LOGIN“เฮ้ย ไม่เป็นไรเลย อย่าซีเรียสดิ” อเล็กซิสรีบบอกทันที รู้สึกผิด เพราะเดวี่เป็นเพื่อนของเขาคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง เจ้าเล่ห์ “จริง ๆ ชวนแล้ว แต่สองคนนั้นไม่มาเอง จูนน่ะไม่แปลกหรอก ยัยนี่แทบไม่อยากจะไปบ้านใคร แต่ตอนแรกเดวี่ก็ว่าจะมา แต่พอรู้ว่าทุกคนรู้เรื่องแล้ว เขาก็เลยเปลี่ยนใจ”
เขาอวดรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ถ้าหากว่าเดวี่ไม่ได้ยิงประตูแห่งชัยชนะจนทำให้ทีมฟุตบอลคว้าถ้วยรางวัลไป เวดอาจจะได้เป็นราชางานพรอมก็ได้ เวด มิลเลอร์เป็นกัปตันทีมฟุตบอลของโรงเรียน แล้วยังเป็นคู่แข่งชิงทุนรัฐบาลกับเธอด้วย เขามีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับเดวี่ ทั้งส่วนสูง ผมสีบลอนด์ หุ่นล่ำแบบนักกีฬา บวกกับรอยยิ้มที่น่าหลงใหล แต่เวดไม่ใช่เด็กหนุ่มขี้อายเหมือนเดวี่ ตรงกันข้าม เขาเป็นคนพูดเก่ง พูดเสียงดังฟังชัด ชอบเข้าสังคม ส่วนเดวี่ชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า เวดมักจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านของตัวเองเป็นประจำ
“นายนี่มัน...”
“เอ้า เข้าไปได้แล้ว เร็ว ๆ” เขาเร่งเธอ
เมื่อเดินเข้าไปในงาน ทีมฟุตบอลทั้งทีมส่งเสียงเชียร์ดังลั่นที่เธอโผล่หน้ามาในงานปาร์ตี้แม้เพิ่งผ่านเรื่องแย่ไปหมาด ๆ “เจ๋งมาก อเล็กซ์ มันต้องอย่างงี้สิ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง พวกเราจะสั่งสอนเจ้าเดวี่ให้ แล้วเราจะส่งคืนตัวเขากลับมาให้ถึงมือเธอเลยนะ”
เธอรู้ว่าพวกเขาพยายามจะให้กำลังใจ แต่อเล็กซิสก็อดรู้สึกอายไม่ได้ที่พวกเขาพูดเหมือนกับว่าทั้งสองจะกลับมาคบกันได้อีก
ขณะเดียวกัน เมื่อเธอเจอกับเพื่อนคนอื่น ๆ อเล็กซิสพอเข้าใจแล้วว่าทำไมเดวี่ไม่มา เอโลดี้น่าจะประกาศเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนในเมืองรู้กันถ้วนหน้า เพราะเมื่อเธอเจอกับทีมนักบาสของตัวเอง สาว ๆ พร้อมใจกันพูดด่าเดวี่ “หมอนั่นมันไอ้งั่งชัด ๆ อเล็กซ์ เธอจะหาแฟนที่ดีกว่านี้ได้แน่นอน”
ยังมีทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่ทุกคนเปรียบเสมือนกับลูกน้องของเอโลดี้ ตะโกนด่าจูนให้เธอฟังอย่างออกรส “อย่าสนใจยัยสารเลวนั่นเลย! ถ้าเราเจอยัยนั่น เราจะจัดการให้เธอเอง”
ปกติแล้ว เวลาผู้หญิงอารมณ์เดือดดาลก็มักจะน่ากลัวกว่าเวลาปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อพวกเธอพร้อมใจกันเกลียดคนคนเดียวกัน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านก็ไม่ต่างไปจากไฟป่าที่ลุกโหม
