3
ลงทัณฑ์เด็กดื้อ
ขึ้นชื่อว่าทะเล กิจกรรมที่ให้ทำก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการล่องเรือ เล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการัง กินอาหารทะเล หรือชมพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตก
แผนการท่องเที่ยวของอบอุ่นก็ไม่มีอะไรพิเศษไปจากนั้น เขาเพียงจอง One-day trip สำหรับล่องเรือชมเกาะเล็กๆ ทั้งสามเกาะ และดำน้ำชมปะการังเท่านั้น เป็นกิจกรรมที่เรียกได้ว่า หากจะเอาไปรีวิวก็ดูจะธรรมดาเกินไป แต่ด้วยคอนเซ็ปของ vlog คือท่องเที่ยวพักผ่อน ไม่ได้ตะบี้ตะบันสรรหาแหล่งท่องเที่ยวลับๆ หรือสถานที่ที่มันหายากอะไร เขาเลยไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ โชคก้อนใหญ่ก็หล่นลงตรงหน้า
ระหว่างที่กำลังกินอาหารเที่ยงบนเรือเฟอร์รี่กันอยู่ พวกเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการฝ่ายมาร์เก็ตติ้งของโรงแรม พร้อมกับข่าวดีน่าเหลือเชื่อมากมาย ทำเอารีบตอบรับไปอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น เพิ่งมานึกถึงปัญหาอื่นๆ ได้ก็เอาเมื่อวางสายไปแล้ว
“ซาน เราลืมไปว่าเราอยู่ต่อไม่ได้อ่ะ มะรืนนี้ต้องไปค่ายอาสาของคณะวิศวะด้วยสิ”
ถึงช่วงนี้จะปิดเทอมอยู่ก็จริง แต่แน่นอนว่านักกิจกรรมอย่างอบอุ่นไม่เคยปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์ ถึงแม้เขาจะเรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ แต่เพราะปีก่อนได้เคยเข้าร่วมค่ายอาสาของคณะวิศวะ ทำให้เกิดความสนิทสนมกัน จนนัดกันว่าจะเข้าร่วมค่ายอาสาอีกครั้งในปีนี้
“จะยกเลิกก็ได้นะ... แต่โคตรเสียดายที่พักฟรีเลย”
“เราก็ได้เที่ยวกันเต็มอิ่มแล้วนี่”
“เปล่า เราหมายถึงแพ็คเกจที่พัก 3 วัน 2 คืนที่ใช้ได้ตลอดปีต่างหาก อดมากับเมีย เอ๊ย แฟนเลย เฮ้อ...”
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” อบอุ่นด่าซานแบบซอฟต์ๆ ไปหนึ่งที ก่อนจะคิดไอเดียอะไรได้ “งั้นแกคอยอยู่ทำรีวิวคนเดียวได้มั้ย ส่วนเราจะอยู่ด้วยถึงพรุ่งนี้เย็นๆ”
“จะให้ตัดต่อเอาแต่คลิปวิวธรรมดาๆ ไปลงหรือไง ขาดมึงไปมันจะใช่ vlog ของ ‘น้องอบ’ มั้ย หัดคิดซะหน่อยดิวะ”
“แล้วจะเอายังไงล่ะวะ!?”
