Share

บทที่ 13

last update Last Updated: 2025-10-31 18:32:23

นิยามของคำว่าอยู่คนเดียวแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคนที่แต่งงานแล้ว

นายแพทย์กันต์ธีรับโทรศัพท์สายตรงจากเจ้าสัวเพชร ได้ความว่าให้ชักชวนหลานสาวคนเดียวไปร่วมรับประทานอาหารที่บ้าน หลังจากคุณปู่เพิ่งเดินทางกลับมาจากการประชุมที่เยอรมนี เพียงแต่เมื่อชายหนุ่มไปถึงก็ไม่ได้มีแค่ปู่ภรรยาคนเดียว กลับมีลูกชายกิตติมศักดิ์หัวแก้วหัวแหวนอย่างเหนือฟ้านั่งอยู่ด้วย

กันต์ธีไม่แน่ใจนักว่าความรักต้องมีเหตุผลบ้างหรือเปล่า แต่การที่ใครสักคนจะเกลียดขี้หน้ากันมันมีเหตุผลอย่างแน่นอน เหมือนกับที่เขาเกลียดไอ้คุณอาหน้าอ่อน เพราะมันมองเมียเขาตาเป็นมัน ส่วนเหตุผลที่ไอ้เหนือฟ้าเกลียดขี้หน้าเขาก็คงไม่ต้องเดา เพราะเขาเป็นผัวของยายไฮโซข้าวหวานนี่ไง

“ไม่ได้เจอกันนาน ขอปู่กอดข้าวหวานหน่อยลูก”

“ครึ่งเดือนเองค่ะคุณปู่” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่หญิงสาวก็เป็นฝ่ายโผเข้าไปหาชายสูงวัยผู้เป็นที่พึ่งเดียวของเธอ ทุกวันนี้ปู่ยังคงทำงานหนัก เนื่องจากไม่อาจวางมือได้ บ่อยครั้งเธอนึกโมโหตัวเองที่ไม่มีความรู้ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์แบบปู่และพ่อผู้ล่วงลับ การเข้าไปบริหารธุรกิจกลุ่มโรงพยาบาล มันจำเป็นค่อนข้างมากที่ทายาทควรจะมีความรู้เฉพาะทาง และนี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คุณปู่สนับสนุนให้เธอแต่งงานกับนายแพทย์กันต์ธี

“ครึ่งเดือนสำหรับคนแก่ที่ต้องห่างหลานนี่ มันนานเหมือนกันนะ” เจ้าสัวเพชรจับจูงหลานสาวสุดรักมานั่งที่โต๊ะกินข้าว ก่อนจะพยักพเยิดไปยังลูกบุญธรรมที่ได้มาเพราะโชคชะตา “เหนือเองก็กลับมาอยู่เมืองไทยถาวรได้แล้ว ไปอยู่ที่อื่นพ่อเป็นห่วง”

“นี่ผมก็กลับมาแล้วไงครับคุณพ่อ คราวนี้จะอยู่ให้เบื่อขี้หน้ากันไปเลย”

“ไม่มีทางซะหรอก”

“อาเหนือกลับมาอยู่นี่ หวานก็ตกกระป๋องเลยสิคะ”

“ก็เจ้าเหนือมันไม่มีใคร เรามีหมอกันต์คอยดูแลอยู่ทั้งคน” ปู่เพชรหันไปยกยิ้มให้หลานเขยที่นั่งถัดไปจากหลานสาว กันต์ธีเป็นคนหนุ่มไฟแรงและเป็นศัลยแพทย์ฝีมือดี ตัวเขาเองก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปเรื่อยๆ จำเป็นจะต้องเริ่มฝากฝังกิจการที่มีไว้กับทายาทรุ่นต่อไป

“กินข้าวเสร็จแล้ว เดี๋ยวหมอกันต์ตามมาคุยกับปู่หน่อยนะ” พูดจบคนเป็นปู่ก็หันไปสั่งลูกบุญธรรมด้วยอีกคน “เหนือก็ด้วย”

ช่วงเวลาหลังอาหารมื้อค่ำ หลานสาวเจ้าของบ้านก็ถูกกันออกมาอยู่วงนอก ปู่เพชรเปิดเกมบทสนทนากับสองหนุ่มโดยเริ่มจากอายุที่มากขึ้นของตนเอง ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมการปลดเกษียณเสียที

“เหนือกลับมาช่วยดูบริษัทเครื่องมือแพทย์ให้พ่อได้ไหม” แม้เหนือฟ้าจะไม่ได้จบการศึกษาทางด้านนี้โดยตรง แต่บุตรชายมีประสบการณ์ในเรื่องการนำเข้าและส่งออก ที่สำคัญเขาเป็นคนฉลาด หากเข้ามาเรียนรู้งานพร้อมกับมีคนช่วยแนะนำในช่วงแรก ปู่เพชรเชื่อเหลือเกินว่าธุรกิจน่าจะไปได้ด้วยดี

คนอื่นอาจจะคิดว่าเขารับเหนือฟ้ามาเป็นลูกบุญธรรมเพียงเพราะกระแสสังคมและเพื่อแสดงถึงจริยธรรม แต่พ่อที่ต้องมาสูญเสียลูกชายคนเดียวไปอย่างกะทันหัน พอมีลูกชายอีกคนเข้ามา ทั้งยังเป็นเด็กที่น่ารัก อัธยาศัยดี เขาเองก็เทใจให้ เหนือฟ้าเปรียบเสมือนลูกแท้ๆ คนหนึ่ง แน่นอนว่ากิจการในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ เขาตั้งใจส่งมอบเป็นสมบัติให้กับลูกชายคนนี้ต่อไปในวันข้างหน้า

“ผมจะลองเข้าไปช่วยดูก่อนก็ได้ครับ ถือว่าแบ่งเบาภาระคุณพ่อไปในตัว” ชายหนุ่มกลับมาที่ไทยครั้งนี้เขาตั้งใจจะมาบุกเบิกธุรกิจในกลุ่มนำเข้าผลไม้พรีเมียม แต่ก็เห็นใจบิดาที่ต้องแบกภาระหลายด้านอยู่เพียงลำพัง

“ขอบใจเหนือมากนะลูก” นักธุรกิจรุ่นใหญ่เบนสายตากลับมาหาหลานเขยคนโปรดดูบ้าง “ถ้าปู่จะขอให้หมอกันต์มาช่วยที่โรงพยาบาลได้ไหมลูก”

“ผมก็มาเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลของคุณปู่อยู่แล้วนี่ครับ”

“ปู่หมายถึงให้เรามาช่วยดูแลแบบเต็มตัว อยากให้ขึ้นไปอยู่ในบอร์ดบริหาร”

“ทำไมคุณปู่ถึงให้ผมเข้าไปดู ไม่เป็นข้าวหวานล่ะครับ” นี่คือสิ่งที่เขาไม่เข้าใจอย่างที่สุด เจ้าสัวเพชรทะนุถนอมหลานสาวจนเกินเหตุ ตัวเองมีกิจการโรงพยาบาลใหญ่โต แทนที่จะบังคับให้ทายาทคนเดียวร่ำเรียนในสิ่งที่มันเกี่ยวข้องและใช้ประโยชน์ได้จริง หรือไม่ก็ให้ข้าวหวานค่อยๆ ไปเรียนรู้เอาก็ได้ แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันนั่นแหละ ว่าการบริหารธุรกิจที่มันเฉพาะทางแบบนี้ เจ้าของก็ควรจะเป็นแพทย์หรือไม่ก็วิ่งวนอยู่ในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ

นี่อะไรปล่อยให้หญิงสาวไปเป็นครูสอนดนตรี ถึงแม้เขาจะคลับคล้ายคลับคลาว่าเธอเรียนจบเกี่ยวกับบัญชีหรือไฟแนนซ์อะไรเทือกนั้น แต่งานหลักๆ ของเธอในทุกวันนี้ ก็คือการบริหารโรงเรียนสอนดนตรีราวสิบกว่าสาขาทั่วประเทศ มันไม่แย่นักหรอกนะ แต่ถ้าเทียบกับมูลค่ามหาศาลของเครือโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีอยู่ในมือ แน่นอนว่าโรงเรียนร้องเล่นเต้นระบำพวกนั้นเทียบไม่ติดแน่นอน

