แชร์

6. ปากว่า ตาขยิบ (1)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-03 22:07:19

หลังจากใช้ชีวิตในฐานะคุณหนูสกุลเหอได้กว่าสิบวัน หลี่น่าก็พบว่า นางเป็นที่รักของคนทั้งเรือน แม้ว่าทั้งเรือนจะมีกันอยู่เพียงห้าคนก็เถอะ

ทุกคนดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี วันๆ หลี่น่าแทบมิได้ทำสิ่งใด เพราะบิดาอยากให้นางพักจนหายดีเสียก่อน นางจึงได้แต่ศึกษาเรื่องราวต่างๆ ในยุคนี้ ทั้งการพูด การแสดงกิริยาท่าทาง และศึกษาตำราต่างๆ ที่มี นอกจากจะศึกษาเรื่องพวกนี้แล้ว นางยังออกกำลังกายอยู่ในห้องเป็นประจำ

“แฮกๆ เหนื่อย…นับถือคนที่ออกกำลังกายทุกวันจริงๆ” ในชีวิตก่อน หลี่น่าเป็นคนที่กินเท่าไร น้ำหนักก็ไม่เพิ่ม นางจึงออกกำลังกายบ้าง ไม่ออกบ้าง แต่จะเน้นหนักไปที่ศิลปะการต่อสู้มากกว่า จึงพอจะต่อยตีได้ดีทีเดียว

ร่างท้วมนอนแผ่หราอยู่กับพื้นห้อง แม้จะเหนื่อย แต่นางก็ต้องออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพและความคล่องตัวของตนเอง ยังดีที่ร่างนี้เพียงอวบอ้วนเล็กน้อย จึงสามารถลดน้ำหนักได้ง่าย แต่หลี่น่าเองก็ไม่ได้คิดจะลดน้ำหนัก เสียจนผอมแห้งจนคนคิดว่าเป็นผู้ชายเหมือนในชีวิตก่อน

“ลดนิดหน่อยก็พอ เน้นให้มีส่วนเว้าส่วนโค้งเสียหน่อย” หญิงสาวลุกขึ้นมาหมุนซ้ายหมุนขวา มองรูปร่างของตนเองอยู่หน้ากระจก

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“คุณหนูเจ้าคะ ถึงเวลาทานมื้อเช้าแล้วเจ้าค่ะ”

“ข้ากำลังจะออกไป…ค่อยกลับมาอาบน้ำแล้วกัน” หลี่น่าได้ยินเสียงบ่าวคนสนิท ก็รีบหยิบผ้ามาซับเหงื่อไคล ก่อนจะรีบไปร่วมโต๊ะอาหาร

บนโต๊ะอาหารมีท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย และนาง ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน ข้างๆ ก็มีเอินเอินที่รอปรนนิบัติผู้เป็นนายอยู่ หลี่น่าคีบอาหารทานได้สักพัก ก็วางตะเกียบลง

“อาหารไม่ถูกปากหรือหลี่เอ๋อร์ของพ่อ หลายวันมานี้เจ้าทานได้น้อยนัก”

“นั่นสิลูก หรือว่าเจ้ามีเรื่องให้ทุกข์ใจ” ซูเจินยื่นมือไปกอบกุมมืออวบของบุตรสาว

“มิได้เจ้าค่ะ ช่วงนี้ข้าตั้งใจจะลดน้ำหนักเจ้าค่ะ ข้าอวบอ้วนเกินไป เดินเหินไม่คล่องตัวเสียเลย”

“มิเห็นจะเป็นอันใด พี่ชอบที่เจ้าอวบอ้วนเช่นนี้ แคกๆ” เหิงเยว่เคี้ยวข้าวไปก็พูดคุยกับน้องสาวไป จนสำลักหน้าดำหน้าแดง ซูเจินจึงต้องหันมาลูบหลังบุตรชายแทน

“พ่อเห็นด้วยกับพี่ชายเจ้านะ หลี่เอ๋อร์ของพ่อดูมีน้ำมีนวล น่ารัก น่าชังไปหมด” ว่าแล้ว มือที่เริ่มเหี่ยวย่นของเข่อซิง ก็คีบเนื้อไก่ตุ๋นไปวางบนจานข้าวบุตรสาว

“เจ้าค่ะๆ แต่ข้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องลด เพื่อสุขภาพ อย่างน้อยก็ลดความเสี่ยงที่จะเป็นความดัน เบาหวาน ปวดเมื่อย หัวใจ-”

“พอก่อนๆ พี่ฟังเจ้าไม่ทันแล้ว เอ่ยออกมาแต่ละคำ ล้วนฟังมิได้ความ”

