พระราชวัง ถูกแปลงเป็นสวนแห่งแสงไฟ โคมไฟกระจกน้ำมันแขวนเรียงรายเหนือสวนล้อมด้วยต้นปาล์มทะเล แสงสีทองสะท้อนลงบนผิวน้ำบ่อน้ำพุที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และเปลือกหอย เสียงคลื่นทะเลด้านนอกผสมกับเสียงดนตรีสดที่เล่นท่วงทำนองโจรสลัดปนหวาน
โต๊ะยาวจากไม้โอ๊กวางเรียงซ้อนด้วยจานเงิน จานทอง และชามมุก ภายในเต็มไปด้วยอาหาร—กุ้งย่างราดซอสไวน์ขาว ปูทะเลนึ่งเสิร์ฟคู่เนยสมุนไพร หอยนางรมสดวางบนก้อนน้ำแข็ง กุหลาบทอดคลุกเกลือทะเล และขนมปังอบใหม่ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล ฟรอเรสในชุดเจ้าชายโจรสลัดเต็มยศเดินถือแก้วไวน์แดง ผ่านแขกเหรื่อที่กำลังหัวเราะเสียงดัง เขายืนคุยกับดรานที่กำลังหั่นเนื้อกวางป่า "บอกข้ามาตรง ๆ ดราน—เจ้าเคยคิดไหมว่าข้าจะลงเอยแต่งงานแบบราชพิธี?" ดรานเหลือบมองแล้วยักไหล่ "ข้าคิดว่าเจ้าคงลงเอยในคุกมากกว่า" เสียงหัวเราะจากโต๊ะดังขึ้นทันทีที่ฟรอเรสหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า! ดีที่วันนี้ไม่ใช่คุก แต่ถ้าเป็นคุกที่มีไอล่าอยู่ด้วย ข้าก็ยอม” อีกมุมหนึ่งของงาน นีร่ากำลังสอนเด็ก ๆ ในเมืองเต้นรำแบบโจรสลัด เด็ก ๆ หัวเราะคิกคักขณะที่พยายามหมุนตัวและกระทืบเท้าตามจังหวะกลอง อีธานกับซารีนกำลังเล่นพนันเล็ก ๆ ด้วยลูกเต๋า—แต่แทนที่จะเล่นด้วยเงิน กลับเดิมพันด้วยการต้องทำเสียงนกทะเลเลียนแบบคนแพ้ เสียงตลก ๆ ดังจนแขกบางคนหันมามองอย่างขำขัน เมื่อดนตรีเปลี่ยนเป็นจังหวะช้าลง แสงตะเกียงสะท้อนเป็นประกายบนผิวทะเล ฟรอเรสก็มองหาไอล่า เธอกำลังคุยกับหญิงชราผู้หนึ่ง—แม่บ้านเก่าแก่ของวัง—ก่อนจะยิ้ม และหันมาทางเขา "ขออนุญาตเจ้าสาวคนสวยเต้นรำหน่อยได้ไหม?" เขาเอ่ยเสียงกึ่งจริงจังกึ่งขี้เล่น ไอล่าหัวเราะ "ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะไม่เหยียบเท้าข้า" "ข้าจะเหยียบเท้าเจ้าแค่สองสามครั้ง…เพื่อให้จำว่าข้าคือใคร" เขาพูดพร้อมยื่นมือ ทั้งคู่เต้นรำกลางลานท่ามกลางเสียงดนตรีเบาสบาย ฟรอเรสพยายามก้าวอย่างสุภาพแบบราชสำนัก แต่ก็ยังหลุดเป็นท่ากระโดดโจรสลัดสองสามครั้ง ไอล่าก็เลยหมุนตามแบบไม่โกรธ จนคนรอบข้างปรบมือส่งเสียงเชียร์ ค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงชนแก้ว แสงไฟสะท้อนบนคลื่นเบื้องนอกเหมือนทะเลเองก็ร่วมเฉลิมฉลอง