"พูดตามตรงนะคะ เรื่องแจกันที่เสียหายมันไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลย ฉันแค่เป็นคนกลางมาไกล่เกลี่ยให้"
"ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ? ผมกลับคิดว่ามันเกี่ยวกับคุณสะอีกเพราะคนทำแตกยังไม่เห็นโผล่หน้ามาเลย"
"ฉันเป็นเด็กในบ้านนั้น ท่านเป็นนายผู้หญิง และท่านก็มีสิทธิ์ใช้ฉัน"
"ก็นี่ไงเราก็วนกลับมาเรื่องเดิม ถ้าคุณอยากให้เรื่องนี้มันจบ คุณต้องไปทำงานกับผมเท่านั้น หรือไม่ก็เอาเงินตามที่ผมบอกมาคืนภายในสองวัน"
"เดี๋ยวก่อนสิคะ" อยู่ดีๆ เขาก็ลุกเดินออกไป ข้าวปุ้นเลยต้องรีบเดินตามหลัง
"หรือคุณมีเงินจะมาชดใช้ผมแล้ว"
"เงินเยอะขนาดนั้นฉันไม่มีหรอกค่ะ ไหนๆ ฉันก็จะได้ไปช่วยงานคุณอยู่แล้ว"
"มันไม่เหมือนกัน"
"ฉันเข้าใจค่ะฉันก็จะช่วยงานคุณให้นานหน่อยไง ฉันคงลาออกจากที่นี่ไม่ได้ เพราะฉันมีคนที่ต้องทดแทนบุญคุณ"
"ก็ได้ ถ้างั้นคุณก็ช่วยงานจนกว่าผมจะเป็นคนบอกให้พอ"
"ถ้ามันนานหน่อยคุณก็คุยกับเจ้านายฉันเองแล้วกัน"
"แล้วเรื่องที่พักเหมือนกันผมจะให้คุณมาพักด้วย"
"คุณจะบ้าเหรอ"
"ถ้างั้นก็ยกเลิก"
"ฉันเป็นผู้หญิงคุณจะให้ไปพักด้วยได้ยังไง"
"ผมพักอยู่โรงแรม หรือคุณคิดว่าผมจะให้คุณพักห้องเดียวกัน"
"เอ่อ.." ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงดีย้ายออกจากบ้านหลังนั้นสุขภาพจิตของเธอก็คงจะดีขึ้นมาก แต่ถ้าย้ายออกเธอจะดูแลคุณพ่อของคุณหนูยังไงล่ะ
"ถ้ามันตัดสินใจลำบากนักก็ไปคุยกันให้เข้าใจให้เคลียร์ก่อนแล้วค่อยมาคุยกับผม"
เช้าของวันต่อมา.. จริงเหมือนที่เขาพูดนั่นแหละต้องคุยให้เคลียร์ก่อน ในใจเธอตอนนี้อยากออกจากบ้านมาก แต่มันยังมีบุญคุณที่ค้ำคออยู่นี่สิ
"ว่ายังไงบ้าง" ยังไม่ลงจากรถเลย เจ้ากรรมนายเวรก็เดินมายืนอยู่หน้ารถแล้ว
"คุณผู้หญิงอาจจะไม่ได้เสียเงินสักบาท แต่ทางนั้นบอกว่าให้ฉันไปทำงานใช้หนี้ให้"
"มีแบบนี้ด้วยเหรอ งั้นแกก็รีบไปสิ"
"ฉันต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น และต้องทำงานจนกว่าทางนั้นจะพอใจ"
"ตกลงรีบเก็บของออกไปเลย"
"ฉันยังไม่ได้คุยกับคุณอัปสรเลย"
"แกจะไปคุยอะไรกับมัน ตอนนี้แกถือว่าเป็นคนของบ้านหลังนี้ส่วนมันไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้แล้ว"
"ฉันขอคิดดูก่อนแล้วกัน" ว่าแล้วข้าวปุ้นก็เดินตรงไปทางห้องนอนของตัวเอง
