Home / แฟนตาซี / Undisclosure / เรื่องเล่าของคุณครู

Share

เรื่องเล่าของคุณครู

last update Last Updated: 2025-02-12 15:16:52

“ก่อนที่พวกเธอเกิด รัฐบาลก่อตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อไล่ล่ากลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะ แต่เพราะคนกลุ่มนี้เริ่มปิดบังตัวตนจากภัยคุกคามที่จะมาถึงตัว การตามล่าจึงลำบากขึ้นกว่าเดิม รัฐบาลจึงประกาศคุณลักษณะของกลุ่มเสี่ยงออกมา จากนั้นจึงมีการบัญญัติคำว่า ‘กลุ่มต้องสงสัย’ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคำ ดังนั้น คำนี้จึงถูกใช้เพื่อระบุกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะเป็นกลุ่มเสี่ยงแต่ยังไม่มีอาการบ่งชี้ ตอนนั้นผู้คนบางส่วนต่อต้านและพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับอำนาจรัฐ แต่ก็ใช่ว่ารัฐบาลจะปกครองสหพันธรัฐได้อย่างสงบสุข มีการจลาจลเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน พอมีคนก่อจลาจล รัฐบาลกวาดล้าง จากนั้นก็มีกลุ่มใหม่มาก่อความไม่สงบอีก วนเวียนอย่างนี้เรื่อยมาไม่รู้จบ ผู้ที่คุมรัฐบาลรู้ดีว่า หากปล่อยให้ประชาชนคิดว่ารัฐบาลควบคุมมากเกินไป เมื่อนั้นปัญหาจะไม่มีทางจบสักที ด้วยเหตนี้ พวกเขาจึงปล่อยให้ประชาชนคิดว่ารัฐบาลยังอยู่ในกรอบอำนาจที่ประชาชนมอบให้ ต่อมา ทางการประกาศยกเลิกหน่วยพิเศษนี้เพื่อตอบรับและลดกระแสต่อต้าน แต่หน่วยงานนี้ยังคงทำงานกันอย่างลับ ๆ จนถึงทุกวันนี้”

“ครูรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงคะ” อเล็กซิสถาม แต่แล้วนึกถึงกรณีการหายตัวไปอย่างลึกลับของเดสซิเร ดัลคา ที่เจสซี่เคยยัดเยียดให้เธออ่าน นั่นหมายความว่า คนบางกลุ่มอาจรู้ แต่ไม่มีโอกาสส่งผ่านข้อมูลเหล่านั้น หรือพวกเขาถูกสั่งห้ามไม่ให้กระทำ มันอันตราย แต่บางครั้งอันตรายก็เปรียบเสมือนของหวานต้องห้ามชวนให้ลิ้มลอง ในขณะที่การไล่ล่ายังคงดำเนินต่อไปอย่างเงียบ ๆ กลุ่มต่อต้านใช่ว่าจะหยุดเปิดโปง อเล็กซิสจับน้ำเสียงของสองพี่น้องแล้ว แน่ใจว่าพวกเธอพูดความจริง ไม่ใช่สิ่งที่ออกมาจากจินตนาการแต่อย่างใด

“ยุคสมัยแห่งความหวาดกลัวคือช่วงนั้นสินะครับ” ออสโล่เดา

“ใช่แล้วล่ะจ้ะ ครูไม่เคยเข้าใจไอ้ความหวาดกลัวที่ว่าเลยจนกระทั่งมันเกิดขึ้นกับครอบครัวของครูเอง สิ่งที่ทำให้กลุ่มต่อต้านพ่ายแพ้แก่รัฐบาลครั้งแล้วครั้งเล่าก็คือ ประชาชนที่เพิกเฉย มีคนไม่เยอะหรอก ที่จะสนใจสิทธิพื้นฐานของผู้อื่น ครอบครัวของครูก็เป็นคนกลุ่มนั้น พวกที่ไม่สนใจภัยของกฎหมายเล่มนี้จนมันเกิดกับตัวเอง วันนั้น พวกตำรวจมาถึงที่บ้าน จากพวกไม่ยี่หระต่อสิ่งใด พวกเราถูกทำให้กลายเป็นเหยื่อ วันนั้นเป็นวันเกิดของครู สามสิบปีผ่านมาแล้ว แม่และพี่สาวของพวกเราถูกฆ่าตาย” หยาดน้ำตาปรากฏอยู่ในดวงตาสีเขียวหยก เธอกำลังหวนนึกถึงความทรงจำที่แย่ที่สุด อเล็กซิสกอดเข่าตัวเอง ไม่แม้แต่กะพริบตา

