กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านแสนสงบอยู่ไกลออกไป ทั้งร่มรื่นอยู่เย็นเป็นสุข หมู่บ้านที่นี่เป็นเพียงแค่พื้นที่เล็กๆ รายล้อมไปด้วยป่าใหญ่ รอบด้านมีเส้นทางการคมนาคม เพื่อเดินทางไปในเมือง มีปราสาทใหญ่เป็นจุดศูนย์กลาง
นอกพื้นที่จะเป็นเขตพื้นที่ต้องห้ามมิให้เดินทางเข้าไป ส่วนใหญ่พวกผู้เฒ่า คนเก่าคนแก่ แทบจะทุกๆ คนมักบอกเสมอว่า เข้าไปแล้ว จะไม่มีวันได้กลับออกมา
มีเพียงไม่กี่ครอบครัวที่ออกจากตัวหมู่บ้าน ไปอยู่ตามชายป่าไม่ไกลกันมากนัก เพราะต้องการความสันโดษ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุไม่กี่คน ถ้าไม่นับรวมผู้ดูแลหมู่บ้าน ก็จะมีคนแก่ที่น่านับถือ พาตัวเองออกไปอยู่นอกเมืองอย่างเงียบๆ ไม่กี่คน
ในที่นี่รวมไปถึง แคทเธอรีน เอมูเล็ต เธอเป็นหญิงชรามีอายุที่น่านับถือ เธอเป็นคุณยายแล้ว จากร่างกายที่เคยแข็งแรง มาช่วงหลังๆ สภาพอากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้สุขภาพของเธอไม่ค่อยแข็งแรงดีนัก ยังดีที่แคทเธอรีนยังมีลูกสาวและลูกเขย ลีแอนกับพาร์เซล อาศัยอยู่ในเมือง พวกเขายังสลับกันมาเยี่ยมเธอบ้าง พร้อมๆ กับมาดูแลแคทเธอรีนเป็นระยะๆ
มาครั้งหลังๆ ลีแอนลูกสาวของแคทเธอรีน มีการงานต้องทำมาก เธอมีอาชีพรับจ้างซักผ้าในเมือง และพาร์เซลมักจะออกไปตัดไม้ทำฟืนขาย เลยไม่ค่อยมีใครว่างมาเยี่ยมแคทเธอรีนช่วงหลังๆ ฤดูหนาวกำลังย่างกรายเข้ามา เหลือเพียงแค่หลานสาวคนเดียวของแคทเธอรีน ตอนนี้อายุย่างจะสิบขวบแล้ว เธอเป็นเด็กสาวตัวน้อยน่ารัก ที่กำลังเริ่มโตขึ้นอย่างสวยงาม แข็งแรง
จากตัวเมืองเดินทางมาบ้านของแคทเธอรีน ไม่ค่อยไกลมาก แต่หากมองจากระดับสายตาจะไกลประมาณเกือบที่ดิน แปดเอเคอร์ได้ ยังดีที่มีเส้นทางให้เดิน ทำให้หนทางไม่ค่อยลำบากมากนัก เด็กสาวตัวน้อยมักได้รับหน้าที่ให้นำขนมปัง อาหารร้อนๆ จากฝีมือของลีแอน หอบใส่ตะกร้าอย่างดี
เด็กสาวตัวน้อย เอลีส จะต้องเดินทางนำอาหารชุดนี้ไปส่งที่บ้านของแคทเธอรีนทุกๆ วันในยามเช้า หลังจากนั้นเธอจะต้องรีบเดินทางออกจากบ้านของแคทเธอรีนก่อนบ่ายแก่ๆ เพื่อกลับมาถึงบ้านก่อนมืดแทบจะทุกวัน
******
"ขนมปัง… ขนมปังหอมๆ… แยมส้ม...แยมส้ม...แฮมเนื้อตากแห้ง…ห่อสวยๆ และต้องมีผ้าสะอาดปิดให้สวยงาม…"
