ออสโล่หัวเราะออกมาผ่านลำคอ เขาพยักหน้าให้เวดเพื่อบอกว่าเทสซ่าพูดถูก เขาถอนหายใจแล้วเก็บปืน จากนั้นย่อตัวลงนั่งกอดอก แน่สิ ตัวเองรู้จักกับอเล็กซิสมานานกว่าใคร ทำไมจะไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนแน่วแน่ขนาดไหน อเล็กซิสไม่ชอบหลุดจากกรอบ ถ้าเธอตกลงจะทำอะไรแล้วเธอจะไม่ยอมผิดแผนหากไม่มีเหตุจำเป็น
...หากไม่มีเหตุจำเป็น
ยังมีซาร่าห์อีกคน เธอไม่อยู่กับเขาตั้งแต่หุ่นยนต์บุก พลังของซาร่าห์ไม่อำนวยให้กับตัวเธอมากนัก ดังนั้น พอพวกหุ่นยนต์โผล่มากันเป็นฝูง เธอก็รีบหาที่หลบทันที เขาแน่ใจว่าไม่เห็นซาร่าห์สักพักแล้ว คงไม่แปลกหรอกถ้าเธอจะเอาตัวรอดคนเดียว เขากับซาร่าห์อาจไปไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อน แต่พวกเขาไม่ใช่คนรัก ก็แค่คนสองคนที่เลียแผลใจกันเองเท่านั้น ที่ผ่านมาแม้เธอพยายามทำเป็นเข้มแข็ง แต่ความกลัวของซาร่าห์แผ่ออกมาจนเขาสัมผัสได้ และที่สำคัญ เธอคงรู้ว่าเขาปกป้องเธอไม่ได้
และเพราะเวดจะเลือกอเล็กซิสกับออสโล่ก่อน
บ้าจริง เขาตีหัวตัวเอง สนิมที่ชื่อว่าความรู้สึกผิดก่อตัวหนาขึ้น
“เรารอจนกว่าพวกเขาจะมาเลยได้ไหม” ออสโล่เสนอ เขาเองก็นั่งอยู่ไม่สุข
นักรบหุ้มเกราะสองตัววิ่งไล่ล่าเด็กหนุ่มสามคน หนึ่งในสามกำลังไล่ล่าอีกสอง เขาวิ่ง วิ่งและวิ่ง พอหางตาเหลือบเห็นแขนเหล็กก็รีบหมุนตัวเปลี่ยนทิศทาง ยกปืนยิงใส่มัน พอศัตรูล้มลง เขาหันกลับไปโฟกัสที่เจ้าหมาน้อยสองตัว ทว่าหากไม่พิชิตมันให้เสร็จสิ้น ต่อให้เหลือครึ่งตัวแต่ระบบยังทำงาน มันจะลุกขึ้นมาใหม่ แขนซ้ายของมันเหวี่ยงมาหมายซัดเป้าหมายให้ตายคาที่ เขาหลบทันก่อนทะลึ่งตัวยิงใส่หัวหลายสิบนัดจนหุ่นเหล็กแน่นิ่ง เขาวิ่งต่อไป ประสาทสัมผัสดีขึ้นหากเทียบกับตอนแรกที่เข้ามา อีกนิดเดียว สาวเท้าเข้าไปอีก อีกคืบเดียว เมื่อนั้นใช้มือข้างซ้ายคว้าหมับเข้าที่คอหมาน้อยตัวหนึ่ง“ไอ้เด็กเปรต” มือนั้นขย้ำคอเสื้อเจ้าโง่พลูทักซ์ ยังไม่ทันฝากรอยหมัด ทั้งสองจำต้องผลักกันและกันเพื่อหนีเลเซอร์ที่ยิงใส่คนทั้งคู่“หนีก่อนได้ไหมวะ” เด็กหนุ่มอีกคนตะโกน ทั้งสามวิ่งแทบไม่ได้หายใจ“แกคิดฆ่าทุกคนเหรอไง” เขาตะโกน แม้จะเหนื่อยแต่แรงโกรธภายในรุนแรงยิ่งกว่า เรมีไม่เคยมองว่าตัวเองแก่กว่าพลูทักซ์แค่ปีเดียว แต่เขามองว่าตัวเองแก่กว่าไอ้
