LOGINบรูซจับแขนเธอ “ทางนี้แหละ เรามีตู้โทรศัพท์ตั้งหลายที่ แม่หนู เธอลืมไปแล้วเหรอ ว่าฉันทำงานที่นี่”
เขาพูดถูก แต่อเล็กซิสรู้สึกไม่ดีเลย เด็กสาวค่อย ๆ ดึงมือเขาออกอย่างสุภาพ “แล้วใครโทรมาเหรอคะ เรื่องด่วนที่ว่า เกี่ยวกับอะไร”
“ถ้าเธอถามอีกรอบ ฉันจะตบให้หายสงสัยเลย เชื่อไหม”
เขาถอดหน้ากากคุณลุงใจดีออกเรียบร้อยแล้ว อเล็กซิสใจสั่น เธอมองไปข้างหน้าซึ่งไม่ได้ทำให้เธอไว้ใจเขามากขึ้นเลย อย่างไรก็ตาม เด็กสาวพยักหน้า แต่พอนายตำรวจหันกลับไป เธอวิ่งหนีทันที
“ช่วยด้วย”
วัตถุแข็งบางอย่างกระแทกเข้ากับหลัง อาจเป็นไม้กระบอง ความเจ็บปวดเฉียบพลันทำให้เธอชะงักฝีเท้า นายตำรวจคว้าตัวเด็กสาวไว้ได้ทัน เขาปิดปากเพื่อกันไม่ให้เธอร้องแล้วลากตัวเธอกลับไป อเล็กซิสถูกจับโยนเข้าไปในห้องเก็บของ พอเธอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกล่ามโซ่ทั้งแขนและขาติดกับกำแพง ที่ตามีผ้าปิดตาคาดไว้ ตรงปากมีเทปปิดทับเช่นกัน ผมสีดำของเธอหลุดลุ่ยออกจากเปียทั้งสองข้าง เด็กสาวมีรอยช้ำและรอยเลือดทั่วตัว สิ่งที่น่าสยดสยองกว่าอะไรทั้งหมดคือเลือดที่กระโปรง น้ำตาของเธอไหลออกมาจากผ้าปิดตาเป็นสาย ข้างซอนย่า มีนายตำรวจอีกคนนั่งเฝ้าอยู่ เสื้อตัวบนของเขาหลุดออกจากกางเกง เขาไม่สวมเข็มขัด แถมยังนั่งสูบบุหรี่หน้าตาเฉยราวกับรอเธออยู่แล้ว
ข้างหลังอเล็กซิส ปืนของบรูซจ่อมาที่กลางลำตัว พลันเหงื่อทะลักออกมาเต็มมือ อเล็กซิสตัวชาวาบราวกับช่วงขากลายเป็นหิน
“อีนี่มันร้อง ไม่รู้ว่าพวกโจเซฟกับเฮลก้าได้ยินหรือเปล่า ส่วนเจ้าไซลาสนอนหลับเป็นตายอยู่หน้าสำนักงาน โรเจอร์ออกลาดตระเวนอยู่ในเมือง”
“นายก็ออกไปเช็กก่อนสิวะ ว่าพวกมันได้ยินเสียงยัยนี่หรือเปล่า” คนที่นั่งอยู่ออกคำสั่ง เขาตัวไม่สูงและไม่เตี้ย แต่ตัวใหญ่กว่าบรูซ เธอแทบไม่เคยเห็นหน้าเขา ชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าอกเขียนว่า ‘คาเมรอน’ อเล็กซิสได้ยินเสียงบรูซเปิดประตู เด็กหญิงพยายามทำใจให้สงบ ที่นี่คือสถานที่ที่พวกตำรวจกักตัวซอนย่าไว้ ทั้งล่ามและทรมานเธอ อเล็กซิสก็จะเป็นรายต่อไปในอีกไม่ช้า นายตำรวจสองคนนี้ใช้กลหลอกให้เธอออกมาเพื่อจุดประสงค์ที่ไม่ดี
“ซอนย่า!” อเล็กซิสเรียก ร่างของเด็กสาวขยับเล็กน้อย เหมือนรับรู้ว่าอเล็กซิสอยู่ในห้องด้วย คาเมรอนส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่เอา ไม่พูด”
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” มันเป็นคำถามที่โง่มาก อเล็กซิสรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมพวกเขาถึงพาเธอมาที่นี่ แต่เมื่อครู่เธอโพล่งออกไปโดยไม่ทันคิด ซอนย่าสามารถทำให้คนพวกนี้ตาบอดได้...แต่ยังไงล่ะ เธอไม่รู้วิธีที่จะช่วยเด็กคนนั้น แถมจะช่วยตัวเองยังลำบาก มีตำรวจตั้งสองคน พร้อมกับไม้กระบองสองด้าม และปืนสองกระบอก