เอลีสกล่าวราวกับจะร้องเพลงของที่อยู่ในมือ เธอถือตะกร้าสานสวยงาม พร้อมกับได้รับหน้าที่นี่เป็นประจำมากว่าปีแล้ว ปลายเท้าเล็กๆ กำลังพาร่างเด็กน้อยออกจากบ้าน เพื่อไปส่งอาหารชุดนี้ให้กับแคทเธอรีนเหมือนกับทุกๆ วัน
"อย่าไปหกล้มที่ไหนนะ อยู่ทานข้าวกับคุณยายก่อน แล้วรีบออกจากบ้านตอนบ่ายกลับมาให้ทันก่อนค่ำล่ะ" ลีแอนบอกย้ำเอลีสเหมือนกับทุกๆ วันเสมอ เพราะวันนี้เธอมีงานต้องไปซักผ้าที่บ้านคุณนายมัลคอร์ เธอรวยและมีเงินมาก จึงไม่จำเป็นต้องทำงานบ้านเอง
คุณนายมัลคอร์ยังมีลูกชายคนหนึ่ง เพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่ม แถมยังเป็นเพื่อนเล่นกับเอลีสอยู่บ่อยครั้ง วันนี้เขาออกไปล่าสัตว์กับพ่อ เลยไม่ได้อยู่เล่นกับเอลีสเหมือนทุกๆ วัน ลูกชายของเขาก็มีทีท่าชอบพอกับเอลีสอยู่ ลีแอนคิดว่าหากเอลีสพร้อมจะออกเรือน เธอยินดีจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับ โทมัส ลูกชายของคุณนายมัลคอร์อย่างเต็มใจ
"ค่าาาาา ฝากสวัสดีคุณนายมัลคอร์ด้วยนะคะ แม่" เอลีสโบกมือไหวๆ พร้อมๆ กับรอยยิ้ม และเสียงฮัมร้องเพลงระหว่างเดินเท้าไปบ้านคุณยายแคทเธอรีนเพียงลำพัง ยามสายวันนี้
"โชคดีนะลูก!!!" ลีแอนตะโกนเสียงหวานๆ อีกครั้ง มองร่างเด็กน้อยลับสายตาไป เธออมยิ้มมองด้วยความเอ็นดู จากนั้นจึงรีบพาตัวเองเดินทางไปบ้านคุณนายมัลคอร์ทันที เธอคิดเสียว่า หากเอลีสแต่งงานกับโทมัสไปแล้ว ชีวิตพวกเธอคงจะไม่ลำบาก ความสุขสบายจะทำให้เอลีสมีความสุขขึ้นมาก ต่อจากนั้นจะไม่ต้องเดินทางเท้าไปส่งอาหารบ้านคุณยายอีกแล้ว หากหลังเอลีสแต่งงานไปแล้ว คงจะมีบริวารไปทำแทน…
******
อีกด้านหนึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงออกไป... มีคนเถื่อนจากต่างแดนซึ่งกำลังเดินทางหาของกินในป่า เดินทางมาไกลพวกเขาไม่ชอบสังคมกับคนในเมือง ไม่มีการคบค้าเหมือนคนอื่นๆ
พวกเขาอยู่อย่างชาวป่า แถมมีหมาป่าเลี้ยงเอาไว้เป็นสัตว์คู่กาย คนเถื่อนสองคนเดินทางร่วมกัน เพื่อออกล่าสัตว์ หาอาหารให้มากที่สุดเพื่อเอากลับไปแลกเปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้ กับคนในหมู่บ้านซึ่งลับตาห่างไกลมนุษย์ทุกคนทั่วไป
