ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา พลอยทิพย์มิได้พบกับกรินทร์อีกเลย นับตั้งแต่วันนั้นที่เสียความบริสุทธิ์ไป เธอไม่ค่อยได้คิดถึงกรินทร์ แต่กลับคิดถึงบันนี่บอยที่แสนหวาน เขาทำให้หัวใจเธอหวั่นไหวมากมายเพียงใด ทำให้เธอลืมความคิดถึงกรินทร์ไปเสียสนิท
หญิงสาวค่อนข้างซึมเศร้า และไม่เป็นอันกินอันนอน เธอยังเฝ้าถามตัวเองว่าการแต่งงานกับกรินทร์ มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วรึ การหมั้นหมายซึ่งฝ่ายผู้ใหญ่จัดหามาให้ และเธอกับกรินทร์ก็เข้ากันได้ดี เขาเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็ค มีหน้าที่การงานดี รูปลักษณ์ดี บุคลิกดี มีอัธยาศัยดี เขาเป็นผู้ชายที่ใฝ่ฝันของเหล่าสาวๆ ทั้งปวง
แม้เพื่อนสาวแสนสนิททั้งหก ได้พบกับกรินทร์ครั้งแรก พวกเธอยังอยากจะอ่อย ทำนกใส่เพื่อทำให้กรินทร์หวั่นไหว แต่เขายังมุ่งมั่นที่จะมีเพียงพลอยทิพย์ รอวันที่ดี และเรื่องราวดีๆ กับครั้งแรกของเธอกับเขา
พลอยทิพย์ล้มตัวลงนอนบนเตียงเดี่ยวขอตัวเอง นอนกอดหมอนข้าง ดวงตากลมสวยเหม่อมองเพดาน เธอยอมรับว่ารักในความดีของกรินทร์ แต่เธอกลับไปคิดถึงชายอื่น ซึ่งพบกันแค่ไม่กี่ชม. ร่วมรักกับเขาอย่างเร่าร้อน มันช่างเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษ และยอดเยี่ยมมาก
เพียงแค่คิดถึง หญิงสาวดันเกิดอารมณ์อยากจะพบกับศุภวัฒน์ แต่วันนั้นเธอไม่มีอะไรที่จะสื่อหาเขา ติดต่อ หรือขอเบอร์ไลน์ เป็นเพราะความมึนเมา และเมาราคะ อีกทั้งเธอตื่นเต้นมาก รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ลืมเรื่องการติดต่อหาเขา
จะว่าไปแล้วคืนนั้นไม่มีใครได้เห็นหน้าของศุภวัฒน์นอกจากเธอ หรือจะไปตามหาบาร์โฮสแล้วถามหาชื่อ ขื่นทำเช่นนั้นกรินทร์คงได้หย่ากับเธอ และพลอยทิพย์ก็คงจะเป็นหญิงสาวที่แย่มาก
พ่อแม่ของเธอคงจะอับอาย หากรู้ว่าลูกสาวที่แสนดี ใจบุญ แต่หญิงใจบาป อกุศล ทำเรื่องบัดสี เพราะแค่ไปงานเลี้ยงปาร์ตี้สละโสด มีอะไรกับชายอื่นมิใช่สามี ยิ่งพลอยทิพย์คิด ก็ยิ่งกลัดกลุ้ม เธอจะไม่ยอมทำให้พ่อแม่ผิดหวังเด็ดขาด
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมา ปรากฏร่างของแม่ผู้ถือศีล ใส่ชุดขาวกำลังจะไปบวชอยู่อุโบสถที่วัด เธอแวะมาหาลูกสาว พร้อมกับกล่องสวยงามใบใหญ่กล่องหนึ่ง มันปลุกภวังค์ให้พลอยทิพย์หันมาสนใจผู้เป็นบุพการี ก่อนจะหันมาสนใจความรู้สึกตัวเอง
“กรินทร์ส่งของขวัญมาให้ลูกน่ะ แม่ต้องไปบวชแล้วนะ ขอให้บุญที่แม่สร้าง ส่งผลให้ลูกสาวที่รักของแม่ มีความสุขมากๆ นะ” เธอยิ้มหวานอย่างมีเมตตา พลางกอดปลอบโยนอย่างอบอุ่น ยิ่งเป็นแบบนี้แล้วพลอยทิพย์ก็ยิ่งรู้สึกละอาย ที่เผลอทำตัวย่ำแย่ใจคืนปาร์ตี้วันวาน
“ขอบคุณค่ะแม่... ขอให้แม่สุขภาพแข็งแรงนะคะ” ร่างของแม่ผู้มีอายุครึ่งคนจากไป พร้อมกับเดินทางไปถือศีลพร้อมกับสามี พวกเขาอายุก็ไม่น้อยแล้ว จึงอยากจะพึ่งพาพักพิงใจ ในร่มกาเสาวพัก
หญิงสาวแกะกล่องเปิดออก พบกับชุดเจ้าสาวสีขาวสวยงาม เนื้อผ้านวลนุ่มน่าสวมใส่ ปักเหลื่อมมุกไข่ และระยิบระยับไปด้วยลายลูกไม้ตามแบบที่เธอได้กำหนดเอาไว้ มันทำเสร็จก่อนงานแต่งงานอาทิตย์หนึ่ง
ยิ่งเป็นแบบนี้แล้ว เธอยิ่งต้องพยายามลืมบันนี่บอย ชายผู้ทำให้เธอลุ่มหลงและใจสั่น กับบทรักแสนหวานฉ่ำใจ เธอรู้สึกอยากจูบเขาอีกครั้ง... ศุภวัฒน์...