ขณะที่เรือทุกลำในท่าจุดคบไฟประดับหัวเสา ราวกับทั้งอาณาจักรกำลังประกาศให้โลกรู้—นี่คือคืนแห่งความสุขของเจ้าชายโจรสลัดและเจ้าสาวแห่งท้องทะเล ในมุมสูงของระเบียง พระจันทร์กลมโค้งงามลอยเด่นเหนือฟ้า ฟรอเรสกระซิบกับไอล่าขณะทั้งคู่มองออกไป "คืนนี้… ข้ารู้สึกเหมือนมีทุกอย่างแล้ว" เสียงหัวเราะและเสียงดนตรีกลองยังดังก้องทั่วลานพระราชวัง ดวงไฟนับร้อยส่องแสงสะท้อนกับผิวทะเลเหมือนหยดดาวที่ตกลงมาเล่นน้ำ ทุกคนมัวแต่ดื่ม เต้นรำ และเล่าเรื่องราวผจญภัย—ไม่มีใครรู้เลยว่าเงามืดบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวอยู่ใต้น้ำ คลื่นลูกหนึ่งซัดเข้าฝั่งแรงกว่าปกติ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแหลมของชาวเมืองที่ยืนใกล้ท่าเรือ "มันคืออะไร!?" เสียงชายคนหนึ่งตะโกนก่อนจะถูกดึงลงไปใต้ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว น้ำสีครามกลายเป็นสีแดงเข้มในชั่วพริบตา เงือกกินคน—ผิวเป็นเกล็ดสีดำแวววาว ดวงตาเป็นสีเหลืองสว่างปนเขียวอมฟ้า ฟันเรียงเป็นแถวเหมือนใบมีด—โผล่ขึ้นจากน้ำพร้อมเสียงคำราม เสียงดนตรีหยุดกะทันหัน แขกเหรื่อบางคนวิ่งหนี บางคนคว้าอาวุธ ฟรอเรสกระชากดาบออกมาทันที "ทุกคน! ถอยเข้าไปในวัง!" พวกเงือกโจมตีอย่างรวดเร็ว ปีนขึ้นมาบนท่าแล้วขว้างหอกกระดูกฉลามใส่ผู้คน เสียงปืนจากทหารประจำการดังสนั่น แต่พวกมันก็เร็วกว่า ไอล่าคว้าดาบสั้นจากข้างเอวเจ้าสาวของเธอ—ไม่ใช่เจ้าสาวธรรมดาเสียทีเดียว—แล้วเข้าป้องกันเด็กเล็กที่ถูกล้อม ดรานใช้ขวดไวน์แตกฟาดใส่เงือกที่กระโจนเข้ามา ก่อนเตะมันตกน้ำกลับไป แต่ทันใดนั้น เสียงแหลมกรีดอากาศก็ดังขึ้น—ตัวหัวหน้าปรากฏ มันสูงใหญ่กว่าพวกเดียวกัน เกล็ดเป็นสีเงินหม่น มีรอยแผลยาวที่หน้าอก มือถือสามง่ามยาวปักด้วยเปลือกหอยสีเลือดหมึก ตาของมันจ้องฟรอเรสราวกับจำได้จากอดีตบางอย่าง ฟรอเรสตั้งท่าจะพุ่งเข้าไป แต่คลื่นน้ำตรงกลางลานกลับกระจายออก ร่างสูงสง่าในชุดเกราะมุกสีดำก้าวออกมาจากผิวน้ำอย่างเงียบงัน—ราชินีนีร่า ดวงตาของเธอเป็นประกายสีคราม เสียงของเธอดังก้องราวกับมาจากใต้ทะเลลึก “หยุดเดี๋ยวนี้” เงือกกินคนชะงักไปชั่วขณะ แต่หัวหน้าพวกมันคำรามใส่ แล้วพุ่งเข้าหาเธอพร้อมสามง่าม ราวกับไม่ยอมจำนนต่อใคร นีร่าไม่ถอยแม้ก้าวเดียว