแปลงเป็นสถานที่ประกอบพิธี ขึงหลังคาผ้าลินินเหนือแท่นหินอ่อน ล้อมด้วยเสากลมพันเชือกปอและเปลือกหอยขาวเป็นประกาย แซมด้วยกุหลาบสีเลือด ฟรอเรสก้าวออกมาจากโถงพระราชวัง—วันนี้เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าธรรมดา หากแต่เป็น ชุดเจ้าชายโจรสลัดแห่งราชวงศ์ เสื้อโค้ตตัวยาวตัดจากผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม ปักดิ้นทองเป็นลวดลายสมอเรือและคลื่น แขนเสื้อพองเล็กน้อยแบบชนชั้นสูง แต่มีสายคาดหนังขัดเงาพาดอกสำหรับเหน็บดาบสั้นประจำตัว ปกเสื้อประดับขนนกสีดำจากนกทะเลหายาก หมวกกัปตันใบเดิมถูกตกแต่งด้วยขนนกยาวและเข็มกลัดทองรูปเข็มทิศ ฝังพลอยน้ำเงินตรงกลาง ที่ปลายนิ้วของเขาสวมแหวนตราประจำตระกูล—สัญลักษณ์แห่งอำนาจเจ้าชาย—แต่รอยยิ้มขี้เล่นยังเหมือนเดิม แล้วไอล่าก็ปรากฏตัว เธอสวม ชุดเจ้าสาว กระโปรงชั้นนอกเป็นผ้าไหมโปร่งสีขาวนวล ไล่เฉดลงเป็นสีฟ้าน้ำทะเลที่ชายกระโปรง ปักด้วยเม็ดมุกและเกล็ดจากปลากะพงเงินที่สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ คอเสื้อประดับสร้อยไข่มุกดำเส้นเดียว—ของขวัญจากฟรอเรส—และผ้าคลุมผมยาวถูกยึดด้วยมงกุฎทองสลักลายปะการัง ทั้งสองเดินเคียงกันบนพรมแดงที่ทอดจากประตูพระราชวังจนถึงแท่นพิธี เสียงดนตรีวงเครื่องสายผสมขลุ่ยทะเลบรรเลงท่วงทำนองอ่อนหวานปนกลิ่นอายโจรสลัด ทุกก้าวของฟรอเรสชวนให้คนดูจดจ้อง—ไม่เพียงเพราะเขาคือเจ้าชาย แต่เพราะเขาเดินด้วยท่าทางมั่นใจแบบกัปตันผู้ผ่านพายุและศึกนับไม่ถ้วน พิธีเริ่มขึ้น พระราชครูแห่งท้องทะเลอ่านถ้อยคำสาบานที่สืบทอดในราชวงศ์ ฟรอเรสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างที่น้อยคนนักจะได้ยินจากเขา “ข้าขอสาบานต่อฟ้า ต่อคลื่น และต่อหัวใจของเจ้า ว่าข้าจะเป็นลมพัดเรือของเราไปข้างหน้า—แม้พายุจะโหมแรงเพียงใด” ไอล่ามองเขาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “และข้าสัญญาว่าจะเป็นสมอเรือที่ยึดเราไว้ไม่ให้หลงทาง—แม้ท้องทะเลจะเปลี่ยนสี” เสียงโห่ร้องและปรบมือจากเหล่าขุนนาง, ชาวเมือง, และบรรดากัปตันเรือดังสนั่น ปืนใหญ่อีกครั้ง ขณะที่ฟรอเรสโอบเอวไอล่าแล้วจูบเธอท่ามกลางแสงอาทิตย์ จากนั้นงานเลี้ยงก็เริ่ม—โต๊ะยาวเรียงรายด้วยอาหารชั้นสูงและอาหารพื้นบ้านทะเล เครื่องดื่มไหลไม่ขาดสาย มีทั้งการเต้นรำแบบราชสำนักและการเต้นของโจรสลัดกลางลาน พระราชวังที่ครั้งหนึ่งเป็นเพียงที่ประทับของเจ้าชายกะล่อน วันนี้กลายเป็นหัวใจแห่งการเฉลิมฉลองของทั้งเมืองเวลาผ่านไปหลายเดือน อีธานเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่บนชายฝั่ง