หมู่บ้านของคนเถื่อน มันอยู่นอกแผนที่ ซึ่งก็คือเขตพื้นที่ต้องห้ามสำหรับคนเมืองนั้นเอง พวกเขาเดินทางออกมาไกล เพราะบริเวณใกล้ๆ หมู่บ้านพวกเขาไม่มีอาหารอะไรให้กินเลย แม้กระต่ายหรือนกก็ไม่เหลือให้พวกเขาล่า กวางเล็กๆ สักตัวก็หาไม่ได้ คนเถื่อนสองคนจึงเดินเท้าออกมาไกลจนเริ่มเห็นเมืองอื่น
สายตาของพวกเขาเริ่มสั่นไหว ไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตอื่นเลย นอกจากคนเถื่อนด้วยกันมานาน พวกเขาไม่ค่อยมีวัฒนธรรม ไม่ค่อยมประเพณี หรือการเรียนภาษา… ใช้ชีวิตอย่างคนป่าอย่างแท้จริง มือหนา ร่างใหญ่ เสื้อคลุมที่ทำด้วยขนหมี อยากได้ต้องล่าเอง อาหารมักจะเป็นเนื้อสัตว์เสียส่วนใหญ่ โดยได้หมาป่ามาช่วยในการหาอาหาร พอจะทุ่นแรงล่าสัตว์ได้มากอยู่
เรื่องผลไม้คงจะยากสำหรับพวกเขา สำหรับอาหารดีๆ อย่างผักและแป้งขนมปังคงไม่ต้องพูดถึง พวกเขามักใช้ชีวิตง่ายๆ จนแทบจะไม่ทำอะไรเหมือนคนเมือง
"พักแปบนึงได้มั๊ย ปวดฉี่…" คนเถื่อนร่างหนาสูงใหญ่ ซึ่งเดินตามอยู่ข้างหลัง ทักผู้ร่วมเดินทางข้างหน้าให้หยุดพักสักแปบนึง เพราะเขาปวดมากจนแทบกลั้นเอาไว้ต่อไปไม่ไหวแล้ว
"เออ" คนเถื่อนผู้นำหน้า มีลักษณะหน้าตาดี ตัวคล้ำกว่าเพื่อนร่วมทาง เขาพอจะมีวิสัยทัศ ประสบการณ์มากกว่าอยู่บ้าง ในการเดินทางออกหาอาหารมาไกลจากหมู่บ้านตัวเองขนาดนี้
"เวอร์ดัล!!!แกเห็นอะไรข้างหน้านั้นมั๊ย?" คนเถื่อนผิวคล้ำผู้นำทาง กำลังถามเพื่อนข้างหลัง ซึ่งกำลังยืนฉี่อยู่ รูปลักษณ์ใหญ่โต ผิวขาวกว่าหน่อย เขาไม่ได้ฉลาด เขาแค่แข็งแรงพอจะช่วยขนอาหารกลับหมู่บ้านแค่นั้นเอง
"อะไร!!! เห็นอะไรรึ?เจเดน ข้าฉี่กำลังจะสุดแล้วเชียว" ท่าทางเวอร์ดัลจะยังไม่เห็นอะไร นอกจากกำลังจะเก็บอาวุธร้อนคู่กาย ปลดปล่อยของเหลวร้อนออกมาจนเกือบจะหมดท่อน้ำแล้ว
"หลบก่อนดีมั๊ย เจ้าตัวเล็กนั้นกำลังมาทางนี้" เจเดนคิดว่าไม่น่าจะปรากฏตัวให้ใครเห็น พวกเขาควรหลบให้พ้นจากเส้นทางใหม่ ซึ่งทำออกมาจนไม่เหลือร่องรอยพื้นหญ้า ต้นไม้ใดๆ พวกมนุษย์ตัวเล็กคงจะทำไว้เพื่อการเดินทางโดยเฉพาะ นี่พวกเขาเดินทางมาไกลขนาดนี้เชียวรึ?
"เออๆ ก็ดีนะ" เวอร์ดัลเห็นด้วย รีบจัดกางเกงเข้าที่เข้าทาง พากันไปหลบหลังพุ่มไม้หนาทึบนอกเส้นทาง เพื่อหลบเด็กน้อยคนหนึ่ง กำลังเดินทางมาแถวนี้พอดี….