บรูซกลับเข้ามา “พวกเขายังหลับอยู่”
“เออ งั้นทำเร็ว ๆ ฉันเบื่อยัยเด็กนี่แล้ว” คาเมรอนชี้ไปที่ร่างซอนย่า “ถึงตาแกละ”
อเล็กซิสยังคงมองไปรอบ ๆ คาเมรอนวางไม้กระบองกับวิทยุสื่อสารทิ้งไว้บนโต๊ะ ยกเว้นปืนที่เขาถือไว้ เขายังคงพูดอยู่กับเพื่อนตำรวจเหมือนเพิ่งนึกอีกเรื่องขึ้นมาได้
“เออ บรูซ...ฉันคิดว่ามีเด็กผู้หญิงสองคนไม่ใช่เหรอ อีกคนไปไหนล่ะ”
“อีกคนหลับเป็นตาย ปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น แต่เด็กคนนี้สวยสุดแล้ว”
คาเมรอนเอียงคอพิจารณาก่อนยิ้มกว้าง “เออ สวยจริง เขยิบมาแม่หนู”
อเล็กซิสไม่ขยับ แต่อ้อนวอนแทน “หนูขอร้องนะคะ ปล่อยหนูไปเถอะ หนูจะไม่บอกใคร หนูสาบาน” คิดสิ อเล็กซ์ คิด เธอต้องหาทางออกได้
“เอาเชือกมัดไหม หรือใช้เทปดี” บรูซเสนอไอเดีย พวกเขาคุยกันราวกับทำเรื่องพรรค์นี้เป็นปกติ
“อย่าเลย ปากยัยนี่น่าขยี้ ใช้ปืนคุมก็พอ เราไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอก”
พวกเขาคุยกัน ไม่สนใจคำขอร้องของเธอเลย “ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” เธอพยายามขอความเมตตาทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครฟัง “พวกคุณเป็นตำรวจ อย่าทำแบบนี้เลย หนูขอร้อง”
บรูซยกปืนขู่ให้เธอเงียบปาก ส่วนอีกคนถอดกางเกงลง
“อย่าส่งเสียง ถอดเสื้อออก อย่าทำเป็นไม่เข้าใจที่ฉันสั่ง เด็กสาวสมัยนี้ไม่มีใครซิงกันแล้ว ไม่ต้องมาทำอิดออดน่า ถอดเสื้อซะ แสดงให้ดูหน่อยสิ ว่าเธอเก่งแค่ไหน”
“เฮ้ย ๆ ฉันก่อนสิวะ ตาแกคือยัยผมดำ” คาเมรอนเตือนเพื่อนตำรวจ ตอนนี้เขาสวมแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว บรูซทำเสียงฮึ่ม ๆ แต่ไม่ตอบโต้อะไร อเล็กซิสพยายามเค้นสมอง เธอมองซอนย่า ซอนย่าทำให้พวกเขาตาบอดได้...แต่ตอนนี้เธอถูกล่ามอยู่ บรูซเดินเข้าไปหาเด็กสาวผมดำ เขาลูบต้นขาเธอ เด็กหญิงตัวสั่น พยายามจะขัดขืนแม้ถูกล่าม
“อย่า อย่าทำอะไรเธอ ได้โปรดเถอะ” อเล็กซิสโพล่งออกไปอีก คิดสิ อเล็กซ์ มันต้องมีทางออกน่า “หนู...จะทำทุกอย่างให้พวกคุณพอใจที่สุด แต่ได้โปรดอย่าทำร้ายหนูกับเธอเลย” เด็กสาวพูดออกไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่เธออยากต่อเวลาให้ตัวเอง จึงพ่นคำพูดออกไปอย่างนั้น ส่วนสมองพยายามเค้นหาวิธีเอาตัวรอด
คาเมรอนหัวเราะในลำคอ “บรูซ ยัยนี่พยายามต่อรองว่ะ เธออยากทำข้อตกลงกับเราหรือ”
