แชร์

We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ
We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ
ผู้แต่ง: มินิซ่าส์

บทที่ 1 ครั้งแรกที่เจอ

ผู้เขียน: มินิซ่าส์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-28 16:00:46

เคยไหมครับ หลังจากผ่านเรื่องราวร้ายๆ มา ทำให้เราอยากนอนเฉยๆ อยู่บนเตียง ไม่อยากขยับไปทางไหน

เคยไหมครับ เอาแต่คิดซ้ำๆ ว่าทำไม ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมผมถึงทำอะไรไม่ได้เลย

ครับ ตอนนี้ผมเป็นแบบนั้นอยู่ เรื่องอะไรน่ะหรอครับ คงต้องย้อนกลับไปในวันนั้น วันที่ผมเจอ เขา เป็นครั้งแรก...

“นาย ทำไรอะ” เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง อายุราวๆ 10 ขวบ ดวงตากลมโต ผมสีน้ำตาลอ่อน จมูกรั้นนิดๆ ริมฝีปากบางสีชมพูเล็กๆ นั้น ช่างดูน่ารักน่าชัง แต่ไม่ใช่สำหรับผมในตอนนี้

“ออกไป!!! อย่ามายุ่ง!!!” ผมตะโกนใส่หน้าของเด็กคนนั้น แต่เด็กนั่นไม่ได้รู้สึกเลยสักนิด ไม่ได้มีความรู้สึกกลัวอยู่ในสายตานั้นเลย แต่กลับฉายแววของความสงสัยและเป็นกังวล

“เป็นไรอะ อารมณ์ไม่ดีหรอ ยิ้มหน่อยนะ” ผมไม่ได้ตอบอะไรกับเด็กคนนั้นไป ได้แต่จ้องมองเขาอย่างเงียบๆ ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ แต่เด็กคนนั้นไม่ได้หายไปไหนเลย ทำหน้าเหมือนพยายามนึกถึงเรื่องที่จะคุย และสุดท้ายเขาก็เอ่ยปากออกมา

“เราชื่อนายนะ แม่เราตั้งว่าเจ้านายละ อายุ 10 ขวบแล้ว นายละ ชื่ออะไรหรอ ทำไมทำหน้าเศร้าจัง?” เด็กคนนั้นแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ แต่คำถามของเขาทำให้ผมต้องก้มหน้าลง ทำไมน่ะหรอ ทำไมถึงทำหน้าเศร้า หึ เพราะตอนนี้ผมได้แต่นั่งอยู่หน้าป้ายหลุมศพ ที่มีรูปพ่อและแม่ของผมอยู่บนป้ายนั้น ส่วนสาเหตุนั้น ผมมั่นใจว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ ถึงผมจะยังเด็ก ยังอายุน้อย แต่เรื่องราวธุรกิจในครอบครัว ก็ทำให้ผมรับรู้อะไรหลายๆ อย่าง ได้รับรู้ว่าโลกนี้มันช่างชั่วร้ายและไม่น่าอยู่เอาเสียเลย แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก สักวัน ผมจะหาพวกมันให้เจอ จะจัดการมันอย่างสาสม ให้สมกับที่มันทำกับผม ทำกับครอบครัวของผม

“อย่าร้องไห้เลยนะ ไม่เป็นไรหรอก” มือเล็กๆ นั้นเอื้อมมาปาดน้ำตาที่ไหลรินรดแก้มของผม ผมหลับตา ยอมรับสัมผัสอ่อนโยนที่เด็กผู้ชายคนนั้นมอบให้ เมื่อลืมตาขึ้น ผมมองพิจารณาเด็กชายตรงหน้าอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น ทำให้ผมมองเห็น ว่านอกจากหน้าตาของเด็กชายที่ดูน่ารักคนนี้แล้ว การแต่งตัวของเขาบ่งบอกถึงสถานะได้ดี เสื้อตัวเก่า มีรอยขาดที่รอบคอและรอบแขน กางเกงที่ใส่เป็นกางเกงบอลของเด็กๆ แต่สภาพก็ไม่ได้ต่างไปจากเสื้อเท่าไหร่นัก ผิดจากผมที่ใส่สูทผูกไท แต่งตัวเรียบเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ทั้งชุดที่ผมใส่ล้วนเป็นสีดำ และมันดูไม่เข้ากันเท่าไหร่นักเมื่อผมนั่งอยู่บนพื้นหญ้า