"นั้น!!! มนุษย์เด็กผู้หญิง!!! ช่างตัวเล็กมาก น่ารักอะไรอย่างนี้" เวอร์ดัลมองเห็นเด็กสาวตัวน้อย ภายใต้ผ้าคลุมสีขาว กำลังเดินร้องเพลงร่าเริงอยู่เพียงลำพัง ข้างลำตัวมีตะกร้าถือเอาไว้ ปลายเท้าเล็กๆ กำลังพาเดินอยู่ในเส้นทางที่พวกเขามาถึง เวอร์ดัลชอบเธอมาก นึกอยากจะเข้าไปคุยทักทาย
"เงียบๆ หน่อย อย่าเสียงดังไป ถ้าเด็กมนุษย์เจอเราตอนนี้ เธอต้องส่งเสียงร้องตกใจแน่ๆ อย่าออกไปเชียว เดี๋ยวจะถูกพวกมนุษย์ล่าซะก่อน" เจเดนบอกเตือนเวอร์ดัล อย่าออกไปเจอเด็กน้อยคนนี้ให้ตกใจ เกิดกรีดร้องขึ้นมา พวกเขาจะถูกตามล่าฆ่าตายก่อนได้อาหารกลับหมู่บ้าน
"ข้าได้กลิ่นอาหาร กลิ่นหอมมาก กลิ่นมันลอยออกมาตามลม ข้าแค่อยากขอแบ่งอาหารกับเด็กน้อยนะ...นะ... เจเดน… ได้มั๊ยล่ะ?" สายตาวิงวอนของเวอร์ดัล หันมาเพื่อนร่วมทาง ซึ่งดวงตาของเจเดนไม่ค่อยเห็นด้วยกับเวอร์ดัลเลย
แต่ทว่า...กลิ่นเนื้อหอมๆ ของอาหารลอยมาเตะจมูกเขาด้วยน่ะสิ มันเป็นกลิ่นหอมของแป้งอะไรบางอย่าง เขาไม่เคยได้กลิ่นหอมอะไรอย่างนี้มาก่อน…
ดวงตาของเวอร์ดัลหันมามอง พร้อมรอยยิ้ม คิดว่าเจเดนต้องได้กลิ่นหอมๆ ของอาหารซึ่งถูกซ่อนไว้ในตะกร้าอย่างแน่นอน เสียงท้องร้องของเจเดนดังขึ้น แทบจะประสานเสียงกับเวอร์ดัลก็ว่าได้ อีกทั้งหมาป่าที่ตามมา แทบจะร้องเสียงครางหงิงๆ อยากจะตามไปขอของกินไม่ปาน…
"แกก็ด้วยสินะ พวกเรามาหาอาหาร ไม่ใช่มาขออาหารพวกมนุษย์นะ!!!" เจเดนแทบจะสบถด่าเวอร์ดัลและหมาป่าตัวใหญ่คู่ใจ เขาแทบจะมองสัตว์เลี้ยงเป็นหมาน้อยที่น่ารักเสมอ แม้จะดุร้ายเพียงใด มันก็เป็นหมาป่าที่สง่างาม อีกทั้งเก่งกาจเรื่องการล่าอีกด้วย
"ใครบอกว่าเราจะไปขอล่ะ เจเดน… ข้าคิดว่า จะแอบไปขโมยต่างหาก!!!" เวอร์ดัลเสนอทางเลือกใหม่ เพราะเขาก็ไม่คุ้นกับการสังคมกับพวกมนุษย์อยู่แล้ว สังคมคนเถื่อนไม่สุงสิงกับพวกมนุษย์ในเมืองแน่นอน… พวกเขามีวิธีในแบบคนเถื่อนอยู่แล้ว
คนเถื่อนสองคนจึงแอบสะกดรอยตามเด็กน้อยระหว่าง สายตาของพวกเขา มองตะกร้าในมือของเธอ เวอร์ดัลแทบอยากจะออกคำสั่งให้หมาป่าของตน วิ่งไปขโมยคาบตะกร้าของเด็กน้อยมาเสีย แต่เจเดนบอกว่าไม่ควรให้ผิดธรรมชาติหมาป่า เดี๋ยวพวกมนุษย์จะรู้ทัน แล้วออกล่าคนเถื่อนอย่างพวกเขาจนไปถึงหมู่บ้านแล้วจะเดือดร้อน…
ทำให้เวอร์ดัลค่อนข้างหงุดหงิด แถมหิวตามมาด้วย...เจเดนจึงบอกให้อดทนหน่อย เผื่อว่าเด็กน้อยคนนี้กำลังจะเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่ง พวกเขาเริ่มต้องหาที่ซ่อนตัวเพื่อไปแอบดูเสียหน่อย จึงไปหลบในสวนผลไม้ มีผลสีเขียว สีแดง และสีเหลือง แถมยังมีผลลูกใหญ่กลมๆ ที่พื้น มันน่าจะเป็นแตงโม กับฟักทองเสียด้วยซ้ำ
