Home / แฟนตาซี / Undisclosure / กลิ่นแปลก ๆ

Share

กลิ่นแปลก ๆ

last update Last Updated: 2025-02-12 15:18:14

“...ฉันจำได้ว่ามีแสงจ้า จ้ามาก ๆ ตอนนั้นก้นยังไม่แตะเก้าอี้เลยด้วยซ้ำ เชื่อไหม จู่ ๆ ก็มองไม่เห็นอะไรเลย แสงมันสว่างจ้าจนต้องหลับตา เหมือนตาบอดอยู่ชั่วขณะ แล้วหน้าก็ร้อนไปหมด พวกตำรวจพยายามจะหยุดซอนย่า ฉันได้ยินเสียงปืนด้วย เธอคงพยายามจะหนี ฉันได้ยินแค่เสียงเท่านั้น เลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนะ รู้แต่ พวกตำรวจพยายามจะหยุด แต่ก็ยังไม่ทัน”

“เล่ามาตั้งนาน สรุปแล้ว พลังพิเศษที่ว่าคืออะไรวะ” เวดถามจี้

“แสงไง ก็บอกแล้วว่าเป็นแสงจ้า ๆ”

“แสงอะนะ”

“ใช่ แสง” แอนโธนี่ย้ำ

เวดหันมาหาเธอ “ไม่เข้าใจแฮะ แสงทำอันตรายคนเราได้ด้วยเหรอ”

“คงเหมือนกับเวลาที่เรามองพระอาทิตย์ตอนเที่ยงไม่ได้ แสงมีความร้อนนะ” อเล็กซิสเดาก่อนหันกลับไปทางแอนโธนี่ “แบบนี้ใช่หรือเปล่า”

“ใช่ ๆ ประมาณนั้นแหละ หรือไม่ก็...ซอนย่าอาจจะควบคุมแสงได้ หลังจากที่ทุกอย่างสงบ พอลืมตาได้ ฉันเห็นหลอดไฟแตกหมดเลย มีเด็กผู้หญิงสองคนได้รับบาดเจ็บ ผิวไหม้ แล้วก็ลืมตาไม่ขึ้น พวกเธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว”

กลุ่มของอเล็กซิสแลกเปลี่ยนข่าวสารกับกลุ่มของแอนโธนี่ ทั้งหมดคุยกันผ่านห้องขัง “ฉันคิดว่าซอนย่าคงกลัว พอเห็นไอ้เก้าอี้พวกนั้น เธอก็เลยระเบิดพลังออกมา เธอคงไม่ได้ตั้งใจจะแสดงให้พวกเราดูหรอก”

“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหนแล้ว”

“ไม่รู้เหมือนกันแฮะ ไม่รู้ว่าพวกเขาพาเธอไปที่ไหนด้วย”

อเล็กซิสมองไปยังห้องขังของครูโดบี้ส์กับน้องสาวของเธอ ตอนนี้ในห้องว่างเปล่า ไม่มีผู้ต้องขังอยู่

“แล้วเรื่องสอบสวนล่ะ เป็นไง” เวดยังคงซักต่อ

“ยกเลิกไปแล้ว แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ ว่ายกเลิกตลอดไปหรือแค่ชั่วคราว”

อดีตกัปตันทีมฟุตบอลหันกลับมาหาออสโล่กับอเล็กซิส “ซอนย่า โรมูลเลอร์คือใคร ฉันไม่เห็นรู้จักเลย”

อเล็กซิสกลอกตา คุยตั้งนาน

“รุ่นน้องพวกเราปีนึง เธอเป็นคนเงียบ ๆ แต่นิสัยดีนะ” ออสโล่ตอบ “ฉันนึกว่านายรู้จักคนเยอะแยะซะอีก”

เวดส่ายหน้า “ไม่เยอะหรอก นายจะให้ฉันรู้จักทุกคนในโรงเรียนไม่ได้หรอกนะ มันเป็นไปไม่ได้ แล้วยิ่งนายเพิ่งบอกว่าคนนี้เป็นคนเงียบ ๆ อีก จะให้ฉันรู้จักคนเงียบได้ไงวะ”

