เข้าสู่ระบบเมื่อเห็นว่าสกุลเหอที่เคยรุ่งเรือง ไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ สกุลเถียนที่เคยไปมาหาสู่กัน ก็เริ่มตีตัวออกหาก กระนั้นท่านพ่อท่านแม่ก็มิได้ถือสา จนได้ข่าวว่า เถียนอี้ที่เป็นคู่หมั้นของเหอหลี่น่า แต่งคุณหนูสกุลจางเข้ามาแทนที่ คุณหนูเหอหลี่น่าที่รักใคร่เถียนอี้หมดใจ ถึงกับเป็นลมล้มพับไป นางถึงขั้นไปร้องห่มร้องไห้หน้าประตูเรือนสกุลเถียน จนถูกบ่าวไพร่สาดน้ำไล่ ทั้งด่าทอว่าอัปลักษณ์ มีฐานะเยี่ยงยาจก นับจากวันนั้นนางก็เก็บตัวเงียบอยู่ในเรือน
ครอบครัวสกุลเหอทั้งทุกข์ใจและเจ็บใจ ยามมั่งมี พวกเขาก็ช่วยเหลือสกุลเถียนเรื่องเงินทองอยู่เสมอ เพราะเห็นว่าอย่างไรก็จะได้เกี่ยวดองกัน มิคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
หลี่น่าได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็เข้าใจทันที ว่าชายที่ชื่อเถียนอี้ มิได้รักใครคุณหนูเหอหลี่น่าเลยแม้แต่น้อย คงหวังเพียงอำนาจเงินของสกุลเหอเท่านั้น ทั้งพ่อค้าที่คดโกงสกุลเหอ ยังเป็นคนที่เสนาบดีเถียนแนะนำมา ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะวางแผนทั้งหมดไว้แล้ว
“จากนั้นเรื่องก็เป็นอย่างที่เจ้ารู้” ซูเจินโอบกอดบุตรสาวอย่างแนบแน่น นางรู้ดีว่าบุตรสาวปักใจรักใต้เท้าเถียนมาก ถึงขั้นคิดจะปลิดชีวิตของตนเอง
“หลี่เอ๋อร์ พ่อรู้ว่ามันยาก แต่เจ้าต้องตัดใจจากเขาเสีย”
“เจ้ายังมีท่านพ่อ ท่านแม่ เอินเอิน และก็พี่ ที่รักเจ้า” เมื่อเห็นว่าน้องสาวเงียบไป เหิงเยว่จึงลูบศีรษะน้องสาวเบาๆ เขาคิดว่านางคงยังมีเยื่อใยกับใต้เท้าเถียนอยู่มาก แม้ว่าความจำจะหดหายไป
เรื่องเช่นนี้คงต้องใช้เวลา ให้ช่วยเยียวยาจิตใจของนาง
ปัง!!! ทั้งสี่คนต่างสะดุ้งตกใจ เพราะอยู่ๆ หลี่น่าก็ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ
“…ไอ้คนเห็นแก่ตัว พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง หึ! น่าตายนัก”
“จะ เจ้าว่าผู้ใดหรือน้องพี่”
“ก็ไอ้พวกสกุลเถียนอย่างไรเจ้าคะ พวกมันหาประโยชน์จากเรา แล้วก็หักหลังเรา ไม่แน่ว่าพ่อค้าคนนั้นอาจจะเป็นคนของพวกมันก็ได้” คำพูดด่าทอยาวเหยียดของบุตรสาว สร้างความประหลาดใจให้กับเข่อซิงและซูเจินไม่น้อย
“นี่ลูกมิได้รู้สึกรักใคร่เถียนอี้แล้วหรือ”