******
เด็กน้อยเคาะประตูตามมารยาทที่ลีแอนสอนมา เสียงประตูเปิดออก พบร่างของหญิงชราผู้ใจดี ออกมาต้อนรับหลานสาวอย่างคิดถึง แม้ว่าจะได้พบทุกๆ วันเธอจะคิดถึงหลานสาวคนนี้อยู่เสมอ
"สวัสดีค่ะคุณยาย หนูนำอาหารเช้ามาทานกับคุณยายด้วยกันค่ะ" เอลีสกล่าวพร้อมๆ กับยื่นตะกร้าในมือส่งให้แก่คุณยายแคทเธอรีน
"เข้ามาก่อนสิเอลีส เดินทางมาไกล เหนื่อยมั๊ยล่ะ?ยายมีนมแพะพึ่งรีดไว้เมื่อเช้าตรู่ มานั่งพักดื่มนมก่อนนะ" คุณยายแคทเธอรีนเชิญชวนหลานสาวให้เข้ามานั่งในบ้าน
สองคนเถื่อนได้ยินว่าที่นี่มีแพะ พวกเขาคิดว่าคงจะต้องเริ่มมาหาอาหารแถวๆ นี้เสียแล้ว มีของกินดีๆ ให้พวกเขาเยอะแยะมากมายเลยทีเดียว
"ข้าว่าที่นี่คงจะทำให้พวกเราไม่อดอยากอีกต่อไป การหาอาหารก็ไม่ได้ไกลกว่าที่คิด ที่นี่สมบูรณ์มากเลยทีเดียว" เจเดนออกความเห็นว่า คราวต่อไปจะหาอาหาร พวกเขาจะมาที่นี่ เพื่อขโมยผลไม้ ผัก แพะ หรือของที่กินได้…
ระหว่างที่สองคนเถื่อนกำลังเริ่มมองหาของกิน ขโมยแตงโม ฟักทอง มะเขือเทศ อีกทั้งเวอร์ดัลเริ่มจะมองหาไก่ในคอกกั้น เขาเห็นไข่ไก่พร้อมๆ กับแพะซึ่งเดินรวมกันเป็นกลุ่ม
หมาป่าของพวกเขากำลังจะออกล่าแพะ เพราะความหิวมันทำให้สัตว์เลี้ยงของพวกเขาเริ่มออกล่าโดยสันชาตญาณ
"หยุดนะ!!! กลับมานี่เดี๋ยวนี้ เมอร์เรส!!!" เจเดนเรียกหมาป่าของตัวเองมิให้ล่าแพะ เพราะพวกเขากำลังยัดผักผลไม้ใส่กระเป๋าที่หอบมาด้วยค่อนข้างเยอะ ยังไม่ทันจะเก็บไข่ไก่ เมอร์เรสออกล่าแพะจนร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
เวอร์ดัลรีบวิ่งเข้าไปทุบหัวของแพะผู้โชคร้าย ให้เงียบเสียงร้องนี่เสีย ก่อนที่เจ้าของบ้านจะรีบออกมาเจอพวกเขา กำลังลักเล็กขโมยน้อย
"เสียงอะไรอยู่หลังบ้านคะคุณยาย?" เอลีสกล่าวถามด้วยความตกใจ พร้อมๆ กับความกลัว มีอะไรบางอย่างที่ร้องด้วยความเจ็บปวด จนเธอไม่กล้าจะออกไปดู
"เดี๋ยวยายจะออกไปดูเองจ้า หลานรัก อยู่ในบ้านนี่นะ" คุณยายแคทเธอรีนหันไปคว้าหยิบหน้าไม้ขึ้นนกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เธอมีลูกดอกสำหรับเหนี่ยวยิง มันเป็นอาวุธประจำตัวของเธอ เวลาที่ต้องอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว มันทำให้เธออุ่นใจได้
"ระวังตัวด้วยนะคะ คุณยาย" เอลีสนั่งอยู่กับเก้าอี้ ไม่กล้าก้าวเท้าไปไหน