“นายอยู่แถวนี้หรอ” ผมเอ่ยถามนายไปอย่างไม่รู้จะคุยอะไร อีกอย่างผมก็ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครเท่าไหร่

“เปล่าหรอก วันนี้แม่พามาหาพ่อด้วยน่ะ นั่นไง” เมื่อผมมองตามนิ้วมือเล็กๆ นั้นไป ก็เห็นป้ายหลุมศพที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก

“อืม” ผมตอบกลับไปแค่นั้นและไม่ได้พูดอะไรอีก นายมองหน้าผมนิ่ง และเริ่มพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอกนะ แม่บอกนายว่า พ่อนายไม่ได้หายไปไหน แค่ยืนมองอยู่บนฟ้า ถ้านายเป็นเด็กดี สักวันหนึ่งนายจะได้ไปหาพ่อละ เพราะงั้น อย่าร้องไห้เลยนะ” นายพูดพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้ผม ที่มันยังคงไหลอยู่เรื่อยๆ อย่างนั้นโดยไม่มีเสียงบ่นใดๆ ออกมา ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร จึงได้แต่นั่งเฉยๆ ไปอย่างนั้น และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอเขา

ผม เนม ครับ ชื่อจริงของผมคือ วรวิทย์ วรโชติวาทิน ที่บ้านผมทำธุรกิจหลายอย่างครับ ทั้งโรงแรม รีสอร์ต ธุรกิจด้านยานยนต์ และ อาหาร ซึ่งมีผมเป็นผู้บริหารจัดการทั้งหมด เนื่องจากพ่อและแม่ของผมเสียไปเมื่อผมอายุ 17 ปี ทำให้ผมต้องเข้ามารับหน้าที่และกิจการของพวกท่านแทน ตั้งแต่ตอนนั้นมา ก็ผ่านมา 8 ปี แล้วครับ ตอนนี้ผมอายุ 25 ถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ ไฟแรง และมีเสน่ห์เหลือเฟือ แต่นั่นก็เป็นแค่บทสัมภาษณ์จากนิตยสารต่างๆ ที่เคยเข้ามาทำการสัมภาษณ์ผมเท่านั้นล่ะ จากการที่ผมต้องเข้ามารับตำแหน่งหน้าที่นี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้ผมรับรู้อะไรๆ หลายอย่าง ว่าโลกนี้ไม่ได้สวยหรูอย่างคิด ไม่ได้มีคนดีไปเสียหมดทุกคน ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงตามหาสาเหตุที่แท้จริงถึงการตายของพ่อแม่ผมอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังไม่ได้อะไรคืบหน้าสักเท่าไหร่ก็ตาม

“อ้าว ยังไม่กลับอีกหรอเนม”

“ยังครับ ผมขอตรวจสอบรายการอีกนิดหน่อย ใกล้เสร็จแล้วละครับ” ผมตอบกลับลุงชาญ หรือก็คือคุณชาญชัย วรโชติวาทิน เป็นพี่ชายของพ่อผมเองครับ เมื่อผมยังเด็กและต้องเข้ามารับตำแหน่งนี้ ผมก็ได้ลุงชาญนี่แหละครับ ที่เข้ามาช่วยเหลือและสอนงานต่างๆ ให้

“อ้อหรอ อย่ากลับดึกมากนักละ งั้นลุงกลับก่อนนะ โชคดีๆ” ลุงชาญพูดและหยิบกระเป๋าเอกสารออกไป เพื่อกลับบ้านไปพักผ่อน ผมทำงานต่ออีกนิดหน่อยก็เก็บของเตรียมกลับบ้านเช่นกันครับ ผมเดินเอื่อยๆ มาจนถึงลานจอดรถ ซึ่งมีรถสปอร์ต คันหรูของผมจอดอยู่เพียงคันเดียว ผมปลอดล็อกรถและเข้าไปนั่งประจำที่คนขันก่อนจะเคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็ว ผมขับรถมาเรื่อยๆ จนพ้นออกจากตัวเมือง มาแถบชานเมือง บ้านของผมตั้งอยู่เขตชานเมืองครับ แม้จะต้องใช้เวลาสามชั่วโมงกว่า ในการไปและกลับ แต่ผมก็เลือกที่จะอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ไปพักตามคอนโดในเมืองกรุงแต่อย่างใด

“เฮ้ย!!!”