“โทรกลับไปถามผู้จัดการดิ เราว่าเขาต้องหาทางช่วยได้แหละน่า”
บรรยากาศริมหาดยามค่ำคืน และลมทะเลคลอไปกับเสียงดนตรีแจ๊สสดๆ โดยวงดนตรีที่ถูกจ้างมา ทำให้ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสบายๆ อดที่จะโยกหัวเบาๆ ไปตามจังหวะเพลงไม่ได้
หลังจากที่อิ่มหนำสำราญกับอาหารทะเลและบาร์บีคิวเรียบร้อยแล้ว อบอุ่นกับซานก็ย้ายมานั่งจิบค็อกเทลเงียบๆ แถวโต๊ะหวายริมชายหาด แต่ไม่รู้ว่าซานไปเข้าห้องน้ำอีท่าไหน ถึงได้หายไปเป็นนานสองนาน จนอบอุ่นเดาว่ามันคงแอบไปเฟซไทม์คุยกระหนุงกระหนิงกับแฟนอยู่แน่ๆ
อบอุ่นมองคลื่นทะเลที่ยังพอเห็นได้เพราะแสงไฟจากเทียนไฟฟ้าสีเหลืองขนาดเล็กๆ ซึ่งกระจายอยู่ตามริมขอบทาง ชวนให้บรรยากาศดูโรแมนติก
ขณะที่กำลังเหม่อลอยดื่มด่ำกับบรรยากาศไปเรื่อยเปื่อย จู่ๆ ก็มีเงาขนาดใหญ่พาดผ่านมาจากทางเบื้องหลัง
...แต่ก่อนที่เขาจะได้เงยหน้าขึ้นไปมอง ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งก็นั่งลงบนเก้าอี้หวายข้างๆ เขาเสียแล้ว
มัดกล้ามและรอยสักที่โผล่ให้เห็นนอกเสื้อเชิ้ตฮาวายทำให้อบอุ่นอดรู้สึกที่จะตื่นเต้นไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกอันผสมปนเประหว่างความทึ่ง อยากสัมผัสกับรอยสักอันน่าตื่นตาตื่นใจนั่น และความหวาดระแวงกับการที่จู่ๆ มีคนที่ไม่รู้จักถือวิสาสะเข้ามานั่งด้วย
อบอุ่นหลุบสายตาจ้องมองแก้วค็อกเทลของตน ก่อนจะแอบเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยังคงนั่งเงียบอยู่ ท่ามกลางแสงสลัว ปรากฏให้เห็นถึงเค้าโครงของลูกครึ่ง สันกรามและทุกอย่างแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของผู้ชายวัยสามสิบกว่าแบบที่เด็กมหาวิทยาลัยอย่างเขาไม่มี
“คงไม่ว่าอะไรที่ฉันนั่งด้วยนะ”
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้ว่าเขามองอยู่ จึงผินหน้าที่มองน้ำทะเลอยู่มาจ้องที่เขาแทน ใบหน้านิ่งขรึม สายตาคมปลาบที่มีประกายประหลาด และการที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นรอง ทำให้ชายร่างเล็กกว่าต้องหลบสายตา แต่ยังคงตอบกลับไปเป็นเชิงไล่
“พอดีว่าเพื่อนผมไปเข้าห้องน้ำอยู่น่ะครับ”
“แต่เก้าอี้มีสามตัว...”
“คุณรู้ได้ไงว่าพวกผมมากันสองคน” อบอุ่นถึงกับตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างลืมตัว
หรือตาลุงนี่จะเป็นพวกโรคจิต
แทนที่อีกฝ่ายจะรีบแก้ตัวหรือแสดงท่าทีลุกลี้ลุกลน เขากลับสบตาเด็กหนุ่มนิ่ง นัยน์ตาส่อประกายแปลกประหลด ชวนให้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจนเผลอตัวอย่างอึดอัด
“ไม่มีอะไรที่ฉันอยากรู้ แล้วไม่รู้หรอกนะ”
เสียงดนตรีที่จู่ๆ ก็เงียบลง เน้นให้ถ้อยคำเหล่านั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น จนอบอุ่นรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในโลกพิศวงโดยดวงตาคู่นั้น ด่ำดิ่งลงไปเรื่อยๆ จนทุกสิ่งรอบกายถูกตัดขาดออกไป
คนๆ นี้คือใครกันแน่
รู้ตัวอีกทีก็เมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่ง และเดินอ้อมมาด้านหลังเก้าอี้ของตนแล้ว
ร่างเล็กรับรู้ได้ถึงร่างใหญ่ที่บดบังแสงไฟจากเบื้องหลังจนหมดสิ้น เหมือนดั่งเขาเป็นเพียงหนูตัวเล็กๆ ในกำมือของอีกฝ่าย
“และไม่มีอะไรที่ฉันอยากได้ แล้วไม่ได้ด้วยสิ” เสียงกระซิบพร้อมกับลมหายใจร้อนที่เป่ารดคออบอุ่น ชวนให้รู้สึกเสียววูบ ใบหูแดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ จนฝ่ายคุกคามรู้สึกเอ็นดู อยากจะขบเม้มติ่งหูแดงๆ นั่นให้แดงก่ำขึ้นไปอีก
“คะ...คุณหมายความว่าไง”
อบอุ่นถามกลับตะกุกตะกัก ย่นคอหนีจากอีกฝ่ายจนใบหน้าแทบจะชิดที่เท้าแขน
“คุณธันวา”
“...”