อเล็กซิสปฏิเสธ “เปล่าค่ะ นะ...หนูรู้ว่าพวกคุณต้องการอะไร...หนูรู้ว่าจะทำให้พวกคุณมีความสุขได้อย่างไร อย่าทำร้ายหนูได้ไหมคะ หนูเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ไม่อยากให้หน้ากับลำตัวมีรอยแผล หนูรักรูปร่างหน้าตาของตัวเอง พวกคุณจะเรียกหนูมาทำอะไรแบบนี้กี่ครั้งก็ได้ ขอแค่อย่าลงไม้ลงมือกับหนูและเธอก็พอ”
“ถ้าพวกเราไม่ล่ามเด็กคนนี้ไว้ เธอจะฆ่าพวกเรา อย่าห่วงไปเลยฉันเบื่อเด็กคนนี้แล้วล่ะ” คาเมรอนจ้องเธอ หันเหความสนใจมาจนหมด “พิสูจน์คำพูดตัวเองสิ นี่ฉันก็มือเปล่านะ ไม่ได้จะตบตีอะไรสักหน่อย”
“เธออยากลองกับพวกเราพร้อมกันว่ะ” บรูซผละจากซอนย่า เขาไม่ปิดบังความตื่นเต้นและแรงกระหายภายในเลย แต่คาเมรอนไม่ชอบความคิดนี้
“ไม่ แกไปเล่นกับยัยนั่น” นายตำรวจเดินมาหาอเล็กซิสแล้วกระชากผมเธอ ลากเหยื่อไปไว้ข้างตัวไม่ยอมให้เพื่อนเล่นกับของเล่นชิ้นใหม่ด้วย อเล็กซิสล้มลุกคลุกคลาน ปากร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เขายังดึงผมเธออยู่อย่างนั้น ไร้ซึ่งเมตตา ดวงตาของเขาสื่อให้เห็นถึงสิ่งสกปรกที่อยู่ในสมองอันวิปริต เธอมองเหงื่อของเขาที่กำลังไหลพลั่ก ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังตื่นเต้นและหมายมั่นที่จะย่ำยีเหยื่อตรงหน้าแทบไม่ไหว พอเขาเห็นเธอไม่ขยับก็เร่งเร้า “ไหนว่าจะทำให้ฉันพอใจไง ทำให้ดูสิ แต่เธอต้องทำให้ฉันดูคนแรกนะ ถ้าฉันพอใจ เธอค่อยไปดูแลเขา”
อเล็กซิสจ้องไปยังวิทยุสื่อสารที่อยู่ด้านหลังเขา ตัดสินใจแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้มีอำนาจเหนือกว่า “ค่ะ หนูจะพิสูจน์ให้ดู นั่งลงสิคะ”คาเมรอนยิ้มแล้วนั่งลง อเล็กซิสเลื่อนมือไล่จากขาของเขาไปยังหน้าท้อง
“ยิ้มสิ” เด็กสาวทำตามอย่างว่าง่าย เธอยิ้ม
“ฮึ อีกะหรี่”
พอเธอเหลือบเห็นว่าบรูซหันกลับไปสนใจซอนย่า และคาเมรอนโน้มตัวลงมาจูบ เธอปล่อยให้เขาจูบผม ลูบไล้ใบหน้าของเธอตามแต่ที่เขาอยากจะทำ พอสบโอกาส อเล็กซิสโขกหัวตัวเองกับหัวนายตำรวจอย่างแรง จากนั้นเอื้อมมือคว้าเจ้าวิทยุสื่อสารในขณะที่เขากำลังมึนงง เมื่อคว้าแล้วรีบฟาดมันเข้ากับหัวของเขาอีกที
เขาร้องโหยหวนพร้อมกับสบถคำหยาบมากมาย
อเล็กซิสฟาดอีกรอบ ร่างใหญ่ล้มลงจากเก้าอี้ เมื่อนั้นบรูซหันมาเล็งปืนใส่เธอ อเล็กซิสจึงไม่กล้าขยับ แต่เมื่อเห็นว่านายตำรวจยังไม่กล้าทำอะไร เธอจึงเข้าใจทันทีว่าเขาไม่ต้องการให้มีเสียงดังเล็ดลอดเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน อเล็กซิสจึงรีบกดปุ่มแล้วตะโกนเสียงดังว่า “ช่วยด้วย ห้องเก็บของ ช่วยด้วย”
“อีเวร”
