“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำตัวเสียมารยาทจำชื่อลูกค้าไม่ได้ พอดี...ชื่อห่วยแถมหน้ายังโหลมากอีกต่างหาก”
“เพลงขวัญ!”
“พี่ว่าเราไปดูของต่อดีกว่าครับซีแนมจะได้รีบกลับไปพักผ่อน” ผมไม่อยากปล่อยให้ผู้หญิงสองคนนี้ยืนทะเลาะกันกลัวพวกเธอเองนั่นแหละที่จะอายคนเพราะฝีปากเพลงขวัญไม่ได้อยู่ในระดับเด็กมหาลัย ฝีปากเธอระดับแอดวานซ์เลยต่างหาก ขนาดเพิ่งรู้จักแค่ครึ่งวันผมยังสัมผัสมันได้เลย ส่วนความรู้สึกของผมถ้าถามว่าโกรธไหมที่เด็กคนนี้ว่าชื่อผมห่วยหน้าผมโหล ผมไม่โกรธหรอกครับแค่หงุดหงิดตะขิตตะขวงใจนิดหน่อย
“ยังค่ะพี่ฟรังซ์ ซีขอเคลียร์กับคนมารยาททรามก่อน” ซีแนมเธอร้ายครับ ร้ายตามประสาผู้หญิงนั่นแหละแต่ผมไม่ได้สนใจความร้ายกาจของเธอเท่าไหร่ คนครับไม่ใช่แม่ชีที่จะดีได้ตลอดเวลา
“จะเคลียร์ด้วยอะไรดีซีแนม อยากเคลียร์มากออกไปข้างนอกไหมจ้ะ ฉันกลัวข้าวของในนี้เสียหาย หรือถ้าผู้ชายของเธอยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายฉันก็โอเคนะถ้าจะเคลียร์ตรงนี้” เฮ้อ~สวยมากแต่แสบมากแบบนี้ใครจะอยากได้ไปเป็นแฟนวะ ผมเห็นหน้าเธอครั้งแรกเมื่อกลางวันก็แทบเคลิ้มกับความสวยแต่ก็ลบความรู้สึกแบบนั้นไปจนหมดเพราะเธอเป็นเด็กไอ้พอร์ช ยิ่งมาเห็นนิสัยของเธอแล้วผมโคตรสงสัยเลยว่าไอ้พอร์ชมันเปลี่ยนรสนิยมมาชอบแบบฝีปากจัดจ้านตั้งแต่เมื่อไหร่
แล้วไหนมันบอกว่ามันเลิกเลี้ยงเด็กแล้ว กินเหล้าเศร้าใจพร่ำเพ้อเป็นประจำว่าโดนเมียทิ้ง แล้วมันกลับมาเลี้ยงเด็กอีกทำไม ผู้หญิงคนนี้มีดีอะไรถึงทำให้ไอ้พอร์ชกลับมาเลี้ยงเด็กอีกครั้ง
“เธอมันไร้มารยาทที่สุดเลยเพลงขวัญ!”
“ก็พอกันนั่นแหละซีแนม เราสองคนมันศีลเสมอกัน หรือจะเถียงว่าไม่ใช่ไหม เถียงสิแต่บอกไว้ก่อนว่าฉันพร้อมขุด” อืม~ ถ้าให้ผมเปรียบเธอสองคนเป็นตัวละคร บอกตรง ๆ ว่าเป็นตัวร้ายทั้งสองคนนั่นล่ะ คนหนึ่งนางร้ายที่ร้ายแบบธรรมดาทั่วไป อีกคนร้ายโจ่งแจ้งแต่ก็ยังมีความแสบและมีความร้ายที่ลึกมากกว่าที่แสดงออกมาอยู่มากพอตัวเหมือนกัน
“หุบปากของเธอนะเพลงขวัญอย่าเที่ยวพูดอะไรพล่อย ๆ”
“ซีแนมครับพี่ว่าเราไปดีกว่านะ อย่ามาทะเลาะกันตรงนี้เลย” ผมไม่ชอบเห็นผู้หญิงทะเลาะกัน มันไม่น่ารักเท่าไหร่
“แต่เพลงขวัญพูดจาแย่ใส่ซีนะคะพี่ฟรังซ์” ซีแนมเหวี่ยงใส่ผม ถึงผมจะหลงเธอเป็นพิเศษในช่วงนี้แต่ผมไม่ได้สมองเบาจนมองไม่ออกว่าซีแนมเป็นคนหาเรื่องเพลงขวัญก่อน
“เหรอ~” อ่าส์~ เสียงกวนประสาทมากครับผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้
“อย่ามากวนประสาทฉันนะเพลงขวัญ!”