“ฉันเห็นซอนย่าในงานปาร์ตี้ที่บ้านนายออกจะบ่อย”

“โธ่ ฉันไม่ได้รู้จักแขกที่มาทุกคนหรอก พอฉันบอกเพื่อน ๆ ว่า เฮ้ย จะจัดปาร์ตี้นะเว้ย ทุกคนก็แห่มาบ้านฉันเอง ชวนกันปากต่อปากมั้ง ฉันยังไม่รู้เลยว่านายก็มาด้วย จนกระทั่งโดนจับมาด้วยกันนี่แหละ อเล็กซ์ เธอรู้จักซอนย่าคนนี้หรือเปล่า”

อเล็กซิสพยักหน้า “รู้จักสิ เธอเป็นนักร้องในคณะประสานเสียงของโรงเรียนนี่นา”

“ถ้างั้น แสดงว่าคนนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงจริง ๆ สินะ” เวดหันไปหาเบลินดาที่นั่งไกลออกไป “ยินดีด้วยนะ” เขาปรบมือเป็นจังหวะช้า ๆ “เธอช่วยพวกตำรวจหาตัวกลุ่มเสี่ยงเจอแล้ว เย่”

“พอเถอะ ปล่อยเธอไปเถอะ” ออสโล่ขอ “แค่อย่าไปยุ่งกับเธอก็พอ ทำได้ไหม”

“จ้า พ่อนักบุญออสโล่” เวดงึมงำ

สองชั่วโมงต่อมา นายตำรวจเข้ามาปล่อยตัวกลุ่มแอนโธนี่ยกกลุ่ม อเล็กซิสเอาหน้าแนบกับลูกกรงจนหัวแทบจะทะลุออกมา ตั้งแต่ผ่านขั้นตอนการสอบสวนแสนหฤหรรษ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงสัญญาณปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์เอ๋ย ได้โปรดตอบรับคำขอของฉันด้วย

สายตาของเธอจ้องไปยังกลุ่มแอนโธนี่ เมื่อพวกตำรวจสั่งให้พวกเขาออกมา หลายคนกลับมีท่าทีรีรอ

“อ้าว ไม่อยากกลับบ้านกันเหรอไง พวกเธอเป็นอิสระแล้ว”

“แล้วพวกเขาล่ะครับ” แอนโธนี่ชี้ไปยังห้องขังที่อเล็กซิสอยู่ “คุณจะปล่อยพวกเขาด้วยหรือเปล่า คุณเจอกลุ่มเสี่ยงแล้วนี่ครับ”

อเล็กซิสนึกอยากจะหอมเขาสักฟอด

“พวกเขาถูกตัดสินแล้วว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัย (“ฮะ! ฉันเนี่ยนะ กลุ่มต้องสงสัย” เวดตะโกนแทรก) ถ้าพวกเธอไม่ไป ฉันจะจับพวกเธอเข้าไปใหม่ แล้วนาย ไอ้หนูมิลเลอร์ หุบปากไปเลย”

“ทำไมล่ะ” เวดถาม “คุณปล่อยพวกเขาไปได้ ทำไมไม่ปล่อยพวกเรา พวกคุณเจอกลุ่มเสี่ยงแล้วนะ พวกเราไม่ใช่สักหน่อย”

“ฉันว่าฉันเพิ่งบอกไปแล้วนะว่าพวกนายถูกตัดสินแล้ว ว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัย” โจเซฟตอบ แล้วหยิบไม้กระบองขึ้นมาอวด “อยากโดนฟาดอีกรอบไหมล่ะ”

อเล็กซิสไหล่ตก เดินกลับมายังที่นั่งประจำตัว เธอหัวเราะเสียงแห้งประหนึ่งอดสูตัวเองเมื่อครู่ พอสบตามองออสโล่ ก็เห็นเขานั่งพิงกำแพง ยิ้มให้เพื่อนทั้งสอง พร้อมกระดิกเท้า “พวกนายยังหวังกันอยู่อีกเหรอ”