******
ชั่วพริบตาที่ใกล้เดือนแห่งความรัก งานแต่งงานของพลอยทิพย์กับกรินทร์ เกิดขึ้นใกล้เคียงกัน งานเลี้ยงจัดอย่างโอ่อ่า รายล้อมประดับประดาไปด้วยดอกไม้มากมายหลากชนิด กลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนฝัน
บรรยากาศร่มรื่น ทั้งภายในและนอกสถานที่ เป็นงานเลี้ยงแสนใหญ่โตซึ่งทางฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นคนออกแบบ ให้จัดตามที่เขาต้องการ
ร่างเจ้าบ่าวยังไม่ปรากฏในวันนี้ ท่านผู้เกียรติมากมายต่างเข้ามาร่วมงานกันอย่างล้นหลาม มีคนรู้จักทางฝ่ายเจ้าบ่าว และเจ้าสาว พร้อมๆ กับ ญาติคนรู้จัก เพื่อนสนิทมากมาย เข้ามาร่วมงานและมอบของขวัญอวยพรให้แก่พวกเขาทั้งสองคน
พลอยทิยพ์แต่งตัวอยู่ภายในห้องส่วนตัวใกล้เสร็จแล้ว เธอสวมชุดเจ้าสาวพอดีตัว มันสวยงามมาก และทำให้เธอกลายเป็นราชินีเพียงหนึ่งวัน เพื่อช่วงเวลาอันสำคัญนี้ เรือนผมถูกตกแต่งอย่างดี ประดับประดาไปด้วยดอกไม้ คลุมศีรษะด้วยผ้าโปร่ง และเธอก็พร้อมแล้วที่จะออกไปปรากฏตัวต้อนรับผู้มาร่วมงานแต่งงานของเธอ
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเพื่อนเจ้าสาว ดังกันระนาวไม่ต่างกับตลาดสดแตกในยามเช้า พวกเธอล้วนแต่งชุดเพื่อนเจ้าสาวสีกาแฟเนื้อผ้าซาตินอย่างดี เรือนผมจัดแต่งและประดับประดาด้วยดอกคัตเตอร์เล็กๆ สีขาว อารามสนุกสนานและช่วยกันแต่งตัวร่วมกันภายในห้องใหญ่สะอาด
พลอยทิพย์นั่งเงียบๆ อยู่เพียงลำพัง หันเรือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นผู้คนมากมายเข้ามาร่วมงานแต่งของเธอกับกรินทร์ ในฐานะเป็นเจ้าสาววันเดียว เธอควรจะมีความสุขสิ แต่ทำไมกลับรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวพยายามส่ายหน้า สลัดความคิดถึงชายอื่นออกไปจากใจ มันเป็นเพียงแค่งานของบันนี่บอย และถูกเพื่อนเจ้าสาวจ้างมาเท่านั้น เธอแค่ไปสนุก และมันไม่ได้มีอะไรผูกพัน แต่ทำไม...พลอยทิพย์กลับยังคิดถึงศุภวัฒน์ ชายผู้ปลอบโยนและมอบความสุขให้แก่เธอในงานเลี้ยงคืนนั้น
“ฝันเพ้อถึงเจ้าบ่าวอยู่ล่ะสิ! จะรอถึงคืนเข้าเรือนหอไหวหรือเปล่านะ เพื่อนฉัน” น้ำใสเข้ามาหยอกแหย่ พร้อมกับลากส้มซ่าและแอป์เข้ามาพร้อมๆ กัน สีหน้าท่าทางพวกเธอสดชื่นระริกระรี้ เมื่อจะได้ออกไปสู่สายตาผู้คน และอาจจะได้นกใส่เพื่อนเจ้าบ่าวบ้าง แม้ว่าพวกเธอจะผ่านการแต่งงาน มีสามีกันแล้วก็ตาม...
ถึงใจจะอยากทำเพียงใด เพื่อนเจ้าสาวคงจะทำได้แค่ไปหยักคิ้วหลิวตากับหนุ่มอื่นแบบนั้น ต่อหน้าผัวของตัวเองที่มาร่วมงานด้วยมิได้หรอก ยกเว้นแค่ผัวเผลอแล้วเจอกัน
ถ้าคุยแล้วถูกใจ คงได้แลกเบอร์ไลน์แล้วนัดไปทำความรู้จักกันแบบ ถึงพริกถึงขิง แนบเนื้อกันดุเด็ดเผ็ดมัน ชีวิตหลังแต่งงาน อย่าอยู่อย่างเหี่ยวแห้ง ต้องสนุกกับมันและมีเรื่องตื่นเต้นไว้บ้าง
“มันแน่นอนอยู่แล้วสิจ๊ะ” พลอยทิพย์ยิ้มอ่อนๆ รอคอยเวลาจะไปปรากฏตัวพร้อมๆ กับเจ้าบ่าว และเพื่อนๆ ของพวกเขาพร้อมๆ กันกับสาวซ่าแสนสนิททั้งหกในธีมเพื่อนเจ้าสาวด้วย
“ชุดฉันดีพอรึยัง?” ณมนถามระหว่างมองห่วงยางรอบเอว เธอคงจะดื่มหนักซัดชาบูเยอะไปหน่อย อีกทั้งเลี้ยงลูกตัวเองด้วยแล้ว ยังจะต้องเลี้ยงลูกติดคุณสามีต่างชาติอีก ได้แต่ของเทศใหญ่ยาว อิ่มนาน มีบ้างที่เธอจะสมบูรณ์พูนสุข
“สวยงามตามท้องเรื่อง แต่เรื่องห่วงยางไปลดลมและไขมันรอบๆ เอวบ้างก็ดีมิใช่น้อยนะจ๊ะ” พิมพ์ทักวิพากวิจาร์กันดุเดือดเผ็ชร้อน ในขณะนั้นเองก็ยังวุ่นวายกับทรงผมมวยสูง แต้มด้วยดอกไม้ เพื่อให้รับกับชุดคล้องไหล่สีกาแฟ
“ถ้าไม่ติดว่าจะต้องไปถ่ายรูปธีมเจ้าสาว คงได้กระชากผมเธอให้เป็นรังนกไปแล้ว” ดาวเกริ่นแซวพิมพ์ซึ่งวุ่นวายกับการแต่งองค์ทรงเครื่อง นี่ถ้าให้แต่งเยอะกว่านี้ได้ลงแข่งกับลิเกแน่ๆ เพราะเครื่องประดับนางแซงชุดธีมเจ้าสาวไปแล้ว
“ไม่ได้หรอกนะ การแต่งตัวมันเป็นเรื่องที่สูงส่ง...” พิมพ์ยังคงคุยสังสรรค์กับเพื่อนสนิทที่เหลือมากมาย พวกเธอยังคงร่าเริงและตื่นเต้นมากกับการเป็นเพื่อนเจ้าสาวในธีมสีกาแฟ...
พลอยทิพย์เห็นควรแล้วว่า จวนจะได้เวลาเปิดตัว ก้าวเท้าออกจากห้อง เพื่อไปพบกับเจ้าบ่าว และพบปะสังสรรค์กับเหล่าเครือญาติของเจ้าบ่าว และของตัวเอง รวมไปถึงเพื่อนร่วมงาน เพื่อนที่รู้จักกัน และเด็กๆ ที่มาพร้อมๆ กับผู้มาร่วมงานด้วย พวกเธอยังจะต้องต้อนรับแขกผู้มีเกียรติอีกมากมาย
******
กรินทร์สวมชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาด ผูกไทสีแดงเนื้อผ้าซาตินอย่างดี เรือนผมจัดตกแต่งเงามัน พร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงปักไว้ที่กระเป๋าเสื้อหน้าอกซ้าย เขายิ้มหวานให้ตัวเองที่บานกระจก และคุยกับเพื่อนเจ้าบ่าวส่วนตัวอีกสองสามคน
“หล่อมากเลยว่ะเพื่อน อิจฉาแทนจริงๆ” เพื่อนเจ้าบ่าวกล่าวทัก มองดูรอบกายเพื่อนหนุ่ม พลางออกความคิดเห็น
“มันแน่นอนอยู่แล้ว เจ วันสำคัญอย่างนี้ เราต้องเพอร์เฟ็คสุดสิวะ เพื่อน” เจ้าบ่าวรู้สึกภาคภูมิใจมาก เมื่อวันที่เขารอคอยตลอดสองอาทิตย์ ได้มาถึงในวันนี้...
