หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
ตอนนี้พิมดาวและอินหลงไม่ได้เจอหน้ากันมากว่าหนึ่งอาทิตย์แล้ว สภาพของเขาในตอนนี้เหมือนกับหมาบ้าถูกเจ้าของทิ้ง เขาใช้เวลาส่วนมากในชีวิตไปกับการเมาเป็นหลัก และก็นั่งอยู่หน้าบ้านเพื่อหวังว่าเธอจะกลับมา...
ย้อนไปเมื่อวันแรกที่พิมดาวหายไป เขาก็ทำทุกทางเพื่อหวังว่าเธอจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งบุกไปหาออสติน สั่งบอดีการ์ดให้ออกตามหา รวมไปถึงติดต่อคนในตระกูลจางทุกคนเรื่องที่พิมดาวหายไป
ตอนที่เขาโทรไปหาพ่อกับแม่เพื่อตามหาพิมดาวนั้น เขาก็ได้รับคำตอบที่ทำเอาสะอึกจนนั่งซึมว่า
'พิมดาวไม่ต้องการติดต่อแกอีก เธอขอเวลาอยู่คนเดียว และตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่ฮ่องกง แต่ม้าขอรับประกันว่าเธอปลอดภัย เลิกตามหาเธอเสีย'
คำพูดของเกศมณีทำให้เขารู้สึกใจหาย...เพราะแม้แต่แม่ของเขาเองก็ยังไม่เปิดโอกาสให้เขาอธิบายอะไรเลย ตอนนี้เขาเหมือนคนไร้ที่พึ่ง
ไม่มีใครแคร์คนเอาแต่ใจแบบเขาอีกต่อไปแล้ว ทุกคนล้วนเอือมระอาในพฤติกรรมที่ผ่านมาของเขากันหมด มันเลยทำให้เขาตกตะกอนความคิดได้ว่าตัวเองนั้นทำไม่ดีกับคนรอบข้างมามากแค่ไหนทุกคนถึงทิ้งไปหมด
แม้กระทั่งวันเกิดที่ผ่านมาที่ควรจะเป็นวันที่เขามีความสุข แต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า ไร้งานเลี้ยง ไร้คำอวยพรจากพ่อแม่และภรรยา
ตอนนี้เขารู้สึกไม่เหลือใคร...เพราะความเอาแต่ใจไม่มีที่สิ้นสุดของเขาทำให้ทุกคนนั้นหมดความอดทน รวมถึงคนที่เขารักสุดหัวใจอย่างพิมดาว...ที่เธอก็ไม่อยู่รอคำตอบจากเขาเหมือนกัน
'พิมรักเฮียนะคะ...แล้วเฮียรักพิมไหม' คำบอกรักแสนหวานนี้ยังดังก้องอยู่ในใจของเขาตลอดเหมือนกับคำสาปที่คอยย้ำเตือนว่าเขาเป็นคนทำลายหัวใจของเธอจนย่อยยับเองกับมือ
"รักสิ...รักมาก" อินหลงพึมพำกับตนเองแผ่วเบา พลางเลื่อนสายตาไปมองของขวัญวันเกิดที่พิมดาวซื้อมาให้...มันคือต้นไผ่เล็ก ๆ ที่เขาหมั่นรดน้ำและเฝ้ามองแทนความคิดถึงทุกวัน
เพราะมันคือของขวัญที่มีค่าที่สุดที่เขาเคยได้รับจากใครสักคนมาเลย...แถมการ์ดที่เธอเขียนมาก็ทำให้เขาเจ็บปวดใจทุกครั้ง
'สุขสันต์วันเกิดค่ะ พิมขอให้เฮียมีความสุขมาก ๆ นะคะ และพิมขอโทษที่ทำให้สถานการณ์ทุกอย่างมันแย่ลง พิมจะปรับปรุงตัว จาก พิม' แม้แต่ในการ์ดอวยพรเธอก็ยังขอโทษเขาเลย พิมดาวมักขอโทษเขาก่อนเสมอทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่เขาก็ยังทำร้ายคนที่แสนดีแบบนี้ได้ลงคอ
ความรักของเธอทั้งล้ำค่าและบริสุทธิ์ขนาดนี้แต่เขายังมีหน้าไปดูถูกราวกับว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย...ทั้ง ๆ ที่คนอย่างเขามันไม่คู่ควรกับเธอเลยด้วยซ้ำ
"...เหอะ" อินหลงแค่นหัวเราะขม ๆ ให้กับชีวิต เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความที่กระหน่ำส่งไปหาเธอแต่ก็ไม่ได้รับการอ่านและตอบกลับแล้วก็ได้แต่สมเพชตัวเอง
