หลี่หลานหมิงขืนตัวผุดลุกนั่งคว้าร่างอรชรมากอดไว้แนบอก นางยังคงร่ำร้องสะอื้นไห้ราวกับเด็กน้อยทั้งที่โตจนป่านนี้ แม้เขาจะทั้งกอดทั้งปลอบเช่นไรนางก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้
ช่างผิดปกติอะไรเช่นนี้!
กระต่ายน้อยซิงซิน... ซิงซิน...
เกิดเรื่องอันใดกับนางกันแน่!
อ๋องสี่หลี่หลานหมิงครุ่นคิดจดจำชื่อนางทันใด ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้เขาจะให้คนไปสืบหาให้เจอว่าซิงซินผู้นี้เป็นบุตรสาวบ้านใด เหตุใดจึงได้คุ้นตาและเหตุใดจึงมีอาการเช่นนี้กัน!
แสงอ่อนยามเช้าสาดลอดเข้ามาผ่านม่านกระโจมทำให้ร่างที่นอนเคียงคู่อยู่ด้วยกันบนตั่งเริ่มรู้สึกตัว เป็นหลี่หลานหมิงที่รู้สึกตัวและพลิกตัวจากอาการเมื่อยขบแต่พบว่าไม่สามารถทำได้ แค่บิดตัวเล็กน้อยก็รู้สึกร่างกายแข็งค้างราวกับไร้เรี่ยวแรง
ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน...
ที่แท้เพราะเมื่อคืนเขาถูกกระต่ายหลงทางกอดก่ายเอาเป็นสมบัติตนจนกระดิกไปไหนไม่ได้
นางคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!
น่าโมโหนัก!
อ๋องสี่หลี่หลานหมิงกระดิกตัวแทบไม่ได้คล้ายเป็นตะคริวเพราะกระต่ายหลงตัวโตไม่ยอมคลายกอด กว่าร่างจะกลับฟื้นกำลังวังชาก็นานพอควร กระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังสวบสาบจากหน้ากระโจมดังเล็ดลอดเข้ามา หลี่หลานหมิงจึงรู้สึกตัวว่าอยู่ในสภาพไม่น่ามอง รีบผุดลุกนั่งเอื้อมคว้ากระบี่คู่ใจข้างกายกระชับมั่น แต่เพราะความเคลื่อนไหวของเขาทำให้เตียงไหวสั่นจนคนที่นอนเริ่มขยับตัวและวาดมือมาคว้าเอวเขาเอาไว้อีกครา
“อย่าไปตุ้งตุ้ง...”
“นี่เจ้า! ข้ามิใช่ตุ้งตุ้งของเจ้า ปล่อย!” หลี่หลานหมิงคำรามแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไร้ซึ่งความรับรู้ใดๆ
“ซิงซินยังไม่อยากตื่นเลย...ท่านยาย”
ดี... ดีแท้!
เมื่อครู่เปรียบเขาเป็นกระต่ายหูดำครานี้กลับกลายเป็นท่านยายของนางอีก หลี่หลานหมิงปรายตามองดวงหน้าดรุณีน้อยที่ยังหลับพริ้มในห้วงนิทราแล้วถึงกับนิ่งงัน นางช่างงดงามปานเทพธิดามาจุติ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของนางที่กดลงบนซอกคอของเขาตามจังหวะหายใจทั้งยังแก้มหอมกรุ่นที่เผลอจูบลูบไล้และเรือนร่างนุ่มนิ่มที่คอยเบียดยามหนาวเหน็บตลอดคืน
หึ! มารดาเจ้าเถอะ!
กระต่ายน้อยเอ๋ย...
เขาควรสั่งสอนนางไม่ควรปล่อยให้หลุดรอดจากกรงเล็บเพชฌฆาตไปได้จริงๆ
อ๋องสี่หลี่หลานหมิงผู้ซึ่งมิได้อ่อนต่อโลกแต่ไม่เคยแสวงหาสตรีงามสักคนข้างกายถึงคราวหนาวยะเยือกในใจ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเลยสักครั้งในชีวิตที่นึกอยากได้สตรีมาครอบครองเป็นสมบัติของตัวบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ความรู้สึกนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว กระต่ายน้อยหลงทางตัวนี้ต้องรับผิดชอบ!