อเล็กซิสปาวิทยุเข้าใส่หน้าบรูซ เขาผงะ วินาทีนั้นปืนที่ถือในมือตกลง ขึ้นชื่อว่านักเรียนหัวกะทิไม่ใช่คำกล่าวลอย ๆ อเล็กซิสจับเก้าอี้ที่คาเมรอนเคยนั่งตรงเข้าฟาดใส่ไอ้ปีศาจอัปลักษณ์สุดแรง คาเมรอนร้องเสียงหลง อเล็กซิสยังฟาดใส่อีกคนที่ตรงเข้ามาหยุด ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเสี้ยวเวลาที่เธอเห็นว่าตัวเองอาจจะรอดจากสถานการณ์นี้ ทุกวินาทีล้วนมีค่า อเล็กซิสพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองสูญเสียแม้เพียงวินาทีเดียว เธอรีบวิ่งไปที่ประตูโดยที่ปากร้องขอความช่วยเหลือไปด้วย เด็กสาวหมุนลูกบิด...กรีดร้อง
ทว่ายังช้าเกินไปอยู่ดี
“แต่คุณบอกว่ามันจะใช้คุณเป็นตัวประกัน” ไมเคิลเถียง“ใช่ ตัวฉัน เพียงแค่ร่างกายที่ยังมีลมหายใจ”อเล็กซิสเข่าอ่อนจนทรุดตัวลง ก้มหน้าซ่อนสะอื้นลงกับตักหญิงสาว นาฮีมานาอาจไม่ใช่แม่ของกลุ่มเสี่ยง แต่เปรียบเหมือนกับผู้ใหญ่หรือไม่ก็พี่สาวที่พวกเขารู้สึกสบายใจเวลาเห็นเธอ เปรียบดั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทางจิตใจ“แต่ว่า...ก่อนจะออกไป ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”เมื่อนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น นาฮีมานาจับมืออเล็กซิสกับไมเคิล“เผาทุกอย่างในนี้”ทั้งสองพยักหน้า“ถ้าเห็นอะไร ทำใจไว้นะ แต่ฉันคิดว่าอย่าปล่อยไปเลย พวกเขายังไม่รับรู้อะไรหรอก”ทว่าประโยคหลังนั้น ทั้งสองไม่เข้าใจ นาฮีมานาคะยั้นคะยอให้พวกเขาออกไปจากที่นี่อีกครั้ง มืออีกข้างหยิบปืนที่พวกนั้นทิ้งไว้ เธอพยักหน้าให้ทั้งสองเห็นว่าไม่เป็นไร“พวกเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไปเถิด”“เหลืออีกห้านาที”นาฮีมานาไม่ต้องการให้พวกเขามอง หรือรับรู้ ทั้งสองจึงเดินออกไปหน้าลิฟต์ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นจึงได้ยิน
“พาตัวเธอมา” เธอหันไปสั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง อเล็กซิสไม่มีวันรู้ไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ คนของอาร์คาเดียจึงประคองนาฮีมานาออกมา เธออยู่ในสภาพอิดโรย ผมสีดำยุ่งเหยิง แก้มที่ตอบอยู่แล้วลึกลงไปราวกับผิวหนังปกคลุมเพียงโครงกระดูก เธอออกจากกลุ่มไปก่อน อเล็กซิสไม่รู้เลยว่าหญิงสาวโดนจับไปเมื่อไร“ได้โปรด เราพาเธอมาแล้ว”“เหลืออีกสิบนาที” พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเพราะกลัวหนีไม่ทัน“ทำไม ที่นี่จะระเบิดหรือ”พวกเขาส่ายหน้า ทั้งสองไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นนาฮีมานาพยักหน้าให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง อเล็กซิสจึงหันไปพยักหน้ากับไมเคิล เขาจึงบอกให้คนที่เหลือออกไป ทั้งหมดทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งหนี บางคนแย่งกันออกไปจนมีเสียงโวยวายล้มลุกคลุกคลาน ส่วนพวกเขารีบไปประคองนาฮีมานาที่ถูกทิ้งลงกับพื้น“มานา...”หญิงสาวสบตากับทั้งสองแล้วยกมือจับแก้มคนทั้งคู่ เพียงสัมผัสอเล็กซิสกลับรู้สึกสบายตัว อากาศปวดตามตัวและที่หน่วงอยู่ในท้องก็อันตรธานหายไปทันใด เมื่อเธอมองไมเคิลจึงเห็นว่าบาดแผลบนใบหน้