ปกติมีแต่เมินข้อความของเธอ นึกรำคาญทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือน แต่พอมันหายไปแล้วกลับเจ็บปวดราวกับถูกทิ้งไว้กลางทางที่มืดมน
แต่มันคงเทียบไม่ได้กับความเสียใจที่พิมดาวต้องทนทุกข์กับเขามาตลอดเลยสักนิด...แค่ตอนนี้ที่เขาต้องทนอยู่กับความรู้สึกกัดกินหัวใจมาแค่หนึ่งอาทิตย์ยังหน่วงจนแทบทนไม่ไหว เขามันไม่เก่งเอาเสียเลย อดทนสู้เธอไม่ได้แม้แต่น้อย
"คุณชายคะ คุณชายใหญ่กับคุณชายรองมาค่ะ" อินหลงรีบเด้งตัวขึ้นจากโซฟาเพราะคิดว่าพิมดาวกลับมา แต่ที่ไหนได้เป็นพี่ทั้งสองของเขานั่นเอง
"ไง เหมือนหมาเลยนะ" ไท่หมิงเอ่ยทักก่อนคนแรก
"มาทำไม"
"มาอยู่เป็นเพื่อนคนโดนทิ้งไง" ฟานอี้พี่ชายคนรองเดินมานั่งไขว่ห้างลงบนโซฟาตรงกันข้าม โดยมีเหล่าสาวใช้รีบยกแก้วและขวดแอลกอฮอล์มาเพิ่มเมื่อคุณชายทั้งสามรวมตัว
"หึ" อินหลงแค่นหัวเราะให้พี่ชายทั้งสองก่อนทิ้งตัวลงบนโซฟาและกระดก Vodka สีใสเข้าไปทีเดียวจนหมด
"ไม่เคยเห็นมึงเป็นแบบนี้มาก่อนเลย" นัยน์ตาคมของไท่หมิงจ้องมองมาที่สภาพน้องชายคนเล็กที่ดูสะบักสะบอมเหมือนนักมวยแพ้น็อก
"เพราะมันไม่เคยรักใครล่ะมั้ง" ฟานอี้เสริมออกมาด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ ตามสไตล์ ปกติพี่รองของเขาจะเป็นคนพูดน้อยแต่ถ้าได้จิกกัดใครสักคนก็เจ็บแสบไม่ต่างจากอินหลงเท่าไหร่ แต่ไท่หมิงพี่คนโตนั้นต่างออกไป เพราะเขามักจะพูดจาสุภาพและมีบุคลิกอบอุ่นกว่าฟานอี้และอินหลงหลายเท่า
"ความรักแม่งเจ็บปวดฉิบหาย" น้องเล็กกล่าวออกมาพลางหยิบแก้วเปล่าขึ้นมาหมุนและมองไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย
"ความรักไม่เคยทำให้ใครเจ็บปวด...คนต่างหากที่ทำให้เจ็บ" ไท่หมิงเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมทั้งเท Vodka ให้น้องชายเพิ่ม ความที่เป็นพี่คนโตและผ่านโลกมาเยอะ ทำให้เขารู้ดีว่าการทำให้ใครสักคนต้องเจ็บปวดมันเป็นยังไง และคืนนี้สำหรับน้องชายคนเล็กคงยังอีกยาวไกล เขากับฟานอี้ตั้งใจมาดูแลและให้ข้อคิดโดยเฉพาะ
"..." หลังจากพี่ชายรินเหล้าให้ อินหลงก็หยิบแก้วขึ้นมาพินิจอยู่นาน...ใช่แล้ว ความรักไม่ผิด มันผิดที่คนต่างหากที่กระทำต่าง ๆ แล้วไปโทษความรัก
เมื่อก่อนอาจจะดูถูกว่าความรักมันเป็นเรื่องไร้สาระเลยสร้างกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ไว้ปิดกั้นตนเองแต่แสงสว่างดุจพระอาทิตย์ยามเช้าของพิมดาวนั้นค่อย ๆ ละลายน้ำแข็งในใจของเขาอย่างอบอุ่นจนตอนนี้เหลือเพียงก้อนเนื้อหัวใจที่พร้อมจะเรียนรู้ความรักอย่างแท้จริง
"ทีนี้สำนึกหรือยัง" ไท่หมิงผลักหัวน้องชายคนเล็กไปหนึ่งที
ตอนนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่าตนเองได้ทำผิดมหันต์...และพิมดาวคงจะไม่ให้อภัยง่าย ๆ แม้จะคิดถึงจนแทบขาดใจแต่ก็กอดเธอไม่ได้...เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
