นักรบหุ้มเกราะสองตัววิ่งไล่ล่าเด็กหนุ่มสามคน หนึ่งในสามกำลังไล่ล่าอีกสอง เขาวิ่ง วิ่งและวิ่ง พอหางตาเหลือบเห็นแขนเหล็กก็รีบหมุนตัวเปลี่ยนทิศทาง ยกปืนยิงใส่มัน พอศัตรูล้มลง เขาหันกลับไปโฟกัสที่เจ้าหมาน้อยสองตัว ทว่าหากไม่พิชิตมันให้เสร็จสิ้น ต่อให้เหลือครึ่งตัวแต่ระบบยังทำงาน มันจะลุกขึ้นมาใหม่ แขนซ้ายของมันเหวี่ยงมาหมายซัดเป้าหมายให้ตายคาที่ เขาหลบทันก่อนทะลึ่งตัวยิงใส่หัวหลายสิบนัดจนหุ่นเหล็กแน่นิ่ง เขาวิ่งต่อไป ประสาทสัมผัสดีขึ้นหากเทียบกับตอนแรกที่เข้ามา อีกนิดเดียว สาวเท้าเข้าไปอีก อีกคืบเดียว เมื่อนั้นใช้มือข้างซ้ายคว้าหมับเข้าที่คอหมาน้อยตัวหนึ่ง
“ไอ้เด็กเปรต” มือนั้นขย้ำคอเสื้อเจ้าโง่พลูทักซ์ ยังไม่ทันฝากรอยหมัด ทั้งสองจำต้องผลักกันและกันเพื่อหนีเลเซอร์ที่ยิงใส่คนทั้งคู่
“หนีก่อนได้ไหมวะ” เด็กหนุ่มอีกคนตะโกน ทั้งสามวิ่งแทบไม่ได้หายใจ
“แกคิดฆ่าทุกคนเหรอไง” เขาตะโกน แม้จะเหนื่อยแต่แรงโกรธภายในรุนแรงยิ่งกว่า เรมีไม่เคยมองว่าตัวเองแก่กว่าพลูทักซ์แค่ปีเดียว แต่เขามองว่าตัวเองแก่กว่าไอ้
อาคุสะถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ“อะไรอีก” อเล็กซ์ถาม“อเล็กซิสเป็นกลุ่มเสี่ยง” เขาตอบ “นายก็รู้ว่าพลังชีวิตของกลุ่มเสี่ยงมากกว่าคนปกติทั่วไป ยิ่งพวกเขาเป็นแฝด แถมยังเป็นแฝดที่เกิดจากแฝดพิเศษ สิ่งที่พวกเราเห็นอาจเป็นตัวพิสูจน์ อย่างน้อยตาเฒ่าทรอยก็ทำสำเร็จอยู่บ้าง ฉันคิดว่าพวกเขาพิเศษกว่ากลุ่มเสี่ยงอย่างพวกเราอีกนะ”ตอนนี้หัวของเขามึนตึบตามอาคุสะไม่ทัน ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านสีหน้าออกจึงอธิบายต่อ “ร่างต้นแบบของลูก้าและเจมม่าเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มแรก ฝาแฝดที่มีพลังพิเศษ ร่างโคลนก็มีพลังพิเศษ ลูก ๆ ของพวกเขา...ไมเคิลก็มีพลังพิเศษ ตอนนี้เราก็เห็นแล้วว่าอเล็กซิสมี เป็นไปได้ไหมว่าถ้าพ่อแม่เป็นกลุ่มเสี่ยง ลูกก็จะเป็นกลุ่มเสี่ยงเหมือนกัน แล้วความที่พวกเขาเป็นแฝด จึงมีพลังเชื่อมเข้าหากัน เกื้อหนุนกัน”อาคุสะวางมือบนไหล่อเล็กซ์แล้วตบเบา ๆ “มันเป็นสัญญาณที่ดี เธอไม่ตายง่าย ๆ หรอก”อเล็กซ์ยืนนิ่งแต่ดวงตากวาดมองรอบ ๆ อเล็กซิสไม่ใช่คนเดียวที่บาดเจ็บ ยังมีคนเจ็บ บ้างมีแผลเล็กน้อย บ้างบาดแผลฉกรรจ์ เมื่อนั้นจึงตบหน้า
ความเงียบเปรียบดั่งมีดคมเสียบแทงเข้าไปในหัวใจ หากเพียงคนที่บาดเจ็บเป็นเขาแทน เขายอมแลกทุกอย่าง อเล็กซ์ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อมองทุกคนตายไปต่อหน้าต่อตา คนเหล่านี้ช่วยชีวิตเขาได้สำเร็จทุกครั้ง ไม่ว่าจะแม่ เบน และอเล็กซิส แต่เหตุใดเขาไม่เคยช่วยชีวิตใครได้เลย ไม่มีแม้แต่โอกาสได้ช่วย“อเล็กซ์!” ไมเคิลกระชากแขน เขาหันไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม“ไม่!” เขาตวาดใส่หน้า หากไมเคิลจะแย่งไปก็ทำได้ แรงของอีกฝ่ายมีมากกว่าและอเล็กซ์ก็ไม่เหลือพลังโต้กลับ แต่เพราะมีอเล็กซิส ไมเคิลจึงทำได้เพียงอ้อนวอน“ปล่อย ฉันจะช่วยเธอ!”