อเล็กซิสรู้ว่าชื่อเสียงของจูนมีทั้งกระแสบวกและกระแสลบ จูนมีลักษณะของผู้หญิงที่ผู้ชายชอบ แต่ผู้หญิงหมั่นไส้ เธอแทบไม่เคยเหยียบย่างเท้าในงานปาร์ตี้ของคนอื่นนอกจากของตัวเอง และจูนยังไม่มีเพื่อนคนอื่นเลยนอกจากอเล็กซิส หรือแม้แต่พวกเด็กผู้ชายที่ชื่นชอบเธอ จูนก็มองเห็นพวกเขาเป็นเพียงแค่ ‘แฟนคลับ’ เท่านั้น พอได้ยินเพื่อน ๆ พูดไม่ดีกับจูน ความรู้สึกผิดติดอยู่ในใจอเล็กซิสอยู่ลึก ๆ ถ้อยคำที่จูนกล่าวโทษเธอติดอยู่ในหัว ว่าเธอทิ้งเพื่อนเพื่อไปคบหาแต่กับเอโลดี้ อเล็กซิสรู้ว่าคนอื่นพูดถึงจูนอย่างไร เธอคิดเพียงแค่ว่า ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เธอต้องยื่นมือเข้าไปขัด เพราะอเล็กซิสคิดว่าตัวเองรู้ดีว่าจูนไม่ใช่แบบนั้นและคนอื่นก็คือเพื่อนของเธอเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงวางตัวเฉย แต่จูนคงไม่คิดเช่นนั้น แล้วยิ่งอเล็กซิสคบหากับเอโลดี้อีก จูนคงหวังว่า
อเล็กซิสจะออกโรงปกป้องตัวเองมากกว่าอยู่นิ่ง อเล็กซิสไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งจูน แต่ถึงกระนั้น ความเพิกเฉยของเธอก็ทำร้ายจูนอยู่ดี และมันก็ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ว่าฉันจะตั้งใจหรือไม่ เธอก็ไม่สิทธิมานอนกับเขาอยู่ดี อเล็กซิสเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ
อเล็กซิสพยายามสลัดความคิดเหล่านั้นให้ออกไปจากหัว มันเป็นเรื่องเก่าแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาเรียนปีสุดท้ายแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง หลายคนต้องไปเรียนที่ไกล ๆ เพื่อนเพียงคนเดียวอย่างอเล็กซิสคงไม่จำเป็นสำหรับจูนอีกแล้ว เมื่อเธอสามารถสร้างกลุ่มเพื่อนใหม่ได้เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย
ตั้งแต่ชั่วโมงแรก หลายคนต่างเข้ามาถามถึงเหตุการณ์ที่ดังกล่าว บางคนอยากรู้มากจนถึงกับลืมมารยาทขอให้เธอเล่าทุกรายละเอียดเพื่อเอาไปเม้าท์ต่อ บางคนเข้ามาคุยเพราะเห็นใจและอยากให้กำลังใจจริง ๆ จนกระทั่ง เวดชวนเธอให้กระโดดลงสระว่ายน้ำ ไม่ต้องเดาเลย เธอตอบว่า “ไม่” แต่เขาก็พยายามลากเธอลงไปให้ได้ ระหว่างยื้อยุดฉุดกระชาก อเล็กซิสเลยเผลอเตะก้นเจ้าของงาน เขาตกลงไปในสระน้ำเสียงดังตูมใหญ่
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง เวดขึ้นจากน้ำ ตาจ้องอเล็กซิสเขม็ง โชคดีที่เพื่อนของเวดดึงความสนใจด้วยการกระโดดลงมาจากหลังคา คนอื่นเลยอยากลองกระโดดจากตรงนั้นลงมาบ้าง
“โทษที ก็นายจะลากฉันลงไปนี่นา”
เขาพยักหน้าหงึก ๆ แล้วสะบัดน้ำบนหัวใส่เธอ ก่อนจะบอกว่า “ฉันกับเอดี้อยากให้เธอสนุกไปกับงานนะ พวกเราอยากเห็นอเล็กซ์คนเก่าที่ยิ้มแย้ม หัวเราะ ทำตัวบ้าบอ อะไรแบบนั้น”
ลมหายใจของเวดมีกลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้ง หรืออาจจะกลิ่นสารเสพติดสักอย่างปนมาด้วย เวดอาจจะดูสูงใหญ่แต่เขาไม่ใช่พวกหนุ่มกล้ามโตไร้สมอง พอแอลกอฮอล์คงออกฤทธิ์ เขาลืมตัวสารภาพสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด
“คืองี้นะ ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจที่เอดี้แกล้งไม่มา มันเป็นแผนของเอดี้ที่จะช่วยฉันเอง เดฟทำตัวของเขาเองใช่ไหมล่ะ ใช่ พวกเราเป็นเพื่อนกัน แต่เขาจะห้ามฉันไม่ให้ทำในสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ไม่ได้หรอก ฉันอยากให้เธอมีความสุขกับคนใหม่ที่ดีกว่า และคนคนนั้นควรเป็นฉัน”