******
เอลีสหมดสติมาตลอดทาง เธอไม่รู้ว่ามาจากทางไหน มาไกลแค่ไหนจากหมู่บ้านที่เป็นบ้านของเธอเด็กน้อยฟื้นมาก็พบว่า ตัวเองอยู่มัดเป็นหนอน ห้อยพาดไหล่ของคนเถื่อนคนหนึ่งเอาไว้ เด็กน้อยหวาดกลัวมาก ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ หลังจากคนเถื่อนแปลกหน้าพวกนี้ ล่อลวงเธอไปข่มขืนแล้ว ยังจะพาไปไหนอีกก็ไม่รู้…"ปล่อยหนูไปเถอะนะจ๊ะ หนูกลัวแล้ว หนูสัญญาจะไม่บอกใคร ได้โปรดเถอะ… ปล่อยหนูไปเถอะ…" เอลีสค่อยๆ อ้าปากพูด เพราะรู้สึกขากรรไกรกรามค้างไปหน่อย มันตึงๆ หนืดๆ จนพูดได้ไม่ถนัดนัก"เราต้องสูญเสียหมาดีๆ ไปตัวนึง ดังนั้นเด็กน้อย… เราจะพาหนูไปบ้านใหม่นะ" เจเดนบอกด้วยสีหน้าหงุดหงิด เขาคงจะต้องไปหาลูกหมาป่าตัวใหม่มาเลี้ยงให้เชื่อง แทนที่เมอร์เรสที่ต้องถูกฆ่าตาย เพราะพวกเขาแค่อยากได้เด็กมาเป็นเครื่องระบายอารมณ์แทน"ไม่เอานะ หนูจะกลับบ้าน!!!" เอลีสอยากจะดิ้นรนหาทางหนี แต่เธอไม่อาจทำได้เพราะว่า ตอนนี้ได้มาถึงสถานที่ใหม่ คือหมู่บ้านของพวกคนเถื่อน…******เจเดนกับเวอร์ดัล กำลังคุยกับผู้คนในหมู่บ้าน ถึงการนำเด็กมนุษย์ผู้หญิงเข้ามาในเผ่า ทำให้สีหน้าของหัวหน้าเผ่าที่น่าเกรงขาม ต้องหันมองเธอครั้งแล้วครั้งเล่า กับอีกสา
เอลีสต้องตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอเดินทางมาถึงบ้านคุณยาย ประตูบ้านปิดสนิท แต่ไม่มีทีท่าว่า คุณยายจะเปิดประตูบ้านเลย เด็กน้อยหันไปถามพลางๆ"ทำไมคุณยายไม่เปิดบ้านคะ?""ยายว่าจะเข้าหลังบ้านน่ะ ยายลืมกุญแจ" เจเดนบอก มันเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะเข้าบ้านยายได้ เพราะกลอนมันเสียหนูน้อยหมวกขาวจึงเดินไปกับคุณยายในชุดสีน้ำตาล เพื่อเข้าบ้านด้านหลัง แต่เมื่อเธอไม่ทันระวัง ก็ต้องตกใจเมื่อมีหมาป่าตัวนึง กระโดดออกมา กัดเข้าที่เสื้อคลุมของเธอ จนหลุดออกจากตัว"หมาป่า!!! คุณยายคะ ระวังหมาป่าด้วยนะคะ" เอลีสตกใจมาก ร้องตะโกนลั่นบ้าน หวังว่าคุณยายจะช่วยเหลือเธอทัน"หมาของยายเองจ้า… หนูน้อยหมวกขาว…" เจเดนเผยตัวออกมา ถอดชุดคลุมสีน้ำตาลออก ปรากฏร่างของคนเถื่อนสองคนออกมาตรงหน้าเเธอ"พวกท่านสองคน… ที่เราเคยเจอกันระหว่างหลายวันก่อน…" เอลีสเริ่มมือสั่น หวั่นกลัว ตอนนี้มีแค่เธอเพียงลำพังกับชายแปลกหน้าสองคนหมาป่าซึ่งกระโจนออกมากัดเสื้อคลุมสีขาวเธอหลุดไป มันคาบราวกับเป็นของโปรดอันโอชะ พลางวิ่งเข้าบ้านทางประตูหลัง ลับหายภายในบ้านคนเถื่อนสองคนเริ่มเดินเข้าไปหาหนูน้อยตัวเล็ก เพื่อหวังจะได้กินอะไรบ้าง ให้ตกถึงท้อง หลัง