เชิงเทียนสูงตั้งอยู่บนเสาทรงดอริก หรือไอโอนิก เขาไม่แน่ใจ ถ้าเป็นอเล็กซิสคงรู้ว่าเสาแบบนี้เรียกว่าอะไร เขาเคยเห็นเสาลักษณะนี้ในหนังย้อนยุคโบราณสมัยกรีก-โรมัน แสงไฟส่องเป็นช่วง ทุกคนต้องคอยส่องไฟฉายไปตามทาง เวดยังไม่อยากด่วนสรุปว่าอเล็กซิสตายแล้ว เธอต้องรอดอยู่แล้ว แค่ถูกหุ่นลากหายไปไม่ได้หมายความว่ามันฆ่าเธอนี่นา ความพยายามที่จะไม่โทษตัวเองเป็นศูนย์ ถ้าตอนนั้นเขาดึงเพื่อนไว้ทัน ถ้าช่วยเพื่อนให้รอดพ้นจากหุ่นยนต์ได้ล่ะก็ ตอนนี้เธออาจเดินเคียงข้างเขาก็ได้ เด็กหนุ่มตีหัวตัวเอง พยายามระงับไม่ให้คิดถึงภาพน่ากลัว ถ้าเขารอดจากที่นี่ไปได้ ไม่ว่าหนังสยองขวัญน่ากลัวขึ้นหิ้งขนาดไหนก็ไม่อาจทำให้ฝันร้ายได้เท่าที่นี่อีกแล้วก่อนออกมาจากโซนหนึ่ง ยังไม่วายต้องวิ่งหนีซอมบี้ที่โผล่มาในช่วงสุดท้าย ครั้งนี้พวกเขาไม่เน้นปะทะ แต่เน้นป้องกันตัวแล้วชิ่งออกมาให้เร็วที่สุด“พวกนายมีแผนที่ดีกว่าวิ่งหนีไหม”ราวกับเธอมีความสามารถพิเศษในการจุดไฟให้เดือดเพียงแค่อ้าปาก เวดจ้องหน้าคาร์เตอร์นิ่ง ครู่เดียวเธอเบือนหน้าหนี “ใครใช้ให้ตามมา หา!”“
ทันใดนั้นมันคำราม พวกเขารับรู้ได้ว่ามันกำลังโมโห เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ตอนนั้นเองออสโล่โยนปืนกลับมาให้แล้วหยิบระเบิดจากกระเป๋าตัวเอง“พกกันไว้ก่อน” เขาบอกแล้วโยนเวดยกมือกุมหัว “ไอ้บ้าเอ๊ย ยังไม่ได้ถอดสลัก!”เขาอยากจะทึ้งผมตัวเองหรือไม่ก็เตะก้นเพื่อน ลูกระเบิดโดนปลายจมูกแล้วหล่นลงบนพื้นราวกับของเล่นไร้ราคา ปีศาจสุนัขไล่กวดมาทันพร้อมกับแยกเขี้ยวเตรียมจะงับหัวใครสักคน เขาผลักกลุ่มคาร์เตอร์ออกไปให้พ้นรัศมีสายตา จากนั้นดึงแขนออสโล่กับมินนี่หลบ ทว่าช้าเกินไป เทสซ่าซัดพลังใส่พวกเขาแทน ทั้งสามคนกระเด็นออกไปพ้นทาง ปีศาจยักษ์ย่องเดินเข้าหาหญิงสาวที่ถูกต้อนเข้ามุมเพียงคนเดียว เวดยิงใส่ตัวมัน แต่ทำได้เพียงแค่ระคายผิว“ยิง ๆ ดึงความสนใจจากมัน” เขาบอกออสโล่ แต่ดูท่าว่ามันอยากจะลองชิมเนื้อสาวมากกว่าเนื้อเด็กหนุ่ม“เทส” มินนี่จะวิ่งเข้าไปช่วยพี่สาว เขารีบกอดร่างเล็กนั้นไว้ พริบตาเดียว เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างมันของมันกระเด็นหงายคล้ายถูกหมัดยักษ์ล่องหนมินนี่ดิ้นจนเกือบหลุด เขาตัดสินใจโยนร่างมินนี่
