Share

สัญญา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-12 15:17:11

วันต่อมา ครอบครัวของวัยรุ่นทั้งสี่ได้รับคำสั่งอนุญาตให้เข้าเยี่ยม เอโลดี้มาพร้อมกับครอบครัวอเล็กซิสและเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว เพื่อนซี้ของเธอเอาแต่โทษตัวเองที่เป็นสาเหตุให้

อเล็กซิสถูกจับและถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัย อเล็กซิสต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรเพื่อปลอบไม่ให้เอโลดี้รู้สึกผิด ทั้งที่เธอควรจะเป็นฝ่ายได้รับการปลอบโยนมากกว่า พ่อของเธอพูดกับเอโลดี้ว่า ถึงแม้อเล็กซิสไม่อยู่ในงานปาร์ตี้ ลูกสาวของเขาก็จะโดนจับอยู่ดี เพราะคำสารภาพของแมรี่ สตีเว่น (หรือพูดให้ถูกคือ ถูกบังคับให้สารภาพ) ทำให้พวกตำรวจไปตามจับเด็กที่ถูกแก้ประวัติเพิ่ม

“หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า นักเรียนหัวกะทิแห่งซานโบซ่าข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่รู้ว่าเขียนข่าวมั่วซั่วแบบนั้นได้ยังไง” เจสซี่บ่น

“พวกนักข่าวก็คงถูกบังคับให้เขียนรายงาน ไม่ได้ตั้งใจหรอกลูก” พ่ออธิบาย เขาเข้าใจสถานการณ์มากกว่าลูกชาย

“อย่างน้อยก็ไม่มีชื่อพวกเราในนั้นใช่ไหม”

“ไม่มี ถ้ามีพี่จะฟ้อง”

“พี่พูดเหมือนคุณมิลเลอร์เลย!”

อเล็กซิสสังเกตเห็นว่าแม่และไบรซ์ไม่ค่อยพูดค่อยจา แม่กับไบรซ์ไม่ใช่คนที่จัดการกับความรู้สึกได้เก่งเท่าไร ทั้งสองนั่งเงียบ มองอเล็กซิสกับเจสซี่คุยกัน อีกมุมก็มีเสียงร้องไห้ของเอโลดี้ดังคลออยู่ตลอด แม้แต่พ่อกับเจสซี่ยังดูอ่อนล้ามากราวกับไม่ได้นอนมาหลายวัน พวกเขาคงพยายามทุกวิถีทางแล้วเพื่อจะช่วยเธอออกไปจากที่นี่ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตัวเจสซี่เองเหมือนขาดความมั่นใจไปเลยเมื่อเทียบกับเมื่อสองวันก่อน อย่างว่า ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับเธอ ในเมื่อ จู่ ๆ อเล็กซิสกลายเป็นผู้กระทำผิดทางกฎหมายและเป็นภัยต่อประเทศชาติเสียอย่างนั้น

“ทุกคนทำหน้าซังกะตายอย่างกับพวกซอมบี้เลยนะ” เธอพยายามจะมีอารมณ์ขัน แต่เท่าที่เคยเล่นมุกมา มุกนี้ฝืดที่สุด

“พี่ต้องจากพวกเราไปเหรอครับ” เจ้าชาร์ลีถาม เด็กชายเป็นคนเดียวที่ไม่มีท่าทางหดหู่เหมือนคนอื่น อาจเป็นเพราะชาร์ลียังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่าพี่สาวของเขาไม่มีวันกลับไปหาเขาอีกแล้ว ไม่มีวันสอนเขาวาดรูป พาเขาไปรับประทานไอศกรีมและพิซซ่า และเล่นกับเขาอีก ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว

“พี่เขาจะต้องกลับมา” ไบรซ์พูด พี่สาวโถมตัวเข้ากอดจนเธอหายใจแทบไม่ออก “ใช่ไหม เธอจะกลับบ้านกับพวกเราใช่ไหม”

สองสาวนอนห้องเดียวกันมาตั้งสิบห้าปี ทั้งไบรซ์และอเล็กซิสเป็นทั้งพี่น้องและเพื่อนสนิท จนวันหนึ่ง เหลือเพียงคนเดียวที่ต้องนอนอย่างเดียวดาย มันเป็นความรู้สึกที่แย่เกินกว่าจะจินตนาการความโดดเดี่ยวนี้ได้