"สำนึกแล้ว แต่กูแค่อยากได้โอกาสที่จะขอโทษเธอ"
"แล้วมึงเคยให้โอกาสเธอสักครั้งหรือเปล่า" ฟานอี้กล่าวเสียงเรียบทำอินหลงสะอึกไปครู่หนึ่ง มันก็จริงของพี่คนรอง เพราะอินหลงไม่เคยให้เธอพูดจบประโยคด้วยซ้ำ แถมครั้งสุดท้ายที่มีปากเสียงกัน เขาก็เอาแต่ด่าและดูถูกเธอ ไม่ได้ฟังเลยว่าเธอไปเจออะไรมาบ้าง จนมารู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว
"เลวฉิบหายเลย เฮ้อ" ร่างสูงยกมือมาปิดหน้าตัวเองพลางถอนหายใจลากยาว
"ใช่/ใช่" พี่ชายทั้งสองประสานเสียงโดยอัตโนมัติ นั่นยิ่งทำให้อินหลงรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก เขาร้ายกาจกับคนรอบตัวมาทั้งชีวิตแบบนี้ได้ยังไงกัน
"แล้วพวกมึงเคยเกลียดกูหรือเปล่า"
"บ้า กูจะเกลียดมึงได้ไง มึงเป็นน้องกูนะ" ไท่หมิงขมวดคิ้วให้กับการพูดจาหมดอาลัยตายอยากของน้องชาย พลางยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นมาจิบ
"กูขอโทษถ้าทำให้พวกมึงโกรธในบางครั้ง" เขาตัดสินใจเอ่ยขอโทษพี่ชายทั้งสองเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะก็รู้ตัวอยู่ว่าที่ผ่านมาเอาแต่ใจใส่พี่ ๆ มามากมาย ลงไม้ลงมือกันก็เคย ทะเลาะกันจนไม่คุยเลยเป็นปีก็ผ่านมาแล้ว แถมตอนที่เขาอยู่อเมริกาเหล่าพี่ชายก็บินมาหาตลอด และเขาก็เอาแต่รำคาญที่พี่ชายมาตามกลับบ้าน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความรักของครอบครัวมีค่าแค่ไหน
"...ฮ่า ๆ อะไรวะเนี่ย" ฟานอี้ถึงกับหลุดขำออกมา จากเดิมที่มีสีหน้าเคร่งขรึมและขำยากตลอดเวลา แต่วันนี้น้องชายคนเล็กทำให้เขาเซอร์ไพร์สจริง ๆ
"เออ พิมเอาอะไรให้มึงกินวะ มึงเป็นใคร คายน้องชายกูออกมาเดี๋ยวนี้!" ไท่หมิงแกล้งเขย่าร่างสูงแรง ๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำนี้จากน้องชายแสนเอาแต่ใจ อินหลงได้แต่ปัดป่ายไปมาด้วยใบหน้าขึ้นสีแดง ไม่รู้ว่าเพราะน้ำเมาหรือเพราะความเขินที่เอ่ยขอโทษพี่น้องครั้งแรก
"ถือเป็นก้าวแรกที่ดีนะไอ้อิน กูดีใจที่ได้ยินมึงขอโทษก่อนตาย" ฟานอี้ยังคงยิ้มให้น้องชายไม่เลิก ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าความรักจะเปลี่ยนใครได้ แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว เพราะน้องชายผู้อาละวาดเก่งเป็นที่หนึ่งมีสภาพเหมือนหมาเหงาแบบนี้
"พวกกูให้อภัยมึงอยู่แล้ว แต่ส่วนของพิมดาวล่ะ"
"กูอยากขอโทษเขา...อยากขอโทษจากใจ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะให้อภัยกูไหม"
"ถ้ามึงเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ มึงต้องสัญญากับกูว่าต่อให้เธอจะให้อภัยหรือไม่ มึงก็ต้องยอมรับกับการตัดสินให้ได้ ไม่อาละวาดเหมือนที่ผ่าน ๆ มาอีก ถ้ามึงรักเธอ มึงต้องเคารพเธอ"
"และถ้ารักก็ต้องอดทนรอให้ได้ ให้เวลาเธออยู่กับตัวเอง รอเธอพร้อมแล้วค่อยคุย เลิกอาละวาด มึงสัญญากับพวกกูได้ไหม" ฟานอี้เสริมทัพ
"..."