“พวกตำรวจพยายามลากตัวมอลลี่ พี่สาวของพวกเราไปกับพวกเขา พวกเขาบอกว่าพี่สาวของครูเป็นตัวอันตรายต่อสหพันธ์ แม่ปกป้องพี่ และเธอก็ถูกยิง กระสุนนั้นสังหารคนทั้งสองทีเดียว วันเกิดของครูพังเละเทะไม่เป็นท่า แม้แต่ตอนนี้ ครูยังจำดวงตาของพี่ได้ ดวงตาที่ที่ค่อย ๆ อับแสงลงตอนที่เธอกำลังจะตาย สิ่งเดียวที่ครูกับแมรี่ไม่มีวันได้เห็นคงเป็นพลังพิเศษของพี่ พี่ตายไปก่อนที่ครูจะเห็นว่าเธอมีความสามารถแบบไหน หรือบางที เธออาจจะตายทั้งที่ไม่มีความสามารถที่ว่าเลยด้วยซ้ำ”

“หนูเสียใจค่ะ ครูโดบี้ส์” อเล็กซิสรู้สึกแย่เมื่อได้ยินเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ “ครูไม่จำเป็นต้องเล่าให้พวกเราฟังแล้วก็ได้ค่ะ ถ้ามันทำให้ครูรู้สึกแย่”

ครูสาวสั่นหน้า “ไม่จ้ะ เดวิส ครูต้องเล่าให้พวกเธอฟัง พวกเธอต้องรู้ ทุกคนต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากเกิดเรื่องร้ายวันนั้น ครอบครัวของพวกเราย้ายบ้านถึงสองครั้ง เพื่อหนีจากความทรงจำแย่ ๆ ที่คอยหลอกหลอน แมรี่กับครูพยายามทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัวไหนอีก ครูไม่อยากให้นักเรียนของครูต้องมีชะตากรรมแบบเดียวกับพี่สาวของครู ครูรักพวกเธอทุกคนและอยากปกป้องพวกเธอ แต่พวกเราก็ไม่คิดว่าเรื่องจะลงเอยแบบนี้ เจสเซ่นส์ ความสามารถในการคิดคำนวณของเธอเหนือกว่าคนอื่นก็จริง ใช่ มันไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่ครูกลัว ครูกลัวจนเกินเหตุ กลัวว่ามันจะดึงดูดความสนใจของคนพวกนั้น ครูก็เลยปรับเปลี่ยนข้อสอบที่เธอทำก่อนจะส่งไปยังสำนักงานการศึกษาส่วนกลาง เธอยังคงได้เอเหมือนเดิม แต่เธอไม่ควรได้เอเพราะคะแนนเต็ม ครูทำเกินไป...และมันก็ทำให้เธอ...นักเรียนของครูถูกตัดสินว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัย”

เธอหันมายังอเล็กซิส

“เดวิส ความจำของเธอนั้นเยี่ยมยอดเหลือเกิน แต่เพราะแมรี่ได้ใส่ข้อมูลเท็จลงในประวัติการรักษาของเธอแล้ว และเธอก็ไม่ใช่คนอวดอ้างอะไร ครูก็เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแมรี่เพียงคนเดียว”

“ผมไม่เคยทราบว่าสองคนนี้มีมันสมองเทพกันขนาดนี้” เวดพึมพำ

“ไม่ใช่สมองเทพหรอก” อเล็กซิสแก้ “แค่ทักษะธรรมดาเฉย ๆ”

“ใช่จ้ะ แค่ทักษะหนึ่ง พวกเราคิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะปกป้องพวกเธอ แต่ถ้าพวกเขาไม่พบว่าพวกครูทำอะไรแบบนี้ พวกเขาก็จะไม่สอบสวนพวกเธอ พวกตำรวจคงมองแค่ว่า มันเป็นเรื่องที่คาร์เตอร์สร้างขึ้นแล้วก็จะปล่อยพวกเธอออกไป”