หลังจากเวอร์ดัลกับเจเดน ได้อาหารจากคุณยาย ด้วยน้ำเห็ดโคนแลกอาหารมา พวกเขาได้อาหารจำนวนมาก เพื่อนำกลับไปยังหมู่บ้านคนเถื่อน ในเวลานั้นเองที่คนเถื่อนสองคนกับหมาป่าอีกหนึ่งตัว ไม่ได้เข้ามาในเขตมนุษย์เป็นเวลาอาทิตย์หนึ่งเนื่องจากหัวหน้าเผ่าเห็นว่า เวอร์ดัลกับเจเดนได้อาหารของพวกมนุษย์มา เขาจึงไม่อนุญาตให้เวอร์ดัลกับเจเดนออกไปหาอาหารอีกนานพอสมควร ทำให้พวกเขาทั้งสองคน ห่างหายจากคุณยาย และเริ่มมีความคิดถึงเด็กน้อยในชุดคลุมสีขาวแทนสายตาของเวอร์ดัลมองดูสาวคนเถื่อนในหมู่บ้านเดียวกัน พวกเธอเป็นเครื่องระบายของผู้คนในบ้านเดียวกันอย่างเริงร่า อีกทั้งเจเดนยังได้ยินเสียงครวญครางของ หญิงสาวในหมู่บ้านเดียวกัน กำลังสุขสมกับชายเถื่อนอีกหลายคน หลายคู่แต่สำหรับพวกเขาสองคน ไม่มีอะไรจะไปแลกกับพวกนางเหล่านั้น จึงทำได้เพียงแค่นั่งกลัดมันเกิดอารมณ์ ใช้มือหนากอบกำรูดคลึงเห็ดโคนใหญ่ของตนประคับประคองอารมณ์ไป"เราจะแอบออกไปบ้านหญิงคนนั้น เพื่อไปแลกอาหารอีกดีมั๊ย?ข้าหิวมาก…" เวอร์ดัลแอบปรึกษากับเจเดน เพราะตอนนี้เขาหิวอาหารจนกลัดมัน แทบหน้าดำหน้าแดงมาก มือหนารูดชักว่าวเห็ดโคนตนเองจนมันยืดยาว ใหญ่ยกลำ แข็งจนเส้นเลือ
เวอร์ดัลรีบสาวเท้าไปกับเจเดน พร้อมด้วยเมอร์เรส หมาป่าที่เลี้ยงไว้ มุ่งหน้าไปยังบ้านของคุณยายอย่างไม่รีรอคนเถื่อนสองคน ออกจากหมู่บ้านเหมือนกับทุกๆ วัน เพื่อไปหาอาหาร พวกเขาสองคนตั้งใจมาหาอาหารที่บ้านคุณยายแคทเธอรีนเช่นเดิม เพราะพืชผักผลไม้ที่นางปลูกเอาไว้ เป็นผลผลิตที่ดีมาก"ครั้งนี้เราจะเอาผู้หญิงกลับไปให้หัวหน้าเผ่าดูมั๊ย แล้วบอกว่า พวกเราเอาไปเป็นทาสของเราเองล่ะ?" เวอร์ดัลคุยปรึกษากับเจเดน ระหว่างเดินทางไปด้วยกัน และก็ใกล้จะถึงบ้านคุณยายแล้ว"หัวหน้าเผ่าต้องกินนางแน่ๆ ท่าทางจะหิวมากกว่าอยากได้ทาสนะ" เจเดนเดาว่า เขาน่าจะเก็บเธอไว้ที่บ้านเดิมแหละ แล้วพวกเขามาเอาอาหาร และเอาเธอมันๆ แบบนี้น่าจะเก็บไว้กินได้นานกว่า เอาไปที่หมู่บ้าน"แล้วเด็กที่พวกเราเจอล่ะ?" เวอร์ดัลถามถึงหนูน้อยหมวกขาว ซึ่งทำให้พวกเขาติดตามไปถึงบ้านผู้หญิง มีสวนผัก เด็กคนนั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันกับผู้หญิงที่พวกเขาลากมาข่มขืนในป่าก็ได้"ถ้าเราเอาเด็กกลับหมู่บ้านไป หัวหน้าเผ่าจะต้องจัดนางแน่นอน และอาจจะยอมให้อยู่ในหมู่บ้านเราก็ได้นะ ยังไงเสีย หัวหน้าเผ่าก็ต้องเอากับเด็กผู้หญิงทุกๆ คนอยู่แล้ว เพื่อให้อยู่ในหมู่บ้านได้
