LOGINช่วงเวลาประมาณเกือบ 20:00 น รถสปอร์ตสุดหรูขับออกไปที่คอนโด ไม่นานก็มาจอดที่หน้าคอนโดราคาประหยัดที่ใครหลายคนชอบกัน มินนี่เธอพักอาศัยอยู่ที่นี่
เสียงเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตสีดำเงาวับดังขึ้นเบา ๆ ท่ามกลางแสงไฟหน้าตึก เอสในชุดสูทเรียบเนี้ยบลงจากรถอย่างสง่างาม ขณะสายตากำลังจ้องไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินออกมาจากตัวตึก แล้วเธอก็ปรากฏตัว... แสงไฟจากทางเข้าสะท้อนลงบนผิวขาวเนียนละเอียดของหญิงสาวในชุดเดรสสีงาช้าง เธอเดินมาอย่างมั่นใจด้วยส้นสูงเรียวบาง ใบหน้าสวยคมทรงเสน่ห์ ดวงตากลมโตเปล่งประกายเหมือนมีดวงดาวซุกซ่อนอยู่ในนั้น ริมฝีปากระเรื่อคลี่ยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ ทว่าเพียงเท่านั้นก็เพียงพอจะทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว “มองนานขนาดนี้ จะไม่เปิดประตูใหฉันหน่อยเหรอคะ?” เธอเอียงคอถามด้วยน้ำเสียงเจือหยอก กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของเธอลอยมากระทบจมูกเขาเมื่อเข้าใกล้ เขายิ้ม ราวกับลืมวิธีหายใจไปชั่วขณะ ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้เธอด้วยความสุภาพ “สวยจนพี่เผลอมองเพลินไปหน่อย” เธอหัวเราะเบา ๆ แล้วก้าวขึ้นรถ ทิ้งกลิ่นหอมและรอยยิ้มละมุนไว้ให้เขาได้เก็บไปฝันต่อขณะบรรจงปิดประตู ในคืนนั้น ดวงจันทร์ยังไม่สว่างเท่าสายตาเขาที่มองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อเขาเข้ามานั่งฟังคนขับก็หันไปมองเธอที่หน้าแดงและเรือเพราะอากาศร้อนหรือเปล่านะ “ขอบคุณที่ชมค่ะ” เธอไม่พูดเปล่าโน้มตัวไปจุ๊บแก้มเขาเบาๆ ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่คนที่ทำให้มันเป็นแบบนั้นเอาแต่ยิ้มกลบเกลื่อน เอสขับรถออกไปที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่นี่จองยากมากเขาก็ใช้เวลานานพอสมควร ถ้าเศรษฐีระดับเขาคงไม่ยากอะไร แต่ใครจะเชื่อว่าเขาเป็นเศรษฐีล่ะ มาถึงร้านอาหาร สุภาพบุรุษอย่างเขาก็เปิดประตูรถให้เธอทั้งสองเดินเข้าไปในร้านพร้อมกัน มินนี่ควงแขนของเขาเดินเข้าร้าน ทำเอาสายตาจับจ้องมาที่เธอ โดยเฉพาะหนุ่มๆ สายตาทุกคนหยุดอยู่ที่เธอ ทุกการเคลื่อนไหวกลายเป็นจุดสนใจ เอสใช้มือประคองเอวบางของเธอเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของเขาไม่อยากให้คนอื่นมองเธออย่างมีความหวัง