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอก็ทิ้งตัวลงนอน แต่ยังไม่ทันได้หลับสนิทก็มีเสียงเคาะประตู
"คุณผู้หญิงบอกว่าให้ออกไปซื้ออาหารมาให้หน่อย"
"คนในบ้านมีตั้งเยอะทำไมไม่ใช้"
"ก็ไม่รู้สินะ รีบไปรีบกลับด้วยล่ะ"
เสียเวลาไปอีกเป็นชั่วโมง กว่าเธอจะกลับมาที่ห้องและก็เริ่มต้นนอนใหม่
ครั้งนี้หลับไปได้แค่ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูอีก
"มีอะไร"
"คุณผู้หญิงบอกให้เอาชุดไปที่ร้านซักอบรีดวันนั้น"
"ก็ให้คนรถเอาไปสิ"
"ก็ไปพูดกับคุณผู้หญิงเองสิ"
"อะไรวะเนี่ย" ข้าวปุ้นดันตัวลุกขึ้นมาแบบหัวเสีย จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ..เธอรู้ว่าที่เกตุแก้วทำไปคงก่อกวนให้เธออยู่ที่นี่ไม่ได้
วันต่อมาเหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีกจนข้าวปุ้นทนไม่ไหวแล้ว
คืนวันนั้นเธอเลยเข้าไปคุยกับเสี่ยนเรศวรเรื่องที่จะไปช่วยงานโรงแรม
"ช่วงนี้ยุ่งหลายอย่างฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย ทางนั้นว่ายังไงบ้าง"
"ทางนั้นบอกว่าถ้าพร้อมเข้าไปได้เลยค่ะ ข้าวอาจจะไปนานหน่อยนะคะ"
"ก็จนกว่างานจะลงตัวนั่นแหละ"
"มีอีกเรื่อง ข้าวขอไปพักที่นั่นค่ะ"
"คุณอัคคีว่ายังไงล่ะ"
"เขาจะให้พักที่โรงแรมค่ะ"
"ก็ดีเหมือนกันจะได้สะดวก ฝากเราด้วยนะ" ตอนช่วงงานแต่งของคู่แฝดทางนั้นก็ไม่คิดค่าใช้จ่ายสักบาท แถมยังจัดงานออกมาให้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง พอทางนั้นต้องการความช่วยเหลือนเรศวรเลยไม่ปฏิเสธ
"เสี่ยช่วยบอกคุณอัปสรด้วยนะคะ ว่าข้าวอาจจะไม่ได้พักที่บ้านสักระยะ"
"ได้สิ"
"อีกอย่าง คุณอัปสรเป็นห่วงเรื่องพ่อค่ะ"
"ฉันเข้าใจ เดี๋ยวฉันจะส่งคนเข้าไปดูแลท่าน"
"จริงหรือคะเสี่ย" เหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงไม่รู้ ถ้าให้เธอคิดเองคงคิดไม่ออก โชคดีที่นำเรื่องมาพูดกับเจ้านาย
ข้าวปุ้นออกมาจากห้องของเสี่ยนเรศวร ก็ตรงไปที่ห้องหัวหน้า วันนี้อลิสและระย้ากลับมาทำงานแล้ว
"หวังว่าคงได้ยินข่าวดีเร็วๆ นะคะคุณข้าว" ทั้งสองได้ยินเรื่องที่ข้าวปุ้นมาแจ้งว่าจะไม่ได้อยู่สักระยะก็รู้แล้วว่าจะไปไหน
"ข่าวดี?"
"ก็ไปอยู่ใกล้คนที่ตัวเองสนใจไงคะ"
โอ๊ยลืมไปอีกแล้วเรา หลายวันมานี่เรื่องแจกันทำให้เธอปวดหัวมากจนลืมเรื่องที่เคยโกหกระย้าไว้เลย
"ไฟท์ติ้งนะคะ"
"....ค่ะ"
วันต่อมาที่โรงแรม..