“จะรักได้อย่างไรเจ้าคะท่านพ่อ ทำตัวเป็นแมงดา คิดจะมาเกาะข้ากิน พอสกุลเราตกต่ำ ก็เขี่ยทิ้ง นี่มันยิ่งกว่าคนเห็นแก่ตัวเสียอีก ฮึ้ย! พูดแล้วโมโห” หลี่น่าหอบหายใจหนัก นางทั้งเหนื่อย ทั้งโกรธ นางจะเอาคืนให้จนได้
คอยดูเถิด! แม่จะเฉิดฉายให้ดู
“เอ่อ ฮะ ฮ่าๆ ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้นก็ดีแล้ว ไอ้พวกกลับกลอก! พวกเห็นแก่ตัว! ไว้ใจมิได้”
“ใช่เจ้าค่ะพี่เหิง จากนี้ข้าจะทำให้พวกมันรู้ซึ้ง ที่กล้ามาทำกับพวกเราเช่นนี้” หลี่น่าพยักหน้าหงึกหงักกับตนเอง ทว่าต้องหยุดชะงักเพราะคำของพี่ชาย
“จะทำเช่นไรหรือ”
“…ยังไม่รู้เลยเจ้าค่ะ แหะๆ แต่อย่างไร ข้าก็ต้องหาวิธีได้แน่” หลี่น่าว่าพลางลุกขึ้น ไปยืนเท่าสะเอวบนโต๊ะน้ำชาเตี้ยๆ ที่วางอยู่
“ไปยืนทำไมตรงนั้นเล่า ลูกแม่”
“เพราะข้าจะทำให้พวกท่านมั่นใจ ว่าข้าจะทำงานหาเงินมาช่วยพวกท่านเอง” ในชีวิตก่อน ครอบครัวนางก็ยากจนและมีหนี้สินมากมายเช่นกัน นางยังใช้หนี้แล้วส่งเงินให้ยายกับแม่ใช้ได้เลย มาครานี้เหตุใดนางจะทำไม่ได้
“พ่อเชื่อๆ แต่เจ้าลงมาก่อนเถิด โต๊ะมันเก่ามากละ-”
โคร้ม!!! โอ้ยยย~
“คุณหนู!” เอินเอินโผเข้าไปพยุงหลี่น่า ให้ลุกขึ้นจากพื้น ไม่ต่างจากที่ท่านพ่อว่า โต๊ะมันเก่ามากจนรับน้ำหนักตัวของนางไม่ไหว
“ฮ่าๆ เจ้าหงายหลังลงไปเลย ฮุๆ” เหิงเยว่กุมท้องหัวเราะจนน้ำตาไหล
ก่อนจะหาเงิน ข้าต้องออกกำลังกาย เพื่อลดน้ำหนักก่อนกระมัง ทั้งเหนื่อยง่าย ทั้งไม่คล่องตัว ไหนจะทำข้าวของเสียหายอีก ฮื้อออออ
“ห้องนี้หรือ”“มิใช่เจ้าค่ะ ห้องนี้เป็นห้องตำราของท่านพ่อ” หลี่น่าเดินไปได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็ทักขึ้นมาอีก“หรือว่าจะเป็นห้องนี้”“นั่นเป็นห้องเก็บป้ายวิญญาณของบรรพชนเจ้าค่ะ”“อีกไกลหรือไม่”“เดินเลี้ยวไปทางซ้ายก็จะถึงแล้ว อยู่ติดกับห้องนอนของพี่เหิงพอดี ท่านทนมิไหวแล้วหรือเจ้าคะ คิกๆ” หญิงสาวปิดปากขำ จนดวงตาที่กลมโตหยีลงอย่างน่ารัก“อะฮึ่ม!” สตรีตรงหน้ายามยิ้มขบขำเช่นนี้ ช่างน่าเอ็นดูนัก ทั้งที่นางมิได้งามล่มเมือง รูปร่างก็มิได้เอวบางร่างน้อยอย่างสตรีงามผู้อื่น ทว่าส่วนเว้นส่วนโค้งกลับดึงดูดสายตาให้จับจ้อง มิรู้เบื่อ“ถึงแล้วเจ้าค่ะ”“อืม เจ้าออกไปรอด้านนอกก็ได้ ข้าจำทางได้แล้ว”“ท่านปวดหนักหรือ คึๆ” ท่าทีป้องปากกระซิบ พร้อมกับสายตาที่หยอกล้อ ทำเอาหวังหย่งถึงกับหน้าตึง แต่ยังมิทันได้เอ่ยเตือน อีกฝ่ายก็หนีหายไปเสียก่อนหวังหย่งเข้าไปในห้องสุขาเพียงชั่วครู่ ก็เดินย่องออกมา