อเล็กซิสคิดถึงพ่อและแม่ของตัวเอง ทั้งสองยืนกรานว่าพรสวรรค์นี้เป็นเพียงพรสวรรค์ธรรมดา แต่เธอไม่ควรอวดลักษณะพิเศษนี้กับใคร เพราะมันอาจทำให้คนอื่นรำคาญและเกลียดขี้หน้าเอาได้ มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เวลาเห็นคนทำอะไรเกินหน้าเกินตา ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าพวกเขาพยายามปกป้องเธอเหมือนที่ครูโดบี้ส์และพยาบาลสตีเว่นทำ บางครั้งพรสวรรค์ก็ไม่ต่างจากคำสาป

“หนูไม่รู้ว่าเราควรจะโทษใคร หนูไม่เห็นว่ามันจำเป็นด้วยซ้ำ” อเล็กซิสเปิดเผยสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ในขณะนั้น “พวกเขาต้องการจับพวกเราอยู่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย ถ้าไม่ใช่พวกเรา คนอื่นก็จะเป็นเหยื่อแทน ไม่ใช่เพราะพวกคุณหรอกค่ะ ยังไงพวกเขาจะทำให้พวกเราเป็นคนผิดอยู่ดี พวกเขาสามารถปล่อยเวดออกไปได้แต่ไม่ทำ ไม่เกี่ยวกับว่าใครเป็นคนผิดหรอกค่ะ ครูโดบี้ส์ เพราะมันอยู่ที่ตัวระบบและคนใช้ระบบต่างหาก คาร์เตอร์อาจจุดไฟขึ้น แต่ถ้าไม่มีเชื้อเพลิง พวกเราคงไม่นั่งกันอยู่ตรงนี้”

“เธอพูดถูกนะครับ” ออสโล่ผงกหัวหงึก ๆ

“เชื้อเพลิงเหรอ ฉันนี่แหละ เชื้อเพลิง” พยาบาลสาวพูดเสียงแผ่ว “...เป็นเพราะพวกเรา พวกเขาเลยรื้อค้นข้อมูลในระบบของเขตทั้งหมด เด็กคนอื่นก็จะถูกจับ ถ้าเกิด...เม็ก! ถ้าเกิดพวกเขาเจอเด็กคนอื่นล่ะ เพราะพวกเราแท้ ๆ” น้ำตาเธอไหลเป็นสาย นางโดบี้ส์ปลอบโยนน้องสาว

“คุณไม่ใช่เชื้อเพลิงหรอกค่ะ” อเล็กซิสโต้ “ทั้งระบบกฎหมาย ทั้งรัฐบัญญัติ...และคนที่นั่งอยู่เบื้องหลังรัฐบาล...คนพวกนี้ต่างหาก พวกเขาไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับพวกเรา”

เด็กสาวนั่งมองเท้าตัวเองแม้ไม่ได้สนใจมันจริง ๆ เธอสงสัยว่าเคยรู้สึกอย่างไรกันแน่ ก่อนหน้านี้ ทุนการศึกษาคือเป้าหมายที่เธออยากเอื้อมให้ถึงมาโดยตลอด แต่ถ้าหากเธอได้มีโอกาสเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับระบบอุบาทว์และวงจรอำนาจเบ็ดเสร็จที่ปราศจากความเที่ยงธรรม การสวมบทบาทเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดไม่ใช่สิ่งที่เธอปรารถนาเลยสักนิด

เพราะเมื่อก่อนพี่เป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาเหมือนเธอไง แต่ตอนนี้โตพอเข้าใจอะไร ๆ แล้ว” คำพูดของเจสซี่ดังขึ้นมาในหัว