"ฉันมาขอพบคุณอัคคีค่ะ"
ผู้หญิงที่กำลังจะเดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ได้ยินว่ามีคนมาขอพบอัคคีเลยหยุดแล้วหันกลับไปมอง "เธอมาพบคุณอัคคีทำไม"
ข้าวปุ้นหันไปมองคนที่ถามโดยที่ยังไม่ให้คำตอบ เพราะเธองงกับน้ำเสียงที่ใช้ถาม
"ฉันถามว่าเธอมีธุระอะไรมาพบอัคคี" สายตาคนที่ถามมองสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
"ฉันจะมาช่วยงานที่นี่ค่ะ"
"ช่วยงาน? ช่วยงานอะไร??"
"เรื่องนี้คุณไปถามคุณอัคคีดูเองดีกว่าไหมคะ"
"ที่นี่ไม่มีงานให้เธอต้องช่วย กลับไปซะ"
"มีอะไรกัน"
"พี่เพลิง" น้ำเสียงเมื่อครู่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อพูดกับผู้ชายที่เข้ามาใหม่
"คุณมีธุระอะไรครับ" เพลิงก็คือพี่ชายแท้ๆ ของอัคคีและเป็นผู้บริหารระดับสูงของที่นี่ และผู้หญิงคนที่คุยกับข้าวปุ้นก็คือลูกสาวของหุ้นส่วน ถึงแม้จะยังไม่มีตำแหน่งตายตัวแต่ก็วนเวียนอยู่แถวนี้
"ฉันจะมาช่วยงานคุณอัคคีค่ะ ถ้าพวกคุณอยากรู้ก็ถามคุณอัคคีดู"
"เดี๋ยวอัคคีก็คงลงมา"
"พนักงานที่นี่ของเราก็เยอะแยะทำไมต้องให้คนนอกเข้ามาช่วยด้วยล่ะคะ"
"มีคนมาฝากเอกสารไว้ให้ฉันหรือยัง" เพลิงหันไปคุยกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้แล้ว
"พี่เพลิงคะ"
"ซัมเมอร์!" เพลิงรู้ว่าซัมเมอร์ลูกสาวหุ้นส่วนมีนิสัยยังไง โชคดีที่เธอไม่ได้เล็งเขาไว้
"ผู้หญิงคนนี้ต้องหว่านเสน่ห์ให้คุณอัคคีแน่เลยค่ะ"
"มีอะไรก็ไปคุยกับเจ้าตัวเองเดินมาโน่นแล้ว" เพลิงหยิบเอกสารจากพนักงานแล้วก็เดินออกไปข้างนอกเพราะต้องไปคุยงาน
"อัคคีคะ" ซัมเมอร์อายุเยอะกว่าอัคคีสองปีเลยจะเรียกพี่เหมือนเรียกเพลิงไม่ได้
"คุณมาแล้วเหรอ" อัคคีเดินตรงเข้าไปหาข้าวปุ้นโดยไม่ได้สนใจซัมเมอร์ที่เดินตรงดิ่งเข้ามาหาตัวเอง
"....ค่ะ"
"ตามผมขึ้นมาข้างบนสิ"
"แต่เรามีนัดไปทานข้าวกันนะคะ"
"ผมคงไปไม่ได้แล้ว คุณชวนพนักงานแถวนี้ไปทานเป็นเพื่อนแล้วกัน"
"อัคคีคะ!"