คุณยายแคทเธอรีนเริ่มตั้งตัวใหม่ เธอคิดว่าที่มีคนป่าเข้ามาในเขตบ้านเธอได้ คงเป็นเพราะพืชผักผลไม้ในบ้านแน่ๆ ที่มันกำลังสุกงม และกลิ่นของมันคงไปเตะจมูกคนเถื่อนเข้าพวกมันจึงเข้ามาลักเล็กขโมยอาหารในบ้านเธอยังไม่พอ ยังจะขโมยความสงบสุขของเธออีกต่างหาก แถมยังจะ… แคทเธอรีนกัดฟันขบเคี้ยวแน่น ว่าโดนพวกมันรุมข่มขืนทั้งปากและสังวาสหนักแค่ไหนในใจแอบยอมรับความสุขที่พวกมันประเคนมาให้ ทั้งอัดแน่นเพลิดเพลิน เสียววูบวาบมาก อย่างที่ไม่ได้เป็นแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่สามีของคุณยายเสียชีวิตไปนาน เธอก็ไม่มีชายอื่นมาเป็นคนคู่ใจเคียงข้างอีกเลย…ครานี้… คุณยายคิดว่าจะต้องเตรียมรับมือพวกมันอีก เพราะหากพวกมันมาถึงบ้านคุณยายได้ครั้งแรก ครั้งต่อไปพวกมันอาจจะมาอีกแน่ๆ และเธอไม่แน่ใจว่า พวกมันจะมาแค่สองคน หรือมากกว่านั้นคุณยายยังไม่อยากให้หลานสาว ซึ่งกำลังเดินทางมาหา ได้รับอันตรายไปด้วย แต่คุณยายก็ไม่กล้าบอกอยู่ดี เกรงว่าจะกลัวจนทำอะไรไม่ถูก คุณยายแคทเธอรีนคิดว่า เธอควรจะจัดการกับพวกมันเองจะดีกว่า… ลึกๆ ในใจคุณยายก็อยากจะโดนพวกมันจัดการแบบเมื่อวาน อย่างเร้าใจอีกเหมือนกัน******วันนี้คุณยายจัดการเก็บผักผลไม้ภายในบ้
ร่างบางยังคงสั่นเสียว ไปกับการเคลื่อนไหวของโทมัสอยู่เนืองๆ ความอึดอัดคับในช่องท้อง ยังคงกระตุ้นอัดแน่นจุกใน ทุกๆ แรงสวมกอดจากคนที่สนิทกัน เวลานี้เขาสู่ขอเธอกับพ่อแม่ของเอลีสไปแล้ว ทำให้เขาสามารถครอบครองเธอได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะถึงวัยดรุณีแรกแย้มจะแตกสาวมือบางกอบกำผ้าห่มแน่นพลางบิดกายเล็กบาง สั่นไหวไปมาในความฝัน มันช่างแสนหอมหวานล้ำ เกินกว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมา แต่แล้ว… ความฝันของเธอระหว่างสวมกอดกับโทมัส กำลังจะจางลง เมื่อกลิ่นหอมของอาหารเช้า กำลังปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์หลับใหลนิทราอันแสนหวาน…"เอลีส… ตื่นมาทานข้าวเช้าเถอะจ้า…!!!" ลีแอนตะโกนเรียกลูกสาวให้ลงมาเหมือนกับทุกๆ วัน เพียงแต่วันนี้เอลีสลงมาช้ากว่าปกติ เพราะเธอรู้เรื่องเมื่อวานอยู่แล้ว เธอกับพาร์เซลจงใจให้โทมัสอยู่กับเอลีส เพื่อสานสัมพันธ์ครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากขึ้น"ค่าาาาา" เอลีสค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง เธอยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดระบมหน้าท้อง และเรือนขาทั้งสองข้าง ปวดเมื่อยไปหมด การมีความสัมพันธ์ความรักครั้งแรกมันเป็นแบบนี้เองรึ******เอลีสลงจากบนห้องนอนตามปกติ เพื่อมาพบลีแอนยามเช้า พาร์เซลออกไปตัดฟืนกับพรรคพวกเช่นเดิม หา