“ไปเถอะซีแนม อย่าให้พี่พูดซ้ำ” ผมจับมือซีแนมเพื่อพาเดินไปทางอื่น พอกันทั้งคู่นั่นล่ะ ผมไม่โง่จนเข้าข้างแต่คนของตัวเอง ซีแนมหาเรื่องเพลงขวัญก่อนเพราะฉะนั้นผมก็ควรพาซีแนทออกไปไม่ให้ไปรบกวนเธอมากกว่านี้
“แฟนคุณยังไม่อยากไปจะบังคับใจกันทำไมล่ะคะ” เพลงขวัญก็สุดโต่งเหมือนกันครับ สุดยิ่งกว่าซีแนมอีก
“เพลง กายไปหารองเท้า...” อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ท่าทางคงจะเป็นแฟนกันนั่นล่ะไม่งั้นคงไม่มาเดินซื้อของด้วยกันดึกดื่นแบบนี้หรอก
อ้าว! แล้วไอ้พอร์ชล่ะวะ?
“อ้าวกายมาแล้วเหรอ ดูสิว่าเพลงบังเอิญเจอใคร”
“เอ่อ...” ผมมองท่าทางของสามคนตรงหน้า ซีแนม เพลงขวัญ แล้วก็ผู้ชายที่มาใหม่ ท่าทางคงจะรู้จักกันและความสัมพันธ์ก็ไม่น่าจะธรรมดาซะด้วยสิเพราะผู้ชายคนนี้มองหน้าซีแนมแล้วก็ไม่พูดอะไรส่วนซีแนมก็เงียบไปเลย
“เนี่ยบังเอิญมากเลยที่เราสามคนมาเจอกัน อุ้ย! คุณ... อ้อ! คุณฟรังซ์อาจจะงงว่าพวกเราเป็นอะไรกัน อยากรู้ความสัมพันธ์ไหมคะ” ฮึ ๆๆ ไม่ต้องทำเป็นแกล้งถามผมก็ดูออก ความสัมพันธ์ผัว ๆ เมีย ๆ นั่นล่ะไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย
“พี่ฟรังซ์คะซีว่าเราไปกันดีกว่าค่ะ อย่าอยู่ตรงนี้เลยซีเริ่มง่วงแล้ว”
“ครับ? จะไปแล้วเหรอ” ผมค่อนข้างงงนิดหน่อยที่อยู่ ๆ ซีแนมก็ทำท่าจะถอยขึ้นมาง่าย ๆ
“นั่นน่ะสิจะไปแล้วเหรอ ฉันยังไม่ได้แนะนำ.../ ฉันไม่อยากเสียเวลาคุยกับเธอ ไปดีกว่าค่ะพี่ฟรังซ์” หลังจากนั้นผมก็โดนซีแนมลากแขนออกมาทันที ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่หรอกนะครับถ้าเพลงขวัญจะแนะนำว่าพวกเธอมีความสัมพันธ์กินผู้ชายคนเดียวกัน แต่ซีแนมไม่อยากให้รู้ผมก็ไม่ได้สนใจอยากเซ้าซี้อะไรต่อ
#FRUNG END
#PLENGKWAN TALK
“เขาหาเรื่องเพลงเหรอ”
“เปล่าหรอก ไปดีกว่ากายดึกแล้วกายจะได้กลับไปพักผ่อน” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธแล้วก็เดินไปจ่ายเงิน หงุดหงิดยัยซีแนมอยู่ลึก ๆ
ติ๊ง!