"??" ข้าวปุ้นเดินตามหลังอัคคีไปแบบงงๆ คนพวกนี้มีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่วะเนี่ย
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 140 ตอนจบ"ได้ยินแม่บอกว่าคุณยังไม่ทานข้าวเที่ยงเหรอ"แพรไหมพยักหน้าตอบไม่ใช่แค่ข้าวเที่ยงหรอกข้าวเช้ายังทานไม่ค่อยลงเลยด้วยความเป็นหมอเขาเลยสอบถามอาการของเธอให้แน่ใจ ว่าเธอมีอาการแพ้ท้องแบบไหนเพราะการแพ้ท้องมีหลายแบบ พอรู้ถึงอาการของเธอแล้วรังสิมันต์เลยเข้าไปในตัวเมืองเพื่อจัดยามาให้เธอทานก่อน และหาอาหารบำรุงครรภ์มาเตรียมไว้ให้เธอในระหว่างที่เขาทำเรื่องวันต่อมา.."แม่เก็บของทำไมคะ" แพรไหมเปลี่ยนเสื้อผ้านักศึกษาออกมาเตรียมจะไปเรียนแล้วก็เห็นว่าแม่กำลังเก็บของ"เราจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯไงลูก""ย้าย?""คุณหมอยังไม่บอกเราเหรอ""ยังไม่บอกค่ะ" เมื่อคืนนี้กินยาที่เขาให้ไปง่วงนอนมากเลยหลับ ตอนที่เธอหลับรังสิมันต์ออกมาปรึกษาแม่เรื่องนี้ ทั้งสองเลยตกลงว่าจะไปอยู่ที่นั่น แต่ก่อนนางอาจจะยังลังเลอยู่แต่ตอนนี้มีหลานเล็กๆ แถมหลานอีกคนก็กำลังจะเกิด นางจะเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไม่ได้แล้ว"แล้วพี่หมอล่ะลูก""ตอนนี้เข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ"ไม่นานรังสิมันต์ก็ออกมาจากห้องเห็นแม่ของเธอกำลังเก็บของอยู่พอดี"ตอนเช้าผมจะพาแพรไปคุยเรื่องเรียนก่อนนะครับ ช่วงสายๆ เดี๋ยวผมมาช่วยเก
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 139 >>{"สวัสดีครับคุณแม่ ผมนึกว่าแพร"} {"เมื่อกี้ยัยแพรก็อยู่ตรงนี้แหละ แต่ตอนนี้เข้าไปอ้วก"}>>{"แพรเป็นอะไรครับ?"} {"ตาหมอมีธุระด่วนจะคุยกับน้องไหมล่ะ"}>>{"พอดีว่าพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปสัมมนาที่ต่างประเทศครับเลยอยากจะคุยกับแพรก่อน ว่าแต่วันนี้แพรทานอะไรบ้างครับ"} เขาวินิจฉัยเธอผ่านทางโทรศัพท์ เพราะคนที่จะอาเจียนได้มีหลายปัจจัย แต่ก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายทั้งนั้นเลย ร่างกายถึงได้ขับของพวกนั้นออกมา {"วันนี้น้องไปเรียนแม่ไม่รู้ว่าที่มหาวิทยาลัยทานอะไรบ้างเดี๋ยวรอน้องออกมาก่อนนะลูก"}ไม่นานแพรไหมก็ออกมาแม่เลยบอกว่าคุณหมอรอสายอยู่ {"ค่ะคุณหมอ"}>>{"แพรมีอาการเป็นยังไงบ้าง"} {"เวียนหัวคลื่นไส้ค่ะ"}>>{"มีอาการเวียนหัวร่วมด้วยเหรอ? เป็นมากี่วันแล้ว"} {"หลายวันแล้วค่ะ แต่เป็นๆ หายๆ"}>>{"ไปหาหมอหรือยัง"} {"ทีแรกแพรนึกว่าอาการนี้มันจะหายไปแล้วเลยไม่ได้ไปหาหมอค่ะ"}>>{"ประจำเดือนเดือนนี้มาหรือยัง"} ประโยคต่อมาของคำถามทำให้แพรไหมถึงกับชะงัก {"เกี่ยวอะไรกับประจำเดือนคะ"}>>{"ตอบผมมาก่อน"} {"ยังไม่มาเลยค่ะ"}>>{"เดือนสุดท้ายมาวันที่เ