“หวานเขาไม่มีความชอบความถนัดทางด้านนี้เลย หมอกันต์ก็รู้อยู่ใช่ไหม เรื่องกิจการฝั่งโรงพยาบาล ปู่เองก็ตั้งใจยกให้เราสองคนนั่นแหละ ถ้ายังไม่อยากเข้ามาดูเต็มตัว หมอกันต์ค่อยๆ เข้ามาศึกษาบอร์ดบริหารทีละนิดก็ได้” ชายสูงวัยรู้และเข้าใจดีว่านายแพทย์คนนี้ชอบจับมีดผ่าตัดเสียมากกว่างานบริหาร แต่ถึงกระนั้นเมื่อวันเวลาผ่านไปและภาระความรับผิดชอบมากขึ้น เขาก็อาจจำเป็นต้องหันมาจับงานด้านบริหารเช่นเดียวกัน

“ผมขอกลับไปคิดก่อนได้ไหมครับ”

“ได้สิ ปู่แค่อยากให้ลูกๆ หลานๆ รับรู้กันไว้ก่อนนั่นแหละ”

“จะทาบทามนายแพทย์ฝีมือดีระดับนี้ เขาก็เล่นตัวหน่อยนะครับคุณพ่อ” เหนือฟ้ายิ้มเยาะให้กับคนใจดำ ได้รับความช่วยเหลือจุนเจือจากครอบครัวภรรยาไปตั้งเท่าไร ครั้นผู้ใหญ่จะขอให้มาช่วยทำงานที่เป็นผลประโยชน์ของตัวเองในวันข้างหน้าแท้ๆ ยังต้องแทบกราบกราน คิดแล้วก็อยากจะถุยน้ำลายใส่หน้าคนจองหองนัก

“มันก็เป็นปกติของคนมีฝีมือที่เขาต้องคิดหน้าคิดหลังกันสักหน่อย แต่ถ้าเป็นพวกไม่มีอะไรมาเลยก็คงไม่ต้องคิดอะไร” กันต์ธีเหน็บแนมตอกกลับไปบ้าง นักธุรกิจที่ลอยไปลอยมา อยู่ดีๆ มีกิจการยักษ์ใหญ่สำเร็จรูปหล่นโครมใส่หัวไม่ตะครุบไว้ก็แปลกแล้ว

เหนือฟ้าหนังตากระตุก เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อบุญธรรมเขาก็ไม่อยากจะสร้างเรื่องให้ท่านยิ่งต้องปวดหัว

กันต์ธีเห็นอีกฝ่ายไม่สวนกลับก็ไหวไหล่เบาๆ คนอย่างเหนือฟ้าอาจจะคิดอะไรง่ายๆ แต่สำหรับเขาต้องคิดไกลกว่านั้น เขายินดีทำให้ถ้ามันเป็นการช่วยเหลือเพียงครั้งคราว แต่จะให้ผูกพันกันจนยัดอำนาจบริหารทั้งหมดไว้ในมือ แล้ววันข้างหน้าหากเขาเดินออกไปจากชีวิตข้าวหวานล่ะ หญิงสาวคงต้องเริ่มตั้งต้นใหม่จากศูนย์ หรือไม่ก็ต้องหาผัวคนถัดไปเป็นหมออีกกระมัง

หนทางที่ดีที่สุดคือทายาทตัวจริงต้องขึ้นมานั่งแท่นผู้บริหารกิจการโรงพยาบาลด้วยตัวเอง และช่วงที่นายกันต์ธีคนนี้ยังอยู่ในตำแหน่งสามีของข้าวหวาน เขายินดีที่จะคอยแนะนำและเป็นมือเป็นไม้ให้ ตอบแทนที่ครอบครัวของหญิงสาวช่วยเหลือด้านการเงินกับครอบครัวของเขาโดยไม่คิดดอกเบี้ย

“ผมจะเข้ามาช่วยดูเรื่องบริหารครับ แต่ก็อยากให้ข้าวหวานเข้ามาพร้อมกับผมด้วย”

“เอาสิ ผัวเมียลองคุยกันดู” คนเป็นปู่เมื่อได้ยินว่านายแพทย์หนุ่มจะยื่นมือเข้ามาช่วยก็สุขใจ ส่วนข้าวหวานถือว่าแล้วแต่ความชอบความถนัดเป็นทุนเดิม บอกตามตรงว่าตั้งแต่ลูกชายคนเดียวตายไปพร้อมกับที่เกือบจะสูญเสียหลานสาวไปด้วย เขาก็ยึดเอาความสบายใจของหลานมากกว่าสิ่งอื่นใด จะว่าเห็นแก่ตัวก็ย่อมได้ เพราะนี่เท่ากับเป็นการโยนภาระโครมโตหวังพึ่งกันต์ธีมากกว่าข้าวหวานอยู่แล้ว