“ใช่” เธอยอมรับ “มีปัญหาเหรอ”

“เปล่า ไม่ได้จะขัดเธอสักหน่อย อเล็กซ์ก็” ออสโล่ส่ายหน้า “เอาเถอะ ฉันไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ไม่คิดหวังอะไรแล้วด้วย คงมีแต่นอนนี่แหละ ฝันดีนะ ทั้งสองคน” เด็กหนุ่มผมแดงเอนหลังลงบนพื้นแข็ง ๆ พวกเขานอนแบบนี้กันมาสามวันเต็ม มันไม่สบายเอาเสียเลย อเล็กซิสปวดหลังมาก

“พวกเขาโชคดีเนอะ” อเล็กซิสยังคุยกับเวดต่อ “ไม่ต้องเจอการสอบสวนแบบพวกเรา ไม่ถูกตัดสินแบบพวกเรา แถมยังถูกปล่อยตัวอีก ฉันภาวนาให้ตัวเองโชคดีแบบนั้นบ้าง”

เวดลูบไหล่เธอเบา ๆ “เข้าใจ ๆ ฉันรู้สึกเหมือนเธอนั่นแหละ แต่ทำอะไรไม่ได้อย่างที่หมอนี่ว่า”

พวกเขานั่งเงียบกันอยู่สักพัก สายตาของอเล็กซิสมองไปยังออสโล่ที่กำลังหลับสนิท

เวดเอ่ยขึ้นมาว่า “ตลกดีนะ...เกิดเห็นด้วยกับหมอนี่เฉยเลย สิ่งเดียวที่เราทำได้ คือนอนอย่างเดียวจริงด้วยสินะ”

อเล็กซิสขำ

เวดเอนหลังลงบ้าง “เธอจะนอนบนแขนฉันก็ได้นะ หรือตรงนี้ก็ได้” เขาทุบอกตัวเองเบา ๆ ยิ้มให้อเล็กซิสอย่างเจ้าเล่ห์ เธอเตะขาเขาไปหนึ่งที ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างออสโล่

“นายว่าพวกตำรวจพาพวกครูไปไหน” อเล็กซิสถามถึงครูโดบี้ส์และพยาบาลสตีเว่น

“ไม่รู้สิ หวังว่าคงไม่ได้เอาไปทำทารุณกรรมอะไรอีกนะ”

ในห้องขังทั้งหมด ตอนนี้เหลือผู้ต้องขังอยู่เพียงสี่คน บรรยากาศวังเวงลงทันที

กี่ชั่วโมงผ่านไปเธอไม่ค่อยแน่ใจ แต่ยังไม่เช้าแน่นอน อาจเป็นช่วงประมาณตีสาม อเล็กซิสตื่นเพราะรู้สึกเหมือนมีคนเขย่าตัว เธอกะพริบตาเพื่อปรับสายตา พอหันมาจึงเห็นนายตำรวจในชุดเครื่องแบบนั่งยอง ๆ อยู่ข้างตัว อารามตกใจ อเล็กซิสเกือบร้องออกมาแล้ว แต่เขาเอามือปิดปากเธอได้ทัน จากนั้นสั่นหัวไม่ให้เธอพูดอะไร แสงไฟจากหลอดนีออนส่องให้เห็นสีหน้าและดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด คล้ายกับมีบางสิ่งปั่นป่วนในท้อง บรูซกระซิบบอกว่ามีโทรศัพท์มาถึงเธอ มีเหตุฉุกเฉินบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของอเล็กซิส

ประตูห้องขังเปิดค้างไว้ บรูซคงเข้ามาข้างในเพื่อปลุกเธอโดยเฉพาะ ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากรบกวนเด็กคนอื่นที่นอนอยู่

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาคะ”