“พี่...หายใจไม่ออกแล้ว” อเล็กซิสขอร้องเบา ๆ ความพยายามที่จะสกัดกั้นเจ้าก้อนน้ำตาเหมือนพยายามจะกั้นกระแสน้ำหลาก เจ้าชาร์ลีก็อีกคน เขาจ้องมองเธอเขม็ง เพราะอเล็กซิสยังไม่ตอบสักที

“พี่จะพยายามนะ เจ้าลิง” พี่สาวตอบ เด็กชายจึงพอใจ

“คุณรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า” แม่ของเธอถามขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบมานาน แต่เธอถามพ่อ ไม่ใช่อเล็กซิส “คุณรู้ว่าแมรี่ป้อนข้อมูลเท็จใช่ไหม”

คาเลบพยักหน้า รู้สึกผิด

“แล้วคุณก็ปล่อยให้เธอทำแบบนั้นเหรอ”

“ไม่มีใครผิดหรอกค่ะ” เด็กสาวแทรกซึ่งทันก่อนที่แม่จะพูดอะไรต่อ เธอไม่อยากให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันต่อหน้าทุกคน แถมยังในเวลาแบบนี้อีก พวกเขาไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้งตั้งแต่เธอเข้ามาเป็นลูกสาวบ้านเดวิส ความเศร้ากลืนกินความรู้สึกดีไปจนหมด ถึงกระนั้น อเล็กซิสไม่อยากให้เกิดบรรยากาศลุกเป็นไฟจากการทะเลาะเบาะแว้งภายในครอบครัว เพราะเวลาที่จะอยู่ด้วยกันมันน้อยลงทุกวินาที และทุกวินาทีมีค่าสำหรับเธอ

“พวกตำรวจบอกว่าจะประกาศวันเดินทางภายในพรุ่งนี้ อเล็กซ์ พี่ขอโทษนะ พี่ช่วยเธอไม่ได้เลย พี่มันไม่ได้เรื่อง ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง”

“บอกแล้วไงว่าไม่มีใครผิด” อเล็กซิสย้ำ จากนั้นจึงดึงแขนของไบรซ์ออกจากคอได้สำเร็จ มิเช่นนั้นเธอคงขาดอากาศตาย

เบียนน่าวกกลับมาถามเจสซี่อีกรอบว่าเขาจะหาทนายฝีมือดีได้หรือไม่ และพวกเขาต้องนั่งฟังเจสซี่อธิบายไปเรื่อย ๆ (รอบที่เท่าไร เธอจำไม่ได้) สำหรับกฎหมายรัฐบัญญัติปี 2966 ผู้กระทำผิดและถูกตัดสินว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัยว่าจะเป็นกลุ่มเสี่ยงจะไม่สามารถหาทนายมาช่วยแก้ต่างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาได้ กฎหมายเล่มนี้ยังไม่อนุญาตให้อุทธรณ์อีกด้วย ดังนั้นคำตัดสินถือว่าเป็นอันสิ้นสุดแล้ว ตลอดสองชั่วโมง พวกเขานั่งถกเถียงเรื่องข้อกฎหมาย ความเป็นไปได้ที่อเล็กซิสจะถูกปล่อยตัว และระบบรัฐ ช่วงนาทีสุดท้าย เบียนน่าไม่อาจควบคุมอารมณ์ให้นิ่งได้ เธอร้องไห้ตัดพ้อเจสซี่ ขอร้องให้เขาหาวิธีช่วยอเล็กซิส เจสซี่จำเป็นต้องพาแม่ออกไปก่อนที่พวกตำรวจจะพาเธอออกไปเองด้วยวิธีการป่าเถื่อน

อเล็กซิสมองไปยังนาฬิกาที่ติดอยู่ในห้อง หมดเวลาเข้าเยี่ยมแล้ว เด็กสาวส่งยิ้มให้พ่อ พยายามจะทำตัวเข้มแข็งในสายตาเขา

“พรุ่งนี้พวกเราจะมาเยี่ยมลูกอีก ดูแลตัวเองนะสาวน้อย” พ่อบอกแล้วจูบหน้าผากลูกสาว ไบรซ์กับเอโลดี้ทำแบบเดียวกัน ส่วนเจ้าชาร์ลียืนรอไม่ยอมไป “พี่สัญญาว่าต้องกลับมานะ ผมอยากวาดรูปช้างเป็น พี่วาดเก่งที่สุดแล้ว เจสซี่พยายามจะสอนเหมือนกัน แต่ฝีมือของเขาโคตรห่วยเลย”