อินหลงเม้มปากแน่น เขาครุ่นคิดอยู่นานว่าถ้าเธอไม่ให้อภัยจริง ๆ จะทำยังไง
"ได้ กูสัญญา" เขาตอบตกลงกับพี่ชายทั้งสองไป แต่ในใจรู้ดีถ้าเธอไม่กลับมาจริง ๆ คงทำใจไม่ได้แน่นอน เพราะเขารักและคิดถึงเธอจนจะบ้าอยู่แล้ว และถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงเขาคงได้กลายร่างเป็นหมาบ้าหอนเช้าหอนเย็นเป็นแน่
"คุณพ่อลองอุ้มเลยค่ะ" เมื่อผ่านขั้นตอนการคลอดลูกจนมาพักอยู่ในห้อง VVIP แล้ว พยาบาลก็นำลูกน้อยของเขาและเธอมาให้คุณพ่อมาเฟียลองอุ้มแม้จะมือสั่นน้ำตาซึมไปบ้าง แต่ท่าทางของเขานั้นแสนจะแข็งแรงและดูมืออาชีพสมกับไปเข้าคอร์สติวการเลี้ยงลูกมาอย่างเข้มข้นตลอดหลายเดือนจริง ๆ ตอนนี้ทุกคนต่างอมยิ้มให้กับภาพที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น...บุคคลที่เคยเอาแต่ใจและฝีปากเจ็บ ๆ จนทุกคนร้องไห้เพราะเขามามากกำลังอยู่ในโหมดคุณพ่อที่เห่อลูกเห่อเมียที่หนึ่งเขาอุ้มลูกน้อยอ้วนกลมโยกไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู และจึงวางเหมยอิงไว้ที่เตียงเด็กแรกเกิดข้าง ๆ ภรรยา"น่ารักจังเลยหลานอาม่า โตมาสวยเหมือนหม่าม้าหนูแน่ ๆ " เกศมณีเดินเข้าไปมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของหลานสาวด้วยความรักตอนนี้ครอบครัวจางอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อตอนรับหลานสาวคนแรกของตระกูล...พวกเขาทั้งเอ็นดูและหมั่นแวะเวียนมาพูดคุยกับเจ้าตัวน้อยที่นอนหลับพริ้มอย่างรักใคร่ นั่นทำให้พิมดาวตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ทุกคนรักและเอ็นดูลูกสาวของเธอแม้เธอจะเติบโตมาด้วยการเป็นลูกสาวที่พ่อไม่ค่อยจะรักสักเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจได้ว่าเหมยอิงจะไม่ได้รับประสบการณ์แบบเธอแน่นอน เพราะดวงใจ
"เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน!""..." หญิงสาวหยิบที่ตรวจครรภ์มาจากสามี ขีดทั้งสองนั้นชัดเจนจนมือไม้ของเธอสั่น แม้ว่าใจลึก ๆ จะพอรู้ว่าตัวเองน่าจะท้อง แต่เมื่อผลตรวจออกมาตอกย้ำความเป็นจริงแบบนี้ก็ทำให้พิมดาวดีใจจนน้ำตารื้นได้ ถึงจะดีใจแค่ไหนแต่หญิงสาวก็รู้สึกกลัวและไม่มั่นใจ"พิมไม่ดีใจเหรอ" อินหลงรีบเดินมาโอบภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ดีใจค่ะ แต่ก็กลัว...""กลัวอะไรครับ""พิมไม่มั่นใจ พิมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีไหม" หญิงสาวพูดตรง ๆ ถึงความกังวลในอนาคต"โถที่รัก พิมต้องเป็นหม่าม้าที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว น่ารัก ใจดี ทำกับข้าวก็เก่ง มีอะไรที่ต้องกังวลครับ" ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูภรรยาตัวน้อย เขาเข้าใจที่เธออาจมีความกลัวและกังวล เพราะว่ากันตามตรงเธอก็อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เอง แถมยังผ่านเรื่องราวมามากมาย และสามีก็ยังใจร้ายกับเธอมาตั้งนาน"ฮือ...พิมดีใจ" คนตัวเล็กโผเข้ากอดสามีที่เพิ่งจะดีกันได้ไม่กี่ชั่วโมงด้วยความรักใคร่ ไม่อาจปฏิเสธเลยว่าทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา เธอมักจะรู้สึกปลอดภัยราวกับถูกโอบกอดด้วยภูเขาแสนอบอุ่นอยู่เสมอ"ฮ่า ๆ โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะครับ" อินหลงหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กน้อยข