“ไม่!” เขาตะโกนใส่หน้าเด็กหนุ่ม “ทุกครั้งที่ฉันปล่อยมือ เธอก็ห่างฉันไปทุกที...” ก้อนสะอื้นจุกในคอ เขาไม่อาจโต้ตอบได้อีกกล้ามเนื้อบนหน้าไมเคิลกระตุก เขาโกรธ โกรธมาก แต่ก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์ “นี่พี่สาวฉัน ฝาแฝดของฉัน ปล่อยตัวเธอ ฉันอาจช่วยเธอได้ เมื่อกี้...”“ก็ทำสิ!” เขาดึงแขนเด็กสาวกลับ จ้องดวงตาสีฟ้าที่คล้ายกับของอเล็กซิสหากแต่สีนั้นอ่อนกว่า “ช่วยชีว
ไมเคิลไม่มีหลุมพราง และอเล็กซ์กลัวว่าอเล็กซิสจะไป พวกเขามีสายใยบางอย่างที่น่ากลัว หลังจากผ่านด่านทดลอง จากคนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนสนิท ไมเคิลเกาะติดอเล็กซิสแจทั้งที่ก่อนหน้าไม่ยอมเข้าสังคม อเล็กซ์ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเกลียดชังหนุ่มผมเงินมากขนาดนั้น อเล็กซ์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าหากถึงเวลานั้นจริง ๆ วันที่เธอเลือกไมเคิล เขารู้ว่าตัวเองคงทำใจไม่ได้ สู้ตัดใจแต่ตอนนี้ยังดีเสียกว่าเขาปล่อยมือเธอมันกลายเป็นความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจจนถึงตอนนี้ ทั้งที่แทบเป็นบ้าเมื่อเธอหายไป แต่กลับโกรธแทบตายที่ไมเคิลเจอเธอ ทำไมต้องหมอนี้ด้วย(วะ) ไอ้หัวเงินดูแลเธอตลอด อเล็กซ์ใช้เวลาอันมีค่าไปกับการปฏิเสธความรู้สึกตนเอง ใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์เพื่อโกรธและเกลียด เพื่อตอบสนองความกลัวและขลาดเขลาด้วยการเดินออกจากแสงสว่างนั้น จนเมื่อไมเคิลบอกว่าเธอกำลังจะตาย มันไม่ต่างอะไรจากวันที่อเล็กซิสบอกว่าเบนไม่กลับมา และวันที่เบนเดินมาบอกว่าแม่ไปแล้ว ความกลัวพัฒนาจนความรู้สึกมากมายงอกเงย โมโห หึงหวง โกรธ เกลียด สุดท้ายอารมณ์ทั้งหมดก็มาลงที่ตัวเอง เขาเกลียดตัวเองที่สุดยามเห็นอเล็กซิสทรมานไม่ว่
สองครั้งที่อเล็กซ์เผชิญหน้ากับความตาย เหมือนหลับไปตื่นหนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นคนที่เขารักก็จากไป ครั้งแรกคือแม่ และครั้งที่สองคือเบน เคยคิดว่าตัวเองชินชากับความตาย แต่ไม่เลย เขาไม่พร้อมเจอครั้งที่สามอเล็กซานเดอร์ โวลคอฟอาจถูกกำหนดให้อยู่เพียงลำพังและตายโดยลำพัง แต่สุดท้ายเขาก็ยังหายใจอยู่ช่วงแรกที่เขาพบเธอ เคยคิดว่ามันอาจเป็นแค่อารมณ์อ่อนไหว เขายังยี่สิบต้น ๆ และเธอก็อ่อนกว่าไม่กี่ปี รูปร่างหน้าตาสวยงามที่เหมือนเดินออกมาจากนิตยสาร นิสัยใจคอที่ทำให้คนหลงรักได้ไม่ยาก มันก็แค่นั้น แต่นานวันเข้า กลับกลายเป็นว่าเธอเหมือนแสงสว่างดวงน้อยที่มักอยู่ในสายตาเสมอ วันที่เขารู้ว่าเบนจะไม่มีวันกลับมา วันที่มืดมนที่สุดจนอเล็กซ์อยากหายไปจากโลกนี้ อเล็กซิสกลับอยู่เป็นแสงอันอบอุ่นปลอบโยนจนการมีชีวิตดูมีความหมายมากขึ้นก็ไม่ยากเท่าไรนักกับการมีชีวิตในโลกที่เขาไม่รู้จักมันเริ่มต้นมาจากวันนั้น...ในท้องฟ้าจำลอง แม้มองเห็นเพียงแผ่นหลังก็ยังรู้สึกถึงดวงจิตที่แตกสลายย่อยยับอยู่ภายใน ชั่ววูบหนึ่งเขาเห็นเงาของแม่ซ้อนทับ ดวงตาคู่งามแสนเศร้าและปลงตกในคราวเดียวกัน ประหนึ่งร่างของเ