“ชาร์ลี ไปเรียนคำพูดแบบนี้มาจากใครเนี่ย” อเล็กซิสร้องแล้วอุ้มเขามานั่งบนตัก

“ผมได้ยินเจสซี่ชอบพูดว่า ระบบห่วย ๆ มีแต่คนระยำบริหาร”

อเล็กซิสหลับตา สั่นหัวช้า ๆ ควรมีใครสักคนสอนพี่ชายให้รู้จักใช้คำพูดเวลามีเด็กอยู่ด้วย “มันหยาบคายรู้ไหม พี่ไม่สัญญากับเราหรอกนะเจ้าลิงน้อย แต่พี่จะพยายาม ตกลงไหม”

อเล็กซิสไม่ได้ให้สัญญากับชาร์ลี เพราะเธอรู้ดีว่าเธอจะผิดสัญญาแน่นอน เพียงหอมแก้มกลมของเจ้าน้องชาย พ่อเคยสอนว่า อย่าให้สัญญากับใครถ้ารู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ อเล็กซิสทำตามคำพ่อสอนเสมอ

เจ้าชาร์ลีกระโดดลงจากตักและหันมาโบกมือพร้อมกับรอยยิ้มสดใสก่อนออกไปหาครอบครัวที่รออยู่ข้างนอก เพราะกุญแจล็อกข้อมือเธอให้อยู่กับโต๊ะหรอก อเล็กซิสเลยได้แต่มองพวกเขาเดินออกไป แต่ในใจนั้นอยากตามไปด้วยจะแย่

วันนั้น กลุ่มเพื่อนและคุณครูที่โรงเรียนมาเยี่ยมพวกเด็กที่ถูกจับเช่นกัน อเล็กซิสเริ่มเห็นใจเบลินดาอยู่บ้างที่ถูกบอยคอต เพราะทุกคนขอเข้าพบแค่กับเด็กสามคนเท่านั้น มีเพียงเพื่อนไม่กี่คนที่มาเยี่ยมเบลินดา พวกเพื่อน ๆ ในโรงเรียนยกโขยงกันมายกทีม อย่างเช่น ทีมเชียร์ลีดเดอร์ ชมรมฟุตบอล ชมรมบาสเกตบอล ชมรมดาราศาสตร์ และคนอื่น ๆ เดวี่มาพร้อมกับชมรมฟุตบอล ส่วนจูนหรือ เธอหายตัวไปจากเมืองแล้วมั้ง แม้แต่แม่ของจูนที่ค่อนข้างสนิทสนมกับครอบครัว

อเล็กซิสยังไม่แม้แต่ติดต่อมาเพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจสักนิด

ถ้าเธอมาหาฉัน ฉันจะลืมทุกอย่าง ให้อภัยทุกอย่าง อเล็กซิสคิดถึงเพื่อนสนิทคนนี้ ถึงแม้ความขัดแย้งของทั้งคู่ได้ทำลายมิตรภาพที่ยาวนานจนยากจะซ่อมกลับมาเหมือนเดิม แถมบาดแผลที่จูนทำยังคงเจ็บเบา ๆ แต่เพราะอเล็กซิสรู้ว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว จึงอยากลาจากกันแบบดี ๆ มากกว่า อีกเหตุผลหนึ่ง ในเมื่อจูนเป็นคนหยิบมีดแทงหลังอเล็กซิส เธออยากให้เพื่อนเป็นคนดึงมันออก แล้วทั้งสองจะได้เริ่มต้นกันใหม่ เหมือนเริ่มต้นจากศูนย์ อันที่จริง ลึก ๆ แล้ว อเล็กซิสเพียงแค่อยากให้จูนขอโทษแค่นั้นเอง นี่คือสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด

อเล็กซิสถูกพาตัวออกจากห้องเยี่ยมก่อนคนอื่น เธอยืนรออีกสามคนที่กำลังเดินมาสมทบ นายตำรวจบรูซยืนอยู่ข้าง ๆ ตบบ่าเธอเบา ๆ เหมือนต้องการปลอบใจ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูก็ได้เจอพวกเขาใหม่ อย่าเศร้าไปเลย”