เอี้ยดดดดดดดดดดดดดดดดด ตึง!!

ผมร้องอย่างตกใจ เนื่องจากมีคนวิ่งตัดหน้ารถของผม ทำให้ผมเหยียบเบรกกะทันหัน จนล้อรถขูดไปกับพื้นถนน และหมุนวนอย่างไรทิศทาง ชนกับขอบกั้นถนนจนเกิดเสียงดังสนั่น บ้าเอ้ย!!!! ผมนั่งหอบหายใจอย่างรุนแรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อผมสงบสติอารมณ์ลงได้ ก็เปิดประตูรถลงมาอย่างหัวเสีย รีบเดินไปดูคนที่สลบอยู่ตรงมุมที่ผมหักหลบเขาอย่างรวดเร็ว

“คุณ! คุณ! นี่คุณ! ฟื้นสิ” ผมเริ่มทำการสำรวจตามร่างกายของเขา เพื่อหาร่องรอยบาดแผลตามตัว แต่ไม่พบแผลจากตรงไหนในร่างกายของคนตรงหน้านี้เลย ทำให้ผมโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง แต่คนตรงหน้าก็ยังไม่มีท่าทีที่จะฟื้นขึ้นมา ทำให้ผมเริ่มกังวล และอุ้มเขาขึ้นรถ ตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที เมื่อผมไปถึงโรงพยาบาล ก็แจ้งเจ้าหน้าที่พยาบาลอย่างรวดเร็ว ถึงสาเหตุ และอาการเบื้องต้นที่ผมเจอ และส่งตัวเขาให้กับพยาบาลต่อทันที

“คุณคะ อันนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของคนไข้ค่ะ”

“อ่อ ครับ” ผมรับของเหล่านั้นมาจากนางพยาบาล และเริ่มสำรวจดู อืมมม ไม่ได้มีของอะไรมากมายเท่าไหร่นัก มีเพียงกระเป๋าสตางค์และนาฬิกาหนึ่งเรือนเท่านั้น ผมหยิบกระเป๋าสตางค์ของเขามาดู พบว่ามีเงินอยู่ไม่กี่ร้อยบาท และหยิบบัตรประชาชนของเขาขึ้นมาตรวจสอบ ชื่อของเขาคือ เจ้านาย พัชรวิทิต ผมเก็บข้าวของ ของเขาตามเดิม ผมได้จัดการเรื่องต่างๆ ของคนไข้ที่หมดสตินั้น และจัดให้เขาอยู่ห้องพัก VIP เมื่อผมมั่นใจว่าจัดการเรื่องต่างๆ เรียบร้อยแล้วจึงเดินทางกลับบ้าน ระหว่างนั้นผมต่อสายหาลุงชาญไปพลางๆ

“ฮัลโหล ว่าไงเนม โทรมาซะดึกเชียว มีอะไรด่วนรึ”

“ขอโทษครับลุงชาญ ผมจะโทรมาแจ้งว่าพรุ่งนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะครับ ผมฝากลุงเข้าประชุมแทนผมด้วยนะครับ”

“อ้อๆ ได้สิ มีไปธุระด่วนที่ไหนรึ” ลุงชาญถามผมอย่างทุกทีที่ผมมีงานด่วนต้องไปต่างประเทศบ่อยๆ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่

“ผมไม่ได้ไปไหนหรอกครับ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย มีคนบาดเจ็บด้วยผมเลยจะมาดูอาการของเขาวันพรุ่งนี้น่ะครับ”

“ห๊ะ!!! เกิดอะไรขึ้นเนม เป็นอะไรมากไหม เจ็บตรงไหนบ้าง ให้ลุงไปหาไหม” ลุงชาญยิงคำถามมารัวๆ ด้วยน้ำเสียงที่ตกใจเป็นอย่างมาก

“ไม่เป็นอะไรครับลุงชาญ ผมชนขอบถนนไป พอดีผมไม่ได้ขับแรงเท่าไหร่ ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”

“อ่าๆ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ว่าแต่ตรวจแน่ใจแล้วใช่ไหม ไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ”

“ครับลุงชาญ ไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ”

“โอเคๆ งั้นรีบกลับไปพักผ่อนนะ มีสติให้มาก ขับรถอย่าประมาทละ”