คิ้วทั้งสองข้างเลิกขึ้น เหมือนนายตำรวจต้องการบอกว่าอย่าถามให้มากความ อเล็กซิสอดแปลกใจไม่ได้ บรูซไม่เหมือนกับคุณลุงใจดีก่อนหน้านี้ แต่เธอลุกขึ้นแต่โดยดี แถมยังเผลอไปเตะออสโล่เข้า เลยเผลอปลุกเพื่อนโดยไม่ได้ตั้งใจ “จาปายหนายตอนเน้” เขาถามทั้งที่ยังงัวเงีย และเมื่อเขาเห็นเจ้าหน้าที่อยู่ในห้องขัง ออสโล่ตื่นขึ้นมาทันที “เฮ้ย”

“โทษที พอดีมีเรื่องฉุกเฉินนิดหน่อย” เธอกระซิบบอก ระหว่างนั้น เวดยังคงนอนกรนสนั่นลั่นห้อง บรูซเดินออกแล้วเร่งให้เธอตามเขาออกไปไว ๆ

เมื่อเธอยืนอยู่ข้างนอกแล้ว บรูซไขกุญแจปิดล็อกอีกครั้ง เขาไม่ลืมบอกออสโล่ให้นอนหลับต่อให้สบาย อย่างไรก็ตาม เมื่ออเล็กซิสหันกลับมา ออสโล่ยังคงมองตามอยู่จนเธอเดินหายไป

“เรื่องไม่ดีเหรอคะ ครอบครัวหนูเป็นอะไรคะ” อเล็กซิสกลุ้มใจ ยิ่งนายตำรวจเร่งให้เธอเดินตาม เธอก็ยิ่งเครียด กลัวว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีจริง ๆ

“เดี๋ยวก็รู้เอง”

สถานีตำรวจในเวลานี้เงียบสงบผิดกับบรรยากาศวุ่นวายในวันแรกที่เธอมาถึง อเล็กซิสไม่เคยย่างกรายเข้ามาในนี้มาก่อนเลยจนกระทั่งถูกจับกุม ไม่มีนักโทษที่ต้องรอกระบวนการทางกฎหมายอื่น นอกจากเด็กวัยรุ่นทั้งสี่คน

ประตูห้องข้างหน้าแง้มเปิดเล็กน้อย อเล็กซิสจึงได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังลอดออกมาจากข้างใน เธอมองเข้าไปผ่านช่องว่าง เห็นเจ้าหน้าที่โจเซฟและคู่หูสาวนั่งหลับฟุบอยู่กับโต๊ะ เพราะเธอเจอสองคนนี้บ่อยกว่าเจ้าหน้าที่คนอื่น พอเห็นท่าทางสลบไสลสิ้นฤทธิ์ ผิดจากสีหน้าเครียดทำเป็น

เคร่งขรึม อเล็กซิสจึงนึกขันอยู่ในใจ เธอไม่ค่อยแน่ใจตำแหน่งของคนทั้งคู่เท่าไร แต่น่าจะไม่มีขั้นสูง อเล็กซิสเหลือบมองสำรวจยศบนบ่าของบรูซ มันไม่ได้ต่างจากยศบนบ่าของเจ้าหน้าที่กำลังอู้หลับอยู่เช่นกัน

บรูซกระซิบเร่งให้เธอเดินเร็วขึ้น อเล็กซิสเดินผ่านห้องอาหารของพวกเจ้าหน้าที่ที่ดูเหมือนกับห้องครัวขนาดย่อม ตอนนี้คงมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตรงด้านหน้าสำนักงานสักหนึ่งหรือสองคน ระหว่างนั้นอเล็กซิสครุ่นคิดวุ่นวายอยู่แต่กับเรื่องที่บ้านว่าจะเป็นอย่างไร เธอเป็นห่วงเบียนน่ามากกว่าใครทั้งหมด เพราะครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ซึ่งก็คือเมื่อเช้านี้ เบียนน่ายังทำใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่ลูกถูกตัดสินว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัย

อเล็กซิสเพิ่งสังเกตว่าท่าทางของนายตำรวจใจดีผู้นี้เปลี่ยนไปจริง ๆ และเมื่อทั้งสองควรจะต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังห้องเยี่ยม เพราะตู้โทรศัพท์ประจำอยู่บริเวณหน้าห้องเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังและตรงล็อบบี้ แต่เขากลับพาไปอีกทาง

อเล็กซิสชะงักฝีเท้า ใจคอไม่ค่อยดี “คุณตำรวจคะ ทางนั้นไม่ใช่ทางที่เราจะไปไม่ใช่เหรอคะ ต้องไปที่ห้องเยี่ยมผู้ต้องขังนะคะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Undisclosure    หยุดยั้ง

    “แต่คุณบอกว่ามันจะใช้คุณเป็นตัวประกัน” ไมเคิลเถียง“ใช่ ตัวฉัน เพียงแค่ร่างกายที่ยังมีลมหายใจ”อเล็กซิสเข่าอ่อนจนทรุดตัวลง ก้มหน้าซ่อนสะอื้นลงกับตักหญิงสาว นาฮีมานาอาจไม่ใช่แม่ของกลุ่มเสี่ยง แต่เปรียบเหมือนกับผู้ใหญ่หรือไม่ก็พี่สาวที่พวกเขารู้สึกสบายใจเวลาเห็นเธอ เปรียบดั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทางจิตใจ“แต่ว่า...ก่อนจะออกไป ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”เมื่อนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น นาฮีมานาจับมืออเล็กซิสกับไมเคิล“เผาทุกอย่างในนี้”ทั้งสองพยักหน้า“ถ้าเห็นอะไร ทำใจไว้นะ แต่ฉันคิดว่าอย่าปล่อยไปเลย พวกเขายังไม่รับรู้อะไรหรอก”ทว่าประโยคหลังนั้น ทั้งสองไม่เข้าใจ นาฮีมานาคะยั้นคะยอให้พวกเขาออกไปจากที่นี่อีกครั้ง มืออีกข้างหยิบปืนที่พวกนั้นทิ้งไว้ เธอพยักหน้าให้ทั้งสองเห็นว่าไม่เป็นไร“พวกเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไปเถิด”“เหลืออีกห้านาที”นาฮีมานาไม่ต้องการให้พวกเขามอง หรือรับรู้ ทั้งสองจึงเดินออกไปหน้าลิฟต์ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นจึงได้ยิน

  • Undisclosure    จุดจบของผู้อยู่มานาน

    “พาตัวเธอมา” เธอหันไปสั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง อเล็กซิสไม่มีวันรู้ไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ คนของอาร์คาเดียจึงประคองนาฮีมานาออกมา เธออยู่ในสภาพอิดโรย ผมสีดำยุ่งเหยิง แก้มที่ตอบอยู่แล้วลึกลงไปราวกับผิวหนังปกคลุมเพียงโครงกระดูก เธอออกจากกลุ่มไปก่อน อเล็กซิสไม่รู้เลยว่าหญิงสาวโดนจับไปเมื่อไร“ได้โปรด เราพาเธอมาแล้ว”“เหลืออีกสิบนาที” พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเพราะกลัวหนีไม่ทัน“ทำไม ที่นี่จะระเบิดหรือ”พวกเขาส่ายหน้า ทั้งสองไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นนาฮีมานาพยักหน้าให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง อเล็กซิสจึงหันไปพยักหน้ากับไมเคิล เขาจึงบอกให้คนที่เหลือออกไป ทั้งหมดทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งหนี บางคนแย่งกันออกไปจนมีเสียงโวยวายล้มลุกคลุกคลาน ส่วนพวกเขารีบไปประคองนาฮีมานาที่ถูกทิ้งลงกับพื้น“มานา...”หญิงสาวสบตากับทั้งสองแล้วยกมือจับแก้มคนทั้งคู่ เพียงสัมผัสอเล็กซิสกลับรู้สึกสบายตัว อากาศปวดตามตัวและที่หน่วงอยู่ในท้องก็อันตรธานหายไปทันใด เมื่อเธอมองไมเคิลจึงเห็นว่าบาดแผลบนใบหน้