เธอพยักหน้า รู้สึกดีที่อย่างน้อยก็ยังมีคนใจดีหลงเหลืออยู่บ้าง “หนูขอถามเพียงแค่คำถามเดียวได้ไหมคะ”

“ถามมาเลยแม่หนู”

เด็กสาวยิ้มโล่งอกที่นายตำรวจคนนี้ไม่ได้เย็นชาเหมือนอีกสองคนที่เธอเจอบ่อยครั้ง

“พวกเราจะต้องทำอะไรบ้างเมื่อเข้าโปรแกรมบำบัด คุณพอทราบไหมคะ”

บรูซถอนหายใจ “ฉันตอบคำถามนี้ไม่ได้หรอกนะสาวน้อย เพราะว่าฉันไม่รู้จริง ๆ ขอโทษนะ”

“ไง” เวดทักเมื่อเดินมาถึง

“กลับได้แล้ว” นายตำรวจนำทาง พวกเขาเดินผ่านกลุ่มแอนโธนี่ที่กำลังจะเดินไปยังห้องสอบสวน

“โชคดีนะพวกนาย!” เวดตะโกนบอก พวกนั้นจึงหันมามองเขาทั้งกลุ่มเพราะไม่เข้าใจความหมายของเวด

“เดินต่อไป!” ตำรวจสาวผมทองเร่งแล้วชี้นิ้วมาที่เวด เตือนเขาไม่ให้พูดอะไรอีก

อเล็กซิสมองดูเด็กกลุ่มนั้นหายเข้าไปในห้องที่ว่า

“นายมันร้ายจริง ๆ” เธอศอกใส่เพื่อน

“ก็แค่เตือนเอง” เวดอ้าง

“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้”

อเล็กซิสหันกลับไปยังห้องนั้น ดูเหมือนจะเกิดเรื่องอลหม่านขึ้นด้านใน มีเสียงกรีดร้องดังลอดออกมา เธอได้ยินเสียงพวกตำรวจตะโกนบอกใครสักคนให้หยุดทำการบางอย่าง ส่วนพวกเด็ก ๆ ที่เหลือต่างร้องโวยวาย พวกอเล็กซิสยืนมองอย่างอกสั่นขวัญหาย

“กลับ ๆ กลับเข้าห้องขังเดี๋ยวนี้” บรูซออกคำสั่ง แต่เด็กทุกคนยังคนยืนทื่อ ไม่ให้ความร่วมมือ มือของเขาหยิบวิทยุสื่อสารออกจากเอว

“เราต้องการกำลังเสริม มาที่ห้องสอบสวน ย้ำคำสั่ง เราต้องการกำลังเสริม มาที่ห้องสอบสวน!”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • Undisclosure    ของรางวัล

    เธอพยักหน้า ไม่แย้มยิ้มซึ่งเป็นสีหน้าปกติ ลู ยัง คู่รักของเซน เอเดน พวกเขาถูกแยกจากกันเมื่อเซนต้องไปประจำหน่วยรุกกลุ่มเอ ส่วนตัวเธออยู่หน่วยสนับสนุนกลุ่มบี “พวกแกฉลาดนะ ตามยัยนี่มาช่วยฉัน”“ไปเถอะ” หญิงสาวตัดบทแล้วเดินนำทางออกไป ทั้งสามเดินตาม โอลิแวนกระซิบว่า “พวกเราคิดว่าแกตายแล้ว ตะโกนใส่หูฟังเท่าไรแกก็ไม่ตอบ”“มันพัง”“อย่างที่เด็กคนนั้นเดาจริงด้วย”“ใคร”เพียซยิ้มแห้ง “อเล็กซิส เพราะเด็กคนนี้ พวกเราจึงขอร้องลู” เขาพยักพเยิดไปทางผู้หญิงข้างหน้า สายตาบลูมองเอวบางของหล่อนแล้วอมยิ้มนิด ๆ“เด็กนั่นเกี่ยวไร” เขาเริ่มรู้สึกว่าพักหลัง ชีวิตเข้าไปเกี่ยวพันกับเด็กคนนี้มากขึ้นทุกทีเพียซถอนหายใจ “พอตึกถล่ม แต่ละคนพยายามติดต่อคนที่ตกลงไป ไม่มีใครตอบเลยรวมทั้งแก พวกฉันไม่เป็นอันทำอะไรเลยรู้ไหม ภาวนาให้แกส่งเสียงตอบ แต่แกไม่ตอบ”“ก็มันพัง” เขาย้ำ “มันพังโว้ย ฉันติดต่อพวกแกไม่ได้เหมือนกัน ลองใช้ระบบแจ้งข่าวก็ไม่ได