“เรียกฉันว่า คุณธันวา”
“ไม่” ร่างเล็กเม้มปากแน่นอย่างไม่ยอมคน หนอย... ตาลุงโรคจิต คิดว่าเขาจะอยากรู้จักมักจี่หรือญาติดีด้วยเรอะ!? ฝันไปเถอะ!
“ดื้อเหมือนกันนะเรา” จู่ๆ บรรยากาศมาคุก็เข้าปกคลุม จนอบอุ่นที่ตอนแรกอยากจะลุกหนี รู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนขยับไม่ได้
ธันวาใช้มือทั้งสองข้างกดบ่าเล็กไว้แน่นจนอบอุ่นเริ่มรู้สึกคิดผิดที่ไปหาเรื่องเขา
“...แต่ไม่เป็นไร...” ฝ่ามือหนาสากลากผ่านบ่าเล็กไปยังลำคอที่เกร็งตึงอย่างกลัวๆ จนไปสิ้นสุดด้วยการลูบไล้แผ่วเบาอยู่บนแก้มขวาอันเนียนนุ่ม “เพราะฉันน่ะ...”
“...”
“ชอบกำราบเด็กดื้อเป็นที่สุด...”
ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะบังคับใบหน้าเล็กให้หันกลับมารับการลงทัณฑ์จากริมฝีปากหนา!
ริมฝีปากของคนร่างเล็กกว่าถูกครอบครองโดยอีกฝ่ายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อบอุ่นเบิกตากว้างอย่างตกใจ พยายามจะบิดหน้าหนีจากสัมผัสอันร้อนระอุนั่น แต่ความพยายามกลับเป็นอันต้องล้มเหลว เมื่อธันวาใช้มืออีกข้างบังคับเขาให้ลุกขึ้นยืน และกระชากเข้าหาตัว จนร่างกายส่วนหน้าของทั้งคู่แทบจะแนบสนิทไปทุกส่วน
ใบหน้าเล็กถูกบังคับให้แหงนเงยรับสัมผัสหนักหน่วงอย่างเต็มที่ ลิ้นสากบังคับให้ริมฝีปากสีแดงก่ำเปิดออกเพื่อเข้าไปชิมน้ำหวานได้อย่างถนัดถนี่ อบอุ่นรู้สึกควบคุมตัวเองได้ยากยิ่งขึ้นเมื่อลิ้นร้อนสามารถเข้ามาเกี่ยวกวัดลิ้นหวานได้เป็นผลสำเร็จ
รู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงในการต่อต้าน ได้แต่หลับตา ปล่อยให้ธันวาลิ้มรสความหอมหวานอย่างหื่นกระหาย ความร้อนรุ่มที่จู่ๆ ก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ทำให้อบอุ่นอ่อนระทวยจนต้องเกาะไหล่อีกฝ่ายเพื่อประคองตัวเองไว้ไม่ให้ไหลลงไปกองกับพื้น
ยิ่งธันวาได้ลิ้มรส ดูดดึง และขบเม้มริมฝีปากอันหวานล้ำนานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกต้องการมันมากยิ่งขึ้น ฝ่ามือหนากระชับให้สะโพกเล็กเบียดชิดเข้ามาจนร่างของทั้งสองแทบจะประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่แน่นอนว่ายิ่งทำ ยิ่งเป็นการทรมานตัวเอง ความร้อนผ่าวเริ่มแผ่กระจายจากส่วนล่างไปทั่วร่างกายของเขาภายในชั่วพริบตา จนรู้ตัวอีกที ฝ่ามือก็ล้วงเข้าไปใต้เสื้อยืดอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณดิบเสียแล้ว
สัมผัสเนียนนุ่มยิ่งชวนให้จิตใจของธันวาเตลิดไปไกล เขาอยากจะกระชากเสื้อผ้าอบอุ่นทิ้งซะตรงนี้ แล้วสั่งสอนบทเรียนรักให้ร่างในอ้อมแขน ปลดปล่อยน้ำเชื้อให้ล้นทะลัก นำพาอีกฝ่ายไปสู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่รู้จัก นำไปสู่ความหฤหรรษ์ที่เขาบรรจงสรรสร้างขึ้นเพื่อคนคนนี้โดยเฉพาะ!