ZEENAmmmm : กินของเก่าเหรอจ้ะ ^^
ZEENAmmmm : แซ่บเหมือนเดิมรึเปล่า?
ZEENAmmmm : แต่ท่าทางจะแซ่บกว่าเดิมนะไม่งั้นเธอไม่มากินต่อฉันอีกรอบหรอก
ZEENAmmmm : รับให้ไหว ๆ หน่อยนะเพลงขวัญ เพราะฉันจัดให้เขาหนักมาก อ่อน ๆ แบบเธอคงจะเพลีย
ZEENAmmmm : แต่ระวังรับไม่ไหวจนเขาไปหาของอร่อยที่อื่นอีกรอบนะจ้ะ
ZEENAmmmm : อีดอก!
ฉันนั่งอ่านไลน์ยัยอสรพิษอยู่ในห้อง อาบน้ำจะนอนแล้วแท้ ๆ แต่ดันมีคนมาหาเรื่องต่อ แล้วฉันทำอะไรผิด ฉันไปหาเรื่องเหรอวันนี้ ฉันไปแย่งงานยัยนั่นเหรอ ใช่ฉันพูดจาร้าย ๆ ใส่แต่ไม่ใช่เพราะยัยนั่นมาพูดจาแย่ ๆ กับฉันก่อนเหรอ แล้วฉันต้องทนนั่งบื้ออ่านข้อความที่ยัยบ้านั่นส่งมารบกวนจิตใจแถมด่าฉันส่งท้ายว่าอีดอกนี่นะ? อีดอกเลยนะ เกิดมาไม่เคยมีใครด่าฉันแบบนี้เลยสักครั้ง
ก๊อก ๆๆๆๆ
กริ่งมันมีค่ะ แต่ใช้นิ้วกดมันไม่สะใจเท่าเคาะประตู!
แอด~
“เพลงขวัญ” คนที่เปิดประตูห้องไม่ใช่ยัยเจ้าของห้องแต่เป็นผัวนางต่างหาก
“เมียคุณอยู่ที่ไหน!”
“เมีย?” หืม ยังกล้าทำหน้างงอีกนะ หรือว่าผสมพันธ์กันโดยที่ไม่มีสถานะ
“อยู่ที่ไหน” อารมณ์ฉันกำลังพุ่งสูงเพราะฉะนั้นแรงเหวี่ยงมันจะมีมากกว่าปกติ
“พี่ฟรังซ์คะ สั่งอาหารมาเหรอ”
“เปล่าหรอก ผู้ชายของเธอไม่ได้สั่ง แต่เธอส่งข้อความสั่งมาเองต่างหาก” ฉันเดินแทรกเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้ามาในห้องเห็นยัยซีแนมเดินออกมาด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพอดี ดีเลยแม่จะตบให้ผ้ากระจาย คงไม่อายอีตาคุณฟรังซ์นี่หรอกมั้งน่าจะกินกันจนเห็นยันใฝในใบหูแล้วล่ะ
“อะไรของเธอ?” หืม~ ตีหน้าอึนได้น่าตบ ไม่เข้าใจสินะว่าฉันหมายความว่าไง
“ไม่ขี้เกียจแสดงละครเหรอซีแนม ฉันขี้เกียจมากเลยนะ เลิกทำหน้าซื่อแล้วฟังให้ดี!” เวลาฉันอารมณ์ขึ้นสูงฉันไม่แอ๊บกวนประสาทใครทั้งนั้นล่ะค่ะ ฉันอยากจะเข้าไปกระทุ้งหัวมันอย่างเดียว
“อะไรของเธอเพลงขวัญ ออกไปจากห้องฉันได้แล้วนี่มันเวลาพักผ่อนหัดมีมารยาทบ้าง” ฮึ! ทำเป็นผู้หญิงมีสติ นี่จะแอ๊บเป็นคนดีต่อหน้าแฟนเหรอยะ สาบานว่าอีตาคุณฟรังซ์โง่จนดูไม่ออกว่าแฟนตัวเองไม่ใส
“จำไว้นะซีแนม อีดอก! คือคำสร้อย แต่อีตอแหล! คือคำด่า! เลิกตอแหลต่อหน้าผัวหล่อนเดี๋ยวนี้!”