“แกนึกออกรึยังวะ? ว่าจะไปฮันนีมูนที่ไหน” เพื่อนเจ้าบ่าวอีกคนกล่าวถาม เขาค่อนข้างวุ่นๆ กับการหาสถานที่ดีๆ ให้เพื่อนได้ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับเจ้าสาวแสนสวย และแสนดีของเขา เอกสารท่องเที่ยวมากมายอยู่ในมือเขาหนาเป็นนิ้ว
“ว่าจะไปทางยุโรปใต้ ซานโตรินี เลยเป็นไง” กรินทร์ตอบน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับมีแพลนแล้วในใจ หวังจะพึ่งเพื่อนที่ยังไม่เคยแอ้มสาว มาหาสถานที่ดีสำหรับเขากับพลอยทิพย์ เขาเลือกเองคงดีกว่า
“โห่... อย่างแพง จ่ายไหวหรอวะ? กะได้ลูกชายเลย รึว่าจะเอาแฝดชายหญิง” เสียงเพื่อนเจ้าบ่าวแห่กันหัวเราะให้กับเพื่อนหนุ่มในชุดขาวสะอาด พวกเขาสนุกสนานมากในการคุยด้วยกันในห้องส่วนตัวยามนี้
“เจ้าสาวกูบริสุทธิ์เว้ย เพิ่งเปิดไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน อย่างอร่อย ปลื้มแท้ ไม่เสียแรง ไม่เสียใจเลยว่ะ ที่ลงทุนมากมายเพียงนี้ ต้องจ่ายอย่างงามสิ ถึงจะคุ้มค่า...” รอยยิ้มของกรินทร์เผยออกมา แทบแก้มปริ เขารู้สึกมีความสุขมาก
แม้ว่าจะไม่ได้นึกรักพลอยทิพย์มากนัก แต่เธอก็เป็นคนดีที่ไม่โกหกเขา ซื่อสัตย์และมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดของเธอให้แก่เขา หวังว่าสักวันเขาจะรักเธอให้มากขึ้น งานแต่งงานที่ผู้ใหญ่จัดหามาให้
เขาอาจเคยปฏิเสธหัวแข็ง แต่เมื่อได้รู้จักกับพลอยทิพย์แล้ว เธอเป็นคนน่ารัก ไร้เดียงสา และเป็นคนที่น่าคบหามาก มันย่อมเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา หากพลอยทิพย์จะทำให้เรื่องยุ่งยากเหล่านั้น กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาทุกเรื่อง เพราะด้านมืดเบื้องหลังของเขา กรินทร์ไม่อยากให้พลอยทิพย์ได้ล่วงรู้...
“ได้เวลาแล้วล่ะ เพื่อน แกยังต้องไปจี๋จ๋ากับเจ้าสาวที่หน้างานอีกนะ ได้ซองเยอะๆ นะเพื่อน” เพื่อนเจ้าบ่าวต่างเข้ามาล้อเลียนกับกรินทร์ ซึ่งเขาควรจัดหามาให้มากพอ เพื่อรับมือกับเพื่อนเจ้าสาวสุดซ่าของพลอยทิพย์ในจำนวนที่เท่ากันด้วย
“เออ... ขอบใจ ไปกันเถอะ วัฒน์” กรินทร์หันไปทักเพื่อนเจ้าบ่าวอีกคนหนึ่ง เขาสวมสูทสีน้ำตาลกาแฟ ทับเสื้อเชิ้ตขาว ผูกเนคไทสีน้ำตาลเข้มตัดกับเสื้อ ดูเข้ากันและแต่งตัวเรียบร้อยมาก
เขาทำตัวเงียบมาพอสมควร และนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นวิวทิวทัศน์ที่มีบรรยากาศสดชื่น พบกับผู้มาร่วมงานมากมาย วันนี้เป็นวันดีจริงๆ เรือนหน้าของเขาบดบังความหล่อเหลาด้วยแว่นตากรอบดำ กับเรือนผมปรกหน้าผาก
“ครับ กรินทร์” เขาตอบสุภาพอ่อนโยน น้ำเสียงนวลนุ่ม และท่าทางของกรินทร์กับชายหนุ่มผู้นี้ ท่าทางจะสนิทกว่าเพื่อนเจ้าบ่าวคนอื่นๆ เป็นไหนๆ เหล่าชายหนุ่มรูปหล่อในชุดสูทสีกาแฟสุภาพ สว่างและอบอุ่น โดยมีกรินทร์สวมกอดไหล่เดินไปพร้อมๆ กับเพื่อนเจ้าวบ่าวทั้งหกคนเช่นกัน
******
เจ้าบ่าวในชุดสูทขาวเนคไทแดง เดินมาพร้อมๆ กับกลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว กำลังจะได้พบกับเจ้าสาวของเขา พร้อมด้วยธีมเพื่อนเจ้าสาวอีกหลายคน ท่ามกลางหมู่คนที่เข้ามาร่วมงาน ต่างปรบมือต้อนรับพวกเขา ได้มาปรากฏยลโฉม
พลอยทิพย์ยิ้มหวานและคล้องแขนกับเจ้าบ่าว กรินทร์หล่อเหลามาก ทำให้เธอมองเขาแต่เพียงผู้เดียว โดยมิได้มองเพื่อนเจ้าบ่าวที่มาร่วมงาน เธอปรายดวงตาคู่สวยและยิ้มหวานมอบให้ เดินจากไปกับกรินทร์กันเพียงแค่สองคน เพื่อไปต้อนรับเครือญาติที่กำลังเดินทางมาถึง
เพื่อนเจ้าสาวต่างพากันคล้องแขนเพื่อนเจ้าบ่าวไปทีละคน จนเหลือคนสุดท้ายที่ยืนตกตะลึง ลืมควงคู่กับน้ำใส เธอจึงต้องกระชากแขนและพาเดินตามหลังเพื่อนสาวไปด้วย เพื่อความสวยงามในการจัดแปรรูปขบวน และร่วมไปถ่ายรูปให้ออกมาดูสวยงามที่สุด
เพื่อนเจ้าบ่าวซึ่งกำลังตกใจ ดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้าง เขาไม่คิดว่ากรินทร์จะแต่งงานกับเธอ หญิงสาวที่ได้มอบความสุขแก่เขา ในคืนงานเลี้ยงสละโสด และเขาก็ทำให้เธอได้พบกับความสุขในคืนนั้น และหลังจากนั้นเขาตั้งใจว่า จะไม่ยอมนอนกับเจ้าสาวคนไหนอีก หากเธอจะแต่งงาน...