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 138เช้าวันต่อมา.."สายแล้ว" มือหนาเอื้อมไปบีบจมูกเธอเบาๆ เพื่อเป็นการปลุกให้ตื่น"อืม" นอกจากจะไม่ตื่นแล้วเธอยังคงฝังใบหน้าลงกับแผ่นอกของเขาแนบแน่นขึ้น"วันนี้วันศุกร์ต้องไปเรียนไม่ใช่เหรอ""ไม่ไป" เสียงงัวเงียเปล่งออกมาเบาๆ โดยที่ไม่ได้ขยับเขยื้อน"ไม่ไปไม่ได้""ถ้ากลับมากลัวไม่เจอคุณหมอ""ผมจะอยู่ที่นี่จนกว่าแม่จะกลับมา""จริงหรือคะ" จากที่งัวเงียอยู่เมื่อครู่ดูสดใสขึ้นมาทันทีทันใด"จริงสิ""ถ้าแพรไปเรียนคุณหมอก็เหงาสิคะ""ไม่เป็นไรหรอก"เขาไม่เป็นไรแต่เรานี่สิจะไม่ใจขาดก่อนเหรอ ยิ่งรู้ว่าเขารออยู่ที่บ้านเธอรู้ว่าตัวเองต้องคิดถึงเขามากแน่เลยแต่แพรไหมก็ต้องไปเรียนเดี๋ยวเขาหาว่าเกเรรังสิมันต์ขับรถของแม่มาส่งเธอที่มหาวิทยาลัย เพราะเขาไม่ได้เอารถมาด้วย ตอนมาที่นี่ก็ให้รถที่สนามบินมาส่ง"คุณหมอลงไปด้วยกันไหมคะ""ไปได้เหรอ" เขากลัวว่าเธอจะอายเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่มีแฟนอายุเยอะกว่า"ไปได้สิคะ" อยากจะอวดแฟนใจจะขาดอยู่แล้ว พอลงจากรถแพรไหมก็ควงแขนของคุณหมอเดินเข้ามาที่คณะ"แพร?" มีเพื่อนหลายคนที่รู้จักคุณหมอ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก "คนนี้เหรอคุณหมอสุดหล
ตุ๊บ! อยู่ดีๆ ร่างของจิรายุก็กระเด็นออกจากประตู"กรี๊ดด" สาวๆ สองคนที่ยืนรอลุ้นอยู่ด้านหลังตกใจกรีดร้องเสียงดัง เพราะคิดว่าขโมยขึ้นบ้านจริงๆ ส่วนจิรายุที่เป็นทัพหน้าตอนนี้กองอยู่กับพื้นหน้าประตูบ้านชั้นบน"โอ๊ยย" มีไม้ในมือแท้ๆ แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้"ใคร! ออกมานะ" แพรไหมที่เข้าไปพยุงจิรายุตะโกนเข้าไปในบ้าน บอกให้คนที่ทำร้ายเพื่อนออกมาจากที่ซ่อนจังหวะเดียวกันนั้นเจ้าของเท้าที่ถีบจิรายุก็เผยโฉม"คุณหมอ?" แพรไหมแทบขยี้ตาดูอีกรอบว่าเธอมองถูกหรือเปล่า หรือคิดถึงเขามากจนมองโจรเป็นเขา"ผมเอง" ตอนที่พูดสายตาเขามองมือเธอที่กำลังพยุงไอ้ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นอยู่"คุณหมอจริงๆ ด้วย" แพรไหมรีบปล่อยมือแล้วตรงเข้าไปหาเขา "คุณหมอมาได้ยังไงคะ""นั่งเครื่องมา""แล้วคุณหมอรู้จักบ้านของแพรได้ยังไงคะ" นอกจากรู้จักบ้านแล้วเขาต้องมีกุญแจบ้านเธอด้วยถึงจะเข้ามาได้แบบนี้"เจอแม่ที่โรงพยาบาล" ตอนที่พูดเขายังคงมีท่าทีไม่สบอารมณ์สายตายังคงมองไปดูไอ้คนที่มันสำออยอยู่ที่จริงจิรายุไม่ได้สำออยหรอกใครเจอเข้าไปก็ต้องจุกกันบ้างแหละ"จิเธอเป็นอะไรไหม" พอนึกได้ว่าลืมเพื่อนแพรไหมกำลังจะหันกลับไปถามแต่ถูกมือหนาโอบเข้ามาก่อนจะ
