“พีขา…” เสียงหอบเหนื่อยของอรดียังคงดังชัด นั่นทำให้คนโทรมาถึงกับใจสั่นสะท้าน “อรกำลังคิดถึงพีอยู่พอดีเลยค่ะ เย็นนี้ พีมาดินเนอร์กับอรที่ห้องได้ไหมคะ”
“ท่าทางอรกำลังยุ่งนะ”
“ไม่ยุ่งหรอกค่ะ นี่ก็เพิ่งจะทำธุระเสร็จ นะคะว่าไง จะตกลงรับคำเชิญของผู้หญิงมอมแมมคนนี้หรือเปล่า” อรดีแสร้งทำเป็นเสียงอ่อนเสียงหวานเพื่อให้คนข้างๆเชื่อว่าเธอกับตำรวจหนุ่มเป็นคู่รักที่รักกันจนแทบจะกลืนกิน อย่างน้อย อิทธิพลของตำรวจอาจสร้างเกราะคุ้มภัยให้เธอได้ไม่มากก็น้อย
“วันนี้อรมาแปลกนะ ไม่ได้เป็นไข้แน่นะ ถึงได้ออกปากชวนพีไปทานข้าวที่ห้อง”
“แหมพีก็” เธอฉอเลาะจนเกินธรรมดาไปหน่อย สำหรับหูของภาคิน “อรก็แค่อยากจะตอบแทนน้ำใจของพีบ้างก็เท่านั้นเอง พีแสนดีกับอรมาตลอด อรซึ้งใจมากแค่ไหนพีคงไม่เคยรู้หรอก”
“เลี่ยนว่ะ”
เสียงที่แทรกขึ้นระหว่างการสนทนาทำให้ทั้งคนโทรและคนรับถึงกับนิ่งอึ้ง…อรดี…เธอน่าจะเข้าใจนะว่ากำลังนั่งอยู่ใกล้กับคนไร้มนุษยธรรมและไร้มารยาทขั้นรุนแรง
“อร” เสียงเรียกจากพีระนันทน์เจือรอยขัดเคือง
“คือว่า”
“ถ้าอรยังไม่พร้อมจะคุยกับพี เอาไว้เย็นนี้เราค่อยคุยกันก็ได้นะ”
แล้วเจ้าหนุ่มมือปราบแห่งกรมตำรวจก็วางสายไปโดยไม่ทันได้ล่ำลา นางเอกสาวถึงกับควันออกหู เม้มริมฝีปากแน่น ขณะส่งสายตาไปทางไอ้ตัวร้ายอย่างเอาเรื่อง
“คนไม่มีมารยาท พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน”
คนถูกจี้ใจดำ ใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม หันมองเธอตาเขียว
“ใช่…เพราะผมน่ะสอนตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งใครหรอก แล้วคุณจะได้เห็นความระยำของผมอีกเยอะจะบอกให้ ผมขอเตือนให้คุณทำใจล่วงหน้าเอาไว้เลยสุดสวย”
ตลอดเส้นทางที่รถแล่นไปยังคอนโดมิเนียม สุดสวยไม่พูดอะไรอีกเลย เพราะเธอกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก คนไร้มารยาทที่นั่งอยู่ข้างๆ บางครั้งกระด้างเสียจนน่ารังเกียจ แต่บางคราวดูแข็งกร้าวเย็นชาเหมือนคนเก็บกดหาทางระบายออกไม่ได้ มันทำให้เธอสับสนว่าต้องหยิบวิชาป้องกันภัยแบบไหนมาใช้กับหมอนี่ดี…จะแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน หรือใช้กลโกงแบบโจรแทงข้างหลังให้ยับไปทั้งตัว จะเล่นงานยังไงให้มันสาสมกับความเลวที่เขากำลังทำกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีทางสู้อย่างเธอ
กระทั่งถึงหน้าห้องพัก เขายังยืนรีรออยู่ใกล้ ๆ จนอรดีต้องหันไปไล่