  • Undisclosure    ไม่มีการต่อรอง

    “เหลืออีกยี่สิบนาที”สิ่งที่อเล็กซิสเกลียดที่สุดคือการไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น แม้เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ลักพาตัว แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวการเป็นใคร ทั้งสองยืนมองนักวิทยาศาสตร์วิ่งหนีออกจากตึกจากบานหน้ากระจกขนาดใหญ่บนชั้นลอยเปิดสู่โถงด้านล่าง ประตูทางออกนั้นไม่ได้เปิดออกไปแล้วเห็นด้านนอก แต่ไปยังลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบน โถงด้านล่างกินพื้นที่ถึงห้าชั้น มันกว้างใหญ่ พวกเขาวิ่งหนีขึ้นลิฟต์ บ้างแย่งกัน แต่เพราะจำนวนมีจำกัดจึงไม่อาจขนส่งคนออกไปได้ทันทีแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่าทั้งหมดอยู่ใต้ดินขณะนั้นไมเคิลปรายตามองทีมรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่ได้สวมชุดทหารสีเทาแต่เป็นสีน้ำตาล ในมือถือปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่เล็งมาแต่ยังไม่ได้ยิง หรือพูดไม่ถูกคือไม่กล้ายิงเพราะกลัวผลโต้ตอบที่รุนแรงกว่า อีกกลุ่มคอยอพยพและจัดระเบียบ พวกเขามองขึ้นมาอย่างหวาดผวา ส่วนเธอกับไมเคิลมองลงไปด้วยสายตาว่างเปล่า“ปล่อยไปเถอะ เราต้องการเพียงมานา”อเล็กซิสไม่ได้ใจดี เธอแค่ไม่อยากเสียเวลาไมเคิลพยักหน้าแต่สายตายังจับจ้อง

  • Undisclosure    ทำลาย

    แม้สายตาจะคอยชำเลืองมองแฝดที่ยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าประตูรอให้พวกมันเข้ามา อเล็กซิสใช้เวลานี้เรียกข้อมูลขึ้นมาเรื่อย ๆ นอกจากจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพวกเขาแล้ว พวกมันต้องการเซลล์ไข่ของเธอและสเปิร์มของแฝดเพื่อผสมเทียม สมมติฐานของคนพวกนี้นั่นคือ เธอและไมเคิลเป็นกลุ่มเสี่ยงคู่เดียวที่สามารถให้กำเนิดทายาทที่มีลักษณะพิเศษได้ เหมือนอย่างที่ลูก้าและเจมม่าเคยให้กำเนิดคนทั้งสอง เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงคนอื่นล้วนมีภาวะมีบุตรยากหรืออาจจะถึงขนาดไร้ประสิทธิภาพที่จะมีทายาทเลยก็ว่าได้เพื่ออะไร ผลิต...ผลิตกองทัพผู้มีพลังพิเศษด้วยตัวเองหรือปัญหาคือ เธออยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง เอไลโตทั้งหมด หรือบางคน? ที่แน่ ๆ พวกมันใช้คาเรลที่สมควรถูกประหารชีวิตไปแล้วปลอมตัวเป็นไมเคิลมากหลอกเธอเสียงฝีเท้ามากมายมาเป็นโขยงโดยที่แฝดชายยืนรออยู่ อเล็กซิสถอยห่างจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“อยู่เฉย ๆ” คนข้างนอกตะโกนเข้ามา “อย่าขยับไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องยิง!”ชายหนุ่มผมเงินหัวเราะดูแคลนคนข้างนอก พริบตาเดียวเปลวเพลิงลุกโถมเข้าใส่ประตูด้านหน้า ทีมรักษาความป