มินนี่ได้แต่ยิ้มเขินอายไม่มีท่าทีอะไร กลับรู้สึกดี อย่างน้อยก็รู้ว่ารุ่นพี่คนนี้ห่วงเธอมากแค่ไหน ถ้าห่วงในสถานะคนรักก็คงดีสิ “ตามสบายเลยนะวันนี้พี่เลี้ยงเอง” เอสหยิบเมนูอาหารให้เธอเป็นคนสั่งตามใจ “ขอบคุณค่ะ...” มินนี่ยิ้มบางๆให้ก่อนจะหยิบเมนูมาเลือกดู เธอคิดเอาไว้แล้วว่าราคาอาหารคงแพงน่าดูแต่ละรายการหลักหมื่นทั้งนั้น เธอรู้สึกเกรงใจไม่น้อยก็รู้อยู่ว่าเขารวย แต่ก็ยังรู้สึกแบบนั้น “ทำไมล่ะ...ไม่ชอบหรอ” สีหน้าของเธอดูไม่ดีเอาซะเลย เธอไม่ชอบหรือเปล่า เอสไม่แน่ใจ วันนี้เขาอยากเลี้ยงเธอจริง ๆ เมื่อก่อนพาไปแต่ร้านข้างทาง เพราะต้องประหยัดเงินพาผู้หญิงแพศยาคนนั้นไปกินของแพง ๆ คิดแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองโง่จริง ๆ “ชอบค่ะแต่มันแพง...” เธอตอบเขาเสียงเบา คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม เธอไม่กล้าสั่งด้วยซ้ำ เอสยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ เธอยังคงเป็นคนเดิมที่คิดถึงเขาตลอด เขาตอนนี้จ่ายได้สบาย เพราะมีระบบ ตอนนี้ยังอัพเดทไม่เสร็จด้วยสิ “พี่จ่ายไหว...เลี้ยงมินนี่ทั้งชีวิตก็ยังได้” มินนี่หน้าแดงแจ๋รีบหันไปหยิบน้ำเปล่ามามาจิบแก้เขินไปพลาง ๆ “หนูกินเยอะนะพี่เลี้ยงไหวหรอ” “ไหวสิ...จะขุนให้อ้วนเลย” ชายหนุ่มตรงหน้าของเธอพูดด้วยรอยยิ้ม ยิ่งทำให้เขาดูดีขึ้น คำหวานพวกนี้ทำให้เธอเขินแทบไม่ไหว พูดแบบนี้จะจีบหรือไงเนี่ย “ขอบคุณค่ะ...อย่าลืมเลี้ยงนะ” เธอเอาเมนูมาบังหน้าไม่กล้าสบตาเขาในตอนนี้ เธอไม่คิดว่าคนที่เธอชอบเมื่อตอนนั้น ทั้งที่เขาไม่สนใจเธอเลยแต่วันนี้กลับมาจีบเธอ ไม่รู้สึกดีก็บ้าแล้ว แต่ว่า...เขาจะมีแค่เธอคนเดียวหรือเปล่า เขาเป็นคนรวยมีตัวเลือกมากมาย จะสนใจผู้หญิงจน ๆ อย่างเธอได้ไง สำหรับเธอแล้วขอแค่ได้อยู่ข้าง ๆ ก็พอ อาหารวันนี้อร่อยมากเป็นครั้งแรกของเขาเหมือนกันที่ได้กินของดีๆ สมราคาจริงๆ มินนี่เองก็ดูมีความสุขเธอยิ้มจนใจละลายหมดแล้ว ริมฝีปากอมชมพูชุ่มฉ่ำยิ่งทำให้เขาแทบจะอดใจไม่ไหว บรรยากาศแสงไฟสลัวกระทบกับแก้มนวลของเธอราวกับว่านี่เป็นโอกาสแสดงความโรแมนติก ‘ฉันคงบ้าไปแล้วแน่ๆ คิดอะไรลามกจริงๆ” เมื่อเห็นเธออิ่มแล้วเขาจึงถามตามมารยาท “อิ่มแล้วใช่ไหม...