“เป็นอะไรไปล่ะ? ยืนนิ่งบื้อเชียว น่าเบื่อจริงๆ” น้ำใสบ่นน้ำเสียงสูง สีหน้าหงุดหงิดไม่ค่อยพอใจกับเพื่อนเจ้าบ่าวที่ยืนทื่อเป็นท่อนไม้ หน้าตาก็เชยระเบิด อย่างเฉิ่มใส่แว่นกรอบดำ ผมปรกหน้าผากอีก น้ำใสนึกอยากจะเปลี่ยนเพื่อนเจ้าบ่าวกับณมน เผื่อว่าเขาจะเร้าใจและแซ่บกว่าคนนี้
“ขอโทษครับ ผมยืนใจลอยไปหน่อย” แต่ว่าน้ำใสก็ดันเรียกณมนมาเปลี่ยนเพื่อนเจ้าบ่าวอีกคนที่ดูท่าทางเพลบอย หลังจากแลกกันแล้ว ชายหนุ่มที่สุภาพธรรมดาทำให้ณมนดูสุภาพขึ้นเยอะ เมื่อได้คู่กับเพื่อนเจ้าบ่าวหนุ่มหล่อคนนี้...
“ชื่ออะไรคะ? ณมน นะคะ... เผื่อว่าจะได้ทักทายเรียกกันได้ง่ายขึ้น” ณมนกล่าวถามสุภาพยิ้มหวาน แววตาหยาดเยิ้มมองเขาอย่างซาบซึ้ง นึกอยากจะขอเบอร์แต่ชายหนุ่มส่ายหัวยิ้วหวานยกมือห้ามปราม คิดว่าไม่แลกเบอร์กันดีกว่า...
“ศุภวัฒน์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก เจ้าสาวคนนั้น...” ชายหนุ่มแนะนำตัวเอง เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกับกรินทร์มาก รู้ว่าเพื่อนจะแต่งงาน เขาจะพลาดได้ยังไง อีกอย่าง...พวกเธอก็ทำให้เขารู้สึกว่า เคยเห็นหน้าที่ไหนมาก่อน... และก็ยังนึกไม่ออก
“พลอยทิพย์ค่ะ เธอเป็นเพื่อนสนิทของพวกเรา” ณมนกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดเจน อีกทั้งจูงมือคล้องแขนเพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อไปร่วมถ่ายรูปร่วมกัน เขาเห็นเธอก่อน และยังไม่กล้าจะไปทักหรือคุย เกรงว่ากรินทร์จะเข้าใจผิดเรื่องระหว่างเขากับพลอยทิพย์
ศุภวัฒน์รู้สึกย่ำแย่ในทันใด นี่เขาเผลอใจได้เสียกับเมียเพื่อนในงานเลี้ยงปาร์ตี้สละโสดในคืนก่อนรึ... เขาไม่น่าพลาดทำเรื่องแบบนั้นเลยจริงๆ ชายหนุ่มก้มหน้ายกมือซ้ายตบหัวตัวเองเลี่ยงมิให้ณมนเห็น...
อีกทั้งคืนนั้นพลอยทิพย์ก็ดันเห็นหน้าเขาคนเดียวเสียด้วย ถึงว่า... ทำไมเขารู้สึกว่าคุ้นหน้าพวกเธอทั้งหมดทุกคนเลย ชายหนุ่มหวังเพียงสิ่งเดียวว่า พลอยทิพย์จะลืมเขา จำเขาไม่ได้ ไม่ทักทายกับเขาด้วย...
******
“ยิ้มคร๊าบ....” ช่างภาพที่เข้ามาร่วมงานแต่ง บันทึกภาพและวิดิโอ ส่งสัญญาณบอกให้พลอยทิพย์และกรินทร์เตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายรูปในงานแต่งงาน พร้อมด้วยธีมเพื่อนเจ้าบ่าว และธีมเพื่อนเจ้าสาวทั้งหลาย ที่เข้ามาอยู่ในงานกันอย่างสนุกสนานครึกครื้น...
สายตาของพลอยทิพย์มองกรินทร์เพียงผู้เดียว และหันไปคุยร่าเริงกับเพื่อนเจ้าสาวอีกหลายๆ คนพร้อมกัน ในขณะเดียวกัน หลังจากถ่ายรูปธีมเพื่อนเจ้าบ่าวหมดแล้ว พวกเขาตัดสินใจว่า จะหลบออกไปพักผ่อน สูบบุหรี่ และออกไปสูดอากาศเสียหน่อยก็ดี
รวมทั้งศุภวัฒน์ด้วยที่จะรีบเผ่นหนีออกไปจากจุดนั้น มิให้พลอยทิพย์เหลือบมาเห็น ชายหนุ่มค่อนข้างกระวนกระวาย เกรงว่าเธอจะเห็นเขา และหากเธอจำได้และนึกออก เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า พลอยทิพย์จะรู้สึกยังไงกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“เฮ้... วัฒน์ มานี่ก่อนสิ อยากจะแนะนำเจ้าสาวคนสวยให้รู้จัก” กรินทร์เรียกเพื่อนรักมาสวมกอด ทำให้การเผ่นนี้ครั้งนี้ของชายหนุ่มเป็นอันล้มเหลวทันทีที่คิดเสร็จ
“ไม่ล่ะ อยากเข้าห้องน้ำ แบบว่าปวดมาก” เขายืนหันหลัง และไม่แม้แต่จะเลี้ยวตัวกลับมาคุยซึ่งๆ หน้า กรินทร์รู้สึกว่าศุภวัฒน์ทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อเช้า เขาคิดว่าเพื่อนรักเขาโกหก และจงใจจะเลี่ยงอะไรบางอย่าง
“นายยังไม่รู้จักเจ้าสาวของกูเลยนิ มาเถอะ...” กรินทร์เดินเข้าไปหาศุภวัฒน์ ดึงตัวคล้องแขนเพื่อนรักให้กลับมาร่วมงาน ก่อนจะพยายามเดินหนีออกจากงานร่วมกับเพื่อนเจ้าบ่าวคนอื่นๆ กรินทร์อุตส่าห์จ้างมาทำงานเป็นจำนวนเงินมิใช่น้อย พวกเขามาทำหน้าที่เสร็จแล้ว ก็รีบเผ่นจากไปกันทุกคน
“แหม... ไม่ต้องทำให้มันยุ่งยากเลย ไม่น่าสำคัญสำหรับเราหรอก เธอเป็นเจ้าสาวของนายนะ กรินทร์” ศุภวัฒน์พยายามที่จะเลี่ยงพบกับพลอยทิพย์ เขาแค่ไม่อยากให้เธอรู้สึกตกใจช็อคพอๆ กับเขา เพราะเหตุเรื่องในคืนก่อน มันเกิดขึ้นกับเขาและเธอ โดยที่ไม่มีใครอื่นจดจำหรือล่วงรู้