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 136เพราะแบบนี้แหละเขาถึงยังไม่บอกเรื่องการประเมิน กลัวว่าเธอจะไม่สบายใจ เพราะผลการประเมินคะแนนของเธอได้มากที่สุดและเรื่องนี้อาจารย์ก็ปล่อยไปไม่ได้ เพราะนักศึกษาข้องใจกับการให้คะแนน แถมคนที่ให้คะแนนก็เป็นคนรักของคนที่ได้คะแนนสูงสุดด้วยทางอาจารย์เลยต้องโทรติดต่อกลับไปที่โรงพยาบาล ว่าพอจะให้เหตุผลเรื่องการให้คะแนนได้ไหม หรือถ้าให้เหตุผลไม่ได้ก็จะขอให้ทางโรงพยาบาลแก้คะแนนตามความเหมาะสม ไม่อยากให้มีผลกระทบต่อการฝึกงานของนักศึกษาเลยแต่พออาจารย์ได้รับรู้ถึงเหตุผลนั้นแล้ว รวมถึงคลิปที่ทางคุณหมอรังสิมันต์เตรียมไว้ให้ ก็ได้นำหลักฐานนั้นเข้ามาแจ้งกับนักศึกษาที่รังสิมันต์ไม่บอกเหตุผลตั้งแต่แรกเพราะเขาอยากกลั่นกรองคนในชีวิตของเธอด้วย ถ้าทุกคนยอมรับโดยไม่มีข้อกังขานั่นหมายถึงเพื่อนแท้เพื่อนแท้จะไม่แอบแทงข้างหลังกัน และเพื่อนแท้ก็ต้องมองเห็นว่าเธอช่วยเพื่อนมากแค่ไหน แต่คนที่กล้ามีข้อสงสัยนั่นหมายถึงเห็นแก่ตัวมากหวังแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวหลังจากที่อาจารย์นำหลักฐานการให้คะแนนเข้ามาบอกนักศึกษาที่สงสัยเสร็จแล้วทุกคนก็เงียบ เพราะมันก็เป็นจริง แบบที่คุณหมอให้เหตุผลมาว่า
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 135เช้าของวันต่อมา.. รังสิมันต์ไม่ได้บอกเธอหรอกว่าผลการประเมินของเธอได้เท่าไร แต่เขาก็ได้จนเสร็จเพราะถึงแม้เธอจะไม่ทำต่อเขาก็ทำเองได้ ..ที่ไม่บอกกลัวเธอจะคิดมากและแพรไหมก็เข้าใจ ในเมื่อเขาบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะถึงยังไงเดี๋ยวก็คงไปรู้ที่มหาวิทยาลัยเองมาถึงโรงพยาบาลนักศึกษาฝึกงานก็ถูกเรียกตัวให้มาพูดคุยกัน เพราะพรุ่งนี้แล้วที่ทุกคนต้องเดินทางกลับ"สวัสดีครับ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการฝึกงานนี้จะช่วยให้นักศึกษาทุกท่านได้เรียนรู้การใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย""นอกจากจะหล่อแล้วแถมคำพูดคำจายังกินใจอีก""อย่าปลื้มมากนั่นผัวเพื่อน""เราก็มาฝึกงานที่นี่เป็นเดือนๆ ทำไมไม่เจอเหมือนยัยแพรเลย""แกได้ยินสุภาษิตไหมที่ว่าแข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่มาแข่งบุญวาสนามันแข่งกันไม่ได้หรอกนะ""ถ้านักศึกษาเรียนจบแล้วใครต้องการอยากมาสายอาชีพนี้ โรงพยาบาลแห่งนี้ยินดีต้อนรับนะครับ""จริงหรือคะคุณหมอ ดีจังเลยค่ะ""ผลการประเมินผมได้ส่งอีเมลไปทางมหาวิทยาลัยให้แล้วนะครับ"นักศึกษาทุกคนต่างก็กล่าวคำขอบคุณก่อนจะแยกย้ายไปแผนกที่รับผิดชอบ ส่วนมากวันนี้เป็นวันร่ำลาพี่ๆ ที่ช่วยกันฝึกสอน