ถึงแม้ร่างกายส่วนล่างจะร้อนผ่าว เครียดเขม็งอยากจะปลดปล่อยสักเพียงใด เขาก็ได้แต่ข่มความทรมานนี้ไว้ ใช้ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวลิ้นเล็ก ดูดดึง... ดูดซับความหวานให้มากที่สุด ก่อนจะขบเม้มริมฝีปากบางแรงๆ แล้วจูบซับมุมปากเป็นการส่งท้าย
แรงขบเม้มนั้นทำให้เปลือกตาที่หลับพริ้มอย่างเคลิบเคลิ้มของอบอุ่นเปิดขึ้นอย่างงงงวย ร่างบางหายใจถี่รัวอย่างเหนื่อยหอบ มือเล็กยังคงขยำเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่นเพื่อพยุงตัว
“นี่คือบทลงโทษเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเด็กดื้ออย่างเธอ”
อบอุ่นรวบรวมแรงผละออกมาจากร่างใหญ่ เม้มปากแน่น ทำเอาริมฝีปากบวมช้ำยิ่งแดงก่ำเข้าไปอีก จนฝ่ายตรงข้ามแทบไม่อยากจะปล่อยเขาไป
“แต่ถ้ามีคราวหน้า... มันจะไม่จบแค่นี้หรอกนะ...”
กล่าวจบ ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็เดินจากไป ทิ้งให้คนที่ถูกจู่โจมได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง ไม่สามารถจัดการกับความร้อนผ่าวและหัวใจที่เต้นระรัวจนแทบจะทะลักออกมาจากอกของตนเองได้
27รุกที่ไม่ได้แปลว่ารุก ดินเนอร์บนดาดฟ้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว... ตอนนี้พวกเขากำลังนอนอยู่บนเก้าอี้โซฟาแบบปรับนอนได้แสนนุ่มขนาดใหญ่สำหรับสองคนเพื่อดูดวงดาวที่เริ่มโผล่ออกมาบางส่วน เนื่องจากเลยช่วงหัวค่ำมาสักพักแล้ว ทำให้ออกมานั่งรับลมข้างนอกได้อย่างสบายๆ โดยไม่มีแมลงใดๆ มารบกวน หลังจากที่อบอุ่นขอให้ธันวาเป็นช่างภาพให้ เขาก็รู้สึกเขินนิดหน่อยกับสายตาเป็นประกายเจิดจ้าของธันวาที่จ้องมองมาเหมือนกับกำลังมีความสุข (?) เขาเกือบจะหลบสายตา หาทางเปลี่ยนเรื่องแล้ว หากธันวาไม่ได้ตอบออกมาซะก่อน และแน่นอนว่าเขาตอบตกลง! สิ่งนี้ทำให้อบอุ่นอารมณ์ดีซะจนเอ็นจอยกับการกินอาหารเย็นเป็นพิเศษ ท่าทางที่กินก็ดูเอร็ดอร่อยซะจนธันวาถึงกับแซวว่าเขาควรจะทำวล๊อกเกี่ยวกับการกิน ถ่ายโชว์ตอนเขากำลังกินเหมือนที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่มากกว่า อบอุ่นอยากจะบอกไปซะเหลือเกินว่าเขาเคยทำมาแล้ว แต่อัพลงเฟซบุ๊กส่วนตัว แถมยังเคยไปรีวิวอาหารที่ร้านแล้วอัพลงเพจในเฟซบุ๊กอีกด้วย แต่ไม่บอกดีกว่า... ปล่อยให้เป็นเรื่องหนึ่งที่ธันวาไม่รู้บ้างก็แล้วกัน "ดูสิพี่ เริ่
26เดินหน้าเต็มขั้น หลังจากอาบน้ำ กินข้าวกลางวัน และดื่มน้ำซุปที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นแล้ว ธันวาก็ไล่ให้อบอุ่นไปนอนพักผ่อน ก่อนที่ตัวเองจะขับรถออกจากบ้านหลังนี้ไป ทำให้อบอุ่นที่ใจตุ้มๆ ต่อมๆ ทำตัวไม่ถูกหายใจได้สะดวกขึ้น หากคิดดูจริงๆ แล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกที่อบอุ่นได้อยู่กับธันวาเพียงสองคน ไม่ใช่แค่อยู่ด้วยชั่วครั้งชั่วคราวเพียงไม่กี่ชั่วโมงแบบที่ผ่านๆ มา และยังไม่มีคนที่เขารู้จักอยู่ด้วยกันอีก ถ้าเกิดโดนฆ่าหั่นศพขึ้นมา