กระสุนเจาะเข้ากลางกะโหลกซอมบี้ นัดเดียวสู่สุคติชั่วนิรันดร์ นี่คือชอตที่ดีที่สุดเท่าที่เธอทดลองมา ผลการประยุกต์ใช้ออกมาดีเกินคาด อเล็กซิสใช้ความจำให้เป็นประโยชน์ เธอจดจำจังหวะและการยิงจนรู้ว่าองศาใด ระดับใด จังหวะไหนจะยิงถูกเป้าหมาย แม้บางครั้งร่างกายขยับไม่ทันตามใจสั่ง แต่การยิงเมื่อครู่แสดงให้เห็นว่าความพยายามใช่ว่าไม่มีประโยชน์หรืออาจเป็นเพราะมีครูดีด้วย“คิดซะว่าปืนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย” อเล็กซ์ยิงแสกหน้าตัวสุดท้าย เขาเป่ากระบอกปืนแบบพระเอกในหนังคาวบอย “พอคิดว่าที่นี่เป็นสนามฝึกยิงก็สนุกไปอีกแบบนะ”สนุกกับผีนะสิเขาส่งยิ้มกวนก่อนจะผายมือเชื้อเชิญให้เธอเดินต่อ อเล็กซ์ บุตรแห่งเจ้าอาณาจักรโวลคอฟ ผู้หามีความกังวลไม่ เธอนึกสงสัยว่าชีวิตในเมืองหลวงของสองหนุ่มเป็นอย่างไร ทายาทนิคมอุตสาหกรรมขนาดยักษ์กับทายาทเจ้าพ่อกาสิโนฝึกยิงปืนกันเป็นกิจวัตร งั้นเหรอ อเล็กซิสนึกสงสัยอยู่ในใจตลอดว่าสองคนนี้เคยมีความกลัวแบบที่เธอกลัวหรือเปล่า หรือเป็นเพราะพลังพิเศษที่มีในตัวทำให้มั่นใจว่าเปอร์เซ็นต์รอดชีวิตจะสูงกว่า
“นายไหวแน่นะ” เธอถาม ยื่นมือไปหา “พวกเราค่อย ๆ เดินกันดีกว่า”แต่เพื่อนร่วมทางอารมณ์เสียซะแล้ว “ฉันไม่เข้าใจ ทำไมไม่หายสักที” เขาฟาดมือกับอากาศ อเล็กซิสกระโดดหลบเพราะหินที่กองอยู่กระเด็นตามแรงเหวี่ยง “ตอนตกเหวอาการสาหัสยิ่งกว่านี้อีก แค่สามวันแผลก็หายหมดแล้ว” เขามองหน้าเธอราวกับเด็กสาวจะตอบคำถามนี้ได้ตกเหว?เธอดึงตัวเขาขึ้น อเล็กซ์จำต้องเกาะไหล่เพื่อนสาวไว้ แต่ท่าทางของคนสองคนค่อนข้างทุลักทุเล เพราะความสูงของชายหนุ่มทำให้เธอดูตัวเล็กไปเลย ทั้ง ๆ ที่อเล็กซิสค่อนข้างสูง“ถ้าอยากให้ไปทางนี้ ก็ได้ ไปก็ได้” อเล็กซ์สรุป “มันก็ทางออกอยู่ดี ยังไงพวกเราแน่ใจว่า เพื่อนยังไม่ตายกันนี่นา”อเล็กซิสหัวเราะเสียงแห้ง ฟังแล้วรู้สึกเหมือนเป็นการคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ทำอย่างไรได้ ทั้งคู่ไม่มีทางเลือก พอเหลือบมองอเล็กซ์ เห็นสีหน้าซีดเซียว ใจยิ่งกังวล “นายไหวแน่นะ”“แผลมันตึง!” เขาลดเสียงให้ค่อยลง “คือว่า แผลมันคงเริ่มตึงเพราะเนื้อกำลังสมานกัน”