เธอก้าวเข้าไปหลบการแทงเฉียดแล้วใช้หอกมุกดำของตนแทงสวนเข้าที่ลำคอพอดี เสียงโลหะกระทบกระดูกดังก้องในความเงียบชั่วขณะ เลือดสีเข้มผสมกับน้ำเค็มกระเด็นขึ้นกลางลาน—หัวหน้าพวกมันล้มลงไร้ชีวิต ดวงตาเหลืองหม่นดับวูบ พวกเงือกที่เหลือมองภาพนั้นแล้วส่งเสียงแหลมโหยหวน ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าราชินีนีร่าอย่างพร้อมเพรียง เธอกล่าวด้วยเสียงเย็น “ตั้งแต่คืนนี้ไป พวกเจ้าจะไม่แตะต้องมนุษย์ในน่านน้ำนี้อีก” พวกมันพยักหน้าด้วยความหวาดเกรง ก่อนจะถอยหายกลับลงสู่ท้องทะเล เงียบงันราวกับไม่เคยมีการสังหารเกิดขึ้น เสียงหอบหายใจของคนรอดชีวิต และแสงตะเกียงที่สั่นไหวเหนือผิวคลื่น ฟรอเรสมองนีร่าด้วยสายตาซาบซึ้ง “ข้าว่า… เจ้าเพิ่งช่วยงานแต่งของข้าไว้” นีร่าตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าต้องตายในคืนที่ควรจะเป็นคืนแห่งความสุข” แล้วงานเลี้ยงก็เริ่มต้นใหม่ แม้จะมีคราบเลือดบนพื้นลาน แต่เสียงหัวเราะและเสียงดนตรีก็กลับมาอีกครั้ง ราวกับทุกคนเลือกจะจำว่ามันคือ “คืนที่ราชินีแห่งท้องทะเลช่วยชีวิตเจ้าชายโจรสลัด” มากกว่าจะจำว่ามันคือคืนแห่งความตาย ไอล่าหันมามองตาเขา “ข้าดีใจที่เจ้ารู้สึกแบบนั้น” ฟรอเรสยิ้มกว้าง “แต่พรุ่งนี้… ข้าอาจอยากได้อีก—เช่นการผจญภัยครั้งใหม่” ไอล่าหัวเราะเบา “ข้าว่าเราคงหนีความวุ่นวายไม่พ้นหรอก” และทั้งสองก็ยืนเคียงกัน ท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะที่ยังคงดังไกลไปจนสุดขอบทะเลเวลาผ่านไปหลายเดือน อีธานเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่บนชายฝั่ง เขาได้สร้างมุมเล็ก ๆ บนเรือไม้ที่ไม่ใช้ล่องทะเลแล้ว เป็นบ้านชั่วคราวสำหรับเขาและลูก ผนังไม้ถูกแขวนเปลือกหอยและดอกไม้ทะเล เงือกตัวน้อยหัวเราะร่าเล่นน้ำในอ่างไม้กว้าง ขณะที่อีธานค่อย ๆ ช่วยเธอสอนว่ายน้ำ ฝึกหายใจ และทำความเข้าใจกับโลกบนบก“พ่อ… ข้าทำได้แล้วนะ!” เสียงเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอีธานยิ้มกว้าง มือเรียวจับมือเด็กไว้แน่น “ดีมาก! เจ้าทำได้จริง ๆ ข้าแทบไม่อยากเชื่อเลย” น้ำเสียงเขาอบอุ่น ราวกับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นใต้ทะเลกำลังโอบล้อมพวกเขาไว้ช่วงบ่ายที่เงียบสงบ คลื่นซัดเบา ๆ ผิวทะเลสะท้อนแสงตะวัน ทันใดนั้น คลื่นสูงขึ้นเล็กน้อยเหนือท้องน้ำ และร่างคุ้นเคยก็โผล่พ้นผิวน้ำ ดวงตาสีครามเจิดจ้า ยิ้มอ่อนโยน นีร่า—ราชินีแห่งท้องทะเล—ปรากฏอยู่ตรงหน้า“สวัสดี… ข้าแค่ผ่านมาแวะเยี่ยมสองพ่อลูกของข้า” เธอกระซิบ ราวกับเสียงคลื่นซัดเข้ามาเบา ๆลูกเงือกตัวน้อยตาเบิกกว้าง “แม่!?” แม้ยังเล็ก แต่แววตาเต็มไปด้วยความเข้าใจอีธานตาเบิกกว้าง ใจเต้นแรง มือยังกุมเด็กไว้แน่น เขายิ้มออกมา น้ำตาไหลพรากโดยไม่รู้ตัว “นีร่า… ข้า… ข้าคิดถึงเจ้า
คลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินที่ยื่นออกไปกลางอ่าว อีธานนั่งอยู่คนเดียว มือกำสร้อย ที่นีร่าเคยให้เขาไว้แน่น สร้อยสั่นไหวเล็กน้อยตามแรงลม และทุกครั้งที่ดวงตาของเขาสบกับมัน ความทรงจำก็กลับมา รอยยิ้มของนีร่า เสียงหัวเราะในคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว การต่อสู้ใต้ทะเลลึก และคำสัญญาที่ยังคงอยู่ในใจ“นีร่า… ข้า… ข้าอยากเจอเจ้า…” เสียงอีธานพึมพำเบาๆ มือของเขากำสร้อยแน่นขึ้น ทันใดนั้น เสียงหัวเราะแหลมใส ๆ ดังขึ้นจากน้ำ อีธานหันมอง เงาร่างเล็ก ๆ ผุดขึ้นเหนือผิวน้ำ ผมสีทองฟุ้งราวกับเส้นแสง ดวงตาใสเหมือนมุกมองเขาอย่างเต็มไปด้วยความไว้วางใจ“พ่อ…” เสียงนั้นเรียบง่าย แต่ชัดเจน ท่วงทำนองนั้นเจือความอบอุ่นและความคุ้นเคยที่ลึกซึ้งอีธานตาเบิกกว้าง มือที่กำสร้อยไว้เกือบหลุด ร่างเขาสั่นด้วยความประหลาดใจและไม่เชื่อสายตา “เฮ้… เจ้าคือ....เด็กเงือกตัวน้อยยิ้มกว้าง โบกมือ “ข้าคือ… ลูกของพ่อ เเม่ส่งข้าขึ้นมาอีธานแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาก้มลง กำมือทั้งสองของเด็กไว้แน่น รู้สึกถึงความอบอุ่นและชีวิตที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้สัมผัสอีกครั้ง“นี่… จริงหรือ… ข้า… ข้าต้องดูแลเจ้า… ใช่ไหม?” เสียงเขาสั่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยควา
เสียงดนตรีเบาลง ดวงไฟระยิบระยับสะท้อนบนผิวน้ำรอบ ๆ พระราชวัง เป็นฉากที่เหมาะกับความสงบ แต่ในใจของนีร่าเต็มไปด้วยความว้าวุ่นอีธานยืนอยู่ข้างเธอ มองออกไปยังผืนน้ำทะเลมืดกว่าปกติ “คืนนี้… ทุกอย่างเหมือนฝันเลยนะ” เขาพูดเบา ๆ ราวกับกลัวคำพูดจะทำให้มันแตกสลายนีร่ายิ้มบาง ๆ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยคราบน้ำตา “ใช่… เหมือนฝัน… แต่ข้ากลับรู้สึกว่าฝันนี้กำลังจะจบลง”อีธานเงยหน้ามองนีร่า