แต่มันคงสายไปสำหรับฉันแล้วล่ะ เจสซี่

“แต่ฉันว่า พวกเขามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้” คราวนี้ออสโล่แย้ง “เราถึงอยู่ในนี้ไง มันจบแล้ว พวกเราทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากยอมรับความจริง ผมไม่โทษคุณครูหรอกนะครับ ครูตั้งใจช่วยผม มันมาจากเจตนาที่ดี ถ้าผมจะโทษใคร ผมคงโทษโชคชะตา ชีวิตของผมมันจบแล้ว ลาก่อนอนาคตอันรุ่งโรจน์” จากนั้นเขาเขยิบกายกลับไปยังที่ของตัวเอง ยอมรับชะตากรรมโดยจำนน

ไม่มีใครพูดอะไรอีก แต่ความเงียบสะท้อนให้เห็นว่าทั้งหมดเห็นด้วยกับสิ่งที่เด็กหนุ่มกล่าวไปเมื่อครู่

พวกเขาไม่ตั้งคำถามอะไรต่ออีกแล้ว เพราะครูโดบี้ส์แทบจะไม่มีแรงพูดคุยต่อ พวกเขาปล่อยให้เธอพักผ่อนกับน้องสาว ส่วนเบลินดาเอาแต่ร้องไห้ ทว่าไม่มีใครสนใจที่จะปลอบ เพราะทุกคนต่างแบกรับอารมณ์สิ้นหวังของตัวเองเอาไว้ อเล็กซิสนั่งพิงกำแพง พยายามจัดการความคิดตัวเอง มันจบแล้วดังที่ออสโล่ว่า ลาก่อนชีวิตมหาลัย ลาก่อนเพื่อนฝูง ไม่มีความฝันให้ต้องไล่ตามอีกแล้ว

ตอนเย็น พวกเขากินอะไรแทบไม่ลง ไม่มีใครแจ้งความคืบหน้าหรือข่าวใหม่ อเล็กซิสเลยไม่รู้ว่าเธอจะไปจากที่นี่เมื่อไร และพวกตำรวจจะอนุญาตให้ครอบครัวเข้าเยี่ยมได้ตอนไหน

“ปล่อยพวกเราไปเถอะ พวกเราไม่รู้เรื่องข้อมูลเท็จเลยนะครับ”

อเล็กซิสกับเพื่อน ๆ พยายามชะโงกหน้ามองผ่านลูกกรงทันทีที่ได้ยินเสียงคนกลุ่มใหม่เข้ามา เด็กคนอื่นเริ่มถูกคุมตัวมาแล้ว ส่วนใหญ่เป็นรุ่นน้องของอเล็กซิส และตอนนี้แมรี่ สตีเว่นร้องไห้คร่ำครวญอีกรอบ

“ผมไม่รู้เรื่องเลยว่าเธอทำอะไร!”

ครูโดบี้ส์เอาแต่มองน้องสาวที่นอนอยู่บนตัก อเล็กซิสรู้ว่าเธอยังคงรู้สึกผิดอยู่ดี เด็กกลุ่มใหม่ที่ถูกจับเข้ามาตะโกนด่าหญิงสาวทั้งสอง รวมทั้งเบลินดาด้วย เด็กสาวนั่งแอบอยู่ในมุมของตัวเอง เอามือปิดหูไว้ทั้งสองข้าง

“เฮ้ พวกนาย บอกพวกเราหน่อยสิว่าพวกเขาจะทำอะไรกับพวกเราต่อ” แอนโธนี่

เฮอร์นานเดซถามเสียงดัง เขาอยู่อีกห้องหนึ่ง

อเล็กซิสอยากให้เขาหุบปาก จะตอบไปตามตรงก็อาจทำให้ตื่นกลัวไปก็ได้ แต่ถ้าเก็บปากเงียบก็คงส่งผลไม่ต่างกัน เธอไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

“เดี๋ยวก็โดนไฟฟ้าช็อกกันหมดนั่นแหละ หุบปากได้แล้วโว้ย รำคาญ” เวดตะโกนตอบ แอนโธนี่ไม่กล้าถามต่ออีก บางทีคำตอบของเวดคงทำให้เขาตกใจพอแล้ว