เพี้ยะ!
“ว้าย! / เฮ้ย! หยุดนะเพลงขวัญ!”
“หยุด! ห้ามมาโดนตัวฉันทั้งผัวทั้งเมีย!” ฉันตบยัยซีแนมสุดแรงเกิดจนยัยบ้านี่ล้มไปกองที่พื้น ส่วนไอ้คนผู้ชายก็ทำท่าจะเดินเข้ามา ไม่รู้จะมาลากฉันออกจากห้องหรือมาจัดการฉันที่ทำร้ายแฟนของเขา ฉันก็เลยชี้หน้าขู่พร้อมกับหยิบมีดปอกผลไม้ที่บังเอิญวางอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวีพอดีมาขู่ จังหวะมันได้จริง ๆ
“เธอทำบ้าอะไรเพลงขวัญ บุกมาตบคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง”
“เมียคุณบ้ากว่าฉันอีก อ้อ! บอกไปก็เท่านั้นแหละผัวเมียกันรู้สันดานกันดีอยู่แล้ว”
“เพลงขวัญ!”
“เรียกอะไรนักหนา คุณเพิ่งรู้จักชื่อฉันวันนี้คุณก็เรียกชื่อฉันจนฉันเริ่มรำคาญชื่อตัวเองแล้วนะ หรือว่าชอบชื่อฉันมากกว่าชื่อเมียตัวเอง ระวังเรียกมาก ๆ แล้วจะติดปากจนเผลอครางชื่อฉันตอนยัยนี่ขย่มอยู่บนตัวนะคะคุณฟรังซ์”
-สามเดือนต่อมา-“มองเหี้ยไรวะ!” พี่ฟรังซ์ยืนเท้าเอวท่าทางหัวเสียอยู่ข้างเวทีขนาดใหญ่ในงานมอเตอร์โชว์ ด้านบนมีแลมโบกินี่ราคาหลายสิบล้านถูกนำมาโชว์เปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่เพิ่งนำเข้ามาในไทยภายในงานมอเตอร์โชว์ แต่เจ้าของบริษัทที่เอารถมาเปิดตัวกลับยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงตะคอกแขกและลูกค้าในงานอยู่ข้างเวทีจนฉันดึงเข้ามาด้านหลังเวทีแทบไม่ทัน“พี่ฟรังซ์! ตะโกนแบบนั้นได้ยังไงคะเดี๋ยวก็ขายรถไม่ได้พอดี” พอมาด้านหลังเวทีเพลงขวัญคนนี้ก็เลยจัดการดุพี่ร่านยกใหญ่“ขายไม่ได้ก็ช่างแม่ง ไอ้เหี้ยพวกนี้มันไม่ได้มาซื้อรถแต่มันมาดูนมพริตตี้ต่างหากแถมยัง...”“หวง?” ฉันถามเสียงเย็นเพราะเขาทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงและพูดเหมือนโมโหที่ผู้ชายในงานมาดูนมพริตตี้ที่เขาจ้างมา โถไอ้ติ่งร่องนมตัวพ่อ! มีแฟนและจะแต่งงานกันเดือนหน้าอยู่แล้วยังกล้าหวงร่องนมอื่น แล้วหวงแบบไม่เกรงใจอีเพลงที่ยืนหัวโด่อยู่ข้าง ๆ เลย คนร่านอยากเป็นหม้ายขันหมากสินะ“เออหวง หวงมากด้วยแม่ง!”“พี่ฟรังซ์!” ฉันตะคอกด้วยความเหลืออด นี่กล้าหวงร่องนมผู้หญิงคนอื่นแล้วก็สารภาพต่อหน้าฉันขนาดนี้เลยเหรอ เกรงใจกันบ้างไหมน้ำตาอีว่าที่เจ้าสาวตกในแล้วค่ะ จะมาดีแตกตอนที่ร่อน