“เอาเป็นว่าข้าต้องลดน้ำหนักลงอีกนิดเจ้าค่ะ” นับจากที่หลี่น่าฟื้นขึ้นมาครานี้ ก็มีท่าทีแปลกไป จากพูดน้อย ก็กลายเป็นช่างพูดช่างจา เดิมทีเรียบร้อยอ่อนหวาน กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้น

ทว่าทุกคนในครอบครัวก็มิได้เอ่ยถามสิ่งใดออกไป แม้จะสงสัยมากก็ตาม ต่างคนต่างคิดว่าเรื่องที่คนรักของนางหนีไปแต่งกับสตรีอื่น คงกระทบกระเทือนจิตใจของนาง จนทำให้กลายเป็นเช่นนี้

“แม่ตามใจเจ้า…ท่านพี่ อาเหิงรีบทานเข้าเถิด แม่จะรีบไปปักผ้า ต้องนำไปส่งที่ร้านภายในวันนี้” เมื่อฮูหยินของเรือนว่าดังนั้น ทุกคนก็รีบลงมือทานอาหารต่อ มีเพียงหลี่น่าที่ยิ้มกริ่มอยู่กับตนเอง

“ท่านแม่เจ้าขา ลูกไปส่งผ้าให้ท่านแม่ดีหรือไม่” ท่าทีออดอ้อนอย่างลูกแมวตัวน้อย ทำเอาซูเจินหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆ เจ้าอยากไปอย่างนั้นหรือ”

“เจ้าค่ะ ข้าอยากไปเที่ยวชมตลาดด้วย อีกอย่างข้าอยากช่วยแบ่งเบาภาระพวกท่าน อยู่แต่ในเรือนเช่นนี้ เหมือนข้าเป็นบุตรอกตัญญู”

“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น พ่อและทุกคนเพียงเป็นห่วงเจ้า”

“ตอนนี้ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะ ขอข้าไปนะเจ้าคะ” ตากลมกะพริบปริบๆ ออดอ้อนขอความเห็นใจ

“ก็ได้ๆ เอินเอินดูแลนายเจ้าให้ดี” สุดท้ายก็ทนต่อน้ำเสียงและท่าทีออดอ้อนของบุตรสาวไม่ไหว นายท่านของเรือนจึงต้องเอ่ยอนุญาตออกไป

“บ่าวจะดูแลคุณหนูด้วยชีวิตเจ้าค่ะ”

.

.

“อืม ลายปักงดงามนัก สมเป็นฮูหยินเหอ” ท่านยายสวี เจ้าของร้านผ้าพยักหน้าอย่างพอใจ หากนำไปขายให้คุณหนูสกุลใหญ่ คงได้มาหลายตำลึงเงินเป็นแน่ คิดได้ดังนั้น มือเหี่ยวย่นก็หยิบเงินขึ้นมาสองร้อยอีแปะ เป็นค่าจ้างสำหรับลายปักบนอาภรณ์ผืนหรูนี้

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ เอินเอินไปกันเถิด” หลี่น่าก้มคำนับตามที่ท่านแม่สอน ก่อนจะเรียกสาวใช้ให้เดินตาม

“เจ้าค่ะ” เอินเอินก้าวเท้าตามไปได้เพียงสามก้าว คุณหนูของนางก็หยุดเดิน ทั้งยังเอ่ยขึ้นเสียงดัง

“เอินเอิน ข้าว่าเราให้ท่านแม่เปลี่ยนไปปักผ้า ให้กับร้านตรงข้ามดีหรือไม่ เมื่อครู่ป้าเจ้าของร้านเห็นลายปักของท่านแม่แล้วถูกใจ บอกว่าลายปักงดงามเช่นนี้ ร้านของนางให้ถึงเจ็ดร้อยอีแปะเชียวนะ” หลี่น่าว่า พลางขยิบตาให้คนสนิท

“…เอ๊ะ! แต่เรา-” เอินเอินยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงุนงง มิใช่ว่าเมื่อครู่นางพาคุณหนูตรงมาที่ร้านนี้เลยหรือ ทั้งตั้งแต่ออกจากเรือนมา ยังไม่ได้สนทนากับผู้ใดแม้แต่น้อย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • กลยุทธ์ลับเปลี่ยนคุณหนูตกอับเป็นเศรษฐีนี   17. กลัว (2)