ก็คงจะไม่มีใครรู้ อบอุ่นที่รู้สึกสร่าง หายเมาเป็นปลิดทิ้ง ได้แต่เดินสำรวจรอบๆ บ้าน บ้านหลังนี้มีเพียงชั้นเดียวก็จริง แต่ตกแต่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นแบบบิ้วท์อิน ทำให้พื้นที่ภายในบ้านดูกว้างขวางแตกต่างจากภาพที่เห็นด้านนอกลิบลับ ไหนจะโทนสีที่ทำให้บ้านดูสว่างไสวและอบอุ่นอีกล่ะ... สมกับเป็นบ้านพักตากอากาศที่ธันวาใช้อาศัยอยู่จริงๆ สิ่งที่ทำให้เขาค่อนข้างโล่งอกก็คือห้องนอนในบ้านมีสองห้อง ห้องที่เขาเข้าไปอาบน้ำเมื่อกี้ห้องหนึ่ง และห้องนอนของธันวาอีกห้องหนึ่ง มันทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาที่อย่างน
25ใจอ่อน หลังจากที่ชาร์จแบตเตอรีมือถือแล้วเจอเข้ากับจำนวนสายที่ติดต่อเข้ามามากมายและสติกเกอร์เหมือนคนสำนึกผิดของธันวา คนที่ยังรู้สึกตื่นไม่ค่อยเต็มตาก็ถึงกับงงตาแตกไปพักใหญ่ ก่อนจะเลื่อนหน้าจอมือถือไปเจอสาเหตุที่เขาก็ลืมมันไปซะสนิท อบอุ่นเกือบจะได้ยิ้มให้กับความน่ารักของสติกเกอร์เหล่านั้นอยู่แล้วเชียว หากไม่เห็นข้อความล่าสุดซะก่อน ไม่เจ้าชู้? ทำไมต้องพิมพ์มาเหมือนกับว่าเขากำลังหึงหวงธันวาอยู่อย่างงั้นล่ะ!? เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย เอ๊ะ หรือว่าจะใช่? แต่แค่ส่งสติกเกอร์โกรธไปเฉยๆ เนี่ยนะ!!? อบอุ่นตบตีกับความคิดในหัวอยู่นาน ก่อนจะปัดมันทิ้งเมื่อโดนท้องส่งเสียงร้องโครกครากบ่งบอกให้รู้ว่าควรลงไปกินอาหารเที่ยงได้แล้ว โชคดีที่หลังจากทำโอทีกันทั้งคืน วันนี้เลยเป็นวันเดย์ออฟ ไม่มีการทำงานใช้แรงงานใดๆ เลยทำให้เขามีเวลาเคลียร์งานวล๊อกและปัญหายุ่งยากต่างๆ สุดท้ายวันเวลาที่เหมือนจะสบายๆ ในค่าย แต่ยุ่งๆ เพราะงานนอกที่ต้องคอยจัดการก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการรบกวนอย่างการส่งไลน์มาสวัสดียามเช้าของธันวาอีก... เรียกว่าไม่
24ว้าวุ่น ซู้ดดดดด~~~ เสียงสูดเส้นบะหมี่ร้อนๆ ดังลั่นห้องอาหารเย็นของโรงแรมแห่งหนึ่งในเครือธนภูดินันท์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากสถานที่พักแรมของค่ายอาสามากนัก ธันวาเท้าคางมองคนที่กำลังนั่งซดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เขาเป็นคนทำให้ ท่าทางจ้วงเอาๆ ของคนหิวโซ ดึงดูดความสนใจของเขาได้เป็นอย่างดี ไม่ยักจะรู้ว่าการมองอบอุ่นกินมันเพลินตาได้ขนาดนี้... หลังจากที่จัดยกที่สองกันเสร็จ เขาก็แกล้งอบอุ่นเล่นนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำอะไรต่อ เพราะสังเกตเห็นถึงความเหนื่อยล้าของอีกฝ่ายเข้า นอกจากนี้เสียงโครกครากที่ดังลั่นออกมาจากกระเพาะของเด็กหนุ่มยังเป็นการยุติสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี สุดท้ายพวกเขาก็ต้องกลับมายังโรงแรมเดิมอีกครั้ง เพื่อที่จะใช้ห้องน้ำส่วนตัว ไม่ใช่ห้องน้ำรวมของผู้ชายที่ล้อมไว้ด้วยสังกะสีผุๆ ซึ่งทำขึ้นชั่วคราวไว้ใช้ในค่าย แต่ก่อนที่จะได้อาบน้ำ เขาได้โน้มน้าวให้อบอุ่นรออยู่ในห้องอาหารเพื่อรอกินอาหารฝีมือเขาก่อน ด้วยความที่อยากให้กลิ่นกายของเขาฝังอยู่ในตัวอบอุ่นนานๆ จริงๆ วิธีที่ดีกว่านี้ก็มีอยู่... ก็การที่ฝากฝังตัวตนของเขาไว้ใน