กลับเลยหรือเปล่า” “จะกลับเลยเหรอคะ?” หมายความว่าไง หรือว่าไม่ควรกลับตอนนี้แบบนี้ก็คิดหนักสิเรา ไม่ค่อยไม่ออกมาทำอะไรแบบนี้ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปต่อไหนดี “มีที่อยากไปหรือเปล่าเดี๋ยวพี่พาไป” คำถามนี้ทำเอามินนี่ใจเต้นตึกตัก เธอคิดอะไรไม่ออกนอกเสียจากที่เดียวที่อยากไปกับเขา ‘โรงแรม’ ถ้าเธอตอบแบบนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองเป็นคนง่าย ไม่ได้ ๆ “ไปดื่มสักหน่อยไหมคะ มีที่บรรยากาศดี ๆ ดื่มเบา ๆอยู่นะพี่อยากไปหรือเปล่า” “ได้สิ...พี่ตามใจเราอยู่แล้ว” ทำไมหัวใจกำลังพองโตในค่ำคืนนี้กันนะ เธอไม่ใช่แฟนเขาซะหน่อยจะไปรู้สึกดีทำไม คิดอะไรเกินเลยไปแล้วนะเรา มินนี่ตบหน้าตัวเองในใจ เมื่อจ่ายเงินเสร็จทั้งสองก็ออกมาพร้อมกัน รถสปอร์ตสุดหรูวิ่งตรงไปผับแห่งหนึ่งที่นี่บรรยากาศไม่ครึกครื้นเกินไปมีส่วนนั่งเงียบๆจิบไวน์เบาๆ ทั้งสองเข้ามานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ มินนี่เป็นคนสั่งไวน์ราคาย่อมเยาที่สุดของที่นี่มา พอเอสได้ยินก็ยิ้มออก เธอยังคงประหยัดให้เขาอยู่ “เอาไวน์ที่ดีที่สุดของที่นี่มาเลยครับ” เขาพูดพลางหยิบการ์ดสีดำด้านให้บริกรหนุ่ม พอเห็นบัตรธนาคารของเขา บริการหนุ่มก็รีบนำไวน์ชั้นเลิศมาให้ทั้งสองคน “มาทั้งทีก็ต้องดื่มไวน์ชั้นเยี่ยมสิ...วันนี้ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ...บอกแล้วว่าเลี้ยงได้” “ตามใจพี่เลยค่ะ...” ท่ามกลางแสงไฟสลัวเธอยังคงโดดเด่นในสายตาของหนุ่มๆ ไหนจะแผ่นหลังขาวเนียนที่โชว์ต่อสายตาของทุกคนทำให้เอสรู้สึกหวงเอามากๆ เขาลุกขึ้นถอดชุดสูทตัวนอกออกมาคลุมไหล่ให้เธอ “ขอบคุณค่ะ...พี่เอสโรแมนติกจังเลย” “ไม่เป็นไรพี่ไม่อยากให้คนอื่นมอง” มินนี่หน้าแดงจนจะกลายเป็นพริกสุกไปแล้ว แบบนี้ไม่ให้เธอคิดได้ยังไงว่าเขามีใจ งั้นคืนนี้ก็ต้องมาพิสูจน์กันว่าเขาจะเป็นพี่ของเธอที่จะเป็นสามีในอนาคตกันแน่ บริกรค่อย ๆ รินไวน์ลงในขวดแก้วทรงสูงอย่างพิถีพิถัน ให้ทั้งสองคนได้ชิมเพื่อยืนยันรสชาติของไวน์ขวดนี้ เอสซิมไวน์ตามขั้นตอน รสชาติดีมาก ก่อนจะหันไปถามมินนี่ว่าเธอรู้สึกอย่างไร “รสชาติดีมากค่ะ” บริกรจึงรินให้อีกแก้วเพื่อยืนยันว่ารสชาติไวน์แก้วนี้ไม่ผิดเพี้ยน เมื่อทั้งสองการันตีรสชาติจากแก้วที่สอง บริกรหนุ่มจึงรินให้เยอะกว่าเดิม มินนี่ยกแก้วมาชนพร้อมกับสีหน้าแดงระเรื่อเพราะดื่มไปเยอะ ก่อนจะเอนตัวลงมาพิงไหล่กว้างของเอสที่นั่งข้าง ๆ “เมาแล้วเหรอ...