บราวน์ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า วาร์กเนอร์เป็นหัวหน้าทีมคนก่อน“ครับ” เขาตอบสั้น ๆ แต่นัยน์ตาจับจ้องที่ดวงหน้าผู้ถาม สีหน้าของเดวิสดูซีดลงเล็กน้อย นัยน์ตาหม่นแสงลงคล้ายกับไม่สบายใจ เขาไม่แน่ใจนักว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองไปถึงขั้นไหน แต่คงมากพอที่จะให้วาร์กเนอร์พยายามหาข้อมูลไปประเคนชายหนุ่มคนนี้ได้งี่เง่า โดยเฉพาะวาร์กเนอร์ที่ดันผันตัวจากไฟเป็นหิ่งห้อย“พวกเราตกใจนิดหน่อยว่าอาจมีปัญหาอะไรหรือไม่...” ดูเหมือนเขาพยายามจะหาเหตุผลเพื่อไม่ให้ตัวเองดูผิดปกตินัก นายน้อยโวลคอฟคลี่ยิ้มน้อย ๆ “...หรือมีข้อตกลงที่ฝ่ายคุณไม่พอใจเป็นต้น”“ไม่หรอกครับ” บราวน์ตอบทันที “ทุกอย่างเรียบร้อยดี เพียงแต่คุณวาร์กเนอร์ถูกย้ายไปประจำตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกว่า ทีแรกผมกังวลที่ต้องมาประสานงานต่อ แต่อย่างที่เห็น ทุกอย่างเรียบร้อยดี อีกอย่างการโยกย้ายก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจเบื้องบน มัน...ค่อนข้างจะเป็นเรื่องภายใน ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ...” เขาวางมือลงบนโต๊ะ “...งานตรงนี้หรอกครับ”ในห้องเงียบไปสักพัก เค
ปัญหาไม่ใช่เนื้อหางานหรือรูปแบบของงานแต่อย่างใด แต่มันคือเหตุใดต้องเป็นเขาระแคะระคาย? ก็อาจเป็นไปได้ แต่อย่างที่บราวน์สรุปไปก่อนหน้า เมื่อไม่ลงมือก็แปลว่าขาดหลักฐาน เมื่อไม่จัดการก็แปลว่ายังต้องการอยู่ดังนั้นหากบราวน์จะรู้สึกเสียวสันหลังนิดหน่อยก็ไม่แปลกนัก การประสานงานกับคนภายนอก ทั้งยังต้องระมัดระวังข้อมูลไม่ให้รั่วไหล ยิ่งบราวน์ตงิดใจว่าถูกจับตามอง หากแม้เขาระวังตัวเพียงใด แต่คนใต้อำนาจเกิดสะเพร่าขึ้นมาโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อย่างไรเสียเขาก็ต้องโดน...ก็นะ ถ้านี่ไม่ใช่กับดักขอเถอะ อย่างน้อยให้ส่งของก่อนสักพัก เคย์ซี่เข้ามาเสิร์ฟกาแฟ เมื่อเธอหันหลัง บราวน์อดไม่ได้เหลือบมองบั้นท้ายกลมกลึง กระโปรงของเธอยาวพอดีเข่า แต่เพราะมันรัดรูปจนเห็นเป็นทรงสวย...ผลของการสควอทสินะ เขาสังเกตเรียวขาที่มีเส้นกล้ามเนื้อบ่งบอกว่าออกกำลังกายอย่านอกเรื่อง เขาส่ายหัว อย่างไรก็เป็นผู้ชาย มองนิดมองหน่อยไม่เป็นไรแต่อย่าทำให้สมาธิเสียก็เท่านั้น เขายักไหล่ให้ตัวเองแล้วมองข่าวบนจอโทรทัศน์“...กองทัพส่งกำลังเสริมเข้าต้านฝ่ายก่อกา