เธอนึกสงสัยว่าทำไมยาที่ทาลงไปถึงไม่มีประสิทธิภาพเหมือนกับออสโล่ แน่นอนว่าอเล็กซิสไม่คาดหวังว่าจะเห็นแผลสมานกันสนิท แต่มันควรดีขึ้นบ้าง เธอประมวลทุกอย่างในหัว สภาพแวดล้อม ศพ เนื้อเน่า สิ่งสกปรก เหงื่อ ทุกอย่างอาจส่งผลให้แผลของเขาไม่ยอมรักษา หรือว่ากลุ่มเสี่ยงไม่ตอบสนองต่อยา ไม่สิ เขาบอกว่าเคยตกเหวนี่นา เธอสลัดความคิดแล้วพยุงพาร่างสูงนั้นไปหลบอยู่หลังซากหินมุมหนึ่ง จากนั้นลงมือล้างแผล ใส่ยาตามอาการและปิดแผลใหม่อีกรอบ มันเป็นสิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้เขาเหลือบมองอากัปกิริยา ปากพึมพำ “แอบใส่กลับตอนไหนวะ” อเล็กซิสวางกระแทกกล่องปฐมพยาบาล ย้ำเตือนชายหนุ่มอีกทีเขาควรนอนพัก แต่มันเป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน ใกล้วันที่สี่แล้วด้วย หางตาชำเลืองมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง อเล็กซิสเอาเป้ของอเล็กซ์มาวางแทนหมอนและป้อนน้ำเปล่าใส่ปากที่แห้งกรัง“สะกาย ฉานจาเรียกเธอว่าสะกาย” เขาพูดด้วยเสียงยานคาง “อยาก...จุดบุหรี่อะ”“เงียบน่า”เธอได้ยินแล้ว เสียงฝีเท้าของสัตว์ร้าย อเล็กซิสหุนหันไปจ่ออยู่กับกองหินที่กำบังข้างต
ในโซนสอง จุดเซฟโซนอยู่ห่างจากกันมากและไม่ถี่เหมือนกับในโซนแรก พวกเขาใช้เวลาเดินอยู่นานก็ยังไม่ถึงจุดหมาย ปะทะกับสุนัขปีศาจบ้าง แต่ซาร่าห์สามารถจัดการพวกมันได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงคนอื่น พวกเขาเจอเจ้าตัวใหญ่ด้วย แต่มันโผล่มาในสภาพไม่สมประกอบเท่าไร เหมือนถูกทำร้ายจนแน่นิ่งใกล้ตายหากแต่ไม่ตาย ซาร่าห์ช่วยให้มันหลับสนิท แต่อาจจะทรมานก่อนเล็กน้อยบางครั้งอเล็กซิสก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มซาดิสม์ขึ้นทุกที“...มีหลายตัวข้างหน้า” อเล็กซ์เตือนเสียงเบา สัมผัสของเขายังดีกว่าคนอื่น อเล็กซิสบุ้ยใบ้ให้เลี่ยง พวกเขาเดินลัดเลาะไปตามซากเสาและกำแพงที่กองเกลื่อนกลาด เมื่อหาที่กำบังได้ ซาร่าห์เกาะขอบหิน มองไปทางศัตรู ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องพวกมันเขม็ง เหมือนได้กลิ่นมนุษย์ มันหันเหความสนใจมาทางที่ซ่อน แต่ก่อนที่จะทันเจอเหยื่อ แต่ละตัวเริ่มอยู่ไม่สุข พวกมันร้องครวญครางก่อนจะกลิ้งไปกับพื้น ถึงมันคิดจะฆ่าทุกคน แต่เสียงร้องก่อนตายไม่ได้น่าฟังเลยอเล็กซ์เขย่าแขน เขานั่งพิงกับกำแพง เธอเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว” เขากระซิบ“ไม่มีใครทิ้งนายหรอ