  • Undisclosure    ความช่วยเหลือ

    ใครจะไปรู้วะ ก็ยัยทหารคนนั้นบอกเองว่าใช้งานได้ แถมไม่อธิบายฟังก์ชันอีก หากใครลงมาเห็นคงนึกว่าคนบ้าสวมหมวกอวกาศชกกำแพงอยู่คนเดียว “สัตว์เอ๊ย ไอ้เอไอ มึงช่วยหาทางออกได้ไหม”แถบกระจกปรากฏลายเส้นขึ้นกลายเป็นแผนที่ บลูเห็นจุดที่ตัวเองยืนอยู่เป็นแสงสีขาวกลม ๆ กะพริบถี่ ๆ “หาทางออกให้ด้วยสิเว้ยเฮ้ย ดูไม่รู้เรื่อง”“ผมต้องสแกนก่อนนะครับ”“เร็ว ๆ”เสียงจากระบบเงียบไป เขาโมโหหันตัวเตะกำแพงอีกรอบ “โง่ฉิบ...” ทว่าเมื่อจ้องดี ๆ ยามแสงสว่างบนหน้าผากจ่อเข้ากับตัวกำแพงจึงเห็นว่ามีตัวอักษรขีดเขียนไว้มากมาย ดวงตาตาชายหนุ่มเบิกกว้าง “นี่มันอะไรกัน” ทั้งคำและข้อความ...อิสรภาพ เขาเลื่อนตาไปอีก ตามกระแสน้ำไป บางประโยคเหมือนปลุกระดม เราจะออกไปให้ได้ เขาเอามือทาบบนกำแพง บางคำถูกสลัก บางคำถูกเขียนขึ้นแม้มันเป็นเพียงตัวอักษร แต่กลับส่งพลังบางอย่างที่ทำให้ตัวเขาตกตะลึงอยู่อย่างนั้น มันเหมือนกับว่าบางสิ่งที่หลับใหลมานานแสนนานถูกสะกิด คนพวกนี้...อาจเป็นคำปลุกระ

  • Undisclosure    คลำหาทาง

    หลังของเขากระแทกปืนที่ห้อยอยู่ข้างหลัง ไม่รู้ว่าเพราะบอดี้สูทหรือเป็นเพราะตกลงมาไม่สูงมากนัก เพียงแค่ลงไปชั้นล่าง ทว่าแผ่นคอนกรีตขนาดเท่าตัวคนกำลังจะทับ โชคดีหรือร้าย เขาไม่รู้เพราะพื้นที่รองรับทรุดลงทำให้เขาตกลงมาอีกครั้ง คราวนี้เหมือนบลูตกลงมาพร้อมโครงสร้างคอนกรีตทั้งยวง แขนของเขาคว้าขอบชั้นไรสักอย่าง ของแข็งตกวืดผ่านไหล่ มือของเขาหลุดจากขอบ ร่างดิ่งลงชายหนุ่มร้องเจ็บปวดเมื่อร่างแตะพื้น ไม่ทันได้พัก เขากลิ้งอีกหลายรอบเพื่อหลบแท่งเหล็กแหลมเฟี้ยวที่ตกตามกันมา มันเสียบปักข้างกายห่างกันเพียงสองเซนติเมตร พรึบ หน้ากากกระจกเต็มไปด้วยเลือด มือปัดป่ายไปตามร่างกาย ไม่ใช่เรา เขาไม่ได้บาดเจ็บอะไร ทว่าเลือดสีแดงข้นมาจากศพทหารที่ตกลงมาด้วยกันและเสียบเข้ากับเหล็กเมื่อครู่ มีเสียงดังตุบอีกสองสามทีพร้อมกับโครมใหญ่ เขาปัดเลือดออกแต่เห็นเพียงฝุ่นควันโขมง แต่ก่อนที่จะยืนตั้งหลักได้ พื้นที่ยืนอยู่ทรุดอีกทีแม่งเอ๊ย ชายหนุ่มพลิกตัวนอนหงาย เห็นรูโหว่ด้านบนพร้อมกับเสียงโครมดังสนั่นจนพื้นสะเทือน รูนั้นถูกปิดทับเรียบร้อยและเขาตกอยู่ในความมืดมิด“สัตว์เอ๊ย กูดิ่