อเล็กซิสรู้ทันเพื่อนตัวเองตั้งแต่ทีแรกที่รู้ว่าเอโลดี้จงใจทิ้งเธอให้มาในงานคนเดียวแล้ว เอโลดี้ต้องการให้เธอกับเวดหันมาคบกัน อเล็กซิสเหมือนได้ยินเสียงความคิดของเพื่อนดังมาแต่ไกล “หนุ่มฮอต แถมยังเป็นกัปตันทีม เดวี่จะได้เรียนรู้ไว้ซะ ว่าเขาสูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดไปแล้ว!”อเล็กซิสรู้ว่าเวดชอบเธอก่อนที่เธอกับเดวี่จะคบกันเสียอีก เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก สังคมเมืองซานโบซ่านั้นเล็กจะตาย ถ้าเกิดคุณเผลอเผยความลับให้กับใครสักคน คนอื่นก็จะรู้ด้วยเหมือนกัน
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ เหรอเอดี้ ผู้ชายคนใหม่ไม่ได้สามารถเยียวยาอาการอกหักได้ทุกคนหรอกนะ ฉันคิดว่าเธอเข้าใจเรื่องนี้ดีเสียอีก
เวดหน้าแดงและเพราะเขากำลังเมา อเล็กซิสจึงทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ เพราะพอเดี๋ยวเขาสร่างเมา เขาก็ลืมอยู่ดี เธอจึงตัดสินใจผละออกไปจากตรงนั้นดีกว่า
“อ้าว เธอจะไปไหน ฉันพูดอยู่นะ”
“เข้าห้องน้ำ นายอยู่นี่แหละ ฉันไปคนเดียวได้” เธอตะโกนกลับมา
“แต่คุณบอกว่ามันจะใช้คุณเป็นตัวประกัน” ไมเคิลเถียง“ใช่ ตัวฉัน เพียงแค่ร่างกายที่ยังมีลมหายใจ”อเล็กซิสเข่าอ่อนจนทรุดตัวลง ก้มหน้าซ่อนสะอื้นลงกับตักหญิงสาว นาฮีมานาอาจไม่ใช่แม่ของกลุ่มเสี่ยง แต่เปรียบเหมือนกับผู้ใหญ่หรือไม่ก็พี่สาวที่พวกเขารู้สึกสบายใจเวลาเห็นเธอ เปรียบดั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทางจิตใจ“แต่ว่า...ก่อนจะออกไป ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”เมื่อนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น นาฮีมานาจับมืออเล็กซิสกับไมเคิล“เผาทุกอย่างในนี้”ทั้งสองพยักหน้า“ถ้าเห็นอะไร ทำใจไว้นะ แต่ฉันคิดว่าอย่าปล่อยไปเลย พวกเขายังไม่รับรู้อะไรหรอก”ทว่าประโยคหลังนั้น ทั้งสองไม่เข้าใจ นาฮีมานาคะยั้นคะยอให้พวกเขาออกไปจากที่นี่อีกครั้ง มืออีกข้างหยิบปืนที่พวกนั้นทิ้งไว้ เธอพยักหน้าให้ทั้งสองเห็นว่าไม่เป็นไร“พวกเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไปเถิด”“เหลืออีกห้านาที”นาฮีมานาไม่ต้องการให้พวกเขามอง หรือรับรู้ ทั้งสองจึงเดินออกไปหน้าลิฟต์ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นจึงได้ยิน
“พาตัวเธอมา” เธอหันไปสั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง อเล็กซิสไม่มีวันรู้ไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ คนของอาร์คาเดียจึงประคองนาฮีมานาออกมา เธออยู่ในสภาพอิดโรย ผมสีดำยุ่งเหยิง แก้มที่ตอบอยู่แล้วลึกลงไปราวกับผิวหนังปกคลุมเพียงโครงกระดูก เธอออกจากกลุ่มไปก่อน อเล็กซิสไม่รู้เลยว่าหญิงสาวโดนจับไปเมื่อไร“ได้โปรด เราพาเธอมาแล้ว”“เหลืออีกสิบนาที” พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเพราะกลัวหนีไม่ทัน“ทำไม