ดวงตาของเขาสื่อถึงความสงสัยและความเจ็บปวด “เจ้าหมายความว่าอะไร? นีร่า… อย่าบอกว่าข้าต้องเสียเจ้าไปอีกครั้งนะ”นีร่าเงียบไปสักครู่ สูดหายใจลึก ๆ ก่อนเอ่ยเสียงสั่น ๆ “ข้า… ต้องกลับไปยังทะเล… ข้าต้องกลับไปเป็นราชินีอีกครั้ง”อีธานชะงัก มือของเขาข้างหนึ่งจับข้อมือเธอแน่น “แต่…คืนนี้เจ้ากำลังอยู่ที่นี่กับข้า… เราเพิ่งรอดมา…เพิ่งเฉลิมฉลอง…เจ้าไม่จำเป็นต้องไปเดี๋ยวนี้หรอกนะ”นีร่าหันหน้าหนี น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว “ข้าไม่สามารถอยู่ต่อได้…ทะเลต้องการข้า… ข้าต้องปกป้องมัน… และถ้าข้าไม่ไป… จะมีอีกหลายชีวิตที่ถูกคุกคาม… ข้าไม่สามารถเห็นใครต้องตายเพราะข้าไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง”อีธานสูดลึก พลางเอื้อมมือลูบแก้มเธออย่างแผ่วเบ
พระราชวัง ถูกแปลงเป็นสวนแห่งแสงไฟ โคมไฟกระจกน้ำมันแขวนเรียงรายเหนือสวนล้อมด้วยต้นปาล์มทะเล แสงสีทองสะท้อนลงบนผิวน้ำบ่อน้ำพุที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และเปลือกหอย เสียงคลื่นทะเลด้านนอกผสมกับเสียงดนตรีสดที่เล่นท่วงทำนองโจรสลัดปนหวานโต๊ะยาวจากไม้โอ๊กวางเรียงซ้อนด้วยจานเงิน จานทอง และชามมุก ภายในเต็มไปด้วยอาหาร—กุ้งย่างราดซอสไวน์ขาว ปูทะเลนึ่งเสิร์ฟคู่เนยสมุนไพร หอยนางรมสดวางบนก้อนน้ำแข็ง กุหลาบทอดคลุกเกลือทะเล และขนมปังอบใหม่ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลฟรอเรสในชุดเจ้าชายโจรสลัดเต็มยศเดินถือแก้วไวน์แดง ผ่านแขกเหรื่อที่กำลังหัวเราะเสียงดัง เขายืนคุยกับดรานที่กำลังหั่นเนื้อกวางป่า"บอกข้ามาตรง ๆ ดราน—เจ้าเคยคิดไหมว่าข้าจะลงเอยแต่งงานแบบราชพิธี?"ดรานเหลือบมองแล้วยักไหล่ "ข้าคิดว่าเจ้าคงลงเอยในคุกมากกว่า"เสียงหัวเราะจากโต๊ะดังขึ้นทันทีที่ฟรอเรสหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า! ดีที่วันนี้ไม่ใช่คุก แต่ถ้าเป็นคุกที่มีไอล่าอยู่ด้วย ข้าก็ยอม”อีกมุมหนึ่งของงาน นีร่ากำลังสอนเด็ก ๆ ในเมืองเต้นรำแบบโจรสลัด เด็ก ๆ หัวเราะคิกคักขณะที่พยายามหมุนตัวและกระทืบเท้าตามจังหวะกลองอีธานกับซารีนกำลังเล่นพนันเล็ก ๆ ด้วยลูกเต๋า—แต่แ