    “ห้องนี้หรือ”“มิใช่เจ้าค่ะ ห้องนี้เป็นห้องตำราของท่านพ่อ” หลี่น่าเดินไปได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็ทักขึ้นมาอีก“หรือว่าจะเป็นห้องนี้”“นั่นเป็นห้องเก็บป้ายวิญญาณของบรรพชนเจ้าค่ะ”“อีกไกลหรือไม่”“เดินเลี้ยวไปทางซ้ายก็จะถึงแล้ว อยู่ติดกับห้องนอนของพี่เหิงพอดี ท่านทนมิไหวแล้วหรือเจ้าคะ คิกๆ” หญิงสาวปิดปากขำ จนดวงตาที่กลมโตหยีลงอย่างน่ารัก“อะฮึ่ม!” สตรีตรงหน้ายามยิ้มขบขำเช่นนี้ ช่างน่าเอ็นดูนัก ทั้งที่นางมิได้งามล่มเมือง รูปร่างก็มิได้เอวบางร่างน้อยอย่างสตรีงามผู้อื่น ทว่าส่วนเว้นส่วนโค้งกลับดึงดูดสายตาให้จับจ้อง มิรู้เบื่อ“ถึงแล้วเจ้าค่ะ”“อืม เจ้าออกไปรอด้านนอกก็ได้ ข้าจำทางได้แล้ว”“ท่านปวดหนักหรือ คึๆ” ท่าทีป้องปากกระซิบ พร้อมกับสายตาที่หยอกล้อ ทำเอาหวังหย่งถึงกับหน้าตึง แต่ยังมิทันได้เอ่ยเตือน อีกฝ่ายก็หนีหายไปเสียก่อนหวังหย่งเข้าไปในห้องสุขาเพียงชั่วครู่ ก็เดินย่องออกมา ดวงหน้าคมหันซ้ายหันขวา เพื่อดูให้แน่ใจว่ามิมีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ ร่างสูงรีบเดินไปยังห้องตำราของเรือนหากว่าจะหาเอกสารสำคัญ ย่อมต้องหาในห้องตำราเป็นที่แรก“ท่านแม่ทัพทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ยังไม่ทันที่หวังหย่งจะเปิดเข้าไปใน

  • กลยุทธ์ลับเปลี่ยนคุณหนูตกอับเป็นเศรษฐีนี   16. กลัว (1)

    “ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่เหิง ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” หลี่น่ายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างของรถม้าคันหรู ทั้งยังโบกไม้โบกมือให้ครอบครัว ที่กำลังกวาดลานหน้าเรือนอยู่เกวียนขนของและรถม้าคันหรู เคลื่อนเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าเรือนสกุลเหอ เข่อซิงเองก็นึกแปลกใจที่บุตรสาวนั่งรถม้าเข้ามา ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม เจ้าของรถม้าก็ปรากฏกายขึ้น“มะ แม่ทัพใหญ่! บุตรสาวข้าไปสร้างเรื่องเดือดร้อนหรือ”“ท่านแม่ทัพโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ” สองสามีภรรยาต่างก้มคำนับต่อแม่ทัพใหญ่ของแคว้นอย่างหวาดกลัว หลี่น่าได้แต่ยืนงงกับท่าทางของบิดาและมารดานางมิได้ทำสิ่งใดผิดเสียหน่อย“ท่านพ่อท่านแม่ ข้ามิได้สร้างเรื่องนะเจ้าคะ”“เจ้าเงียบเสีย ท่านแม่ทัพโปรดเห็นใจนางเถิดขอรับ น้องสาวข้าผู้นี้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามาก รอดตายมาได้ก็จดจำสิ่งใดมิได้ แม้แต่นามของตน ไหนจะพูดจากพิลึกพิลั่นนี่อีก เห็นแก่ว่านางวิปลาสเถิดขอรับ”“โอ้ยยยย พี่เหิงคิดว่าข้าบ้าหรือ แม่ทัพจ้าว! ท่านพูดสิ่งใดบ้างเถิด”“ท่านเหอ ฮูหยิน คุณชาย ข้าเพียงนำไหและจอกสุราที่คุณหนูเหอต้องการมาให้เท่านั้น” เสียงนิ่งทรงพลัง ทำให้คนสกุลเหอทั้งสาม หยุดโวยวายลงได้ แต่มิวายหันมาหาหลี่

  • กลยุทธ์ลับเปลี่ยนคุณหนูตกอับเป็นเศรษฐีนี   15. ได้สหายดี มีชัยไปกว่าครึ่ง (3)