ดวงหน้าคมหันซ้ายหันขวา เพื่อดูให้แน่ใจว่ามิมีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ ร่างสูงรีบเดินไปยังห้องตำราของเรือนหากว่าจะหาเอกสารสำคัญ ย่อมต้องหาในห้องตำราเป็นที่แรก“ท่านแม่ทัพทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ยังไม่ทันที่หวังหย่งจะเปิดเข้าไปใน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่เหิง ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” หลี่น่ายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างของรถม้าคันหรู ทั้งยังโบกไม้โบกมือให้ครอบครัว ที่กำลังกวาดลานหน้าเรือนอยู่เกวียนขนของและรถม้าคันหรู เคลื่อนเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าเรือนสกุลเหอ เข่อซิงเองก็นึกแปลกใจที่บุตรสาวนั่งรถม้าเข้ามา ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม เจ้าของรถม้าก็ปรากฏกายขึ้น“มะ แม่ทัพใหญ่! บุตรสาวข้าไปสร้างเรื่องเดือดร้อนหรือ”“ท่านแม่ทัพโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ” สองสามีภรรยาต่างก้มคำนับต่อแม่ทัพใหญ่ของแคว้นอย่างหวาดกลัว หลี่น่าได้แต่ยืนงงกับท่าทางของบิดาและมารดานางมิได้ทำสิ่งใดผิดเสียหน่อย“ท่านพ่อท่านแม่ ข้ามิได้สร้างเรื่องนะเจ้าคะ”“เจ้าเงียบเสีย ท่านแม่ทัพโปรดเห็นใจนางเถิดขอรับ น้องสาวข้าผู้นี้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามาก รอดตายมาได้ก็จดจำสิ่งใดมิได้ แม้แต่นามของตน ไหนจะพูดจากพิลึกพิลั่นนี่อีก เห็นแก่ว่านางวิปลาสเถิดขอรับ”“โอ้ยยยย พี่เหิงคิดว่าข้าบ้าหรือ แม่ทัพจ้าว! ท่านพูดสิ่งใดบ้างเถิด”“ท่านเหอ ฮูหยิน คุณชาย ข้าเพียงนำไหและจอกสุราที่คุณหนูเหอต้องการมาให้เท่านั้น” เสียงนิ่งทรงพลัง ทำให้คนสกุลเหอทั้งสาม หยุดโวยวายลงได้ แต่มิวายหันมาหาหลี่
“ข้าทำเรื่องดีเจ้าค่ะ เอ่อ…ข้าจะเปิดร้านสุราหวานเจ้าค่ะ” มือขาวยกขึ้นมาป้องปาก กระซิบกระซาบเสียงเบา มิให้ผู้อื่นได้ยิน“เช่นนั้นหรือ เอาไว้ข้าจะส่งไปให้ที่เรือนเจ้า”“ประเดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้าขอไปเลือกเองได้หรือไม่ นะ นะ ข้าจะได้เลือกเอาแค่ที่จำเป็นอย่างไรเจ้าคะ” เพราะเคยชินกับการอยู่ใกล้ชิดกับบิดาและพี่ชาย หลี่น่าจึงเผลอเกาะแขนแกร่งเสียแน่น ทั้งยังส่งสายตาออดอ้อน จนคนมองเสียอาการ“อะแฮ่ม! เช่นนั้นก็กลับเรือน