  • Undisclosure    ละเลงเลือด

    ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้งพร้อมกับสภาพเครื่องมือล้มระเนระนาด รวมทั้งจานที่บรรจุเซลล์ไข่แตกละเอียด เพียงเธอมอง ของเหลวในนั้นแห้งเหือดตรงมุมขวาของห้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ อเล็กซิสยกมือขึ้นทำท่าบิด มันแตกแล้วตกลงมา เพียงเท่านั้นเธอรีบลุกออกจากเตียงเพื่อไปหาไมเคิล แต่เพียงขยับก็เจ็บหน่วงที่ท้อง สุดท้ายกลั้นใจหยิบผ้าคลุมมาพันตัวแล้วเดินไปหาน้องชาย มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่แปลบ ๆ หน่วง ๆ เหมือนเวลาที่เธอเคยมีประจำเดือน“ไมเคิล” เธอจับแก้มที่มีแผลไหม้แล้วสงสารจับใจ ใบหน้าของเขาคือของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครก็อยากจะถนอมดูแล แล้วดูตอนนี้สิ อเล็กซิสดึงเครื่องรัดออกแล้วสวมกอดคนที่นอนอยู่แน่นเพื่อให้เขาฟื้นตัว “ไมเคิล ตื่นสิ ไมเคิล”ชายหนุ่มส่งเสียงครางอือ ๆ เบา ๆ เธอถอนตัวขึ้นมาเพื่อรอให้เขาฟื้น เขาเริ่มขยับริมฝีปาก “รอ...”“ไม่ต้องรอ” เธอบอกพลางกุมมือเขาแน่น น้ำตาเอ่อขึ้นมาเมื่อมองแฝดชายราวกับเห็นร่างของซีโน่ที่กำลังจะตาย “ตื่นขึ้นมา ฉันจะปกป้องนายเอง”เขากะพริบตาก่อนจะลืมตามอง ดวงตาสีฟ้าเข้มสบกับของเ

  • Undisclosure    แหกคุก

    มีกี่เรื่องที่ทำให้คนเราฝันร้าย แต่เมื่อตื่นเหมือนกับโผล่ขึ้นผิวน้ำปีศาจในความทรงจำล้วนมีมากหน้าหลายตา และกลุ่มแรกมีชื่อว่าคาเมรอนกับบรูซ ยังดีที่โชคยังเข้าข้าง ต่างกับตอนนี้ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือปีศาจใต้หน้ากาก หมดสิ้นอิสรภาพโดยสิ้นเชิงสติไปไหน เหตุใดจึงรู้สึกล่องลอย บางครั้งตื่นตัว บางครั้งไม่รู้สึกมันมากันเป็นกลุ่ม จับร่างของอเล็กซิสขึงเพื่อเอาบางสิ่งจากกาย หากขัดขืนดิ้นรนก็จะได้รับความเจ็บปวดสาหัสจนไม่อาจขยับได้ไปหลายนาที คงเป็นเพราะกายหยาบนี้ทนทานต่อยาสลบจึงตื่นเร็วเกินไป แต่ต่อให้ทนได้เพียงใดก็ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาเสียงกรีดร้องอ้อนวอนขอให้พวกมันหยุดไม่เป็นผล แม้เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการก็ยังไม่ปล่อยอเล็กซิสกับไมเคิลไป พวกมันเอาขาหยั่งออกแล้วปล่อยให้ขาเธอนอนเหยียดยาวโดยมีเครื่องล็อกตรึงไว้ไม่ให้ขยับ“พวกแกต้องชดใช้” เสียงที่ตะโกนออกไปกลั่นออกมาจากความแค้นที่อยู่ลึกสุด แต่กลับฟังดูอ่อนแอเกินกว่าจะขู่ให้ผู้ใดกลัว ตรงกันข้ามกลับเรียกเสียงหัวเราะขำขันแทนเธอหันไปมอง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status