******
“ทิพย์... อยากจะแนะนำเพื่อนรักให้รู้จัก... นี่ ศุภวัฒน์นะ เขาเป็นเพื่อนรักของผมมาตั้งแต่สมัยเด็ก” เพียงแค่กรินทร์ลากตัวเพื่อนรักมาสวมกอดอยู่ข้างกาย แล้วแนะนำเขาให้เจ้าสาวของเขาได้พบ
สีหน้าของเจ้าสาวที่ยิ้มแย้มแจ่มใส กับเพื่อนเจ้าสาวอีกมากมายหลายคน หันเรือนหน้ากลับมา ได้พบกับชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา ซ่อนรูปภายใต้แว่นตากรอบดำหนา เรือนผมสีดำปรกหน้าผาก ทำตัวสุภาพกับรอยยิ้มอวบอิ่มสีชมพู เขาค่อนข้างเงอะงะขัดเขินต่อหน้าเธอเช่นกัน
พลอยทิพย์รู้สึกจิตใจของตัวเองดิ่งด่ำร่วงหล่นจากที่สูง สู่ห้วงเหวดำมืดแสนลึกไม่มีที่สิ้นสุด แววตาเธอกลมสวยสุกใส มองเพื่อนเจ้าบ่าวตาค้างราวกับตกใจกับสิ่งที่กำลังวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอ
-ไม่จริง... !!! เป็นไปไม่ได้....!!! ทำไมต้องเป็น... เขา!!! - เสียงภายในจิตใจหญิงสาวตะโกนก้องดังอยู่ในอก สะท้อนออกมาเป็นเสียงเอคโค่ตัดกับเสียงโลกภายนอก เธอไม่ได้ยินอะไรนอกจาก ความอื้ออึงดังแว่วอยู่ในหู เมื่อได้พบกับชายที่แสนคิดถึง เขากลับเป็น... เพื่อนเจ้าบ่าวของเธอเสียเอง...
“เป็นอะไรไปทิพย์?” เสียงของกรินทร์ปลุกภวังค์ให้เจ้าสาวของเขากลับมามีสติอีกครั้ง แววตาหญิงสาวในชุดขาวที่สวยงาม กะพริบตาถี่ๆ เสียแพขนตางอนกระดกหนาแทบจะหลุดออกจากเบ้า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ศุภวัฒน์ยิ้มอ่อนหวานๆ อ่อนโยนสุภาพเหมือนเดิม น้ำเสียงก็ใช่ ต่างตรงที่ตอนนี้ ตำแหน่งที่คิดเอาไว้สถานะมันไม่ใช่อย่างเก่าก่อน หากศุภวัฒน์ไม่ได้รู้จักกับกรินทร์ เธอจะไม่ช็อคเพียงนี้ แต่นี่...!!!
เขากลับเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเด็ก แล้วทำไมต้องมีเหตุการณ์อลหม่านแบบนี้ เกิดขึ้นกับเธอได้... ทำไมศุภวัฒน์เป็นบาร์โฮส และกรินทร์คงจะรู้เห็นเป็นใจกับศุภวัฒน์รึเปล่า? แล้วยิ่งไปกว่านั้น เรื่องงานเลี้ยงสละโสด เขากลายเป็นบันนี่บอย กรินทร์จะรู้เรื่องเธอได้เสียกับเขาด้วยหรือเปล่า
จิตใจหญิงสาวสับสนอย่างรุนแรงระหว่างใช้ความคิดมากมายพร้อมๆ กัน แทบจะทำให้ภายในช่องท้องแปรปรวนอย่างรุนแรง จนเธอรู้สึกอยากจะไปห้องน้ำเพื่ออาเจียนสักระยะ
“เช่นกันค่ะ... ถ้าจะไม่ว่าอะไรขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะ” พลอยทิพย์เดินละจากกับทุกๆ คน เพื่อเลี่ยงไปห้องน้ำเพียงลำพัง เธอต้องการเวลาส่วนตัว เพื่อทบทวนเรื่องต่างๆ มากมาย ทั้งความรักที่เธอมีต่อกรินทร์ และความรู้สึกที่เผลอใจให้ศุภวัฒน์ไป...
******
เสียงอาเจียนดังลั่นภายในห้องน้ำแสนอันวิจิตร ดังเป็นระยะๆ เมื่อพลอยทิพย์โน้มตัวลงต่ำ ล้วงคออ้วกอาหารเช้าออกมา เพราะรู้สึกคลื่นเหียน อยากจะอาเจียนกับสิ่งที่ได้รู้มาล่าสุด พวกเขาสองคนเป็นเพื่อนรักกัน
ชายหนึ่งเป็นว่าที่สามีของเธอ แต่อีกชายกลายเป็นคนที่แสนคิดถึง... จิตใจของพลอยทิพย์กลัดกลุ้มสับสนอย่างรุนแรง เธอแทบจะหมดแรงยืน เพราะเธอมีอะไรกับพวกเขาทั้งสอง และวันเดียวกัน
ขอให้พระเจ้าลงโทษให้กับความโง่เง้าแสนเขลาอ่อนต่อโลก เมื่อกรินทร์ได้อยู่กับเธอในบ่ายวันนั้น และขอให้พระเจ้าลงโทษเธอให้หนักกว่าเดิม เมื่อเผลอตัวเผลอใจมีอะไรกันกับศุภวัฒน์ แถมความคิดถึงและความรู้สึกอีกมากมาย
พลอยทิพย์อยากร้องไห้ให้ตัวเอง แต่... เธอจะมาร้องไห้ในวันแต่งงานได้ยังไง เขายังไม่ได้กล่าวคำอวยพรเธอ และยังไม่ได้สวมแหวนแต่งงาน แต่มันจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้อีกไม่กี่ชม.
หญิงสาวเหลือบซ้ายแลขวา หวังเพียงว่าจะไม่มีใครได้ยิน... เธอสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเดินออกไปที่หน้าต่าง เปิดมันออกมาแล้วกรีดร้องให้สุดเสียง เพื่อปลดปล่อยความเครียดมากมายหลังจากได้รู้ความจริงที่แสนพีคว่า
ศุภวัฒน์กับกรินทร์ เป็นเพื่อนรักกัน...