“ครับ สวัสดีครับ” ผมวางสายจากลุงชาญและมุ่งหน้าตรงกลับบ้านเพื่อพักผ่อนทันที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 58 เด็กหลง

    ตอนนี้ผมกำลังยืนตัวหนาวสั่นอยู่ที่ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ โดยมีชายรูปร่างสูงใหญ่ร่างกายกำยำ เจ้าของใบหน้าคมคายในมาดที่นิ่งขรึมของประธานบริษัทยืนอยู่คู่กัน ฝ่ามือถูกกุมกระชับไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่น ขณะรอรถที่เช่าไว้มาส่งให้ที่บริเวณด้านหน้าครับ ใช่ครับ เรากำลังอยู่ที่ลอนดอน เพราะผมเองที่เอ่ยปากว่าอยากไปเที่ยว พี่เนมก็จัดการให้ในทันที ตอนแรกผมคิดว่าเราคงจะเที่ยวกันใกล้ๆ ไม่ไกลบ้านสักเท่าไหร่ หากแต่คนข้างกายนี้กลับจองตั๋วเครื่องบิน ที่พักให้พร้อมสรรพโดยหลังจากที่ผม อ่อ หลังจากที่พี่เนมชวนผมล้างรถนั่น เราก็นอนพักเอาแรง นอนคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย ในช่วงเย็นของวันพี่มาคัสก็โทรมาแจ้งว่าชิ้นส่วนที่ส่งไปที่ต่างประเทศนั้นมีปัญหา แล้วเป็นทั้งล๊อต มูลค่าไม่ใช่น้อยๆ จนพี่เนมต้องรีบบินมาไกลถึงลอนดอนนี้เอง โดยหลังจากที่ทราบข่าวเราก็พากันเก็บข้าวของ รีบบึ่งรถออกมาจากบ้านทันที ตรงดิ่งเข้าบ้านแล้วจัดกระเป๋าอย่างรวดเร็ว พี่เนมนะครับ ไม่ใช่ผม ผมเองก็ช่วยพี่เนมเก็บกระเป๋า นั่งพับผ้าใส่ให้ อย่างเหงาหงอย ก็อุตส่าห์ได้ลาหยุด 1 อาทิตย์ พึ่งใช้ไปแค่ 2 วันเอง ส่วนพี่เนมแม้จะลาพักร้อนแล้ว แต

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 57 ซักผ้า NC+++

    ในเช้าวันนี้ผมตื่นมาพร้อมกับความสดชื่นและสดใสอย่างที่สุดในรอบหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา หันมองข้างกายก็ไม่พบพี่เนมแต่อย่างใด คิดว่าคงจะไปออกกำลังกายที่ข้างล่างหรือไม่คงไปหาอะไรมาทานเป็นอาหารเช้า ผมจัดการลุกขึ้นจากฟูกนอน ความเจ็บแสบที่ช่องทางรักทำให้ผมมีความสุขแทนที่จะทรมานจากการขยับตัวจนอดยกยิ้มออกมาไม่ได้ ผมเดินเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็นำผ้าทั้งหมดที่ใช้แล้วเดินไปทางหลังบ้าน ซักผ้าสักหน่อยครับ เดี๋ยวจะไม่มีใส่เอา เมื่อเดินลงมาแล้วก็ไม่พบพี่เนมแต่อย่างใด แถมรถสปอร์ตคู่ใจก็หายไปด้วย คิดได้อย่างเดียวคือออกไปหาอะไรมาทานแน่ๆผมละความสนใจในการตามหาพี่เนม เดินไปรองน้ำใส่กะละมัง เมื่อน้ำพอประมาณแล้วก็เอาผงซักฟอกที่อยู่ในกระปุกใกล้ๆ กันนั้นมาใส่ในน้ำ ตีกระจายฟองอยู่ชั่วครู่จนแน่ใจว่าละลายดีแล้ว ถึงได้เอาผ้าลงใส่ แล้วรองน้ำใส่กะละมังใบอื่นแทนเพื่อใช้สำหรับล้างน้ำเปล่า ผมขยี้ผ้าไปด้วย เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะสะอาดจริงๆ เริ่มซักผ้าได้ไม่นาน เสียงรถยนต์ก็ดังให้ได้ยินจากด้านหลัง จนผมต้องหันไปมอง พี่เนมก้าวขาลงจากรถพร้อมกับอาหารมากมายทั้งของคาวของหวาน ทั้งปรุงเสร็จแล