“เหลืออีกยี่สิบนาที”สิ่งที่อเล็กซิสเกลียดที่สุดคือการไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น แม้เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ลักพาตัว แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวการเป็นใคร ทั้งสองยืนมองนักวิทยาศาสตร์วิ่งหนีออกจากตึกจากบานหน้ากระจกขนาดใหญ่บนชั้นลอยเปิดสู่โถงด้านล่าง ประตูทางออกนั้นไม่ได้เปิดออกไปแล้วเห็นด้านนอก แต่ไปยังลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบน โถงด้านล่างกินพื้นที่ถึงห้าชั้น มันกว้างใหญ่ พวกเขาวิ่งหนีขึ้นลิฟต์ บ้างแย่งกัน แต่เพราะจำนวนมีจำกัดจึงไม่อาจขนส่งคนออกไปได้ทันทีแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่าทั้งหมดอยู่ใต้ดินขณะนั้นไมเคิลปรายตามองทีมรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่ได้สวมชุดทหารสีเทาแต่เป็นสีน้ำตาล ในมือถือปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่เล็งมาแต่ยังไม่ได้ยิง หรือพูดไม่ถูกคือไม่กล้ายิงเพราะกลัวผลโต้ตอบที่รุนแรงกว่า อีกกลุ่มคอยอพยพและจัดระเบียบ พวกเขามองขึ้นมาอย่างหวาดผวา ส่วนเธอกับไมเคิลมองลงไปด้วยสายตาว่างเปล่า“ปล่อยไปเถอะ เราต้องการเพียงมานา”อเล็กซิสไม่ได้ใจดี เธอแค่ไม่อยากเสียเวลาไมเคิลพยักหน้าแต่สายตายังจับจ้อง
แม้สายตาจะคอยชำเลืองมองแฝดที่ยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าประตูรอให้พวกมันเข้ามา อเล็กซิสใช้เวลานี้เรียกข้อมูลขึ้นมาเรื่อย ๆ นอกจากจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพวกเขาแล้ว พวกมันต้องการเซลล์ไข่ของเธอและสเปิร์มของแฝดเพื่อผสมเทียม สมมติฐานของคนพวกนี้นั่นคือ เธอและไมเคิลเป็นกลุ่มเสี่ยงคู่เดียวที่สามารถให้กำเนิดทายาทที่มีลักษณะพิเศษได้ เหมือนอย่างที่ลูก้าและเจมม่าเคยให้กำเนิดคนทั้งสอง เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงคนอื่นล้วนมีภาวะมีบุตรยากหรืออาจจะถึงขนาดไร้ประสิทธิภาพที่จะมีทายาทเลยก็ว่าได้เพื่ออะไร ผลิต...ผลิตกองทัพผู้มีพลังพิเศษด้วยตัวเองหรือปัญหาคือ เธออยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง เอไลโตทั้งหมด หรือบางคน? ที่แน่ ๆ พวกมันใช้คาเรลที่สมควรถูกประหารชีวิตไปแล้วปลอมตัวเป็นไมเคิลมากหลอกเธอเสียงฝีเท้ามากมายมาเป็นโขยงโดยที่แฝดชายยืนรออยู่ อเล็กซิสถอยห่างจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“อยู่เฉย ๆ” คนข้างนอกตะโกนเข้ามา “อย่าขยับไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องยิง!”ชายหนุ่มผมเงินหัวเราะดูแคลนคนข้างนอก พริบตาเดียวเปลวเพลิงลุกโถมเข้าใส่ประตูด้านหน้า ทีมรักษาความป
ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้งพร้อมกับสภาพเครื่องมือล้มระเนระนาด รวมทั้งจานที่บรรจุเซลล์ไข่แตกละเอียด เพียงเธอมอง ของเหลวในนั้นแห้งเหือดตรงมุมขวาของห้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ อเล็กซิสยกมือขึ้นทำท่าบิด มันแตกแล้วตกลงมา เพียงเท่านั้นเธอรีบลุกออกจากเตียงเพื่อไปหาไมเคิล แต่เพียงขยับก็เจ็บหน่วงที่ท้อง สุดท้ายกลั้นใจหยิบผ้าคลุมมาพันตัวแล้วเดินไปหาน้องชาย มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่แปลบ ๆ หน่วง ๆ เหมือนเวลาที่เธอเคยมีประจำเดือน“ไมเคิล” เธอจับแก้มที่มีแผลไหม้แล้วสงสารจับใจ ใบหน้าของเขาคือของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครก็อยากจะถนอมดูแล แล้วดูตอนนี้สิ อเล็กซิสดึงเครื่องรัดออกแล้วสวมกอดคนที่นอนอยู่แน่นเพื่อให้เขาฟื้นตัว “ไมเคิล ตื่นสิ ไมเคิล”ชายหนุ่มส่งเสียงครางอือ ๆ เบา ๆ เธอถอนตัวขึ้นมาเพื่อรอให้เขาฟื้น เขาเริ่มขยับริมฝีปาก “รอ...”“ไม่ต้องรอ” เธอบอกพลางกุมมือเขาแน่น น้ำตาเอ่อขึ้นมาเมื่อมองแฝดชายราวกับเห็นร่างของซีโน่ที่กำลังจะตาย “ตื่นขึ้นมา ฉันจะปกป้องนายเอง”เขากะพริบตาก่อนจะลืมตามอง ดวงตาสีฟ้าเข้มสบกับของเ
มีกี่เรื่องที่ทำให้คนเราฝันร้าย แต่เมื่อตื่นเหมือนกับโผล่ขึ้นผิวน้ำปีศาจในความทรงจำล้วนมีมากหน้าหลายตา และกลุ่มแรกมีชื่อว่าคาเมรอนกับบรูซ ยังดีที่โชคยังเข้าข้าง ต่างกับตอนนี้ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือปีศาจใต้หน้ากาก หมดสิ้นอิสรภาพโดยสิ้นเชิงสติไปไหน เหตุใดจึงรู้สึกล่องลอย บางครั้งตื่นตัว บางครั้งไม่รู้สึกมันมากันเป็นกลุ่ม จับร่างของอเล็กซิสขึงเพื่อเอาบางสิ่งจากกาย หากขัดขืนดิ้นรนก็จะได้รับความเจ็บปวดสาหัสจนไม่อาจขยับได้ไปหลายนาที คงเป็นเพราะกายหยาบนี้ทนทานต่อยาสลบจึงตื่นเร็วเกินไป แต่ต่อให้ทนได้เพียงใดก็ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาเสียงกรีดร้องอ้อนวอนขอให้พวกมันหยุดไม่เป็นผล แม้เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการก็ยังไม่ปล่อยอเล็กซิสกับไมเคิลไป พวกมันเอาขาหยั่งออกแล้วปล่อยให้ขาเธอนอนเหยียดยาวโดยมีเครื่องล็อกตรึงไว้ไม่ให้ขยับ“พวกแกต้องชดใช้” เสียงที่ตะโกนออกไปกลั่นออกมาจากความแค้นที่อยู่ลึกสุด แต่กลับฟังดูอ่อนแอเกินกว่าจะขู่ให้ผู้ใดกลัว ตรงกันข้ามกลับเรียกเสียงหัวเราะขำขันแทนเธอหันไปมอง