ฮุ่ยหวง…” เพียงแค่สายตาที่ส่งมา ก็ทำให้รองแม่ทัพเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงได้แยกตัวออกไปอีกทางหวังหย่งพาหลี่น่าและเอินเอินมาที่เรือนของตน ก่อนจะพาไปเลือกไหสุราและจอกสุราตามที่หญิงสาวต้องการ ยังดีที่วันนี้ท่านย่าของเขาไม่อยู่เรือน หากไม่แล้ว คงต้องเอ่ยอธิบายเสียยาวเหยียดเป็นแน่“เจ้าเลือกเอา อยากได้อันใดก็บอกบ่าวไพร่” หวังหย่งให้บ่าวไพร่เปิดหีบไม้ที่ใช้เก็บจอกสุรา ให้หญิงสาวดู“นี่…เหมือนของใหม่เลยนะเจ้าคะ” ทั้งลวดลายและรูปลักษณ์ของจอกสุรา ไม่แตกหักหรือมีรอยร้าวสักนิด“เอาไปเถิด เรือนข้ามีมาก มิได้ใช้งาน จนต้องนำมาเก็บที่ห้องเก็บของนี่อย่างไรเล่า”“อ่า~ มิใช่ว่าพึ่งให้คนไปซื้อมาใหม่ เพื่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลี่น่าลุกขึ้นมาออกกำลังกายตามปกติ ก่อนจะมาท่านมื้อเช้าและไปจัดการเรื่องการขนน้ำผลไม้ไปไว้ในห้องใต้ดิน ด้วยมิอยากจ้างคนงานมาจัดการ หลี่น่ากับเอินเอิน จึงจัดการขนไหน้ำผลไม้ยังไม่เน่าเสียมาไว้ในห้องใต้ดินด้วยตนเอง“เห้อ! กว่าจะเสร็จ เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่”“จริงเจ้าค่ะ แหะๆ”“ทนเอาหน่อยนะเอินเอิน หากว่าเราขายสุราหวานได้ดีตามที่คาดไว้ ครอบครัวเราก็จะมีกินมีใช้ มีเงินไว้จ่ายหนี้สินที่ติดค้างอยู่” หลี่น่าลูบศีรษะเล็กของคนสนิท“บ่าวทนไหวเจ้าค่ะ สงสารก็แต่พวกท่าน ที่ต้องมาลำบากเช่นนี้”“อย่าคิดอันใดให้มากความเลย ข้าว่าเราไปทำมื้อเที่ยงไว้รอทุกคนเถิด ช่วงบ่ายเราจะต้องออกไปหาภาชนะใส่สุราหวานของเราเสียที” ว่าแล้วสองนายบ่าวก็พากันเข้าครัว แม้ว่าหลี่น่าจะทำสิ่งใดไม่เป็น แต่ก็พอช่วยหยิบจับนู่นนี่ได้..“เราจะเริ่มจากที่ใดก่อนดีเจ้าคะ” หลังจากทานมื้อเที่ยง หลี่น่าก็ขออนุญาตบิดามารดาออกมาหาไหและจอกสุราเก่า“ข้าจะลองไปถามโรงน้ำชาดูก่อน” หากว่าไปถามร้านขายสุรา แล้วเรานำไหเหล่านั้นมาขายสุราแข่งกับเขา มันดูน่าเกลียดเกินไปหน่อย“เถ้าแก่เจ้าคะ ที่ร้านพอจะมีไหหรือจอกชาเก่าที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่