“กลับไปที่ห้องของคุณสิ จะมายืนเสนอหน้าหาวิมานอะไรตรงนี้”
“เย็นนี้คุณมีนัดกับตำรวจใช่ไหม”
เธอหมุนคอไปมองคนถามตาขวางนิด ๆ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยมิทราบ คุณมาทางไหนก็ไปทางนั้นเถอะ อย่าให้ฉันต้องไล่คุณซ้ำสอง”
“แล้วคุณไม่คิดจะเชิญเจ้าหนี้ไปร่วมโต๊ะดินเนอร์ด้วยรึไง”
“ทำไมฉันจะต้องชวนคุณ อย่าให้ฉันต้องกินข้าวไม่ลงเพราะเห็นหน้าคุณเลยนะ คุณกลับไปกินข้าวกับลูกน้องหน้าโหดของคุณน่าจะเหมาะสมกว่า”
ภาคินทำหน้าหยันๆ แล้วยกไหล่
“ก็แค่อยากรู้ว่ารสมือกับรสปากของคุณ อย่างไหนจะเผ็ดร้อนกว่ากัน”
หน็อยแน่ อรดีอ้าปากหวอ รสมือกับรสปากอย่างไหนจะเผ็ดร้อนกว่ากัน เขาคิดจะเยาะหยันเธอเพื่ออะไร หญิงสาวไม่ทันรู้ตัวว่าแก้มทั้งสองข้างเริ่มแดงปลั่งขึ้นเรื่อยๆ เธอปั้นปากงุบงิบจะด่าเขาให้แหลกกันไปข้าง ถ้าเพียงแต่เจ้าหนุ่มไม่ชี้หน้าเธอแล้วพูดมาเสียก่อน
“อย่าให้รู้นะว่าคุณเอาปากไปให้ผู้ชายคนไหนจูบอีกนอกจากผม เพราะถ้าเกิดผมดมกลิ่นเจอขึ้นมาล่ะก็ หึ ผมไม่เลี้ยงคุณไว้แน่” แล้วเขาก็สะแหยะยิ้ม ดวงตาอำมหิตกวาดมองหญิงสาวทั่วเรือนร่าง “แล้วอย่าหาว่าคนชั่วไม่เตือนนะ”
ขู่เสร็จ…เจ้าพ่อสุดโหดก็หันหลังเดินจากไป เขาไม่ได้กลับเข้าไปในห้อง แต่เดินเลยไปจนถึงลิฟต์ ดวงหน้าเย็นชายังประกาศชัดขณะที่ประตูลิฟต์ค่อยๆเลื่อนปิดสนิท
อรดีจึงได้สติ หายใจสะดวกอีกครั้ง หันกลับมามองประตูห้องแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันนี่ ฉันจะทำยังไงกับหมอนี่ดี”
ทีแรก นางเอกตั้งใจจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ตำรวจหนุ่มฟัง เขาอาจหาทางช่วยเหลือเธอได้ แต่มาวินาทีนี้ แววตาดุจเสือของปิศาจร้าย ประกอบกับท่วงท่าจริงจังและขึงขังเอาเรื่อง มันทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต คนอย่างนายภาคินที่เธอได้สัมผัสมาชั่วเวลาหนึ่ง เขาไม่ใช่คนปกตินักหรอก
ภาคินเดินผ่านโถงประตูทางเข้าขนาดใหญ่ มาเหยียบยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นสู่ชั้นบน เขาเงยหน้ากวาดมองบ้านที่ไม่ได้กลับมานานหลายเดือน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกซอกหลืบยังคงอยู่ในสภาพดั้งเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย มิใช่หน่ายจากการเดินทางอันแสนสั้น แต่เหนื่อยกับความทรงจำเดิม ๆ ที่มักจะไหลผ่านเข้ามาทุกครั้ง