เมื่อก่อนดื่มไม่เก่งใช่ไหม” เธอคงจะเมาถึงทำแบบนี้ เมื่อก่อนเธอก็ดื่มไม่เก่งด้วยสิ แต่ตอนนี้ทำไมสีหน้าแดงระเรื่อ ปากเล็กอมชมพู ดวงตาเป็นประกายแวววับของเธอน่าดึงดูดจริง ๆ “เมาแล้วค่ะ...ไปส่งหน่อย” เสียงอ้อนของเธอทำให้เอาใจเต้นแรง ตอนนี้เขาไม่ปฎิเสธว่าต้องการเธอมาก ยิ่งเห็นหน้าเย้ายวนของเธอยิ่งแทบจะอดใจไม่ไหว “ได้สิ...ไปกันเถอะ” เขาประคองเธอเดินออกไป ทำให้มินนี่เกาะแขนเขาเอาไว้ แขนขวาสัมผัสกับเนื้อนุ่มขนาดเกินมาตรฐานของเธอราวกับว่าเป็นความต้องการของมินนี่เอง พอขึ้นมาบนรถเอสอยากรู้ว่าตอนนี้เธอโสดหรือเปล่า “เธอ...มีแฟนหรือเปล่า” ก่อนอื่นก็ถามให้แน่ใจ “ไม่มีค่ะ...แล้วพี่อยากเป็นแฟนฉันไหม” เธอไม่พูดเปล่าเอาหน้ามาแนบอกเขา นี้คงเป็นสัญญาณใช่ไหม? เอสไม่คิดอีกแล้ว ประคองศีรษะของเธอให้รับริมฝีปากของเขา สัมผัสหวานฉ่ำยากจะถอนออกมา ริมฝีปากของเธอดึงดูดจนเขาไม่สามารถหยุดได้ มินนี่ร้องครางเบา ๆ ในลำคอเพราะรู้สึกดีมาก จูบนี้เธอรอมานาน ทั้งสองผละออกจากกันเมื่อถึงจุดหนึ่ง เมื่อดวงตาประสานก็พอรู้ว่าเธอต้องการอะไร เอสขับรถออกไปที่คอนโดของเธอ พร้อมกับถูกมินนี่ทำให้เสียวจนแทบจะแตกตลอดทาง “รอก่อนเถอะ ถึงห้องเมื่อไหร่พี่จะลงโทษเธอเอง” เอสพูดเสียงแหบพร่า เพราะอารมณ์กำลังได้ที่ “ใครกลัวพี่ อยากทำอะไรก็เอาสิ” “ดูสีหน้ายั่วยวน กับคำพูดท้าทายนั่นสิ ถ้าวันนี้ไม่ให้เธอร้องขอชีวิต อย่าเรียกพี่ว่าลูกผู้ชายเลย”"อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยเหลือประเทศ หรือเห็นแค่กำไรเหมือนบางคนพูด เพราะมีแค่ทางนี้ที่พอเป็นไปได้"เอสพูดน้ำเสียงหนักแน่น ตรงไปตรงมาที่สุด พร้อมกับหันมาส่งสายตามองยาหยีเธอกำลังจะตอบกลับ แต่ถูกบิดาห้ามเอาไว้ก่อน คราวนี้เธอยอมเชื่อฟัง แล้วส่งสายตาไม่พอใจใส่เอส'ก็แค่พวกเห็นแก่ตัว จะหวังดีอะไร'เอสนั่งรอคำตอบจากทั้งสองคนที่กำลังปรึกษากัน แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่ง่าย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เขากู้เงินไปทำการวิจัย แต่เพราะระบบห้ามณัทพงศ์ครุ่นคิดเงียบ ๆ เขาจะสามารถไว้ใจคนอื่นได้เหรอ เพราะแม้แต่ในหน่วยงานรัฐยังมีคนของพวกนั้นแฝงตัวอยู่ ถ้าหากสิ่งที่กำลังจะผลิตหลุดออกไป พวกนั้นคงรู้ตัว และลงมือจัดการเสียก่อน'จะทำไงดี...