เรือไม้ของฟรอเรสแล่นฝ่าคลื่นออกจากเขตน้ำวนได้ในที่สุด ทะเลกลับมาสงบลงทีละน้อย กลิ่นเกลือคละเคล้ากับกลิ่นไม้เก่า ๆ ของดาดฟ้าให้ความรู้สึกโล่งใจหลังผ่านพายุ“ฟู่… ข้าว่าเราสมควรหาที่นั่งดื่มสักเจ็ดแปดขวดเพื่อฉลองที่ยังมีชีวิต” ฟรอเรสเอ่ยพลางลูบหนวดตัวเองยิ้มกว้าง“ถ้าดื่มแล้วเรือไม่ถึงฝั่ง ก็ไม่ต้องฉลองหรอก”“เชื่อมือข้าเถอะ กัปตันเรือผู้นี้ไม่เคยชนโขดหิน… เอ่อ ก็มีครั้งเดียว แต่นั่นเพราะหินมันขยับเข้ามาหาข้า” ฟรอเรสว่าพลางหัวเราะเสียงดังในที่สุด เส้นขอบฟ้าก็เผยให้เห็นเงาของวังใหญ่ตั้งตระหง่านบนเกาะกลางทะเล ตัวปราสาทเป็นหินสีทองปนส้ม หลังคามุงกระเบื้องสีเขียวมรกตสะท้อนแดดจนแสบตา รอบ ๆ มีท่าเรือหินอ่อนและสวนปาล์มไหวเอนตามลมเมื่อเรือเทียบท่า บรรดาคนรับใช้สวมเสื้อผ้าสีสดพากันออกมาต้อนรับ ทั้งยกผลไม้ เหล้า และผ้าขนหนูผืนใหญ่ให้ทุกคนฟรอเรสยิ้มร่าแล้วหันไปหาไอล่า ซึ่งกำลังยืนมองวิวรอบ ๆ อย่างสงบ “นี่… เอ่อ…” เขาเกาท้ายคออย่างเก้อ ๆไอล่าเลิกคิ้ว “อะไรหรือ?”“คือ… ข้าเคยพาใครมาที่นี่ไม่กี่ครั้งนะ ส่วนใหญ่ก็แค่พวก… เอ่อ… ลูกเรือขี้เมา หรือไม่ก็พวกนักล่าค่าหัวที่มาขอที่ซุกหัวนอน”“แล้วทำไมถ
เสียงคลื่นกระแทกตัวเรือไม้ดัง ป้าบ… ป้าบ… กลิ่นน้ำทะเลผสมกลิ่นไม้เก่าของดาดฟ้าอบอวลอยู่ในอากาศ แสงแดดบ่ายส่องสะท้อนผิวน้ำเป็นประกาย แต่ในอกของทุกคนกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่น้อยนีร่าทิ้งตัวนั่งลงบนกล่องไม้ มือยังสั่นน้อย ๆ จากภาพที่เพิ่งผ่านมา ดวงตาสีฟ้าของเธอมองออกไปยังผิวน้ำ—แค่เพียงใต้ชั้นผิวน้ำไม่กี่เมตร เธอสาบานว่าเห็นเงามืดขนาดใหญ่เคลื่อนขนานไปกับเรือช้าๆ.."นีร่า?" คาเอลที่กำลังเช็กบาดแผลตัวเองเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเธอจ้องออกไปนิ่งผิดปกติเธอกะพริบตาช้า ๆ แล้วตอบด้วยเสียงแผ่ว "เรา… ไม่ได้หนีรอดจริง ๆ"คาเอลเลิกคิ้ว แต่ก่อนจะถามต่อ เสียงไอของดรานก็ดังขึ้น เขานั่งพิงเสาเรือ หายใจแรงเหมือนยังไม่ฟื้นเต็มที่จากพิษเวทมนตร์ของราชินี น้ำหยดจากผมลงบนพื้นดาดฟ้าเป็นสาย"เขาจะกลับมา…" ดรานเอ่ยเสียงแหบ "และครั้งหน้า… พวกเราจะไม่มีโชคช่วยอีก"ฟรอเรสซึ่งกำลังรินเหล้าลงแก้วหัวเราะในลำคอ"เฮ้… อย่าเพิ่งทำหน้าเหมือนโดนสาป ข้าเพิ่งเปิดเหล้าขวดใหม่ จะให้บรรยากาศตึงแบบนี้ไม่ได้นะ" เขายกแก้วขึ้นจิบอย่างสบายใจ แต่ยังไม่ทันที่เหล้าจะไหลลงคอเต็มคำ—เรือทั้งลำก็สั่นสะเทือนอย่างแรง ครืนนนนน!เสียงไม้ครา