มือใหญ่กร้านไล้ปลายนิ้วเบาๆ ลงบนแก้มนวลอย่างลืมตัวก่อนจะลดตัวลงจรดริมฝีปากลงไป พลันต้องสะดุ้งเพราะม่านกระโจมถูกเปิดเข้ามาโดยพละการ
“ท่านอ๋องตื่นแล้ว... หรือ... ไม่”
หม่าชิงเทียนสหายสนิทที่ลืมตัวเปิดม่านพรวดพราดเข้ามาถึงกับออกอาการนิ่งอั้นตันคอแม้คำพูดสุดท้ายยังแทบไม่ออกจากปากเพราะสายตาดุจากผู้เป็นนาย แต่กระนั้นท่าทีล่อแหลมของอ๋องสี่ก็ทำให้คนทะเล้นอย่างหม่าชิงเทียนออกอาการยิ้มๆ อย่างห้ามไม่อยู่
“ขออภัยที่เข้ามาขัดจังหวะ”
“เชอะ! ข้ามิเคยสั่งสอนเจ้าเรื่องมารยาทรึ ชิงเทียน” หลี่หลานหมิงถามขณะผละลุกจากเตียงหยิบเสื้อคลุมมาสวมด้วยท่าทีนิ่งๆ ราวกับไม่รู้สึกรู้สมกับการกระทำของตน
หม่าชิงเทียนชะเง้อมองร่างอรชรบนเตียงไม่ทันได้ไต่ถามก็ถูกอ๋องสี่พาตัวมาขวางสายตาเสียก่อนจึงได้แต่กระแอมเบาๆ ก่อนเอ่ยแก้เก้อ “ทรงสั่งสอนข้าจำขึ้นใจ แต่ข้ามีข่าวมาบอก”
“ออกมาคุยข้างนอก”
หลี่หลานหมิงว่าจบก็ผลักหม่าชิงเทียนให้เดินออกไปก่อนแล้วจึงตามออกมา พอพ้นแนวกระโจมออกมาไม่ไกลหม่าชิงเทียนก็เปิดปากเล่าเรื่องที่รู้มาทันที หลี่หลานหมิงเลิกคิ้วสีหน้าครุ่นคิดขณะฟังกระทั่งสหายสนิทเล่าจบจึงออกเดินนำไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันแม้แต่ทักท้วงจนกระทั่งตามทัน
“แล้วจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร”
“ข้าก็อยากรู้ว่าพวกนางจะว่าอย่างไรที่เห็นกระต่ายน้อยอยู่กับข้า”
“แต่ว่านางดูท่าทางไม่เบาเลย ทั้งยังประกาศว่าผู้ใดพบเห็นหรือพาคุณหนูซิงซินหายไปทั้งคืนจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำครั้งนี้”
“ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าพวกเราเป็นใครเช่นนั้นรึ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“น่าขัน มีแม่ที่ไหนกันอยากให้ลูกสาวตบแต่งกับคนร่อนเร่พเนจรบ้าง”
“ก็มีที่ว่าที่มารดาชายาท่านอ๋องสี่หลี่หลานหมิง ที่แค่ข้าฟังวาจาก็รู้แล้วว่าเหตุใดจึงเป็นคนร้ายกาจเช่นนี้” หวังเฉาเสี่ยนผู้เคร่งขรึมเอ่ยแทรกขณะเดินเข้ามาสมทบอีกคน
หม่าชิงเทียนที่นิ่งฟังอยู่บังเกิดความสงสัยเอ่ยถาม “เช่นนั้นแสดงว่าแม่นางน้อยผู้นี้คือคู่หมายของท่าน โอว! เห็นทีว่าท่านอ๋องของเราคงถูกกามเทพแผลงศรมิต้องมีเรื่องให้หนีแต่งงานแบบครั้งก่อนๆ แล้ว”
“ใจคนกั้นด้วยหนังท้อง เจ้าอย่าเพิ่งพูดไป...” หวังเฉาเสี่ยนเอ่ยเตือนสหายสนิทน้ำเสียงเรียบหลังจากเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของผู้เป็นนายครู่หนึ่ง
หลี่หลานหมิงตาวาววูบหนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมเอ่ย “หรือตระกูลจินกล้าปฏิเสธข้า”
“หามิได้ แต่ว่า...”
ขุนพลหน้าหยกผู้เคร่งขรึมเบิกตากว้างทันทีที่รู้ว่าดรุณีงามตรงหน้าคือจินฮุ่ยอิง คุณหนูตระกูลจินผู้เพียบพร้อมและถูกหมายมั่นว่าจะได้เป็นชายาของอ๋องสี่หลี่หลานหมิงนั่นเอง“ชักจะยุ่งกันใหญ่” หม่าชิงเทียนป้องปากกระซิบ ครั้งเห็นแววตาวิตกกังวลของสหายคู่ใจก็เอ่ยเบาๆ ให้ได้ยินสองคน “และจะยุ่งใหญ่กว่าก็คือท่านอ๋องไม่สนว่าที่ชายากลับพากระต่ายน้อยไร้สกุลมากัก กับมีคนบางคนแถวนี้เกิดอาการศรรักปักอกกับคนที่ไม่ควร”“เจ้าอย่าพูดจาเพ้อเจ้อ” หวังเฉาเสี่ยนเอ็ดอึงเข้าให้ แต่หาทันไม่เพราะคำพูดโพล่งของจินหวั่นถิง“ข้าได้ยินเสียงคนในกระโจม”“หูแว่วมากกว่า” หม่าชิงเทียนแก้ต่างไม่พอก้าวมาดักหน้าวาดมือสับพัดคู่ใจเสียงดังพึ่บพั่บไปมาสลับกับสีหน้าขึงขังทำให้คนทั้งกลุ่มหยุดชะงักทันควันจินหวั่นถิงหรือฮูหยินสกุลจินเชิดหน้าปรายตามองสองขุนพลหน้าหยกสลับกันก่อนชักสีหน้าเครียดขรึมก่อนเอ่ย “เช่นนั้นเข้าเรื่องเลย ข้ามาตามบุตรสาวกลับบ้าน นางหายไปตั้งแต่เมื่อวานมีคนเห็นว่าถูกลักพามาทางนี้”“บุตรสาวของท่านหรือ ข้าได้ยินว่าฮูหยินสกุลจินมีบุตรสาวแค่คนเดียว”“นั่นมันเรื่องของข้า จะมีกี่คนก็มิใช่เรื่องให้พวกเจ้าคนจรมาสู่รู้ มิเช่น
“เจ้าพูดเป็นอยู่แค่ร้องให้คนช่วยหรือกระต่ายน้อย”“ข้ามิใช่กระต่าย ข้าคือซิงซิน ซิงซินมิใช่ชื่อกระต่าย ซิงซินเป็นคน เป็น...”“เป็นอะไรก็เรื่องของเจ้า ต่อไปเจ้าต้องเป็นกระต่ายของข้าเท่านั้น ห้ามเถียง”“ไม่ๆ ไม่เอา! ข้ามิใช่กระต่าย ข้าไม่ยอม!”จินซิงซิงเบ้หน้าร้องไห้ลงไปนั่งกองกับพื้นเหมือนเด็กๆ ดวงหน้านวลขาวราวหยกเนื้ออ่อนที่ถูกแต้มสีชาดเจือจางเริ่มเข้มขึ้นตามแรงสะอื้น สองมือน้อยๆ ทุบพื้นดังปึกๆ อย่างไม่ยินยอมหลี่หลานหมิงถึงคราวอับจนจนต้องนั่งลงคุกเข่า มือหนึ่งจับไหล่นางอีกมือเชยคางมนนุ่มนิ่มให้เงยขึ้นแต่กลับถูกริมฝีปากอิ่มรูปกระจับเจือสีชาดงับเข้าให้ “โอ๊ย! นี่เจ้า!”“นิสัยไม่ดี ปล่อยนะ อย่ามาแตะต้องตัวซิงซิน คนไม่ดี คนไร้น้ำใจ ”“นี่! กระต่ายน้อย เจ้าเมื่อใดจะเลิกพูดกลับไปกลับมาแบบนี้เสียที เรามาคุยกันดีๆ แบบสามีภรรยาคุยกันดีหรือไม่ ซิงซิน” อ๋องสี่หลี่หลานหมิงพยายามเกลี้ยกล่อมขณะจ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์ไล่ลงมายังจมูกงอนที่เชิดรั้นขึ้นอย่างจงใจ ฟันกระต่ายซี่เล็กๆ ที่ขบเม้มริมฝีปากล่างราวกับจะเก็บกลั้นเสียงสะอื้นทำให้เขารู้สึกอยากปลอบประโลมจนต้องคว้านางมาแนบอกแต่แค่คิดยังไม่ทันได้ปลอบใจ