หลังจากที่ขอให้ท่านลุงเหวินจงหมักสุราไว้ให้ หลี่น่าก็กลับมาพักที่เรือนอย่างสบายใจกับผีน่ะสิ!นับจากที่ตัดสินใจว่าจะนำสุราหวานไปวางขาย หลี่น่าก็ไม่ได้หยุดพักหายใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องเครื่องมือเครื่องใช้ ทั้งเรื่องวิธีการทำ ก็มีปัญหาเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน“จะทำอย่างไรดีเจ้าคะคุณหนู” หลี่น่ากำลังตักชิมน้ำผลไม้ที่นางคั้นเอาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน ก็พบว่าน้ำเหล่านั้นทำท่าคล้ายจะเน่าเสีย รสชาติและกลิ่นต่างแปลกไป“เพราะไม่มีตู้เย็น เลยเป็นเช่นนี้”“เอ่อ อันใดคือตะ ตู้เย็นเจ้าคะ”“เป็นที่ที่เย็นมากๆ ใช้เก็บของมิให้เน่าเสียน่ะ” หลี่น่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เสียดายน้ำผลไม้ที่คั้นไว้ เห็นทีจะต้องทิ้งแล้วทำใหม่“…”“นำไหที่เสียไปทิ้งเถิด แล้วคั้นใหม่ ข้าจะลองไปถามท่านพ่อดูว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร” ครอบครัวของนางเป็นสกุลพ่อค้า คงจะมีวิธีการเก็บสินค้าให้สดใหม่อยู่เสมอ“ได้เจ้าค่ะ” แม้เอินเอินจะเสียดายมากเท่าใด แต่ก็จำใจต้องเทน้ำผลไม้พวกนั้นทิ้ง..หลังจากครอบครัวสกุลเหอทานมื้อเย็นเสร็จ ก็พากันมานั่งเล่นพูดคุยกันที่ศาลาหลังเรือน เป็นโอกาสให้หลี่น่าได้ถามไถ่วิธีแก้ปัญหากับบิดา“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าติดปัญหาเจ
ทั้งกลิ่นและรสชาติ แตกต่างจากสุราที่ขายในโรงสุรายิ่งนัก กลิ่นของสาโทที่ท่านลุงเหวินจงหมักเอง จะมีกลิ่นหอมของข้าว แต่ก็ได้กลิ่นเปรี้ยวที่เกิดจากการหมักดองเช่นกัน“รสชาติดีกว่าสุราที่ข้าดื่มนัก”“แท้จริงแล้วสุราที่คุณชายดื่มก็ทำเช่นนี้เหมือนกันขอรับ แต่เขาจะเอาไปเข้าเครื่องกลั่น เพื่อจะได้เก็บไว้นาน ซึ่งรสชาติก็จะเปลี่ยนไปด้วย”“จริงสิ ท่านลุงพาข้าไปดูผลไม้ที่ส่งขายไม่ได้ทีเถิด” หลี่น่าอยากลองผสมน้ำผลไม้กับสาโทเต็มที อยากรู้ว่ารสชาติจะออกมาเป็นดังที่นางคาดไว้หรือไม่“ทางนี้เลยขอรับ” เดินแยกออกไปไม่นาน ก็พบกับกองผลไม้ที่ไม่สามารถส่งขายได้ บ้างก็เน่าเสีย บ้างก็ลูกเล็กเกินไปหลี่น่าเดินเข้าไปคัดเลือกผลที่ยังพอจะนำมาคั้นน้ำได้ นางเลือกผลส้มมาเกือบยี่สิบลูก ใช้มีดหั่นครึ่งส้มแต่ละผล แล้วจึงบีบคั้นน้ำออกมา“ข้าขอสาโทสักจอกเถิด” มือขาวรับเอาสาโทมาผสมกับน้ำส้มที่ตนเองคั้นสดเอาไว้ ก่อนจะใช้ตะเกียบแตะเพื่อชิมทุกการกระทำของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของเหิงเยว่ เอินเอิน และเหวินจงทั้งหมด“เจ้าเชี่ยวชาญนัก” หลี่น่าเพียงยกยิ้มให้พี่ชาย แล้วเลือกผลส้มมาคั้นเพื่อผสมกับสาโทให้ครบทุกคน กว่าจะทำได้ในปริมาณที่ม