อเล็กซิสอ้าปากเหวอ “เราควรส่งคนเจ็บหนักที่สุด” แต่คนที่เธอกล่าวถึงกับหัวเราะเยาะเสียงเบาอยู่ข้างหูคนตรงหน้าส่ายหัว “เราควรจะส่งคนที่สมควรไป ไม่เห็นแขนฉันเหรอ ไม่เอาน่า”อเล็กซิสหันกลับไปหาซาร่าห์ อ้อนวอน “ขอร้องล่ะ มันมีที่เดียว ให้อเล็กซ์เถอะนะ”หญิงสาวทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “ฉันไม่อยากจะทำอะไรแบบนี้ แต่ฉันไม่ไหวแล้วอเล็กซิส อย่าให้ฉันรู้สึกผิดมากไปกว่านี้” เธอมองไปรอบกาย “ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อสักวินาทีเดียว”ไม่มีใครอยากอยู่ทั้งนั้น! ราวกับเธอเห็นความหวังลอยมาอยู่ตรงหน้า แล้วมันก็ลอยหายไป“แต่เธอมีพลังพิเศษ” เอ็มเมตร้อง “ฉันไม่มี”“ไปเถอะ” อเล็กซ์กระซิบ “ปล่อยพวกเขา”อเล็กซิสไม่สนใจ นายควรจะรู้ชะตากรรมตัวเองก่อน! “พวกเรายังสู้ได้ แต่เขาเดินต่อไม่ได้แล้ว”“ชะตากับของเขาก็เหมือนกับไคอัส ในเมื่อเธอสละสิทธิ์ ปล่อยให้ฉันกับซาร่า
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้
พวกผู้หญิงมีวิธีบรรเทาความเครียดต่างกับผู้ชาย ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน การได้จับจ่ายซื้อของคือความสุขและวิธีปลดปล่อยมวลพลังลบทั้งปวง ถึงแม้ที่นี่ไม่มีร้านบูติกแบรนด์ชั้นนำ หรือแม้แต่ร้านโนเนมดีไซน์ล้ำ มีเพียงตลาดมือสองและแผนกเสื้อผ้าในซูเปอร์ตั้งราวเรียงกันเป็นตับ ไร้รสนิยม แม้ทอยซิตี้ไม่มีตัวเลือกให้กับผู้หญิงมากนัก แต่แค่ได้สวมใส่ ลอง และซื้อ ก็สนองนี้ดได้ไม่ยาก และเพราะมันเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเธอคงมีแค่อเล็กซิสที่นั่งเท้าคางรอเทสซ่าแต่งตัวคนอย่างอเล็กซิสหรือจะแค่นั่งรอ เด็กสาวผู้ชื่นชอบสะสมเสื้อผ้าสวยและน้ำหอมเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งที่ค่าตัวจากงานพิเศษต่าง ๆ ละลายไปกับของพวกนี้ เหตุใดเธอจึงนั่งเบื่อ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ใครคือคนที่ช้อปด้วยต่างหาก และก็ไม่ใช่เพราะเทสซ่าแน่นอนเทสซ่าเดินออกจากห้องลองเสื้อพร้อมเบลินดา สวมเสื้อแจ็กเกตดำแบบเดียวกับที่เธอชอบยืมอเล็กซิสใส่สมัยอยู่ในหอพัก (ท่าทางจะชอบจริง ๆ) เสื้อนอกทับเสื้อสายเดี่ยวสีเขียวข้างใน ด้วยบุคลิกทะมัดทะแมง ผิวสีเชสนัทเกลี้ยงเกลา และรองเท้าบูตส์หนัง เธอยิ่งสวยและเท่เหมือนนางเอกเดินออกจากหนังแอคชั่น “สามพันสองร้อยชิป ไม่ใช่หนั