ไม่มีทางอื่นอีกเหรอ'"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันคงต้องปรึกษากันก่อน แล้วจึงให้คำตอบนะ"เข้าดูลังเลจริง ๆ เพราะยังไม่ไว้ใจเอส จึงอยากขอเวลาคิดอีกหน่อย"ได้ครับ...ผมยินดีช่วย""ขอบคุณมาก มีคนแบบนะเธอประเทศชาติคงพัฒนาไปอีกระดับแน่"เอสยิ้มตอบก่อนจะขอตัวกลับ พร้อมอเล็กซ์ที่เดินออกมา ทว่าก่อนจะออกจากบ้าน ทั้งสองต้องหยุดเท้าที่จะเดินไปข้างหน้า เพราะสาวสวยเดินมาขวา
ทหารติดอาวุธพอเห็นหน้าทั้งสองก็เหมือนจะรู้จักอเล็กซ์ พวกเขาไม่ได้ห้าม พร้อมกับเปิดประตูให้ทั้งสองเข้าไปข้างใน ก่อนจะปิดประตูไว้เหมือนเดิมเอสมองรอบห้องโถงขนาดใหญ่ ราวกับพระราชวัง ทุกซอกทุกมุมตกแต่งด้วยของเก่า ทำให้ได้กลิ่นบรรยากาศของยุคนั้น เอสสะดุดกับชุดโซฟาตรงกลางชุดโซฟาดูไม่ธรรมดา มีลวดลาย และดีไซน์สวยงาม เข้ากับการตกแต่งห้อง และคนสองคนที่นั่งอยู่ ทำให้เอสประหม่าเล็กน้อย"มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ" ชายวัยหกสิบกว่า รูปร่างกำยำเอ่ยปากเชิญ"สวัสดีครับ"ทั้งสองคนกล่าวทักทายอย่างนอบน้อม ก่อนจะนั่งลงช้า ๆ ด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะเอส ที่เพิ่งเคยเจอคนใหญ่คนโตของประเทศ ทำให้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รนรานมาก"นี่คือ...คนที่พูดถึงเหรอ"ชายคนนั้นถามขึ้น พร้อมกับสายตาที่มองสำรวจเอส เขาดูตกใจไม่น้อย หลังจากสืบข้อมูลของเขา จากคนที่ล้มเหลวที่สุด กลายเป็นคนที่รวยเทียบเท่ามหาเศรษฐี ในเวลาไม่ถึงเดือน ทำให้นายทหารทึ่งในตัวเขามาก'เบื้องหลังของคุณคืออะไรกันนะ คนที่ฉันไม่สามารถตรวจสอบได้เลยเหรอ'ประธานใหญ่ BKAS หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะแนะนำตัวให้ทั้งสองคนรู้จัก คนที่ถามก่อนหน้า คือผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ในระหว่างที่งานเลี้ยงกำลังดำเนินไป อย่างครื้นเครงแม้ว่าบริษัทซัพพลายเออร์หลายแห่งจะทยอยกลับ แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังอยู่ แต่น้อยจนนับนิ้วได้ทำให้สีหน้าของวิโรจน์ไม่ค่อยพอใจ เพราะแบบนี้บริษัทจะไปรอดยังไง แต่ในสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว นอกจากเตรียมตัวปรับโครงสร้าง และ ประธานใหญ่ไม่ใช่เขา แต่คือตัวแทนบริษัท BBOSSพนิดาเดินมานั่งพัก หลังจากทักทาย และสานสัมพันธ์กับแขกในงาน เธอดื่มไปเยอะจนแก้มแดงทั้งสองข้าง"หึ...