“เสียวค่ะ ซี๊ด~ พี่ฟรังซ์เข้ามาเลยได้ไหม”“...อยากเหรอครับเมีย”“อยากค่ะ อื้ม~ พี่ฟรังซ์ขา ใส่เข้ามาเลยได้ไหมเพลงค้างนานแล้ว”“หือ?” อ่าส์ พี่ก็ค้างค่ะที่รักแต่ขอแกล้งเมียก่อนห่างอกผัวไปนานที่รักของผมหื่นขึ้นเยอะเลย แต่พอผมลีลาเพลงขวัญก็จิกลงมาที่แขนผมเต็มแรง“อย่าแกล้งค่ะพี่ฟรังซ์...นี่เมียนะ”“...เมีย พี่โคตรชอบเวลาเพลงแทนตัวแบบนี้เลยครับ” เวลาได้ยินเธอเผลอแทนตัวแบบนี้ทีไรหัวใจมันโคตรพองโต“อื้อ~ อย่าแกล้ง ซี๊ด~” เพลงขวัญร่อนสะโพกใส่เพราะผมเอาท่อนเอ็นจ่อทางเข้าร่องรักแล้วถูร่องรักเปียกเยิ้มของเธอแต่ไม่ยอมใส่เข้าไปอย่างที่เธอต้องการ“เสียวไหม~” ท่อนเอ็นใหญ่ส่วนปลายค่อย ๆ กดเข้าไปในร่องรักสีชมพูสวยที่ไม่ว่าจะมีอะไรกันบ่อยแค่ไหนแต่ก็ยังปิดสนิทเหมือนไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน“อื้ม~ เสียว เสียวค่ะ ซี๊ด~” เพลงขวัญสูดปากแล้วก็ยันตัวขึ้นมาเพื่อมองผม“อ่าส์~ โคตรแน่นเลยครับเมีย” ห่างกันไปแค่สิบกว่าวันเพลงขวัญแน่นกว่าเดิมเยอะเลย เข้าไปได้แค่ครึ่งลำผมก็เสียวจนขยับท่อนเอ็นไม่ไหวเพราะกลัวว่าโดนบีบรัดมากกว่านี้แล้วมันจะเสร็จก่อนได้ทำให้เมียเสียว“อื้อ~ เข้ามา พี่ฟรังซ์เข้ามา~” เพลงขวัญยันตัวขึ้นแ
“เดี๋ยวเพลงว่าเพลงไปเก็บของต่อดีกว่านะคะ” ฮึ ๆ จะหาเรื่องหนีสินะเพลงขวัญ“จะอยู่ทั้งที่มันเพิ่งฉาบปูนจริง ๆ” ผมมองหน้าคนสวยที่ยืนคุยกับผมด้วยหน้าตาเอ๋อ ๆ ทันที่ที่กลับมาถึงคอนโด หน้าตาเอ๋อไม่สมกับเพลงขวัญมือตบอันดับหนึ่งเลยสักนิด แต่ก็ดีแล้วครับผมเคยบอกแล้วไงว่าผมจะเป็นคนแรกที่ไม่กลัวเมีย แต่ไม่ใช่ว่าอยากให้เมียมากลัวผมหรอกนะ แค่เชื่อฟังสามีสักนิดหรือเกรงใจในบางเรื่องก็พอ“ก็...เพลงเชื่อฟังพี่ฟรังซ์นี่นา”“ตลกแล้วเพลง พี่ขำด้วยเหรอ?” ผมตอบกลับแล้วก็เดินย่างสามขุมเข้าไปหาเพลงขวัญที่กำลังถอยหลังหนีผมช้า ๆ เหมือนกัน“แหะ ๆ แต่มันเพิ่งจะเที่ยงเองนี่เนอะ แต่เพลงยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนี่นา