23ฝากฝังกลิ่นอาย “ไอ้เชี่ยปัตรแม่งงง หายไปหนายวะ” “ชิท! “ เสียงสบถของธันวาทำเอาอบอุ่นที่กำลังตกใจกับเสียงคนเมาต้องมองใบหน้าเข้มอย่างแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเขาสบถแบบนี้มาก่อน “ปล่อยผมลงเถอะ” การหาที่หลบเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า ทำให้อบอุ่นพยายามจะผลักไสตนให้หลุดพ้นจากการสอดประสานกับคนตัวสูง แต่ธันวากลับล็อคตัวเขาไว้แน่น ไม่ยอมให้ได้ขยับไปไหน “เกาะไว้แน่นๆ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ธันวากระซิบเบาๆ เขาเอาแขนออกจากข้อพับเข่าของอบอุ่น จับให้ขาเล็กนั่นล็อกเอวเขาไว้แทน เพื่อที่มือจะได้ใช้ในการกวาดกางเกงที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมา แล้วเดินไปทางฝั่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้และพุ่มไม้ขึ้นอยู่ค่อนข้างจะหนาแน่น อบอุ่นที่กำลังลุ้นระทึกอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แต่เกาะธันวาไว้แน่นเหมือนกับลูกหมีโคอาล่าทั้งๆ ที่สามารถกระโดดลงไปยืนเองได้ เขาซบหน้าลงกับอกกว้างแน่น อย่างน้อยหากคนๆ นั้นมาเห็นเพียงข้างหลังและเสื้อสูทที่เขาใส่อยู่ก็จะไม่สามารถเดาได้ว่าเขาคือใคร “หืมมม ทำไมไม่เปิดไฟว้าาา” เสียงที่ได้ยินมันใกล้มากซะจนอบอุ
22น้ำที่คั่งค้าง ด้านหลังอาคารไม้สูงสามชั้นซึ่งอยู่ห่างจากอาคารนอนของชาวค่ายอาสาไม่มากนัก ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมนจากแสงไฟที่เข้าไม่ถึง มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องลงมาให้เห็นเก้าอี้ยาวและเหล่าต้นไม้พุ่มไม้ที่ขึ้นอยู่ไม่เป็นระเบียบ แต่ถูกดูแลตัดแต่งอย่างดีเท่านั้น บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้คือจุดหนึ่งที่ใช้ในการพักผ่อนหย่อนกาย เสียงจากวงเหล้าที่ลานเอนกประสงค์ กว่าจะผ่านมาถึงบริเวณนี้ก็เบาลงจนแทบไม่ได้ยิน แต่ก็ทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังถูกหลอกล่ออยู่ใจเต้นตึกตัก ด้วยตระหนักว่ามีคนมากมายแค่ไหนอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ช่วงตึก ไหนจะเหล่าคนเมาที่อาจจะมีโอกาสเดินมาข้างหลังได้หากขาดสติจนหลงทาง ธันวากำลังมองตากลมๆ ซึ่งลุกวาวด้วยความโกรธที่ถูกเขาใส่ความอย่างอารมณ์ดี เห็นอาการพูดไม่ออกของอีกฝ่ายแล้วก็โมเมเอาซะว่าอบอุ่นนั้นเต็มใจ มือใหญ่ดึงกระชากกางเกงที่ค้างอยู่บนเข่าออกจากเรียวขาของร่างเล็กอย่างรวดเร็ว ตามด้วยบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วจนอบอุ่นสัมผัสได้ถึงความโล่งของผิวกายเบื้องล่าง “ให้ตายเถอะ! “ อบอุ่นสบถลั่น พยายามจะคว้าปราการสุดท้ายของตนคืนมา “จุ๊ๆ ไม่กลัว