แกคงพอใจสินะ บริษัทกำลังจะจมลงเหวแบบนี้ พวกแกจะทำให้บริษัทพังไม่เป็นท่า"อนันต์นั่งอยู่ข้างวิโรจน์ ที่ยังนั่งอยู่ กับหลานชาย และคนอื่นที่ยอมรับความจริงไม่ได้ พวกเขาไม่อยากกลับไป เพราะไม่สามารถข่มตาหลับลงได้"ทำไมคุณลุงพูดแบบนั้นละคะ การปรับโครงสร้างเป็นวิธีบริหารแบบสากล มีความโปร่งใส และ ทำให้บริษัทก้าวหน้ากว่าเดิม นี่ถึงจะเป็นประโยชน์ของบริษัท"'ทำไมยังไม่เข้าใจ หรือไม่อยากเสียผลประโยชน์ที่เคยได้ มากกว่าเงินปันผลเหรอ'พนิดาตอบกลับ พร้อมสีหน้าสงสัยในตัวของลุง เธอไม่เคยเห็นเขาคิดเพื่อบริษัทสักครั้ง คิดแต่จะทำยังไงให้ได้เงินเข้ากระเป๋ามากขึ้นพอเธอพูดแบบนั้นยิ่งท
"เรื่องนี้พิสูจน์ง่ายมาก ใช่ไหม" เอสหันไปพูดกับอเล็กซ์"หมายความว่าไง ก็เห็นชัดว่าแกทำธุรกิจสีเทา หรือไม่ก็แกล้งรวยยังไง" มังกรอดไม่ได้รีบตอบเอสยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหยิบบัตรธนาคารสีดำด้านขึ้นมา เขาวางไว้บนโต๊ะ และดึงดูดความสนใจไม่น้อย พวกเขาอยู่ในวงการธุรกิจมานาน ย่อมรู้ดีว่าบัตรธนาคารที่ใช้ หมายถึงอำนาจทางการเงินของคนนั้น"เอาบัตรธนาคารกระจอกมาทำไม หรือจะบอกว่าแกรวยเพราะมีมันเหรอ" มังกรพูดเสียงดังในขณะที่คนอื่นเงียบกริบ แม้แต่ภัทรกับวิโรจน์ยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร"หุบปากก่อนไอ้ลูกเวร นั่งลง" อนันต์ตวาดด่าลูกชายที่โง่จนมองไม่ออกประธานใหญ่คนอื่น ๆ ต่างจับจ้องที่บัตรธนาคารของเอส แค่เห็นชื่อของธนาคารพวกเขาก็เหงื่อตก รู้โล่งที่ไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้แต่พอมองดูวิโรจน์ที่ปากดีตั้งแต่ต้น ดูถูกเขาทุกอย่าง ก็ทำให้พวกนั้นยิ้มเยาะ คราวนี้บริษัท F&M คงได้เปลี่ยนมือแล้วละ"คุณอเล็กซ์...เกิดอะไรขึ้นทำไมถึง..." ภัทรพูดติดขัด รู้สึกงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น"อ่อ...เขาเป็นลูกค้าวีวีไอพีของเรานะครับ คงสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขารวยจริง"ทุกคนอ้าปากค้างกับคำว่าวีวีไอพี ลูกค้าที่มีเงินในบัญชีแสนล้านขึ้นไปวิโรจ