แสงพระจันทร์ยามค่ำคืนสาดส่องเข้ามาในห้องนอนที่เพิ่งเป็นสถานที่เปิดศึกรักไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เธอมองเห็นคือใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นสลักที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากจบบทรักแสนเร่าร้อนบนเตียง เขาก็อุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำและสูบพลังเธอไปอีกหลายครั้งจนหญิงสาวต้องบอกให้เขาพอก่อน เพราะเธอเขาสั่นจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว แม้คนตัวสูงจะแอบบ่นอุบอิบเพราะยังกินไม่หนำใจ แต่ก็ยอมใส่อาบน้ำใส่ชุดและมานอนให้เรียบร้อยตามคำสั่งภรรยาหญิงสาวกวาดสายตาไปมองนาฬิกาและพบว่าตอนนี้เวลาที่เธอสะดุ้งตื่นมานั้นประมาณตีสองเอง อีกนานกว่าจะเช้า หญิงสาวเลยพยายามหลับตาเพื่อจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของสามีต่อแต่อาการปั่นป่วนก็เข้าเล่นงานเธอเวียนหัวมาก รู้สึกคลื่นไส้หนักจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและนั่นทำให้สามีของเธอตื่นขึ้นมาทันที"พิม เป็นอะไรครับ!""อ้วก..." พิมดาวอาเจียนออกมาเต็มอ่างล้างหน้าโดยมีอินหลงเดินเข้ามาลูบหลังภรรยาที่กำลังอาเจียนอย่างหนัก น้ำตาใส ๆ เอ่อคลอเพราะความทรมานในการออกแรงอาเจียนใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเธอก็ปลดปล่อยของเสียออกมาจนหมด พิมดาวรีบล้างปากและกำลังจะทำความสะอาดซากอ้วกของต
"อ่า...เสียว" อินหลงสูดปากร้องครางเมื่อถูกการสุขสมของภรรยาบีบรัดตัวตนของเขาจนแทบจะเสียการควบคุม ชายหนุ่มดันเรียวขาขาวให้ขึ้นไปชิดกับทรวงอกนุ่ม จนตอนนี้สะโพกของเธอลอยเด่นขึ้นเหนือเตียงนอน พาให้ร่างกายนุ่มนิ่มรองรับการตะบี้ตะบันกระแทกของเขาอย่างลึกขึ้นไปอีกมือหนากดขาภรรยาจนแนบแน่นติดไปกับเต้าตูมและตะบี้ตะบันตอกกระแทกท่อนเอ็นใส่โพรงเนื้ออุ่นอย่างหนักหน่วงเสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานกับเสียงครางของเขาและเธอดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เขาไม่แคร์ว่าใครจะได้ยิน เพราะการได้เอากับเมียแบบดุเดือดแบบนี้แหละที่เขาโหยหามานานแสนนาน และเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดความเสน่หาที่มีต่อร่างกายเธออีกต่อไปแล้วต่อจากนี้และตลอดไป เขาจะแสดงออกในทุก ๆ วันว่ารักและหลงใหลในตัวเธอมากแค่ไหน อินหลงอยากให้ภรรยาภูมิใจว่ามีสามีที่รักและเทิดทูนอย่างสุดหัวใจ"อ่า...เมียจ๋า รักนะครับ""รัก รักที่สุด" ระหว่างที่กำลังโจนจ้วงเข้าใส่ร่างบางอยู่นั้น เขาก็บอกความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมากับภรรยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะตอนนี้เขารักเธอจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว..."อ๊า...พิมก็รักเฮียค่ะ" แม้จะถูกสามีบดเบียดมาไม่ได้พัก แต่คำว่ารักของเขานั้นชัดเจนในหัวใจ เ