“นายไม่จำเป็นต้องใส่อารมณ์กับพวกเขา เดี๋ยวได้กลัวกันหมดพอดี” อเล็กซิสต่อว่า

เวดไม่ตอบ เขาเอาแต่จ้องแขนที่มีแต่รอยฟาด

อย่างไรก็ตาม เด็กกลุ่มใหม่ยังคงคุยกันเจื้อยแจ้ว ส่วนพวกที่ถูกขังอีกสองห้องนั่งเงียบ (ไม่นับเสียงร้องไห้ของนางพยาบาลและเบลินดา) พวกน้องใหม่ยังมีความหวังอยู่ เหมือนกับพวกอเล็กซิสในตอนแรกไม่มีผิด จนกว่าพวกเขาถูกพาไปยังห้องนั้น ความหวังจึงดับลง อเล็กซิสนั่งมองเพดานด้วยสายตาเหม่อลอยจนหลับไป

เธอฝันว่าได้รับการปล่อยตัว มีการเปลี่ยนแปลงคำตัดสิน พวกเขาถูกตัดสินใหม่ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงดังนอกห้องขังเหมือนกับมีใครกำลังเดินอยู่ เมื่อนั้นเธอตื่น แต่เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น อเล็กซิสไม่อาจลืมตาขึ้นได้แม้สติกลับมาอยู่ที่เดิมแล้ว เพราะง่วงจนหนังตาหนักถ่วงเอาไว้

“อย่าแตะต้องพวกเขานะ”

“พวกเธอจะมาแทนไหมล่ะ”

ใครพูด แต่ก่อนที่อเล็กซิสจะลืมตาเพื่อดูว่าใครพูดอะไร สติของเธอจมลงสู่นิทราอีกครั้ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Undisclosure    หยุดยั้ง

    “แต่คุณบอกว่ามันจะใช้คุณเป็นตัวประกัน” ไมเคิลเถียง“ใช่ ตัวฉัน เพียงแค่ร่างกายที่ยังมีลมหายใจ”อเล็กซิสเข่าอ่อนจนทรุดตัวลง ก้มหน้าซ่อนสะอื้นลงกับตักหญิงสาว นาฮีมานาอาจไม่ใช่แม่ของกลุ่มเสี่ยง แต่เปรียบเหมือนกับผู้ใหญ่หรือไม่ก็พี่สาวที่พวกเขารู้สึกสบายใจเวลาเห็นเธอ เปรียบดั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทางจิตใจ“แต่ว่า...ก่อนจะออกไป ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”เมื่อนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น นาฮีมานาจับมืออเล็กซิสกับไมเคิล“เผาทุกอย่างในนี้”ทั้งสองพยักหน้า“ถ้าเห็นอะไร ทำใจไว้นะ แต่ฉันคิดว่าอย่าปล่อยไปเลย พวกเขายังไม่รับรู้อะไรหรอก”ทว่าประโยคหลังนั้น ทั้งสองไม่เข้าใจ นาฮีมานาคะยั้นคะยอให้พวกเขาออกไปจากที่นี่อีกครั้ง มืออีกข้างหยิบปืนที่พวกนั้นทิ้งไว้ เธอพยักหน้าให้ทั้งสองเห็นว่าไม่เป็นไร“พวกเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไปเถิด”“เหลืออีกห้านาที”นาฮีมานาไม่ต้องการให้พวกเขามอง หรือรับรู้ ทั้งสองจึงเดินออกไปหน้าลิฟต์ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นจึงได้ยิน

  • Undisclosure    จุดจบของผู้อยู่มานาน

    “พาตัวเธอมา” เธอหันไปสั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง อเล็กซิสไม่มีวันรู้ไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ คนของอาร์คาเดียจึงประคองนาฮีมานาออกมา เธออยู่ในสภาพอิดโรย ผมสีดำยุ่งเหยิง แก้มที่ตอบอยู่แล้วลึกลงไปราวกับผิวหนังปกคลุมเพียงโครงกระดูก เธอออกจากกลุ่มไปก่อน อเล็กซิสไม่รู้เลยว่าหญิงสาวโดนจับไปเมื่อไร“ได้โปรด เราพาเธอมาแล้ว”“เหลืออีกสิบนาที” พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเพราะกลัวหนีไม่ทัน“ทำไม ที่นี่จะระเบิดหรือ”พวกเขาส่ายหน้า ทั้งสองไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นนาฮีมานาพยักหน้าให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง อเล็กซิสจึงหันไปพยักหน้ากับไมเคิล เขาจึงบอกให้คนที่เหลือออกไป ทั้งหมดทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งหนี บางคนแย่งกันออกไปจนมีเสียงโวยวายล้มลุกคลุกคลาน ส่วนพวกเขารีบไปประคองนาฮีมานาที่ถูกทิ้งลงกับพื้น“มานา...”หญิงสาวสบตากับทั้งสองแล้วยกมือจับแก้มคนทั้งคู่ เพียงสัมผัสอเล็กซิสกลับรู้สึกสบายตัว อากาศปวดตามตัวและที่หน่วงอยู่ในท้องก็อันตรธานหายไปทันใด เมื่อเธอมองไมเคิลจึงเห็นว่าบาดแผลบนใบหน้