“เฉาเสี่ยน... เจ้าว่ามาอย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง” หลี่หลานหมิงออกคำสั่งสีหน้าเคร่งเครียดแต่ทว่าสองคนอึกอักมองหน้ากันว่าใครจะเป็นคนพูดก่อนจนต้องเอ่ยท้วงอีกรอบ “พวกเจ้าสองคนอย่าให้ข้าต้องถามครั้งที่สอง”หวังเฉาเสี่ยนที่หายออกไปแต่เช้าเพื่อสืบข่าวไม่เพียงสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีแล้วกว่าจะคิดคำต่อไปเปล่งออกมามิให้เป็นที่ขุ่นเคืองใจอ๋องสี่ยิ่งหนักกว่า“จากที่ข้าไปสืบมาได้ความว่าแม่นางน้อยผู้นี้ถึงจะเป็นคุณหนูตระกูลจินที่เกิดจากภรรยาแรก แต่ทว่านางกลับมิใช่คู่หมั้นหมายของท่านที่ฝ่าบาททรงส่งสาส์นทาบทาม...”“เช่นนั้นแล้วใครกัน!” หม่าชิงเทียนออกอาการตื่นเต้นเพราะสีหน้าผู้เป็นนายแปรเปลี่ยน“เอ่อ... คือว่า คู่หมายของท่านอ๋องคือคุณหนูใหญ่ตระกูลจินหรือก็คือแม่นางจินฮุ่ยอิงพ่ะย่ะค่ะ” หวังเฉาเสี่ยนเอ่ยตอบเพียงได้ฟังคำตอบ อ๋องสี่ผู้เย็นชาถึงกับออกอาการฮึดฮัดมองสลับหน้ากระโจมกับหวังเฉาเสี่ยนด้วยความเคร่งเครียดก่อนเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่นทันใด“มันต้องมีเรื่องผิดพลาด”“ผิดพลาดหรือพ่ะย่ะค่ะ” ทั้งสองโพล่งขึ้นพร้อมกันหลี่หลานหมิงพยักหน้า ดวงตาสีน้ำตาลไหม้วาววับครุ่นคิดก่อนเอ่ย “แต่ใครจะสนกัน”“แต่!”“พวกเจ้าไม่ต้องพูด! ข้
หลี่หลานหมิงขืนตัวผุดลุกนั่งคว้าร่างอรชรมากอดไว้แนบอก นางยังคงร่ำร้องสะอื้นไห้ราวกับเด็กน้อยทั้งที่โตจนป่านนี้ แม้เขาจะทั้งกอดทั้งปลอบเช่นไรนางก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้ช่างผิดปกติอะไรเช่นนี้!กระต่ายน้อยซิงซิน... ซิงซิน...เกิดเรื่องอันใดกับนางกันแน่!อ๋องสี่หลี่หลานหมิงครุ่นคิดจดจำชื่อนางทันใด ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้เขาจะให้คนไปสืบหาให้เจอว่าซิงซินผู้นี้เป็นบุตรสาวบ้านใด เหตุใดจึงได้คุ้นตาและเหตุใดจึงมีอาการเช่นนี้กัน!แสงอ่อนยามเช้าสาดลอดเข้ามาผ่านม่านกระโจมทำให้ร่างที่นอนเคียงคู่อยู่ด้วยกันบนตั่งเริ่มรู้สึกตัว เป็นหลี่หลานหมิงที่รู้สึกตัวและพลิกตัวจากอาการเมื่อยขบแต่พบว่าไม่สามารถทำได้ แค่บิดตัวเล็กน้อยก็รู้สึกร่างกายแข็งค้างราวกับไร้เรี่ยวแรงไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน...ที่แท้เพราะเมื่อคืนเขาถูกกระต่ายหลงทางกอดก่ายเอาเป็นสมบัติตนจนกระดิกไปไหนไม่ได้นางคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!น่าโมโหนัก!อ๋องสี่หลี่หลานหมิงกระดิกตัวแทบไม่ได้คล้ายเป็นตะคริวเพราะกระต่ายหลงตัวโตไม่ยอมคลายกอด กว่าร่างจะกลับฟื้นกำลังวังชาก็นานพอควร กระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังสวบสาบจากหน้ากระโจมดังเล็ดลอดเข้ามา หลี่หลานหมิงจึงรู้สึกตัว