เมื่อต้องมาเยือนในที่ที่เขากับเธอเคยเดินทางมาด้วยกันไม่ทันนานนักที่เขาจมหายในภวังค์อันแสนเศร้า มีบางเสียงดังแว่วมาเข้าหู เสียงประหลาดนั่นดังมาจากด้านบนอย่างแน่นอน เขาเอะใจอะไรบางอย่าง ใจเต้นตูมๆขณะเยื้องย่างขึ้นสู่ด้านบนด้วยความเร็วรี่“ไม่ใช่แน่ สมองเราเบลอไปใช่ไหม”เจ้าหนุ่มมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง เสียงหายใจถี่ยิบดังกังวานสดใส เขาแนบใบหูข้างขวาเข้าประกบที่บานไม้แข็งแรง เงี่ยหูฟังเสียงที่ถูกส่งมาจากด้านใน ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งตื่นเต้นรนราน ใจมันรู้สึกแปลกๆพิกล แต่ยิ่งเสียงนั่นดังจนจวนจะทะลุหูเขาได้ ใจของเขากลับพองตัวขึ้นจนใหญ่กว่าเกาะสราญรมย์แล้วด้วยซ้ำ เขาไม่คิดจะเคาะประตูเลยแม้แต่น้อยภาคินภาวนาระงมว่าเสียงเด็กร้องที่เขาได้ยินเต็มสองรูหู ไม่ได้อยู่ในความฝั
“ยังไม่มีวี่แววเลยครับ เธอใจแข็งจัง”ภาคินยื่นบุหรี่ให้พ่อของอรดี เขารับไปคาบ แล้วรอปลายไฟแช็กจากเจ้าหนุ่ม“พาหลานของพ่อไปอยู่เสียที่ไหน”“เธอน่าจะติดต่อมาหาคุณบ้าง”“ผมรอคอย หวังว่าสักวัน”เขาสังเกตเห็นว่านายนภดลมีหงอกเพิ่มขึ้น นั่นคงเป็นเพราะความเครียดเรื่องลูกสาวจอมดื้อ ภาคิน ปล่อยควันบุหรี่เป็นสาย แสงตะวันสุดท้ายกำลังจะบอกลาเส้นขอบฟ้าอีกครั้ง“ผมไม่อยากให้คุณไปจากที่นี่”“ถึงที่นี่จะไม่ใช่กาสิโนอีกแล้ว แม้จะเป็นสวนสนุกที่มีแต่พวกเด็กๆ ถ้าคุณยังคิดจะจ้างคนแก่คนนี้ ผมก็ยินดีที่จะอยู่เป็นเพื่อนคุณเพื่อรอคอยลูกสาวกลับมา อย่างน้อยก็จนกว่าคุณจะเลิกตามหาลูกสาวของผม หรือมีภรรยาใหม่”เจ้าหนุ่มสูดควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะดีดเถ้าทิ้งลงในถ้วยใบเล็กใกล้มือ เขายิ้มบางๆ“ภรรยาของคุณเป็นคนยังไงครับ”“ถ้าคุณรู้ว่าเธอเป็นคนยังไงและคุณเชื่อคำโบราณที่ว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ คุณคงไม่กล้าแตะอรดีแน่ ผมรับประกัน”หนึ่งปีผ่านไปช้า ๆ ภาคินรู้สึกถึงความยาวนานที่เขาต้องประสพกับความทรมาน อ้างว้าง เดียวดายราวกับสิบปี ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาหวาดกลัวเล่นงานเขาจนใจพังพินาศไปหมด ที่เขาฝืนยืนอยู่ได้จนทุกวัน