"ได้...เรามาเริ่มกันดีกว่า พวกคุณบอกว่าผมไม่รวยจริง และ ไม่ได้เป็นตัวแทนของบริษัท BBOSS คุณทุกคนก็พิสูจน์ได้เลย" เอสพูดยืดยาว"แน่นอน พวกเรามีเบอร์ติดต่อของบริษัท BBOSS แค่โทรไปก็รู้แล้ว" ภัทรหยิบมือถือขึ้นมา"คราวนี้แกจะแก้ตัวยังไง ก็หนีไม่รอดหรอก" อนันต์กัดฟันพูด พร้อมกำหมัดขว่าแน่น"เตรียมตัวได้เลย รปภ รีบไปคุมตัวเขาไว้ก่อน เดี๋ยวพอถึงเวลาแล้วจะหนีไปได้" มังกรยิ้มมุมปาก แววตาแฝงไปด้วยแผนการพนิดานั่งฟังอย่างใจเย็น แต่ถึงขั้นนี้เธอคิดว่าเกินไป"หยุดนะ...เขายังไม่ผิดพวกคุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไร"รปภ ร่างกำยำสามคนหยุดนิ่ง เพราะไม่กล้าขัดคำสั่ง ตอนนี้จึงรอให้ผู้มีอำนาจตัดสินกันเองค่อยลงมือตาม"เธอกล้าดียังไง คิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอ หลังจบเรื่องนี้เธอต้องถูกทำโทษแน่ ใช่ไหมครับคุณภัทร"อนันต์ตะคอกใส่ ไม่ไว้หน้าประธานเลยสักนิด ก่อนจะหันไปส่งรอยยิ้มให้ภัทร เพราะรู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรกับ หลานสาวตน"ฉันจะจัดการเธอทีหลัง ตอนนี้จับตัวมันไว้ได้แล้ว"รปภ รับคำสังจึงเดินเข้าไปหาเอส แต่พวกเขาก็ต้องหยุดทันทีที่ได้ยินเสียงของอเล็กซ์"พวกคุณไม่ให้เกียรติผมเลยนะครับ อยู่ต่อหน้าผมยังทำตัวแบบนี้ได้เหรอ" เขาพู
"คุณอเล็กซ์ครับ ผมขอยืมเงินคุณได้ไหม พอดีอยากเอาไปพนันเล่นนิดหน่อย" เอสหันไปพูดกับอเล็กซ์อเล็กซ์อดขำในใจ คนที่มีเงินเยอะกว่าเขาเนี่ยนะ จะมาขอยืมเงิน แต่ถึงยังไงก็ต้องเล่นไปตามน้ำ เรื่องสนุกต่อจากนี้ต่างหาก"ได้สิ ผมจะรับประกันเอง อยากรู้ว่าเขาจะจัดการยังไง ถ้าความจริงถูกเปิดเผย""ขอบคุณ...ได้ยินแล้วใช่ไหม"ทั้งสามคนยิ้มเยาะก่อนจะกันมาหาอเล็กซ์ พวกเขาไม่คิดว่าเอาจะถูกช่วยไว้ เพราะภัทรอยากให้เอาเดิมพันชีวิต เขาจะได้ทรมานให้สาสมที่กล้ามาขวางทาง"เอ่อ...ผมว่าไม่ต้องถึงมือคุณอเล็กซ์ก็ได้ครับ เอาอย่างนี้เดิมพันชีวิตของนาย" มังกรหันไปพูดกับเอสในตอนท้าย"ใช่แล้ว ถึงแพ้เขาก็ไม่มีปัญญาจ่าย ให้เขาใช้ชีวิตตัวเองแทนดีกว่า""ได้...ใครกลัว"ทุกอย่างเข้าแผนของพวกเขา ตอนนี้มีอเล็กซ์เป็นพยาน ไม่ว่ายังไงพวกเขาคงคิดว่าชนะร้อยเปอร์เซ็นต์เอสนั่งเผชิญหน้ากับทั้งสามคน โดยมีคนอื่น ๆ ที่มีหน้ามีตาในวงการธุรกิจ นั่งเป็นพยานด้วย อย่างเช่น อเล็กซ์ กับประธานใหญ่บริษัทอื่นจากการสังเกตพวกเขา มานานเอาจึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งหมดเป็นเพราะนิสัย และ สันดานเดิมคล้ายกัน ไม่ว่าใครก็เลวพอกัน ต