“โอว! หรือเป็นเช่นนี้จึงมิคิดส่งคืนที่ที่มันจากมากันแน่” “ข้ามิเคยเห็นท่านอ๋องเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย เสียดายที่นางมิใช่...” หม่าชิงเทียนว่าพลางมองจ้องเข้าไปในกระโจมที่ยังมีแสงไฟจากตะเกียงให้พอเห็นว่าคนด้านในกำลังร่ำสุราอยู่ตามลำพัง เขารับรู้เป็นนัยว่าสหายสนิทผู้มีศักดิ์ใหญ่กว่าดูจะถูกใจสตรีนางนี้เข้าเสียแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่ให้เห็นแม้แต่ชายผ้าคลุมเตียง “อยากรู้เหลือเกินว่านางเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ดูจากการแต่งกายซอมซ่อเช่นนั้นแล้วคงมิใช่ลูกสาวผู้ลากมากดีที่ไหน หรือท่านว่าอย่างไร” “พ้นคืนนี้ไปคงได้รู้กัน” หวังเฉาเสียนเอ่ยพลันต้องชะงักหันมองหน้าหม่าชิงเทียนเลิ่กลั่กเสียอาการเพราะแสงไฟในกระโจมดับวูบลง. ในใจทั้งสองคิดแต่เพียงว่าผู้เป็นเจ้าชีวิตตนคงหมายเสพสุขชั่วคืนกับกระต่ายน้อยแสนงดงามที่เก็บได้จากกลางป่าเช้ามาก็ต่างคนต่างไปเท่านั้นแต่ความเข้าใจของขุนพลหน้าหยกทั้งสองล้วนคลาดเคลื่อน... อ๋องสี่หลี่หลานหมิงถอดเข็มขัดคาดเอวและเสื้อคลุมสีเทาเมฆตัวนอกออกเหลือเพียงชุดนอนสีขาวสะอาดตาขณะจ้องร่างอรชรบนที่นอนไม่วางตา แม้จะเป็นเพียงตั่งเตี้ยสำหรั
จินซิงซินนั่งลงบนโขดหินช้อนกระต่ายขาวหูเทาตัวอวบที่สุดขึ้นมาวางบนตักลูบไล้ด้วยความรักใคร่ ดวงตาของมันแดงเหมือนสีชาดแต่หูกลับแซมสีเทาอ่อนประปรายดูโดดเด่นที่สุดในบรรดากระต่ายขาวทั้งหมดกระทั่งเสียงแมลงกลางคืนเริ่มส่งเสียงร้องกระต่ายป่าจึงกระโดดผลุงจากอ้อมกอด จินซิงซินลุกพรวดพราดตามแต่เพียงครูมันก็หายลับไปจากสายตา นางจึงรู้ว่านั่งอยู่จนค่ำมืด ดวงหน้านวลใสราวหยกเนื้ออ่อนออกอาการตื่นกลัวทันใด“มืดแล้ว! เสี่ยวเซียนช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย!”สิ้นเสียงเรียก...ทันใดก็มีเงาร่างทะมึนพุ่งตรงมา จินซิงซินเสียหลักหงายหลังจะตกโขดหินจึงถูกฝ่ามือใหญ่จากเจ้าของร่างทะมึนตะครุบริมฝีปากเสียก่อน นางดิ้นรนขัดขืนแต่ไม่เป็นผลจนน้ำตาไหลเป็นทางครู่หนึ่งจึงมีเสียงดังจากคนด้านหลังขึ้นว่า“กระต่ายน้อย... ถ้าไม่หยุดร้องระวังจะถูกเสือจับกิน” ร่างสูงใหญ่ในชุดยาวสีดำอำพรางกายอุ้มร่างบอบบางไร้เรี่ยวแรงฝ่ากำแพงความมืดของรัตติกาลเข้ามาในกระโจมที่ตั้งอยู่บริเวณป่าละเมาะไม่ไกลกันกับน้ำตกสืออู่อันเป็นต้นทางแม่น้ำที่ไหลผ่านเข้าสู่ตัวเมืองฉู่ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของเหล่าทหารเวรยามที่พากันลอบมองด้วยความสนใจใค