ไมเคิลส่ายหัวปัดมือให้เธอถอยออกไป (ไม่กล้าแตะตัวเธออีก) อเล็กซิสในอ้อมกอดอเล็กซ์ไม่ได้นอนหรือหลับ หากแต่ตื่นอยู่แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติ ริมฝีปากพึมพำว่า “ปล่อย” เบา ๆ ในลำคอ“เปิดประตูสิ” อเล็กซ์สั่งเพราะมือทั้งสองอุ้มเพื่อนของเขาไว้“นายก็เขยิบสิ” เขาสั่งกลับ อเล็กซ์เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู เขาจับมืออเล็กซิสแตะที่ตัวสแกนเพื่อปลดกลอน มีเสียงดังกริ๊ก มือผลักบานประตูเปิดให้อเล็กซ์เข้าข้างใน “นี่” ไมเคิลไม่สนใจหญิงสาวเลยปิดประตูใส่หน้าหล่อนดังปัง เธอทุบครั้งหนึ่งก่อนจะด่าออกมา เมื่อนั้นเสียงฝีเท้าห่างออกไป ในที่สุด“ฉันอยากได้ผ้าชุบน้ำ”ไมเคิลพยักหน้า ส่วนอเล็กซิสก็พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ “ไม่...ต้อง...” จนอเล็กซ์ดันตัวเธอลง “ไม่” สภาพอเล็กซิสไม่ต่างจากคนเมายา เขาไม่รู้ว่าเธอไปโดนอะไรมาแต่ก็ทำตามที่อเล็กซ์บอก นั่นคือเข้าไปในห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก พอเปิดก๊อกก็พบว่าน้ำแรงปกติ โกหกจริงด้วย มือทั้งสองรีบบิดน้ำหมาด ๆ พอออกมาก็เห็นสองอเล็กซ์เถียง
ไมเคิลรุดไปยังหน้าต่างตรงทางเดิน ยกบานหน้าต่างจนสุดแล้วชะโงกหน้าออกไป ลมแรงตีปะทะหน้า ถึงแม้เขาจะชอบอากาศเย็นสบายมากกว่าร้อน แต่เมื่อทอยซิตี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลมกลับไม่น่าพิสมัย สายตาของเขาเลื่อนไปช้า ๆ ทีละจุด ทีละจุด แต่ไร้ประโยชน์ ถึงอเล็กซิสอยู่แถวนี้ก็ยากที่จะเห็นอยู่ดี ทำไมต้องโกหก เธอไปไหนกันแน่ หัวใจบีบรัดเมื่อความผิดหวังจู่โจม เขาคิดว่าเธอไม่ไว้ใจเขา ทั้งที่เข้าใจว่าตนเองคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด มากกว่าเทสซ่า แต่สุดท้าย เขาคิดผิดอเล็กซ์โผล่หน้าออกมาข้าง ๆ ผมของเขายาวจนต้องจับมันไว้ไม่ให้ปลิวและพัดเข้าหน้า “เขามีท่าทีแบบนี้มาสักพักแล้วยัง”ไมเคิลไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองจะพักอารมณ์เหม็นขี้หน้าชั่วคราว ถึงแม้ทุกคนเห็นว่าเธอค่อนข้างโทรมและเงียบกว่าตอนอยู่ในศูนย์ฝึก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นเลย ใช่แล้ว ไม่มีใครสังเกตเลยรวมทั้งตัวเขาเองด้วย“เขาบอกอะไรนายบ้าง” ชายหนุ่มเริ่มยิงคำถาม “มันเกี่ยวกับที่โดนจับไปหรือเปล่า หรือไม่ใช่”“ไม่รู้!” ไมเคิลตอบอย่างมีอารมณ์ “แล้วนาย
ห้องของไมเคิลกับเรมีแออัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรองรับคนถึงเก้าคน คอมพิวเตอร์จอแบนขนาดสิบห้านิ้วตั้งกลางวง หน้าตามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาประกอบกันเอง เรมีเสียบปลั๊กแล้วกดเปิด หน้าจอสีดำกะพริบถี่ ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏเปลวไฟเป็นตัวอักษรรูปตัวเอทับต้นไม้ มันพลิ้วไหวเหมือนไฟมีชีวิต “โอ้โห” พวกเขาตื่นเต้น ไม่นานกล่องสีขาวเด้งออกมาเพื่อให้กรอกรหัส“ข้างในมีอะไรบ้าง” อเล็กซิสยื่นหน้าเข้ามา มือกำขวดน้ำแน่นท่าทางกระหายน้ำตั้งแต่เข้ามาในห้อง“ต้องกรอกรหัสก่อน” เรมีย้ำ สายตาจดจ่อกับหน้าจอดังกล่าว“กรอกสิ” เทสซ่าเร่ง “ฉันอยากรู้แล้ว”“เอ่อ” หนุ่มน้อยวัยสิบหกเคาะคีย์บอร์ดสัมผัส “เรายังแฮคมันไม่ได้”“หา?” พวกที่เหลือร้องออกมาพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น...พวกนายเรียกให้พวกเราดูแค่ว่ามันเปิดได้”“ใช่” เรมีพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่ตื่นเต้นกันเหรอ”“ฉันบอกแล้วว่าเราควรเจาะรหัสให้ได้ก่อน” อาคุสะพูดเสียงเรียบ เข
อเล็กซิสเงยหน้ามองไฟข้างบนอย่างกับจะจับผิดระบบ แต่ไมเคิลรู้ตัวการดีจึงเหยียดเท้าถีบเก้าอี้ข้างหน้า แม้ยั้งแรงไว้บ้างแต่ตัวอเล็กซ์อัดเข้ากับขอบโต๊ะจัง ๆ ไม่ทันร้องว่าเจ็บก็ลุกพรวดจนเก้าอี้กระแทกโต๊ะข้างหลังซึ่งก็คือระหว่างไมเคิลและอเล็กซิส เขาหมุนตัวเตรียมจะพุ่งเข้ามา ไมเคิลรออยู่แล้วง้างหมัดเตรียมสวน ทว่าสงครามยุติก่อนที่มันจะเริ่ม อเล็กซิสกับเรมีพร้อมใจกันกดเขาไว้กับโต๊ะ ส่วนอาคุสะและฟีบี้ทำแบบเดียวกันกับอเล็กซ์“ตรงนั้นมีอะไรกัน!”“เข้าใจผิดครับ เข้าใจผิด” เรมีตะโกน “พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้”ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับเป็นศัตรูมาช้านาน ยิ่งอเล็กซ์ไม่ได้ตัดผมโกนหนวด หน้าตารุงรัง ยิ่งทำให้สีหน้านั้นเอาเรื่องกว่าตอนใบหน้าเกลี้ยงเกลา “บอกให้เขาหยุดสิ” ไมเคิลเถียง เสียงแหบแห้งเพราะน้ำลายติดคอ“นายนั่นแหละที่หยุด” เรมีกดศีรษะเขาลง“เบา ๆ เรมี ไมเคิลนายอยู่นิ่ง ๆ” อเล็กซิสว่า“ฉันไม่ได้เริ่ม!” เขาจ้องหน้าอเล็กซ์เขม็ง“เฮ้ ๆ พวกนาย” เทสซ่ายืนขึ้นเตรียมพ