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 56 ชดเชย NC+++

    “ลงกันเถอะครับ นายคงจะหิวแย่แล้ว” พี่เนมจัดการปลดล็อกรถแล้วก้าวเดินลงไป ทำให้ผมหันมองรอบๆ ตัวด้วยความสนใจ สถานที่แห่งนี้เหมือนกับน้ำตกเลยละครับ มีร้านค้าต่างๆ มากมาย เพราะว่ายังเช้าอยู่คนเลยบางตา ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ผมรีบเปิดประตูก้าวเท้าตามลงไป พี่เนมจัดการกดล็อกรถไว้ แล้วกุมมือผมให้เดินไปด้วยกัน“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนหรอครับ”“น้ำตกวังตะไคร้ครับ”“นครนายก?” พี่เนมพยักหน้าเป็นการตอบรับ ส่วนผมกะพริบตาปริบๆ มันไม่ได้ไกลจากบ้านพี่เนมเลยสักนิด!!!! ลุงชาญอุตส่าห์จับผมมา จับมาไกลแค่เนี้ยะ??? ผมถอนหายใจ ส่ายหัวนิดๆ ไอ้เรารึนึกว่าจะถูกจับมาไกลสุดสายตาของพี่เนม คิดว่าจะกักขังไว้ไม่ให้ได้เจอกันโดยง่าย แต่กลับอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง ผมอดหัวเราะหน่อยๆ ออกมาไม่ได้ สายตาหันไปมองร้านข้างทางที่มีอยู่เต็มไปหมด ก่อนจะหันไปเห็นเสื้อลายดอกสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสามส่วน เหมือนอยู่ในฮาวาย หันมองคนข้างกายที่ยังอยู่ในชุดคอเต่าแขนยาวสีดำกับกางเกงทหารมีกระเป๋าเยอะๆ ที่เนื้อผ้าดูแล้วไม่ระบายอากาศเท่าไหร่ผมเดินเข้าไปในร้านนั้น หยิบจับเส

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 55 ที่พึ่งพิง

    ผมเอื้อมมือลูบหน้าของพี่เนมที่ตอนนี้เหมือนตกอยู่ในภวังค์ นิ้วโป้งของผมลูบรอยคล้ำใต้ตา ไล่ลงมาจนถึงแก้มตอบหน่อยๆ และมาจบอยู่ที่ปลายคางที่เริ่มมีไรหนวดขึ้นมาให้เห็น ใบหน้าของพี่เนมโทรมลงไปมาก คงเพราะปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าอยู่ในตอนนี้ และผมเองก็คงเป็นส่วนหนึ่งของปัญหานั้นเช่นกัน ผมดึงรั้งตัวพี่เนมให้เข้ามาซบพิงกับไหล่ของผม จนคนตัวโตต้องโค้งตัวลงตาม พี่เนมวางหัวไว้ที่บ่าของผม รอบข้างตกอยู่ในความเงียบงัน แขนทั้งสองข้างของผมตระกองกอดคนตรงหน้านี้ ฝ่ามือลูบเส้นผมหนาดกดำนุ่มมือ อีกข้างลูบหลังแผ่วเบาปลอบใจ เรายืนกอดกันนิ่งๆ จนผมรับรู้ถึงความฉ่ำชื้นที่บนบ่า ก่อนจะพูดออกมา“ร้องมาเถอะครับ ผมบอกแล้วไง ผมจะยืนอยู่ข้างพี่ ผมจะเป็นพละกำลังให้พี่ และผมจะเป็นแรงใจให้พี่เอง” ไหล่กว้างที่เคยตั้งตรง สูงสง่า สั่นไหวน้อยๆ พร้อมกับความชุ่มชื้นที่เพิ่มมากขึ้น จนบ่าของผมเกิดเป็นรอยน้ำตา ผมกอดคนตรงหน้าให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ พูดปลอบใจไปเบาๆ อยากจะช่วยให้พี่เนมผ่านพ้นความทุกข์ทรมานนี้ไปได้“พี่... ไม่เคยคิดเลย อึก ว่าคนที่พี่ตามหามาตลอด คนที่เป็นคนวางแผนทั้งหมด จะเป็นแม่ของพี