ที่นี่จะระเบิดหรือ”พวกเขาส่ายหน้า ทั้งสองไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นนาฮีมานาพยักหน้าให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง อเล็กซิสจึงหันไปพยักหน้ากับไมเคิล เขาจึงบอกให้คนที่เหลือออกไป ทั้งหมดทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งหนี บางคนแย่งกันออกไปจนมีเสียงโวยวายล้มลุกคลุกคลาน ส่วนพวกเขารีบไปประคองนาฮีมานาที่ถูกทิ้งลงกับพื้น“มานา...”หญิงสาวสบตากับทั้งสองแล้วยกมือจับแก้มคนทั้งคู่ เพียงสัมผัสอเล็กซิสกลับรู้สึกสบายตัว อากาศปวดตามตัวและที่หน่วงอยู่ในท้องก็อันตรธานหายไปทันใด เมื่อเธอมองไมเคิลจึงเห็นว่าบาดแผลบนใบหน้
“เหลืออีกยี่สิบนาที”สิ่งที่อเล็กซิสเกลียดที่สุดคือการไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น แม้เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ลักพาตัว แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวการเป็นใคร ทั้งสองยืนมองนักวิทยาศาสตร์วิ่งหนีออกจากตึกจากบานหน้ากระจกขนาดใหญ่บนชั้นลอยเปิดสู่โถงด้านล่าง ประตูทางออกนั้นไม่ได้เปิดออกไปแล้วเห็นด้านนอก แต่ไปยังลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบน โถงด้านล่างกินพื้นที่ถึงห้าชั้น มันกว้างใหญ่ พวกเขาวิ่งหนีขึ้นลิฟต์ บ้างแย่งกัน แต่เพราะจำนวนมีจำกัดจึงไม่อาจขนส่งคนออกไปได้ทันทีแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่าทั้งหมดอยู่ใต้ดินขณะนั้นไมเคิลปรายตามองทีมรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่ได้สวมชุดทหารสีเทาแต่เป็นสีน้ำตาล ในมือถือปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่เล็งมาแต่ยังไม่ได้ยิง หรือพูดไม่ถูกคือไม่กล้ายิงเพราะกลัวผลโต้ตอบที่รุนแรงกว่า อีกกลุ่มคอยอพยพและจัดระเบียบ พวกเขามองขึ้นมาอย่างหวาดผวา ส่วนเธอกับไมเคิลมองลงไปด้วยสายตาว่างเปล่า“ปล่อยไปเถอะ เราต้องการเพียงมานา”อเล็กซิสไม่ได้ใจดี เธอแค่ไม่อยากเสียเวลาไมเคิลพยักหน้าแต่สายตายังจับจ้อง
แม้สายตาจะคอยชำเลืองมองแฝดที่ยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าประตูรอให้พวกมันเข้ามา อเล็กซิสใช้เวลานี้เรียกข้อมูลขึ้นมาเรื่อย ๆ นอกจากจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพวกเขาแล้ว พวกมันต้องการเซลล์ไข่ของเธอและสเปิร์มของแฝดเพื่อผสมเทียม สมมติฐานของคนพวกนี้นั่นคือ เธอและไมเคิลเป็นกลุ่มเสี่ยงคู่เดียวที่สามารถให้กำเนิดทายาทที่มีลักษณะพิเศษได้ เหมือนอย่างที่ลูก้าและเจมม่าเคยให้กำเนิดคนทั้งสอง เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงคนอื่นล้วนมีภาวะมีบุตรยากหรืออาจจะถึงขนาดไร้ประสิทธิภาพที่จะมีทายาทเลยก็ว่าได้เพื่ออะไร ผลิต...