  • Undisclosure    เหตุขัดข้อง

    เขาไม่รู้ว่าควรเรียกว่าศพเดินได้หรือผู้ป่วยติดเชื้อกันแน่ ทีแรก บลูคิดว่าพวกมันเป็นคนตายที่ถูกทำให้กลายเป็นปีศาจแบบที่เขาเคยเจอในด่านทดลอง แต่หากใช้คำว่าผู้ป่วยติดเชื้อ ก็ยากที่จะทำใจให้เห็นว่าเป็นคนปกติตอนยืนมองหัวที่หลุดออกจากร่างหนึ่ง เหมือนถูกมนต์สะกดให้มองแต่มัน ทั้งพิศวง ทั้งหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ดวงตาของมันกะพริบ ไม่ใช่เพราะกล้ามเนื้อกระตุก แต่เพราะมันยังมีชีวิตอยู่ เจ้าสิ่งนั้นขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า ขบฟันลงกับพื้นเพียงเพื่อช่วยให้มันเคลื่อนตัวได้ และเป้าหมายของมันก็คือบลูที่ยืนอยู่ ศีรษะเขยิบเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ขบฟันลงบนพื้นทีละนิด ทีละนิดหัวของมันพลันแตกโพละ มันสมองกระจัดกระจายราวกับลูกแตงโมเพียงเขาเหนี่ยวไกหัวใจข้างในดิ้นเหมือนคนตีกลองในอก เม็ดเหงื่อผุดขึ้นภายในเสื้อบอดี้สูท เขากลืนน้ำลายลงคออันแห้งผาก ห้าปีแล้วที่ไม่ได้เห็นพวกมัน ลืมไปว่าเคยพบกับฝันร้ายที่สุด เหตุการณ์เหล่านั้นเหมือนควันจางหายไป แต่หัวที่ขยับเมื่อกี้ตอกย้ำว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ใช่แค่ฝันร้าย นรกไม่ได้อยู่แค่ในตึกทดลอง แต่มันกำลังแผ่อารยธรรมสู่โลกภายนอกและครั้งนี้มันน่ากลัวกว่าซอมบี้พวกนั้นเสียอีกซ่าช

  • Undisclosure    เพราะเธอป่วย

    เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเหลือบตาขึ้น “อื้อ”“ฉันหมายถึง...” หางตาเด็กหนุ่มเห็นเงาคนแอบฟังอยู่ และคนคนนั้นเป็นผู้หญิง จึงเดินออกมาให้ห่างเพื่อไม่ให้อยู่ในรัศมีที่ได้ยิน “ไม่ใช่เพราะว่าเธอคือคนคนเดียวที่นายเหลืออยู่อะไรแบบนั้นนะ” นี่คือสิ่งที่เขากังวล...เขากลัวว่าอเล็กซ์จะยึดอเล็กซิสแบบที่เขายึด“ไม่ใช่แบบนั้น” ครั้งนี้แววตาของเขาแน่วแน่ ไม่มีลังเล ไมเคิลพยักพเยิดไปทางขวา อเล็กซ์ขยับปากเป็นคำว่า คิตแคต แล้วยักไหล่ไม่ให้สนใจ ไมเคิลจึงขยับเท้าให้เกิดเสียง เงานั้นหายไปเหมือนรีบหลบเขาถอนหายใจ ลังเลที่จะวางมือบนไหล่ชายหนุ่ม แต่สุดท้ายก็วาง “ที่นายสงสัยฉันกับเธอ ไม่มีอะไรนะ ก่อนหน้านั้นฉันไม่ได้คิดกับอเล็กซิสมากกว่าเพื่อน แต่เพราะพวกเราสนิทกันเรื่อย ๆ มันเหมือนมีบางสิ่งที่ดึงดูดฉันให้เข้าไปหาเธอ เธอเป็นคนอบอุ่นมาก”แก้มของชายหนุ่มกระตุกนิดหนึ่ง “อาคุสะบอกว่านายกับเธอมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น มันมากกว่าเพื่อน” ชายหนุ่มว่า“ฉันไม่รู้หรอกว่าอาคุสะจะเห็นอะไร” เขาส่ายหัว

  • Undisclosure    รักหรือเปล่า?