  • Undisclosure    ไม่มีการต่อรอง

    “เหลืออีกยี่สิบนาที”สิ่งที่อเล็กซิสเกลียดที่สุดคือการไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น แม้เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ลักพาตัว แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวการเป็นใคร ทั้งสองยืนมองนักวิทยาศาสตร์วิ่งหนีออกจากตึกจากบานหน้ากระจกขนาดใหญ่บนชั้นลอยเปิดสู่โถงด้านล่าง ประตูทางออกนั้นไม่ได้เปิดออกไปแล้วเห็นด้านนอก แต่ไปยังลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบน โถงด้านล่างกินพื้นที่ถึงห้าชั้น มันกว้างใหญ่ พวกเขาวิ่งหนีขึ้นลิฟต์ บ้างแย่งกัน แต่เพราะจำนวนมีจำกัดจึงไม่อาจขนส่งคนออกไปได้ทันทีแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่าทั้งหมดอยู่ใต้ดินขณะนั้นไมเคิลปรายตามองทีมรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่ได้สวมชุดทหารสีเทาแต่เป็นสีน้ำตาล ในมือถือปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่เล็งมาแต่ยังไม่ได้ยิง หรือพูดไม่ถูกคือไม่กล้ายิงเพราะกลัวผลโต้ตอบที่รุนแรงกว่า อีกกลุ่มคอยอพยพและจัดระเบียบ พวกเขามองขึ้นมาอย่างหวาดผวา ส่วนเธอกับไมเคิลมองลงไปด้วยสายตาว่างเปล่า“ปล่อยไปเถอะ เราต้องการเพียงมานา”อเล็กซิสไม่ได้ใจดี เธอแค่ไม่อยากเสียเวลาไมเคิลพยักหน้าแต่สายตายังจับจ้อง

  • Undisclosure    ทำลาย

    แม้สายตาจะคอยชำเลืองมองแฝดที่ยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าประตูรอให้พวกมันเข้ามา อเล็กซิสใช้เวลานี้เรียกข้อมูลขึ้นมาเรื่อย ๆ นอกจากจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพวกเขาแล้ว พวกมันต้องการเซลล์ไข่ของเธอและสเปิร์มของแฝดเพื่อผสมเทียม สมมติฐานของคนพวกนี้นั่นคือ เธอและไมเคิลเป็นกลุ่มเสี่ยงคู่เดียวที่สามารถให้กำเนิดทายาทที่มีลักษณะพิเศษได้ เหมือนอย่างที่ลูก้าและเจมม่าเคยให้กำเนิดคนทั้งสอง เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงคนอื่นล้วนมีภาวะมีบุตรยากหรืออาจจะถึงขนาดไร้ประสิทธิภาพที่จะมีทายาทเลยก็ว่าได้เพื่ออะไร ผลิต...ผลิตกองทัพผู้มีพลังพิเศษด้วยตัวเองหรือปัญหาคือ เธออยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง เอไลโตทั้งหมด หรือบางคน? ที่แน่ ๆ พวกมันใช้คาเรลที่สมควรถูกประหารชีวิตไปแล้วปลอมตัวเป็นไมเคิลมากหลอกเธอเสียงฝีเท้ามากมายมาเป็นโขยงโดยที่แฝดชายยืนรออยู่ อเล็กซิสถอยห่างจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“อยู่เฉย ๆ” คนข้างนอกตะโกนเข้ามา “อย่าขยับไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องยิง!”ชายหนุ่มผมเงินหัวเราะดูแคลนคนข้างนอก พริบตาเดียวเปลวเพลิงลุกโถมเข้าใส่ประตูด้านหน้า ทีมรักษาความป