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า? ทิพย์!!!” ชายที่วิ่งเข้ามาเปิดประตูห้องน้ำรวม ปรากฏร่างของเพื่อนเจ้าบ่าวในชุดสีน้ำตาลกาแฟ แว่นตากรอบดำบดบังแววตาและเรือนหน้าของเขา ผิดเพี้ยนไปจากบันนี่บอยที่แสนน่ารัก น่าหลงใหล
“ทำไม!!!” พลอยทิพย์แทบจะหมดแรงอ่อนล้าพูดอะไรไม่ออก อารมณ์ความรู้สึกอัดแน่นหน้าอกเธอไปหมด พลอยทิพย์ไม่คิดเลยว่า ชายที่วิ่งมาหาเธอ เขาคือคนที่คิดถึงมากที่สุด แต่เขาไม่ใช่เจ้าบ่าวของเธอเลย... เขาไม่ใช่...
“ทิพย์... ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นแบบนี้ ผมสาบานได้ว่ากรินทร์ไม่รู้...ทิพย์!!!” ชายหนุ่มค่อยๆ เดินเข้ามาภายในห้องน้ำตามลำพังพลางปิดประตูลงกลอนล็อคเอาไว้ มิให้ใครอื่นได้พบเห็นเขาอยู่กับเธอตามลำพัง เขาไม่อยากให้พลอยทิพย์ต้องย่ำแย่เพราะมีคนเห็นเธออยู่กับชายอื่นในวันแต่งงาน...
“เธอรู้มั๊ย? ฉันคิดถึงเธอมากแค่ไหน ไม่รู้จะติดต่อยังไง... มันแย่มากที่เจ้าสาวที่โชคดีที่สุดในโลก คิดถึงชายอื่นซึ่งไม่ใช่สามีตัวเอง ฉันอยากฆ่าตัวตายจริงๆ” พลอยทิพย์บอกความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อเขา และทนไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอเผลอใจหลงรักศุภวัฒน์มากกว่า จะรักกรินทร์อย่างที่เคยคบกันมาโดยตลอด
“อย่าทำแบบนั้นเลยนะ ทิพย์ กรินทร์จะเสียใจมาก ทิพย์...” น้ำเสียงของศุภวัฒน์ขาดห้วง เมื่อเจ้าสาวในชุดขาวแสนสวย ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว เธอโหยหาจูบออกรสหวาน ขอได้สวมกอดในวงแขนที่อ่อนโยน โดยแค่โลกทั้งใบยามนี้มีเพียงเธอและเขาสองคนเท่านั้น
ริมฝีปากบางบดเบียดลงน้ำหนักดื่มด่ำรสชาติเช่นเดิม เขาอยู่ในวงแขนของเธอ และสองแขนแกร่งสวมกอดเธอเอาไว้อย่างเคย ความรู้สึกที่คุ้นเคยกำลังอยู่ในความทรงจำ เฉกเช่นเดียวกับคืนวันวานในวันนั้น
ชายหนุ่มตอบสนองดื่มด่ำเม้มขบริมฝีปากเธอเอาไว้ แลกลิ้นเก็บเสียงของเธอ หลงเหลือเพียงแค่เสียงลมหายใจระหว่างกันและกัน
ศุภวัฒน์หวังเพียงว่า จะทำให้พลอยทิพย์สงบจิตสงบใจ แต่เขาไม่น่าจูบเธอในวันนี้เลย เพราะมันเป็นงานแต่งงานของกรินทร์กับพลอยทิพย์ แต่เขาคือเพื่อนเจ้าบ่าว...เขาไม่ควรจูบเลยเธอ
หัวใจตื่นเต้นกระตุกรัวเร็ว ร่างหนุ่มร้อนผ่าวอยากจะสวมกอดพลอยทิพย์เอาไว้นานๆ แต่เขาทำมากกว่านี้ไม่ได้ นอกจากพยายามพาตัวเองให้อยู่ห่างจากเจ้าสาวของเพื่อนรัก และทำให้เธอเข้าใจเหตุการณ์ยามนี้ให้มากกว่านี้
หญิงสาวกลับหลั่งน้ำตาอาบสองแก้ม รู้สึกเจ็บปวดใจทั้งๆ ที่วันนี้เธอควรจะมีความสุขกับกรินทร์ เหมือนครั้งแรกที่ผ่านมา เธอกลับมีชายอื่นเกิดขึ้นในใจ และยามนี้เขายังอยู่อ้อมกอดและมอบจูบที่แสนหวาน
“ทิพย์... กลับเข้าไปในตัวงาน และแต่งงานกับกรินทร์ คุณโอเครึยัง?” ศุภวัฒน์เตือนสติและอยากให้เธอทำใจอีกหน่อย สองแขนบางยังไม่อยากปล่อยเขาให้หลุดมือ เธอเม้มปากอีกครั้งก่อนจะพยายามปาดน้ำตามิให้เครื่องสำอางค์หลุดมากกว่านี้
“ฉัน... จะพยายาม” เธอหายใจลึกๆ และมองหน้าเขาอีกครั้ง พลางยกมือถอดแว่นตากรอบดำหนา ดึงมันให้หลุดออกจากเรือนหน้าเขาอีกครั้ง
“ลืมผมเสียเถอะ มันเป็นไปไม่ได้” แววตาเขาส่งอารมณ์เศร้า มองดูเธอซึ่งเคยงดงามในคืนนี้ ยามนี้กำลังจะเป็นเมียของเพื่อนรัก และเขาเป็นเพียงแค่ตัวคั่นเวลา ซึ่งกลายเป็นอดีตไปแล้ว
“บอกสิ... ว่าเธอไม่ใช่บันนี่บอยในคืนนั้น...” พลอยทิพย์อยากจะทักท้วง แต่สองมือกำลังเลื่อนไปปลดกางเกงเขา เธออยากเห็นรอยสักปลาสองตัวที่หน้าท้องซ้ายเขาอีกครั้ง...
เพียงแค่รนกางเกงและเลิกเสื้อขึ้น ปรากฏรอยสักปลาสองตัวที่เคยจำได้ เจ้าสาวเบือนหน้าหนี และรู้สึกจิตใจกระวนกระวายหนักกว่าเก่า... ไม่น่าเชื่อเลยว่า บันนี่บอยในคืนนี้ จะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของสามีเธอจริงๆ
“ผมทำงานบาร์โฮส และกรินทร์ไม่รู้ ทิพย์เรื่องของเราจะเป็นความลับ เพราะคุณเห็นหน้าผมคนเดียว ทำตัวตามปรกติเถอะนะ เพื่อกรินทร์..." ศุภวัฒน์ตั้งใจว่า เขาจะอยู่ห่างจากเธอให้มากที่สุด
เพราะมิใช่เพียงแค่พลอยทิพย์คิดถึงเขาเท่านั้น สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาก็ทรมานใจกับการเผลอได้เสียกับเจ้าสาวคนอื่นเช่นกัน แต่ไม่คิดเลยว่า จะเป็นเจ้าสาวของเพื่อนรักเขาเสียเอง
เจ้าสาวแสนสวยจะต้องผ่านเวลาอันเลวร้ายยามนี้ไปให้ได้ และหวังเพียงว่าเธอจะไม่เตียงหักเพราะกรินทร์ เพียงเพราะปาร์ตี้สละโสดในคืนนั้น เรื่องของบันนี่บอย จะเป็นความลับต่อไป...