    ความโกลาหลชั่วครู่หยุดลง “กลุ่มบีทุกคนปลอดภัย ที่พวกผมดึงมือดีมาไว้ที่กลุ่มเอก็เพราะการปะทะกับหุ่นยนต์นั้นหนักหนากว่ามาก และเมื่อถึงเรดโซน เมื่อนั้นก็จะไม่มีกลุ่มเอและบี แต่จะเป็นกลุ่มเดียวกัน ผมขอให้พวกคุณเข้าใจเหตุผลด้วย ขอให้นึกถึงเพื่อนที่หายตัวไปเข้าไว้ พวกเรามาที่นี่เพื่อหาเหตุผลว่าทำไม พวกเขาถูกจับตัวไป”เมื่อกี้กลุ่มบียังรายงานอยู่เลยว่าเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเรดโซน แผนการไม่ได้ดำเนินไปตามที่วางไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พวกเขาไม่ชี้แจง ทว่าคำพูดของกลีเมื่อครู่ทำให้ทุกคนหยุดอยู่กับที่ บางส่วนปล่อยให้หน่วยพยาบาลทำหน้าที่ต่อไป บวกกับทหารที่ล้อมเข้ามา กลีสั่งให้พวกเราพักก่อนจะเดินทางไปต่อยังเรดโซน และครั้งนี้พวกเขาประกาศชัดเจนว่ามีโซนติดเชื้อแน่นอน เพราะมันคือศูนย์อนามัยที่อเล็กซิสกับไมเคิลเคยเข้าไปเช่นกัน แต่สำรวจไปไม่เท่าไรก็ออกมา ทั้งห้าคนปรึกษากันโดยปราศจากแม่สาวคิตตี้...หรือคิตแคตแล้ว คนที่เงียบที่สุดกลับเป็นโคดี้ที่ไม่พูดอะไร หากแต่แววตาครุ่นคิดตลอดเวลา มินนี่นั้น...ก็ยังเป็นมินนี่ เธอห่วงเทสซ่า แต่ยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก“บางทีเราอ

  • Undisclosure    ไข้มรณะ

    “เรากำลังจะอธิบาย ไปพักก่อน” หัวหน้าหน่วยรุก ไทรอนกล่าว หมวกนิรภัยของเขายังเปิดอยู่ แต่ไม่ปิดทั้งหน้าเหมือนตอนสู้ “ไทรอน กลุ่มเอ ภารกิจที่ศูนย์บัญชาการกลางเสร็จสิ้น”พวกเขากลับไปสมทบกับสองสาวที่เหลือ ทั้งหมดสบตากันแต่ไม่พูดอะไร เบลินดากับมินนี่ส่งน้ำให้พวกเขาดื่ม หน่วยพยาบาลเริ่มเดินตระเวนเช็กอาการบาดเจ็บทีละคน ขณะนั้น หางตาไมเคิลเห็นกลี หัวหน้าหน่วยพยาบาลปีนขึ้นบนรถถังก่อนจะนั่งลงเต๊ะท่า ทุกคนต่างมองเขาเป็นจุดเดียว เพราะไม่ใช่แค่อากัปกิริยาหากแต่เป็นภาพลักษณ์“ไอ้หมอนั่น กลี” โคดี้บอก ไม่รู้ว่าไมเคิลรู้จักแล้ว “หมอนั่นยืนกรานจะเข้าไปกับพวกหมอในฐานะหมอ ทั้งที่คนอื่นห้าม เขาเป็นหัวหน้าหน่วยพยาบาลก็จริง แต่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าทหารเสียอีก น่าจะเป็นพวกบ้า”“แปลกดีนะ” อเล็กซ์ว่าจู่ ๆ ก็มีสาวผมสั้นสีดำเดินตรงเข้ามาในกลุ่มพวกเขา แต่เธอจ้องแค่อเล็กซ์ “นายเป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแทบแย่” มือข้างขวาลูบแขนชายหนุ่ม ทั้งสี่คนมองตาม เมื่อนั้นโคดี้หลิ่วตาให้ไมเคิล เขาจำเธอได้ ผู้หญิงคนนี้เคยวิ่งตา

  • Undisclosure    ค้นหาอะไรกันแน่?