"บ้า! ไปปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" พิมดาวฟาดไปที่ไหล่แกร่งแรง ๆ อย่างเขินอาย จะให้แม่บ้านมาได้ยินตอนเธอกำลังทำอะไรต่อมิอะไรกับสามีได้ยังไง เธอก็เขินเป็นนะ"ก็ได้ครับ" เขาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยเรือนร่างพิมดาวให้เท้าติดพื้น เขายังคงอุ้มเธอเกี่ยวเอวไว้อย่างนั้น และเวลาที่ก้าวเดินส่วนตรงนั้นก็จะเสียดสีกันอย่างน่าหวาดเสียวฟุ่บ...เมื่อปิดประตูเสร็จเรียบร้อย คนตัวสูงก็พาร่างเล็กลงมานอนบนเตียงและรีบทาบทับกายแกร่งลงมาคร่อมตัวเธอไว้ เขาประกบริมฝีปากลงมาและเริ่มจุมพิตอันดุดันอีกครั้งริมฝีปากของทั้งคู่ต่างบดขยี้กันและกัน ลิ้นร้อนแลกเปลี่ยนเป็นพัวพันเกี่ยวกระหวัดจนเสียงดังชัดเจน...เขาจูบเธอหนักแน่นราวกับต้องการกลืนกินลมหายใจที่โหยหามานานแสนนาน"อื้อ..." พิมดาวร้องครางอู้อี้ในลำคอเมื่อฝ่ามือร้อนของสามีปัดป่ายไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มและจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอให้หมดไป อินหลงผละริมฝีปากออกและหันไปจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองจนตอนนี้ทั้งสองเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงประจักษ์แก่สายตาของกันและกันริมฝีปากร้อนของเขาไล่จูบที่แก้มใสทั้งสองข้างและเลื่อนไล้ลงมาซุกไซ้กับซอกคอขาวเนียนที่มีกลิ่น
"เฮีย...อย่าร้องไห้ค่ะ" พิมดาวทั้งตกใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่จริงใจของเขาจนน้ำตาไหลตามกัน ยิ่งเขาสะอื้นดังขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของพิมดาวก็เหมือนจะขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ "เฮียรักพิม..." คำบอกรักเจือเสียงหอบหายใจทำเอาหยาดธาราไหลรินออกมาเป็นสาย"เฮียจะไม่ยอมหย่ากับพิมเด็ดขาด ไม่…เฮียทำไม่ได้จริง ๆ เฮียขอร้องนะ ขอโอกาสให้ผู้ชายแย่ ๆ ที่รู้ตัวช้าได้ไหมครับ""เฮียรักพิม…เฮียขาดพิมไม่ได้ ฮึก" เขายังคงสะอื้นไห้อย่างต่อเนื่อง หยดน้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาจนเปรอเปื้อนบริเวณเอวเธอไปหมดเขากำลังเสียใจอยู่จริง ๆ … ไม่ใช่อาการผีออกผีเข้า แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยอมทุกอย่าง หมดสิ้นอีโก้ทุกทางตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว…และเธอยอมรับทั้งหัวใจอย่างซื่อสัตย์เลยว่า...โคตรรักเขาเลย รักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจนะที่เลือกจะมอบใบหย่าให้สามีพิมดาวเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเลย แต่เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน...ในวันแรกที่เธอคุยกับพ่อแม่ของเขาว่าจะหย่า พวกท่านก็ช็อกพอสมควรที่เธอตัดสินใจแบบนั้นแต่ที่เธอเลือกจะหย่า นั่นก็เพราะยึดมั่นในสัญญาที่เคยเซ็นไว้กับเขา คือเรื่องจบเมื่อไหร่