หูยเพลงลืมไปเลยค่ะ”“กินไส้กรอกก่อนไหมอร่อยนะเดี๋ยวพี่จะป้อนให้จุกเลย” พูดจบผมก็โยนเสื้อไปทางโซฟาแล้วก็เริ่มจัดการกับกางเกงต่อ ดื้องี่เง่าดีนักจะเอาให้เป็นโรคกระเพราะเลยคอยดู เดี๋ยวจะเอาให้หายซ่าส์“พี่ฟรังซ์...” พอเห็นผมไม่ยอมคล้อยตามเธอ ยัยขี้เมาก็หยุดยืนแล้วก็เรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงงอน“อย่างอนเพราะพี่ไม่อ่อนโยน”“ชิส์! ขออาบน้ำก่อนก็แล้วกันนะคะ ขออาบน้ำทานข้าวเอาแรงแล้วจะไปนอนรอรับศึกหนักที่เตียง หร
เขาบอกให้เก็บก็เก็บสิคะ เก่าไปใหม่มามันเป็นเรื่องธรรมดา เก็บไปพร้อมน้ำตาที่ไหลอยู่ในอก“จะไม่กินข้าว?”“ค่ะ” ใครจะกินลง ก็รู้ตัวอยู่หรอกว่าเป็นคนบอกเลิกเองแต่ฉันไม่ได้เตรียมใจมาโดนไล่ให้เก็บของนี่คะ ขอตัวรีบเก็บของแล้วกลับไปกินข้าวเคล้าน้ำตาที่ห้องตัวเองดีกว่า“แต่พี่ทำไว้แล้ว กินหน่อยเถอะถือซะว่าเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของที่นี่” พอเห็นฉันงี่เง่าไม่หัวอ่อนอย่างที่ต้องการก็ได้ทีกวนตีนใส่พร้อมกับถีบหัวส่งเลยสินะ“ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณที่ทำเผื่อนะคะแต่เพลงว่าเพลงรีบเก็บของดีกว่าจะได้ไม่ต้องรบกวนพี่ฟรังซ์นาน ๆ”“ตามใจ” เขาเดินไปนั่งบนโต๊ะเครื่องแป้งของฉันที่ฉันเก็บทุกอย่างบนนั้นใส่กระเป๋าหมดแล้ว ต่อไปนี้ก็คงไม่ใช่ของฉันแล้วสินะ เดี๋ยวก็คงมีคนมาใช้มันต่อ เฮ้อ! อย่าหวงเลยกับอีแค่โต๊ะเครื่องแป้ง ขนาดคนที่เขาบอกว่าเขาเป็นของเธอก็ยังมีคนมาเอาไปใช้ต่อเลย เจ็บไหมล่ะเพลงขวัญในระหว่างที่ฉันเก็บของไปเรื่อย ๆ เขาก็นั่งกอดอกมองฉันอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งนั่นแหละ ไม่รู้นั่งมองหรือนั่งกดดันให้รีบเก็บ ตอนนี้ในหัวคิดดีโลกสวยไม่ได้เลยจริง ๆ ก็รู้ว่าเป็นคนบอกเลิกแต่ไม่คิดว่าเขาจะใจร้ายไล่ให้เก็บของตอนนี้เลย“เพลง”
อื้อ~ พี่ฟรังซ์ หยุด~ อื้อออ~” ตอนนี้เธอเริ่มทุบและผลักผมออกแต่ผมก็ยังกอดเธอเอาไว้แน่น เดี๋ยวจะดูดให้เสียวจนหมดแรงเลยยัยขี้เมา“พี่...อุ๊บ! อ้วก!!!”ผมนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มีอะไรในร่างกายที่จะขยับนอกจากปาก ผมรีบผละออกจากหน้าอกเพลงขวัญแล้วเม้มปากให้สนิททันทีที่รู้สุกหนักที่หัว...