******
ตั้งแต่เกิดเรื่อง พลอยทิพย์รู้ความจริงของกรินทร์และศุภวัฒน์ เธอหายไป... ปิดเครื่อง ปิดเฟสบุ๊ค ไม่อัพเดทไลน์ หรือแม้กระทั่งติดต่อกับเพื่อนสนิทสาวทั้งหกคนกรินทร์กับศุภวัฒน์กังวลใจมาก เธอหนีไปจากพวกเขาเสียดื้อๆ ทั้งๆ ที่อารมณ์ก็โกรธหัวเหวี่ยงได้ขนาดนั้น พลอยทิพย์ไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้ติดต่อกับพ่อแม่ กรินทร์ไปตามทุกหนทุกแห่งแม้กระทั่งบ้านญาติของเธอที่เขารู้จัก พลอยทิพย์ก็ไม่ได้อยู่ที่นั้นเขาถูกบรรดาเครือญาติของพลอยทิพย์ถามถึงว่ามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า กรินทร์ตอบอะไรไม่ออก นอกจากว่าติดต่อเธอไม่ได้ เลยมาถามหา ส่วนทางบ้านของพลอยทิพย์คิดว่าให้แจ้งความ เผื่อว่าเธอจะมีเหตุร้าย... กรินทร์คิดว่าขอเวลาเขาตามหาเธอเองดีกว่า เผื่อจะไม่มีเรื่องร้ายแรงใดๆ ก็เป็นได้ศุภวัฒน์พยายามคุยกับเพื่อนสนิทของพลอยทิพย์ เท่าที่เขาจะตามได้จากเบอร์โทรของณมน“พลอยทิพย์ติดต่อมารึเปล่าครับ?” ศุภวัฒน์โทรถามณมนโดยตรง“พวกเราไม่ได้พบเธอเลยนะ ไม่ได้คุยกันตั้งแต่วันแต่งงานกันแล้ว ทิพย์ไปฮันนีมูนกับกรินทร์มิใช่รึ? พวกเขามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?” น้ำเสียงของณมนกล่าวถาม เพราะพวกเธอก็รู้สึกแปลกๆ ว่าพลอยทิพย์ไม่เคยทำตัวแบบนี้มาก
เมื่อร่างบางยืนช้อนแขนไว้หน้าท้อง พร้อมอีกมือถือแก้วไวน์ สายตากลมสุกใสมองออกไปนอกระเบียงในยามราตรี ในความคิดของเธอกำลังไตร่ตรองเรื่องของกรินทร์คืนนี้ ไม่ต่างกับคืนแต่งงานที่ต้องละวางเรื่องร่วมรักพลอยทิพย์ถอดถอนหายใจอย่างอ่อนเพลีย และเมื่ออยู่เพียงลำพังทำให้ศัตรูทางความคิดเริ่มมาก่อกวน เงาหน้าจางๆ ของศุภวัฒน์มาป่วนจิตใจเธออีกแล้ว เขาอาจจะเป็นเพียงแค่ฝันดีสำหรับเธอก่อนวันแต่งงาน และกลายเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อเธอรู้ว่าเขาคือเพื่อนเจ้าบ่าว...ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับเธอแบบนี้ ยิ่งครุ่นคิดมากเท่าไหร่ แก้วไวน์ในมือก็อยากจะกระดกกรอกลงคอตัวเองให้หมดแก้วในคราวเดียว ดวงตาสุกใสถูกปิดด้วยเปลือกตาอีกครั้ง ก่อนเรือนริมฝีปากเจ่อคู่งามจะ อ้าปากผ่อนปรนระบายแอลกอฮอร์ในลำคอแผ่วออกมาเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอย่างสุภาพสามครั้ง ปรากฏเงาใต้ประตูบานนั้นทำให้หญิงสาวได้สติอีกครั้ง หันกายมามองดูบานประตูด้านนอกห้อง เปลือกตาคู่สวยเปิดกว้างเพื่อให้พลอนทิพย์สังเกตได้ชัดๆ ว่ากรินทร์กลับมา หรือมีใครอื่นมาเคาะ... เธอคิดว่ากรินทร์อาจจะกลับมาเร็วก็ได้ จึงก้าวเท้าไปพลางวางแก้วไวน์เสียงรองเท้าส้นสูงดังเป็นระยะๆ
พลอยทิพย์เผลอหลับไประหว่างนอนรอกรินทร์กลับมา เธอไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน ไปทำธุระสำคัญอะไร ภายในความมืดมิดที่เงียบสงบ พลอยทิพย์ยังคงหลับใหลอยู่โดยไม่รู้สึกตัวเพียงบางเสียงดังขึ้น เมื่อประตูห้องเปิดออก ปรากฏร่างในเงามืดค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า เสียงแผ่ว เงาหนาซึ่งเป็นเรือนร่างของชายหนุ่มก้มหน้ามองดูหญิงสาวนอนหลับลึกชายในเงามืดมิได้เปิดไฟ เขาค่อยๆ ถลกเสื้อนอกออก และค่อยๆ เปลื้องผ้าจนเหลือเพียงตัวเปลือยเปล่า เขาเหนื่อยเกินกว่าจะร่วมรักกับพลอยทิพย์ จึงทำได้เพียงแค่หย่อนก้นลงขอบเตียง ค่อยๆ เปิดผ้าห่มเบามือที่สุด พลางสอดตัวเข้าไปนอนสวมกอดเธอพลอยทิพย์รู้สึกตัวเล็กน้อย เหมือนมีอะไรมาเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ ดวงตาค่อยๆ กะพริบตาถี่ๆ ปรือตื่น พยายามลืมตามองข้างๆ ว่ากรินทร์กลับมาแล้วใช่รึเปล่า... เธอพบว่าเขานอนหลับไป ราวกับคนเหน็ดเหนื่อยมามาก บางทีธุระของเขาอาจจะทำให้เขาไม่สามารถดำเนินกิจกรรมในคืนนี้ต่อไปได้“ฝันดีนะ ทิพย์” น้ำเสียงนวลนุ่มของกรินทร์กล่าวกับเธอก่อนจะหลับตาลง และนอนหลับไปอย่างเหนื่อยล้า หญิงสาวยิ้มหวานและสวมกอดสามีภายใต้ผ้าห่ม แทนที่จะได้มีการร่วมรักสืบพันธ์“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ที่รัก