ผลิตกองทัพผู้มีพลังพิเศษด้วยตัวเองหรือปัญหาคือ เธออยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง เอไลโตทั้งหมด หรือบางคน? ที่แน่ ๆ พวกมันใช้คาเรลที่สมควรถูกประหารชีวิตไปแล้วปลอมตัวเป็นไมเคิลมากหลอกเธอเสียงฝีเท้ามากมายมาเป็นโขยงโดยที่แฝดชายยืนรออยู่ อเล็กซิสถอยห่างจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“อยู่เฉย ๆ” คนข้างนอกตะโกนเข้ามา “อย่าขยับไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องยิง!”ชายหนุ่มผมเงินหัวเราะดูแคลนคนข้างนอก พริบตาเดียวเปลวเพลิงลุกโถมเข้าใส่ประตูด้านหน้า ทีมรักษาความป
ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้งพร้อมกับสภาพเครื่องมือล้มระเนระนาด รวมทั้งจานที่บรรจุเซลล์ไข่แตกละเอียด เพียงเธอมอง ของเหลวในนั้นแห้งเหือดตรงมุมขวาของห้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ อเล็กซิสยกมือขึ้นทำท่าบิด มันแตกแล้วตกลงมา เพียงเท่านั้นเธอรีบลุกออกจากเตียงเพื่อไปหาไมเคิล แต่เพียงขยับก็เจ็บหน่วงที่ท้อง สุดท้ายกลั้นใจหยิบผ้าคลุมมาพันตัวแล้วเดินไปหาน้องชาย มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่แปลบ ๆ หน่วง ๆ เหมือนเวลาที่เธอเคยมีประจำเดือน“ไมเคิล” เธอจับแก้มที่มีแผลไหม้แล้วสงสารจับใจ ใบหน้าของเขาคือของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครก็อยากจะถนอมดูแล แล้วดูตอนนี้สิ อเล็กซิสดึงเครื่องรัดออกแล้วสวมกอดคนที่นอนอยู่แน่นเพื่อให้เขาฟื้นตัว “ไมเคิล ตื่นสิ ไมเคิล”ชายหนุ่มส่งเสียงครางอือ ๆ เบา ๆ เธอถอนตัวขึ้นมาเพื่อรอให้เขาฟื้น เขาเริ่มขยับริมฝีปาก “รอ...”“ไม่ต้องรอ” เธอบอกพลางกุมมือเขาแน่น น้ำตาเอ่อขึ้นมาเมื่อมองแฝดชายราวกับเห็นร่างของซีโน่ที่กำลังจะตาย “ตื่นขึ้นมา ฉันจะปกป้องนายเอง”เขากะพริบตาก่อนจะลืมตามอง ดวงตาสีฟ้าเข้มสบกับของเ
มีกี่เรื่องที่ทำให้คนเราฝันร้าย แต่เมื่อตื่นเหมือนกับโผล่ขึ้นผิวน้ำปีศาจในความทรงจำล้วนมีมากหน้าหลายตา และกลุ่มแรกมีชื่อว่าคาเมรอนกับบรูซ ยังดีที่โชคยังเข้าข้าง ต่างกับตอนนี้ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือปีศาจใต้หน้ากาก หมดสิ้นอิสรภาพโดยสิ้นเชิงสติไปไหน เหตุใดจึงรู้สึกล่องลอย บางครั้งตื่นตัว บางครั้งไม่รู้สึกมันมากันเป็นกลุ่ม จับร่างของอเล็กซิสขึงเพื่อเอาบางสิ่งจากกาย หากขัดขืนดิ้นรนก็จะได้รับความเจ็บปวดสาหัสจนไม่อาจขยับได้ไปหลายนาที คงเป็นเพราะกายหยาบนี้ทนทานต่อยาสลบจึงตื่นเร็วเกินไป แต่ต่อให้ทนได้เพียงใดก็ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาเสียงกรีดร้องอ้อนวอนขอให้พวกมันหยุดไม่เป็นผล แม้เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการก็ยังไม่ปล่อยอเล็กซิสกับไมเคิลไป พวกมันเอาขาหยั่งออกแล้วปล่อยให้ขาเธอนอนเหยียดยาวโดยมีเครื่องล็อกตรึงไว้ไม่ให้ขยับ“พวกแกต้องชดใช้” เสียงที่ตะโกนออกไปกลั่นออกมาจากความแค้นที่อยู่ลึกสุด แต่กลับฟังดูอ่อนแอเกินกว่าจะขู่ให้ผู้ใดกลัว ตรงกันข้ามกลับเรียกเสียงหัวเราะขำขันแทนเธอหันไปมอง