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 54 ความจริงปรากฏ

    ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ อาการบาดเจ็บเริ่มดีขึ้นมาก ผมก็นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้อง ไม่ได้ออกไปที่ไหน ถึงจะอยากออกไปก็คงออกไม่ได้อยู่ดี เพราะมีพวกพี่ๆ เข้าเฝ้าอยู่เต็มไปหมด แต่ว่าที่นี่ก็มีคนเข้าออกอยู่ตลอด ก็คือป้าที่คอยเอาข้าวปลาอาหารมาส่งให้กับคุณหมอที่คอยแวะเวียนมาตรวจอาการตอนนี้ก็ 5 วันเข้าไปแล้วที่ผมโดนจับตัวมา ผมเองทั้งวันก็ไม่ได้ทำอะไร นั่งดูคลิปวนไปอยู่แบบนั้น ทุกครั้งที่ได้ดูก็จะแสดงอาการทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งเสียใจ และดีใจ ปะปนกันไปหมด หลากหลายอารมณ์ จนคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นบ้าไปเสียแล้ว แต่สิ่งหนึ่งเลยที่อยู่ในความคิดของผมมาตลอดก็คือ ผมคิดถึงพี่เนม ผมอยากกลับบ้าน อยากไปเจอหน้าเขา อยากอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ นั้น ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยกให้ผมเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ ผมคิดถึงพี่เนมอย่างที่สุด ไม่รู้ว่าคนตัวโตจะตามหาผมขนาดไหน ไม่รู้ว่าจะคลุ้มคลั่งไปไหมที่หาผมไม่เจอ พี่จะรู้บ้างไหมว่าผม คิดถึง....ผมนั่งคิดอะไรไปเรื่อยจนมาถึงช่วงเย็นของวัน พี่มอสก็บอกให้ผมลงไปหาที่ด้านล่าง นายของพี่มอสอยากจะคุยด้วย ทำให้ผมตาลุกวาว ผมจะได้เจอคนที่จับผมมาแล้วใช่ไหม จะใช่คนที่ผมคิดไหมนะ ผมคิดพ

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   บทที่ 53 เนื้อความภายในคลิป

    หลังจากที่ผมสั่งงานมาคัสเสร็จ ผมก็ขับรถตรงกลับบ้านทันที ผมถึงบ้านในราวๆ 5 ทุ่มของวัน ผมเดินเข้าบ้านด้วยสภาพอ่อนระโหยโรยแรง ไม่มีแม้แต่แรงจะเดิน ผมพาร่างตัวเองเดินมาเรื่อยจนถึงห้องนอน ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างอ่อนล้า กลิ่นหอมจางๆ ยังอยู่ทั่วทุกอณูภายในห้องนอน กลิ่นหอมของคนตัวเล็กที่ทำให้ผมโหยหา อยากกอด อยากสัมผัส ไม่อยากให้ระหว่างเราเป็นอย่างนี้ผมคว้าหมอนที่เจ้านายใช้หนุนนอนมาตระกองกอดไว้ เปรียบเสมือนตัวแทนของเจ้านายในช่วงเวลานี้ ฝั่งหน้าลงบนหมอนนุ่ม สูดลมหายใจเข้าลึก ติดตรึงอยู่ในภวังค์ของห้วงคำนึง น้ำสีใสไหลออกจากหางตา ตกกระทบกับหมอนใบใหญ่ ก่อนจะซึมหายไปในที่สุด หยดที่หนึ่ง.... หยดที่สอง.... หยดที่สาม.... ก่อนจะไหลออกมาไม่ขาดสาย ซึมลงไปในหมอนใบโตผมใช้มือแตะที่ใบหน้าของตัวเองอย่างแปลกใจ ก่อนจะพบว่าน้ำสีใสติดมือมา นี่ผม.... ร้องไห้?“ฮึก อึก” ผมกลั้นสะอื้น ปกปิดเสียงร้องไห้ของตัวเอง ซุกหน้าลงบนหมอน สูดกลิ่นกรุ่นของคนร่างบางที่ติดอยู่อย่างเจ็บปวด ผมยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าผมเสียใจ เสียใจอย่างที่สุดแล้ว ความเจ็บปวดที่ไม่มีเสียงนี้ บาดลึกลงที่กลางใจ เพราะผมเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status