กูแม่งทำเวรทำกรรมอะไรมานักหนาวะ!“อื้อ! ออกไปเพลงเหม็น!” พออ้วกใส่หัวผมเสร็จเพลงขวัญก็ผลักหัวผมออกจากตัวเธอ ผลักแรงมากและมันก็ทำให้สิ่งที่ผมพยายามนิ่งเป็นหินเมื่อกี้หมดความหมายเพราะตัวผมไปกระแทกกับแผงคอนโซลรถเต็มแรงมันก็เลยทำให้อ้วกที่รดบนหัวกระจายไปที่อื่นเป็นหย่อม ๆ สบายหัวมากขึ้นแต่รถผมต้องเต็มไปด้วยซากอ้วกแน่นอน“เฮ้อ! ยัยมนุษย์อ้วกเอ้ย!” ผมค่อย ๆ ขยับตัวลงจากรถส่วนยัยเมียขี้เมาก็ปล่อยให้นั่งสะลึมสะลืออยู่บนรถต่อไปพอลงมาก็พยายามก้มหัวให้ต่ำที่สุดแล้วสะบัดอ้วกออกจากหัวเต็มแรง ที่เป็นปัญหาคือมันไม่ได้มีแค่เศษนี่สิ อย่าลืมว่าเพลงขวัญดื่มมานะครับและท่าทางจะดื่มมาหนักด้วยเพราะฉะนั้นไอ้อ้วกที่อยู่บนหัวผมมันก็เลยเป็นน้ำเหนียว ๆ ค่อนข้างเยอะ“อ้วก!!!” ไม่ใช่เสียงอ้วกเพลงขวัญหรอกครับ เสียงผมนี่แหละ รักมากเก็บอ้วกได้แ
-หนึ่งชั่วโมงต่อมา-ฉันตัดสินใจมารอพี่ยาหยีที่บ้านพร้อมกับซื้อเบียร์มาหลายขวด ดีนะที่รู้ที่ซ่อนกุญแจก็เลยเข้ามานั่งซดเบียร์ในบ้านได้“เพลงเป็นอะไรทำไมต้องร้องไห้ขนาดนี้” ในระหว่างที่นั่งน้ำตาไหลรินอยู่คนเดียวพี่ยาหยีก็มาถึงพร้อมกับรีบเข้ามาถามฉันด้วยน้ำเสียงตกใจ“ฮึก! พี่หยี ฮื่อ ๆๆ เพลงเสียใจ” พอเห็นหน้าพี่สาวน้ำตามันก็ยิ่งไหล“ใจเย็น ๆ ก่อนเพลงเกิดอะไรขึ้นเล่าให้พี่ฟังได้ไหม”“ไอ้คนเลว! ไอ้หล่อหน้าซาลาเปา! ไอ้ร่าน! ไอ้เจ้าชู้!” ฉันเกริ่นด้วยคำด่าสารพัดเท่าที่จะขุดมาด่าไอ้คนนิสัยไม่ดีคนนั้นได้แล้วก็ค่อยตั้งสติเล่าทุกอย่างให้พี่ยาหยีฟังทั้งน้ำตา เล่าแค่เรื่องราวแต่ไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อให้เป็นกาลากิณีปาก“ฮื่อ ๆๆ ไอ้คนร่าน! ผู้ชายใจทรามรักกามเป็นชีวิตจิตใจ!” ฉันเล่าจบก็ตามด้วยการด่าและกระดกเบียร์ไม่หยุด กินให้พุงแตกตายไปเลย ดื่มนี้เพื่อลืมไอ้ร่าน!“ผู้ชายคนนั้นดูงง ๆ นะพี่ว่า ทางที่ดีพี่ว่าเพลงทบทวนให้ดีก่อนดีกว่าว่าความดีที่เขาคอยอยู่ข้าง ๆ กับการที่ทิ้งเราไปนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้าอันไหนที่มันมีน้ำหนักในการตัดสินใจให้รักเขาต่อหรือหยุดเจ็บปวดได้สักที” พี่ยาหยีให้คำแนะนำหลังจากที่ฉันระบ