“ตอนปลายเดือนฉันได้รับใบเสร็จจ่ายเงินค่าเบอร์โทรศัพท์บ้านทุกเดือน แล้วในกระดาษแผ่นนั้นก็ระบุเบอร์โทรศัพท์ของใครบางคนหลายครั้งซึ่งไม่ใช่ฝีมือการกดของฉันอย่างแน่นอน ฉันจึงได้รู้ว่าคนที่ซื้อคอนโดของอรไปคือพี่โตค่ะ”“พี่โต” เขาพอจะเค้าหน้าหนุ่มใหญ่เจ้าของกล้องที่เขาช่วยทำพังเมื่อครั้งไปทำงานที่เกาะมุกคราวก่อนออก “ผมจะไปหาหมอนั่นเดี๋ยวนี้”ชิดชนกยกสองมือขึ้นห้าม “ใจเย็นสิคะคุณภาคิน เราสองคน คือฉันหมายถึงฉันกับนายเช็คน่ะค่ะ เราไปสอบถามพี่โตมาแล้วเมื่อเช้านี้เอง เป็นเพราะมีเช็คไปด้วยทุกอย่างก็เลยง่ายขึ้น” สาวเจ้าหันไปยิ้มหวาน กระพริบตาปริบๆให้บุรุษยอดดวงใจ ภาคินกระแอมเสียงดังขร่มด้วยความหมั่นไส้“ตกลงว่าไงเช็ค อยากได้เงินขอเมียสักล้านสองล้านไหม”ดวงตาสมุนคู่ใจเกิดประกาย รีบรายงานนายน้อยทันท่วงที“หมอนั่น บอกว่าคุณอรดีไปสิงคโปร์กับช่างภาพที่ชื่อปีเตอร์ครับ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี่เอง นี่ครับนายน้อย เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานที่นายปีเตอร์ทำงานอยู่”“สิงคโปร์”แผนที่ประเทศสิงคโปร์ลอยผ่านหน้าเขาไปช้า ๆ รูปปั้นสิงโตทะเลพ่นน้ำใส่หน้าของเขาจนเปียกปอนไปหมด ภาคินกำลังจินตนาการว่าอรดีกำลังเดินชอปปิ้งอยู่ใ
“แต่ว่าตอนนี้ คุณอรดีไม่รู้ว่าเธอหายไปอยู่ที่ไหนสิครับ”ภาคินหยุดทุกอย่างแม้แต่ลมหายใจ แล้วมองหน้าเช็คนิ่ง ๆ เช็คยกไหล่ แบฝ่ามือที่ว่างเปล่าทั้งสองด้าน เช็คไม่เคยมีท่าทางแบบนี้ ดูเป็นคนละคนกับที่เขาเคยรู้จัก ใครเสี้ยมสอนให้สมุนคู่ใจของเขาทำซุ่มเสียงไม่ยี่หระต่อความทุกข์ของนายแบบนี้ ราวกับสมน้ำหน้าเขาอย่างนั้น“แหล่งข่าวของผม บอกว่าเธอหายตัวไปเกือบสัปดาห์แล้วครับ ไม่มีใครติดต่อเธอได้ และเธอก็ไม่ยอมติดต่อกลับมาหาใครอีกเลย เหมือนกับว่าเธอจงใจจะไปนะครับ อาจเพราะเธอตั้งท้องก็ได้ ท้องไม่มีพ่อสำหรับผู้หญิง เป็นเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้าที่สุด และท้องสำหรับคนมีชื่อเสียง คงเป็นอะไรที่คล้ายกับโลกแตก”คนฟังเงียบกริบ เพราะหัวใจเขาต่างหากที่กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ในคอตีบตันไปหมด“ถ้าไม่มีพ่อ แล้วไอ้หนูนั่นจะไปอยู่ในท้องของเธอได้ยังไง คุณคิดว่าจะหนีผมไปอยู่ที่ไหนได้อรดี คอยเดี๋ยว ผมจะไปล่าหัวคุณกลับมาด้วยมือของผมเอง”ท้องฟ้าสว่างสวยทีเดียวถ้าคนที่มองขึ้นไปไม่ได้มีความเครียดห่อหุ้มสมอง ตาพร่า ล้า ช้ำ บวม แดง และไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งปฏิกูลอัดแน่นอยู่ในช่องท้องตลอด