เขาได้สร้างมุมเล็ก ๆ บนเรือไม้ที่ไม่ใช้ล่องทะเลแล้ว เป็นบ้านชั่วคราวสำหรับเขาและลูก ผนังไม้ถูกแขวนเปลือกหอยและดอกไม้ทะเล เงือกตัวน้อยหัวเราะร่าเล่นน้ำในอ่างไม้กว้าง ขณะที่อีธานค่อย ๆ ช่วยเธอสอนว่ายน้ำ ฝึกหายใจ และทำความเข้าใจกับโลกบนบก“พ่อ… ข้าทำได้แล้วนะ!” เสียงเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอีธานยิ้มกว้าง มือเรียวจับมือเด็กไว้แน่น “ดีมาก! เจ้าทำได้จริง ๆ ข้าแทบไม่อยากเชื่อเลย” น้ำเสียงเขาอบอุ่น ราวกับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นใต้ทะเลกำลังโอบล้อมพวกเขาไว้ช่วงบ่ายที่เงียบสงบ คลื่นซัดเบา ๆ ผิวทะเลสะท้อนแสงตะวัน ทันใดนั้น คลื่นสูงขึ้นเล็กน้อยเหนือท้องน้ำ และร่างคุ้นเคยก็โผล่พ้นผิวน้ำ ดวงตาสีครามเจิดจ้า ยิ้มอ่อนโยน นีร่า—ราชินีแห่งท้องทะเล—ปรากฏอยู่ตรงหน้า“สวัสดี… ข้าแค่ผ่านมาแวะเยี่ยมสองพ่อลูกของข้า” เธอกระซิบ ราวกับเสียงคลื่นซัดเข้ามาเบา ๆลูกเงือกตัวน้อยตาเบิกกว้าง “แม่!?” แม้ยังเล็ก แต่แววตาเต็มไปด้วยความเข้าใจอีธานตาเบิกกว้าง ใจเต้นแรง มือยังกุมเด็กไว้แน่น เขายิ้มออกมา น้ำตาไหลพรากโดยไม่รู้ตัว “นีร่า… ข้า… ข้าคิดถึงเจ้า
คลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินที่ยื่นออกไปกลางอ่าว อีธานนั่งอยู่คนเดียว มือกำสร้อย ที่นีร่าเคยให้เขาไว้แน่น สร้อยสั่นไหวเล็กน้อยตามแรงลม และทุกครั้งที่ดวงตาของเขาสบกับมัน ความทรงจำก็กลับมา รอยยิ้มของนีร่า เสียงหัวเราะในคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว การต่อสู้ใต้ทะเลลึก และคำสัญญาที่ยังคงอยู่ในใจ“นีร่า… ข้า… ข้าอยากเจอเจ้า…” เสียงอีธานพึมพำเบาๆ มือของเขากำสร้อยแน่นขึ้น ทันใดนั้น เสียงหัวเราะแหลมใส ๆ ดังขึ้นจากน้ำ อีธานหันมอง เงาร่างเล็ก ๆ ผุดขึ้นเหนือผิวน้ำ ผมสีทองฟุ้งราวกับเส้นแสง ดวงตาใสเหมือนมุกมองเขาอย่างเต็มไปด้วยความไว้วางใจ“พ่อ…” เสียงนั้นเรียบง่าย แต่ชัดเจน ท่วงทำนองนั้นเจือความอบอุ่นและความคุ้นเคยที่ลึกซึ้งอีธานตาเบิกกว้าง มือที่กำสร้อยไว้เกือบหลุด ร่างเขาสั่นด้วยความประหลาดใจและไม่เชื่อสายตา “เฮ้… เจ้าคือ....เด็กเงือกตัวน้อยยิ้มกว้าง โบกมือ “ข้าคือ… ลูกของพ่อ เเม่ส่งข้าขึ้นมาอีธานแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาก้มลง กำมือทั้งสองของเด็กไว้แน่น รู้สึกถึงความอบอุ่นและชีวิตที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้สัมผัสอีกครั้ง“นี่… จริงหรือ… ข้า… ข้าต้องดูแลเจ้า… ใช่ไหม?” เสียงเขาสั่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยควา
เสียงดนตรีเบาลง ดวงไฟระยิบระยับสะท้อนบนผิวน้ำรอบ ๆ พระราชวัง เป็นฉากที่เหมาะกับความสงบ แต่ในใจของนีร่าเต็มไปด้วยความว้าวุ่นอีธานยืนอยู่ข้างเธอ มองออกไปยังผืนน้ำทะเลมืดกว่าปกติ “คืนนี้… ทุกอย่างเหมือนฝันเลยนะ” เขาพูดเบา ๆ ราวกับกลัวคำพูดจะทำให้มันแตกสลายนีร่ายิ้มบาง ๆ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยคราบน้ำตา “ใช่… เหมือนฝัน… แต่ข้ากลับรู้สึกว่าฝันนี้กำลังจะจบลง”อีธานเงยหน้ามองนีร่า ดวงตาของเขาสื่อถึงความสงสัยและความเจ็บปวด “เจ้าหมายความว่าอะไร? นีร่า… อย่าบอกว่าข้าต้องเสียเจ้าไปอีกครั้งนะ”นีร่าเงียบไปสักครู่ สูดหายใจลึก ๆ ก่อนเอ่ยเสียงสั่น ๆ “ข้า… ต้องกลับไปยังทะเล… ข้าต้องกลับไปเป็นราชินีอีกครั้ง”อีธานชะงัก มือของเขาข้างหนึ่งจับข้อมือเธอแน่น “แต่…คืนนี้เจ้ากำลังอยู่ที่นี่กับข้า… เราเพิ่งรอดมา…เพิ่งเฉลิมฉลอง…เจ้าไม่จำเป็นต้องไปเดี๋ยวนี้หรอกนะ”นีร่าหันหน้าหนี น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว “ข้าไม่สามารถอยู่ต่อได้…ทะเลต้องการข้า… ข้าต้องปกป้องมัน… และถ้าข้าไม่ไป… จะมีอีกหลายชีวิตที่ถูกคุกคาม… ข้าไม่สามารถเห็นใครต้องตายเพราะข้าไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง”อีธานสูดลึก พลางเอื้อมมือลูบแก้มเธออย่างแผ่วเบ
พระราชวัง ถูกแปลงเป็นสวนแห่งแสงไฟ โคมไฟกระจกน้ำมันแขวนเรียงรายเหนือสวนล้อมด้วยต้นปาล์มทะเล แสงสีทองสะท้อนลงบนผิวน้ำบ่อน้ำพุที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และเปลือกหอย เสียงคลื่นทะเลด้านนอกผสมกับเสียงดนตรีสดที่เล่นท่วงทำนองโจรสลัดปนหวานโต๊ะยาวจากไม้โอ๊กวางเรียงซ้อนด้วยจานเงิน จานทอง และชามมุก ภายในเต็มไปด้วยอาหาร—กุ้งย่างราดซอสไวน์ขาว ปูทะเลนึ่งเสิร์ฟคู่เนยสมุนไพร หอยนางรมสดวางบนก้อนน้ำแข็ง กุหลาบทอดคลุกเกลือทะเล และขนมปังอบใหม่ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลฟรอเรสในชุดเจ้าชายโจรสลัดเต็มยศเดินถือแก้วไวน์แดง ผ่านแขกเหรื่อที่กำลังหัวเราะเสียงดัง เขายืนคุยกับดรานที่กำลังหั่นเนื้อกวางป่า"บอกข้ามาตรง ๆ ดราน—เจ้าเคยคิดไหมว่าข้าจะลงเอยแต่งงานแบบราชพิธี?"ดรานเหลือบมองแล้วยักไหล่ "ข้าคิดว่าเจ้าคงลงเอยในคุกมากกว่า"เสียงหัวเราะจากโต๊ะดังขึ้นทันทีที่ฟรอเรสหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า! ดีที่วันนี้ไม่ใช่คุก แต่ถ้าเป็นคุกที่มีไอล่าอยู่ด้วย ข้าก็ยอม”อีกมุมหนึ่งของงาน นีร่ากำลังสอนเด็ก ๆ ในเมืองเต้นรำแบบโจรสลัด เด็ก ๆ หัวเราะคิกคักขณะที่พยายามหมุนตัวและกระทืบเท้าตามจังหวะกลองอีธานกับซารีนกำลังเล่นพนันเล็ก ๆ ด้วยลูกเต๋า—แต่แ