พิธีแต่งงานได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมด้วยขบวนเพื่อนเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าสาวขนาบอยู่ไม่ไกลมาก รวมไปถึงแขกผู้มีเกียรติมากมายต่างตรบมือต้อนรับยินดีกับคู่บ่าวสาวท่ามกลางการแสดงความยินดีของผู้คนมากมาย อวยพรให้แก่กรินทร์และพลอยทิพย์ ต่างเป็นช่วงเวลาสาธารณะและเชื้อเชิญให้ทุกๆ คนร่วมรับประทานอาหาร และสนุกกับแสงสีเสียง เพลงบรรเลงบรรยากาศอบอุ่นกรินทร์มอบแหวนอันเลอค่า สวมใส่ในนิ้วนางของพลอยทิพย์ พลางหอมแก้มเธอประโลมหวานด้วยคำบอกรัก ต่อหน้าสาธารณะชนมากมาย เสียงยินดีโห่ร้องกึกก้องจากเพื่อนเจ้าสาว ส่งเสียงร่วมแสดงความยินดีกับพลอยทิพย์มากมายแค่ไหนแต่ภายในจิตใจของหญิงสาวกลับรู้สึกข่มขืน เมื่อแววตาของเธอมองสบกับกรินทร์แล้ว เพียงแวบหนึ่งเมื่อเขาละสายตาเธอ ดวงตากลมใสเป็นประกายเหลือบมองข้ามเจ้าบ่าวของตัวเอง สบตากับศุภวัฒน์พอดีเพื่อนเจ้าบ่าวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรินทร์ ต้องรีบหันกายเลี่ยงหนี เกรงว่าเพื่อนรักจะล่วงรู้ว่า เจ้าสาวแสนสวยแอบปันใจให้เขา แม้ว่าศุภวัฒน์จูบเธอก่อนกรินทร์จะสวมแหวนแต่งงานให้พลอยทิพย์ไปก่อนล่วงหน้านี้... เขาเก็บงำความรู้สึกเอาไว้ฝืนยิ้มปรบมือร่วมยินดี ราวกับอุปทาหมู่ กับธีมเพื่อนเจ้าบ่า
ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา พลอยทิพย์มิได้พบกับกรินทร์อีกเลย นับตั้งแต่วันนั้นที่เสียความบริสุทธิ์ไป เธอไม่ค่อยได้คิดถึงกรินทร์ แต่กลับคิดถึงบันนี่บอยที่แสนหวาน เขาทำให้หัวใจเธอหวั่นไหวมากมายเพียงใด ทำให้เธอลืมความคิดถึงกรินทร์ไปเสียสนิทหญิงสาวค่อนข้างซึมเศร้า และไม่เป็นอันกินอันนอน เธอยังเฝ้าถามตัวเองว่าการแต่งงานกับกรินทร์ มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วรึ การหมั้นหมายซึ่งฝ่ายผู้ใหญ่จัดหามาให้ และเธอกับกรินทร์ก็เข้ากันได้ดี เขาเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็ค มีหน้าที่การงานดี รูปลักษณ์ดี บุคลิกดี มีอัธยาศัยดี เขาเป็นผู้ชายที่ใฝ่ฝันของเหล่าสาวๆ ทั้งปวงแม้เพื่อนสาวแสนสนิททั้งหก ได้พบกับกรินทร์ครั้งแรก พวกเธอยังอยากจะอ่อย ทำนกใส่เพื่อทำให้กรินทร์หวั่นไหว แต่เขายังมุ่งมั่นที่จะมีเพียงพลอยทิพย์ รอวันที่ดี และเรื่องราวดีๆ กับครั้งแรกของเธอกับเขาพลอยทิพย์ล้มตัวลงนอนบนเตียงเดี่ยวขอตัวเอง นอนกอดหมอนข้าง ดวงตากลมสวยเหม่อมองเพดาน เธอยอมรับว่ารักในความดีของกรินทร์ แต่เธอกลับไปคิดถึงชายอื่น ซึ่งพบกันแค่ไม่กี่ชม. ร่วมรักกับเขาอย่างเร่าร้อน มันช่างเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษ และยอดเยี่ยมมากเพียงแค่คิดถึง หญิงสาว
กางเกงในตัวจิ๋วสีชมพูตัวเล็กๆ ยังถูกเกี่ยวดึงให้หลุดจากเรือนขาเรียวบางทั้งสอง มือหนาทั้งสองจับสะโพกเธอตั้งชัน เพื่อปล่อยให้ช่วงล่างของเธอลอยตั้งให้ได้ตำแหน่งหญิงสาวรู้สึกเลือนรางว่าถูกจัดท่าให้ถ่างขาออก จะอะไรตอนนี้ก็ช่าง เธอรู้สึกเร่าร้อนและอารมณ์แปรปรวนอย่างบอกไม่ถูก กระวนกระวายและอึดอัด รู้สึกไม่สบายตัวไปเสียหมดบางอย่างที่นวลนุ่มเปียกฉ่ำ กำลังตวัดรัวๆ ใกล้ยอดเม็ดแข็ง และสองแขนแกร่งกำลังเกาะเรือนต้นขาของเธอเอาไว้แน่น บันนี่บอยนอนหงาย สอดกายช่วงบนเข้าไปใต้ร่างของเธอช่วงล่างพลางใช้ลิ้นเลียของหวานใต้ร่างของเธอซึ่งตั้งชันหัวเข่ายกช่วงล่างลอยสูง พลอยทิพย์รู้สึกดีสุดๆ เคลิบเคลิ้มเหม่อลอยเพลิดเพลินจนเสียวตัวเกร็ง และหลงระเริงไปกับอารมณ์มากมาย ซึ่งบันนี่บอยกำลังปรนเปรอให้แก่เธอ“อ้า!!! ...” พลอยทิพย์ครวญครางอย่างลืมตัว เธอรู้สึกดีอีกครั้งแบบเดียวกับกรินทร์ มันทำให้เธอลืมตัวไปเสียสนิทว่า ยามนี้เธอมิได้มีอะไรกับกรินทร์ และกำลังอยู่กับบันนี่บอย ของขวัญสุดพิเศษจากเพื่อนเจ้าสาวมอบไว้ให้...บันนี่บอยรู้สึกชอบและใช้ลิ้นตวัดโลมเลียเจ้าสาวซึ่งคร่อมร่างเหนือศีรษะเขา มันเป็นอารมณ์ที่วิเศษสุด เพราะเ