  • Undisclosure    ละเลงเลือด

    ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้งพร้อมกับสภาพเครื่องมือล้มระเนระนาด รวมทั้งจานที่บรรจุเซลล์ไข่แตกละเอียด เพียงเธอมอง ของเหลวในนั้นแห้งเหือดตรงมุมขวาของห้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ อเล็กซิสยกมือขึ้นทำท่าบิด มันแตกแล้วตกลงมา เพียงเท่านั้นเธอรีบลุกออกจากเตียงเพื่อไปหาไมเคิล แต่เพียงขยับก็เจ็บหน่วงที่ท้อง สุดท้ายกลั้นใจหยิบผ้าคลุมมาพันตัวแล้วเดินไปหาน้องชาย มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่แปลบ ๆ หน่วง ๆ เหมือนเวลาที่เธอเคยมีประจำเดือน“ไมเคิล” เธอจับแก้มที่มีแผลไหม้แล้วสงสารจับใจ ใบหน้าของเขาคือของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครก็อยากจะถนอมดูแล แล้วดูตอนนี้สิ อเล็กซิสดึงเครื่องรัดออกแล้วสวมกอดคนที่นอนอยู่แน่นเพื่อให้เขาฟื้นตัว “ไมเคิล ตื่นสิ ไมเคิล”ชายหนุ่มส่งเสียงครางอือ ๆ เบา ๆ เธอถอนตัวขึ้นมาเพื่อรอให้เขาฟื้น เขาเริ่มขยับริมฝีปาก “รอ...”“ไม่ต้องรอ” เธอบอกพลางกุมมือเขาแน่น น้ำตาเอ่อขึ้นมาเมื่อมองแฝดชายราวกับเห็นร่างของซีโน่ที่กำลังจะตาย “ตื่นขึ้นมา ฉันจะปกป้องนายเอง”เขากะพริบตาก่อนจะลืมตามอง ดวงตาสีฟ้าเข้มสบกับของเ

  • Undisclosure    แหกคุก

    มีกี่เรื่องที่ทำให้คนเราฝันร้าย แต่เมื่อตื่นเหมือนกับโผล่ขึ้นผิวน้ำปีศาจในความทรงจำล้วนมีมากหน้าหลายตา และกลุ่มแรกมีชื่อว่าคาเมรอนกับบรูซ ยังดีที่โชคยังเข้าข้าง ต่างกับตอนนี้ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือปีศาจใต้หน้ากาก หมดสิ้นอิสรภาพโดยสิ้นเชิงสติไปไหน เหตุใดจึงรู้สึกล่องลอย บางครั้งตื่นตัว บางครั้งไม่รู้สึกมันมากันเป็นกลุ่ม จับร่างของอเล็กซิสขึงเพื่อเอาบางสิ่งจากกาย หากขัดขืนดิ้นรนก็จะได้รับความเจ็บปวดสาหัสจนไม่อาจขยับได้ไปหลายนาที คงเป็นเพราะกายหยาบนี้ทนทานต่อยาสลบจึงตื่นเร็วเกินไป แต่ต่อให้ทนได้เพียงใดก็ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาเสียงกรีดร้องอ้อนวอนขอให้พวกมันหยุดไม่เป็นผล แม้เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการก็ยังไม่ปล่อยอเล็กซิสกับไมเคิลไป พวกมันเอาขาหยั่งออกแล้วปล่อยให้ขาเธอนอนเหยียดยาวโดยมีเครื่องล็อกตรึงไว้ไม่ให้ขยับ“พวกแกต้องชดใช้” เสียงที่ตะโกนออกไปกลั่นออกมาจากความแค้นที่อยู่ลึกสุด แต่กลับฟังดูอ่อนแอเกินกว่าจะขู่ให้ผู้ใดกลัว ตรงกันข้ามกลับเรียกเสียงหัวเราะขำขันแทนเธอหันไปมอง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status