เรือไม้ของฟรอเรสแล่นฝ่าคลื่นออกจากเขตน้ำวนได้ในที่สุด ทะเลกลับมาสงบลงทีละน้อย กลิ่นเกลือคละเคล้ากับกลิ่นไม้เก่า ๆ ของดาดฟ้าให้ความรู้สึกโล่งใจหลังผ่านพายุ“ฟู่… ข้าว่าเราสมควรหาที่นั่งดื่มสักเจ็ดแปดขวดเพื่อฉลองที่ยังมีชีวิต” ฟรอเรสเอ่ยพลางลูบหนวดตัวเองยิ้มกว้าง“ถ้าดื่มแล้วเรือไม่ถึงฝั่ง ก็ไม่ต้องฉลองหรอก”“เชื่อมือข้าเถอะ กัปตันเรือผู้นี้ไม่เคยชนโขดหิน… เอ่อ ก็มีครั้งเดียว แต่นั่นเพราะหินมันขยับเข้ามาหาข้า” ฟรอเรสว่าพลางหัวเราะเสียงดังในที่สุด เส้นขอบฟ้าก็เผยให้เห็นเงาของวังใหญ่ตั้งตระหง่านบนเกาะกลางทะเล ตัวปราสาทเป็นหินสีทองปนส้ม หลังคามุงกระเบื้องสีเขียวมรกตสะท้อนแดดจนแสบตา รอบ ๆ มีท่าเรือหินอ่อนและสวนปาล์มไหวเอนตามลมเมื่อเรือเทียบท่า บรรดาคนรับใช้สวมเสื้อผ้าสีสดพากันออกมาต้อนรับ ทั้งยกผลไม้ เหล้า และผ้าขนหนูผืนใหญ่ให้ทุกคนฟรอเรสยิ้มร่าแล้วหันไปหาไอล่า ซึ่งกำลังยืนมองวิวรอบ ๆ อย่างสงบ “นี่… เอ่อ…” เขาเกาท้ายคออย่างเก้อ ๆไอล่าเลิกคิ้ว “อะไรหรือ?”“คือ… ข้าเคยพาใครมาที่นี่ไม่กี่ครั้งนะ ส่วนใหญ่ก็แค่พวก… เอ่อ… ลูกเรือขี้เมา หรือไม่ก็พวกนักล่าค่าหัวที่มาขอที่ซุกหัวนอน”“แล้วทำไมถ
เสียงคลื่นกระแทกตัวเรือไม้ดัง ป้าบ… ป้าบ… กลิ่นน้ำทะเลผสมกลิ่นไม้เก่าของดาดฟ้าอบอวลอยู่ในอากาศ แสงแดดบ่ายส่องสะท้อนผิวน้ำเป็นประกาย แต่ในอกของทุกคนกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่น้อยนีร่าทิ้งตัวนั่งลงบนกล่องไม้ มือยังสั่นน้อย ๆ จากภาพที่เพิ่งผ่านมา ดวงตาสีฟ้าของเธอมองออกไปยังผิวน้ำ—แค่เพียงใต้ชั้นผิวน้ำไม่กี่เมตร เธอสาบานว่าเห็นเงามืดขนาดใหญ่เคลื่อนขนานไปกับเรือช้าๆ.."นีร่า?" คาเอลที่กำลังเช็กบาดแผลตัวเองเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเธอจ้องออกไปนิ่งผิดปกติเธอกะพริบตาช้า ๆ แล้วตอบด้วยเสียงแผ่ว "เรา… ไม่ได้หนีรอดจริง ๆ"คาเอลเลิกคิ้ว แต่ก่อนจะถามต่อ เสียงไอของดรานก็ดังขึ้น เขานั่งพิงเสาเรือ หายใจแรงเหมือนยังไม่ฟื้นเต็มที่จากพิษเวทมนตร์ของราชินี น้ำหยดจากผมลงบนพื้นดาดฟ้าเป็นสาย"เขาจะกลับมา…" ดรานเอ่ยเสียงแหบ "และครั้งหน้า… พวกเราจะไม่มีโชคช่วยอีก"ฟรอเรสซึ่งกำลังรินเหล้าลงแก้วหัวเราะในลำคอ"เฮ้… อย่าเพิ่งทำหน้าเหมือนโดนสาป ข้าเพิ่งเปิดเหล้าขวดใหม่ จะให้บรรยากาศตึงแบบนี้ไม่ได้นะ" เขายกแก้วขึ้นจิบอย่างสบายใจ แต่ยังไม่ทันที่เหล้าจะไหลลงคอเต็มคำ—เรือทั้งลำก็สั่นสะเทือนอย่างแรง ครืนนนนน!เสียงไม้ครา