    “ข้าทำเรื่องดีเจ้าค่ะ เอ่อ…ข้าจะเปิดร้านสุราหวานเจ้าค่ะ” มือขาวยกขึ้นมาป้องปาก กระซิบกระซาบเสียงเบา มิให้ผู้อื่นได้ยิน“เช่นนั้นหรือ เอาไว้ข้าจะส่งไปให้ที่เรือนเจ้า”“ประเดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้าขอไปเลือกเองได้หรือไม่ นะ นะ ข้าจะได้เลือกเอาแค่ที่จำเป็นอย่างไรเจ้าคะ” เพราะเคยชินกับการอยู่ใกล้ชิดกับบิดาและพี่ชาย หลี่น่าจึงเผลอเกาะแขนแกร่งเสียแน่น ทั้งยังส่งสายตาออดอ้อน จนคนมองเสียอาการ“อะแฮ่ม! เช่นนั้นก็กลับเรือน ฮุ่ยหวง…” เพียงแค่สายตาที่ส่งมา ก็ทำให้รองแม่ทัพเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงได้แยกตัวออกไปอีกทางหวังหย่งพาหลี่น่าและเอินเอินมาที่เรือนของตน ก่อนจะพาไปเลือกไหสุราและจอกสุราตามที่หญิงสาวต้องการ ยังดีที่วันนี้ท่านย่าของเขาไม่อยู่เรือน หากไม่แล้ว คงต้องเอ่ยอธิบายเสียยาวเหยียดเป็นแน่“เจ้าเลือกเอา อยากได้อันใดก็บอกบ่าวไพร่” หวังหย่งให้บ่าวไพร่เปิดหีบไม้ที่ใช้เก็บจอกสุรา ให้หญิงสาวดู“นี่…เหมือนของใหม่เลยนะเจ้าคะ” ทั้งลวดลายและรูปลักษณ์ของจอกสุรา ไม่แตกหักหรือมีรอยร้าวสักนิด“เอาไปเถิด เรือนข้ามีมาก มิได้ใช้งาน จนต้องนำมาเก็บที่ห้องเก็บของนี่อย่างไรเล่า”“อ่า~ มิใช่ว่าพึ่งให้คนไปซื้อมาใหม่ เพื่อ

  • กลยุทธ์ลับเปลี่ยนคุณหนูตกอับเป็นเศรษฐีนี   14. ได้สหายดี มีชัยไปกว่าครึ่ง (2)

    เช้าวันรุ่งขึ้นหลี่น่าลุกขึ้นมาออกกำลังกายตามปกติ ก่อนจะมาท่านมื้อเช้าและไปจัดการเรื่องการขนน้ำผลไม้ไปไว้ในห้องใต้ดิน ด้วยมิอยากจ้างคนงานมาจัดการ หลี่น่ากับเอินเอิน จึงจัดการขนไหน้ำผลไม้ยังไม่เน่าเสียมาไว้ในห้องใต้ดินด้วยตนเอง“เห้อ! กว่าจะเสร็จ เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่”“จริงเจ้าค่ะ แหะๆ”“ทนเอาหน่อยนะเอินเอิน หากว่าเราขายสุราหวานได้ดีตามที่คาดไว้ ครอบครัวเราก็จะมีกินมีใช้ มีเงินไว้จ่ายหนี้สินที่ติดค้างอยู่” หลี่น่าลูบศีรษะเล็กของคนสนิท“บ่าวทนไหวเจ้าค่ะ สงสารก็แต่พวกท่าน ที่ต้องมาลำบากเช่นนี้”“อย่าคิดอันใดให้มากความเลย ข้าว่าเราไปทำมื้อเที่ยงไว้รอทุกคนเถิด ช่วงบ่ายเราจะต้องออกไปหาภาชนะใส่สุราหวานของเราเสียที” ว่าแล้วสองนายบ่าวก็พากันเข้าครัว แม้ว่าหลี่น่าจะทำสิ่งใดไม่เป็น แต่ก็พอช่วยหยิบจับนู่นนี่ได้..“เราจะเริ่มจากที่ใดก่อนดีเจ้าคะ” หลังจากทานมื้อเที่ยง หลี่น่าก็ขออนุญาตบิดามารดาออกมาหาไหและจอกสุราเก่า“ข้าจะลองไปถามโรงน้ำชาดูก่อน” หากว่าไปถามร้านขายสุรา แล้วเรานำไหเหล่านั้นมาขายสุราแข่งกับเขา มันดูน่าเกลียดเกินไปหน่อย“เถ้าแก่เจ้าคะ ที่ร้านพอจะมีไหหรือจอกชาเก่าที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่

  • กลยุทธ์ลับเปลี่ยนคุณหนูตกอับเป็นเศรษฐีนี   13. ได้สหายดี มีชัยไปกว่าครึ่ง (1)