“รับผิดชอบยังไง แม้แต่จูบ ผมก็ไม่เคยคิดจะทำกับคุณเลย แล้วคุณจะเป็นภรรยาของผมได้ยังไง คุณคงไม่เคยเห็นว่าจริงๆแล้วผมเป็นคนยังไงปารดา ก่อนที่ผมจะยิงคุณไส้แตก กรุณารีบยกก้นของคุณออกไปจากห้องทำงานของผมเดี๋ยวนี้ หรือมากกว่านั้น ออกไปจากเกาะเฮงซวยนี่ซะ”ปารดากลืนน้ำลายเฮือก ถอยล่นไปจนชิดบานประตู“คอยดูเถอะ ฉันจะฟ้องหย่าเรียกค่าเสียหายให้คุณหมดตัวเลย”เขาหัวเราะหึ ๆ ส่ายหน้าราวกับเห็นลาโง่เต้นระบำอยู่ตรงหน้า“เชิญเลย ถ้าคุณคิดว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้น คุณคงรวยเละ ถ้าหากว่าใบทะเบียนสมรสที่คุณจดกับผมไม่ได้เป็นของปลอม และเจ้าหน้าที่พวกนั้นไม่ใช่ลูกน้องที่ผมกุขึ้นมาให้ผู้หญิงหน้าเงินอย่างคุณตื่นเต้นตาโต”“อะไรนะ”“กลับไปหาพ่อซะไป แล้วก็กลับไปหาผู้ชายรวยๆหน้าโง่คนอื่นแต่งงานด้วย คนสวยอย่างคุณคงมีใครสักคนหลงเข้ามาบ้างละ”ปารดากรีดร้องจนสุดเสียง แล้วก็เต้นเร่าดีดดิ้นราวกับเด็กน้อยที่ถูกบังคับให้ไปโรงเรียนวันแรก แววตาคลอน้ำคลั่งแค้นเขม้นมองบ่อเงินบ่อทองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะดึงประตูเปิดออกแล้วก้าวล่วงไป แรงกระแทกดังสนั่น จนข้าวของตามตู้โชว์บางชิ้นยังสั่นไม่หาย แม้จะผ่านมาหลายวินาทีแล้วก็ตามภาคินวางห
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคนสวยอย่างคุณ”เขายื่นมือมาให้จับ ดวงตาเปล่งรอยแจ่มใส เธอรับรู้ได้ถึงความจริงใจของหนุ่มลูกครึ่ง เธอกับลูกจึงยื่นมือไปจับตอบน้ำใจของเขา“ฉันก็สุดแสนจะยินดีค่ะคุณปีเตอร์”ลูกต้องร่วมมือกับแม่นะ อย่าเพิ่งเกเรจนทำให้ผิวหน้าท้องของแม่ยืดออก อดทนไว้แค่สัปดาห์หน้าเท่านั้น หลังจากแม่เปลือยกายเพื่อถ่ายงานศิลปะจากฝีมือช่างภาพชื่อดังที่ติดอันดับเอเชียแล้ว เราสองคนก็จะไปหาที่อยู่ใหม่ ที่ไหนก็ได้ ที่สงบ ๆ อากาศดี และไม่มีคนรู้จักอรดีไม่ได้กลัวว่าจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านหรอกนะ แต่เธอหวาดกลัวต่อเจ้าพ่อไห่ปิง เพราะตาเฒ่าเคยบอกเอาไว้ว่าจะยึดลูกคนแรกของเธอกับหมอนั่นไปเป็นสมบัติส่วนตัว“มันเรื่องอะไรที่แม่จะต้องทำอย่างนั้น อดทนเอาไว้ลูก เดี๋ยวเราก็เจอทางออกจนได้นั่นแหละ”นอกจากเธอจะตกลงทำงานกับปีเตอร์ในปลายสัปดาห์ที่จะถึงนี้แล้ว ช่วงกลางสัปดาห์ พี่โตก็เซ็นต์เช็กซื้อคอนโดมิเนียมของเธอด้วยราคางดงาม นับว่าโชคที่ที่พี่โตกำลังมองหาที่อยู่ให้เมียน้อยที่เพิ่งตกลงจะแอบอยู่ด้วยกันอรดีสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้แก่ใคร แลกกับที่พี่โตเองก็จะไม่บอกเรื่องที่เธอบินไปเปลื้องผ้าที่สิงคโปร์ให้ใครฟังด้ว