    “คุณยังไม่ได้เปิดไมค์”“ช่างเถอะน่า” ไมเคิลวิ่งถลันไปทางโถงบันได ทันใดนั้นกลุ่มหุ่นยนต์ที่ดักอยู่ข้างหลังปลิวกระเด็นไป ชายคนหนึ่งแตะไหล่เขา ไมเคิลรู้ว่าเป็นฝีมืออเล็กซ์ทันทีเมื่อเห็นดวงตาสีดำผ่านแถบกระจก ชายหนุ่มโยกหัวไปทางบันได เขาผงกศีรษะ ทั้งสองวิ่งลงไปก่อนทหารอีกสี่ห้านายจะตามลงมาประกาศยังคงดังเรื่อย ๆ “ทรอย ส่งกำลังคุ้มครองกลีด่วน ย้ำ ส่งกำลังคุ้มครองกลีด่วน”กลี? เขานึกออกแล้ว คุณหมอที่มีรอยสัก นั่นมันระดับหัวหน้านี่นา คนแบบนั้นลงสนามด้วยตัวเองเลยเหรอ ไมเคิลนึกชื่นชมในใจ เขากับอเล็กซ์แทบจะกระโดดลงบันไดในก้าวเดียว“ใครพาเขาเข้ามาในตึกวะ”เสียงแสตนเนอร์ดังก้องในหัว ดูท่าว่าทหารผู้นี้จะลืมปิดไมค์อเล็กซ์ซัดพลังอีกครั้ง พวกเขาถึงชั้นสามอย่างรวดเร็ว เห็นหน่วยพยาบาลสองคนนอนตายจมกองเลือดคาบันไดลงชั้นสองในขณะที่เปลหามร่างผู้ป่วยตกลงข้างกาย ส่วนคนเจ็บกลายเป็นศพขาดครึ่ง เขาเบือนหน้าหนี หน่วยสนับสนุนกำลังปกป้องหมอพยาบาลและคนเจ็บอยู่ เขาไม่รู้ว่าใครคือกลีแม้แยกหน่วยออก เพราะพวกหมอสวมเครื่อง

  • Undisclosure    หน่วยรบที่หนึ่ง

    ด้ามแหลมโลหะฟันฉับตัดข้อต่อ ปืนกลอัตโนมัติหล่นพร้อมกับท่อนแขนเหล็ก ไมเคิลหมุนข้อมือขวาฟันดาบฉับตัดคอก่อนที่ระบบเลเซอร์ทำงาน เขาอุตส่าห์หักข้อมืออีกที กดด้ามดาบแล้วลากยาวจนลำตัวมันขาดครึ่งเพียงแค่อยากได้ยินเสียงคมดาบเสียดสีกับโลหะก็เท่านั้น“เบเลียน กลุ่มบี เป้าหมายถูกประกาศให้เป็นเรดโซนตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”อะไรนะ เสียงประกาศดังขึ้นในหัว เขารับมือกับหุ่นยนต์อีกตัวที่โถมเข้ามา เป้าหมายของกลุ่มบีเหรอ คราวนี้มันไม่มีปืนกล และไมเคิลเคยประมือกับเพื่อนฝูงมันมาแล้ว อาวุธที่เขาเลือกเป็นดาบคู่ ไม่แน่ใจว่ามันเหมือนกับดาบของนายทหารที่ตายคนนั้นหรือไม่แต่ด้ามที่เขาถืออยู่คมกริบและใช้งานง่ายไม่ต่างจากครั้งก่อน ปืนสองกระบอกเหน็บข้างเอวและปืนไรเฟิลที่สะพายแปะอยู่กับหลังนั้นกลายเป็นม่าย เด็กหนุ่มสนุกกับการใช้ดาบมากกว่า ทว่า...เรดโซน? ข้อนี้ยังคาใจนัก“เบเลียน กลุ่มบี หน่วยกำกับการป้องกันโรคระบาดถูกเรียกประจำการ”โรคระบาด? เขาทำลายศัตรูอีกตัว เกิดอะไรขึ้นกับที่นั่นกันแน่ นี่เป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด เวลาถูกแยกออกจากอเล็กซิสทำให้สมาธิของเขาครึ่งหนึ่งหายไปกับเธอ เขาอยู่ในหน่วยรุกกลุ่มเอเหมือนกับอเล็กซ์ แ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status