    หลังจากที่ขอให้ท่านลุงเหวินจงหมักสุราไว้ให้ หลี่น่าก็กลับมาพักที่เรือนอย่างสบายใจกับผีน่ะสิ!นับจากที่ตัดสินใจว่าจะนำสุราหวานไปวางขาย หลี่น่าก็ไม่ได้หยุดพักหายใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องเครื่องมือเครื่องใช้ ทั้งเรื่องวิธีการทำ ก็มีปัญหาเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน“จะทำอย่างไรดีเจ้าคะคุณหนู” หลี่น่ากำลังตักชิมน้ำผลไม้ที่นางคั้นเอาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน ก็พบว่าน้ำเหล่านั้นทำท่าคล้ายจะเน่าเสีย รสชาติและกลิ่นต่างแปลกไป“เพราะไม่มีตู้เย็น เลยเป็นเช่นนี้”“เอ่อ อันใดคือตะ ตู้เย็นเจ้าคะ”“เป็นที่ที่เย็นมากๆ ใช้เก็บของมิให้เน่าเสียน่ะ” หลี่น่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เสียดายน้ำผลไม้ที่คั้นไว้ เห็นทีจะต้องทิ้งแล้วทำใหม่“…”“นำไหที่เสียไปทิ้งเถิด แล้วคั้นใหม่ ข้าจะลองไปถามท่านพ่อดูว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร” ครอบครัวของนางเป็นสกุลพ่อค้า คงจะมีวิธีการเก็บสินค้าให้สดใหม่อยู่เสมอ“ได้เจ้าค่ะ” แม้เอินเอินจะเสียดายมากเท่าใด แต่ก็จำใจต้องเทน้ำผลไม้พวกนั้นทิ้ง..หลังจากครอบครัวสกุลเหอทานมื้อเย็นเสร็จ ก็พากันมานั่งเล่นพูดคุยกันที่ศาลาหลังเรือน เป็นโอกาสให้หลี่น่าได้ถามไถ่วิธีแก้ปัญหากับบิดา“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าติดปัญหาเจ

  • กลยุทธ์ลับเปลี่ยนคุณหนูตกอับเป็นเศรษฐีนี   12. ลงมือด้วยตนเอง (3)

    ทั้งกลิ่นและรสชาติ แตกต่างจากสุราที่ขายในโรงสุรายิ่งนัก กลิ่นของสาโทที่ท่านลุงเหวินจงหมักเอง จะมีกลิ่นหอมของข้าว แต่ก็ได้กลิ่นเปรี้ยวที่เกิดจากการหมักดองเช่นกัน“รสชาติดีกว่าสุราที่ข้าดื่มนัก”“แท้จริงแล้วสุราที่คุณชายดื่มก็ทำเช่นนี้เหมือนกันขอรับ แต่เขาจะเอาไปเข้าเครื่องกลั่น เพื่อจะได้เก็บไว้นาน ซึ่งรสชาติก็จะเปลี่ยนไปด้วย”“จริงสิ ท่านลุงพาข้าไปดูผลไม้ที่ส่งขายไม่ได้ทีเถิด” หลี่น่าอยากลองผสมน้ำผลไม้กับสาโทเต็มที อยากรู้ว่ารสชาติจะออกมาเป็นดังที่นางคาดไว้หรือไม่“ทางนี้เลยขอรับ” เดินแยกออกไปไม่นาน ก็พบกับกองผลไม้ที่ไม่สามารถส่งขายได้ บ้างก็เน่าเสีย บ้างก็ลูกเล็กเกินไปหลี่น่าเดินเข้าไปคัดเลือกผลที่ยังพอจะนำมาคั้นน้ำได้ นางเลือกผลส้มมาเกือบยี่สิบลูก ใช้มีดหั่นครึ่งส้มแต่ละผล แล้วจึงบีบคั้นน้ำออกมา“ข้าขอสาโทสักจอกเถิด” มือขาวรับเอาสาโทมาผสมกับน้ำส้มที่ตนเองคั้นสดเอาไว้ ก่อนจะใช้ตะเกียบแตะเพื่อชิมทุกการกระทำของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของเหิงเยว่ เอินเอิน และเหวินจงทั้งหมด“เจ้าเชี่ยวชาญนัก” หลี่น่าเพียงยกยิ้มให้พี่ชาย แล้วเลือกผลส้มมาคั้นเพื่อผสมกับสาโทให้ครบทุกคน กว่าจะทำได้ในปริมาณที่ม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status