“อ้ออีกอย่างหนึ่ง นี่ก็แต่งงานกันมาตั้งสามปีแล้ว”

เมื่อชายสูงวัยเริ่มเอ่ยปาก กันต์ธีก็สามารถเดาประโยคถัดไปได้ทันควัน เขาขยับจะปฏิเสธ ทว่าเห็นสายตาที่แสดงความหวั่นไหวจนถึงขั้นเจ็บปวดของเหนือฟ้า สิ่งที่อยู่ในใจของนายแพทย์หนุ่มก็กลับถูกตลบออกไปคนละทาง

“ถ้าเป็นเรื่องที่คุณปู่อยากได้หลาน ผมกับข้าวหวานก็พยายามกันอยู่ทุกวันครับ คุณปู่รอฟังข่าวดีได้เลย”

นักธุรกิจสูงวัยหัวเราะร่วนด้วยดวงตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง “ได้ๆ ปู่จะรอนะ”

กันต์ธียกยิ้มขึ้นบางๆ ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองผู้ชายอีกคนที่หน้าซีดเผือดลงไปแล้ว เขาสร้างความหวังให้กับคนแก่คนหนึ่งก็ถือว่าได้บุญ และดับฝันชายชั่วที่จ้องจะแย่งเมียคนอื่นเป็นการระงับบาป

ดังนั้นครั้งนี้ ก็ถือเป็นโกหกสีขาวแล้วกันนะ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กังวานหวาน    ตอนพิเศษ 2 ความทรงจำ

    แซ็กโซโฟนเป็นเครื่องดนตรีที่มีชีวิต...ผมรู้สึกแบบนั้นมาตลอด เพราะทุกครั้งที่ได้ยินข้าวหวานเป่าเจ้าเครื่องดนตรีชนิดนี้ เธอใส่อารมณ์ ใส่ความรู้สึกรวมถึงเสน่ห์ของเธอลงไปด้วย เธอเซ็กซี่เสมอยามเมื่อยืนอยู่บนฟลอร์และสะกดคนด้วยเสียงเพลงอย่างเช่นคืนที่เราอยู่บนเรือสำราญด้วยกันจริงอยู่คนอื่นอาจจะเห็นเธอในมุมของนักดนตรี ไฮโซสาวพราวเสน่ห์แต่เสน่ห์อย่างอื่นของเธอมีมากมายกว่านั้นถึงแม้ครั้งหนึ่งผมจะหลับหูหลับตา มองเธอผ่านหน้ากากแห่งอคติ แต่ได้โปรดเข้าใจกันบ้าง ตอนนั้นผมคือผู้ชายที่จำใจแต่งงานโดยไม่ได้รักผมไม่ถึงกับโกรธเกลียดข้าวหวาน แค่ขวางหูขวางตานิดหน่อย ผมทำนิสัยแย่ เธอก็ยังยิ้มอ่อน ผมเย็นชา เธอก็ยังทำข้าวกล่องให้ไปกินที่ทำงานทุกเช้า บอกตรงๆ ผมค่อนข้างได้ใจข้าวหวานเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเธอรักผมมาก รักแบบที่ไม่มีทางไปไหนรอดน่าขำ…ผมไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนตลอดเวลาที่ผมเย็นชา เธออดทนเพราะหวังว่าผมคงอ่อนโยนขึ้นในวันหนึ่งข้างหน้าเวลาที่ผมทำนิสัยแย่ เธอมักจะยิ้มหรือนิ่งเงียบ นั่นเพราะเธอคงไม่อยากให้เราทะเลาะกันจนบานปลายการใช้ชีวิตคู่ที่เธอพยายามและเฝ้าทะนุถนอมมันเพียงฝ่ายเดีย

  • กังวานหวาน   ตอนพิเศษ 1 ความอบอุ่น

    แสงอาทิตย์อ่อนแสงลงจนดูอ่อนโยนกับท้องทะเล เด็กน้อยหลายคนและนกนางนวลหลายตัวกำลังเล่นลมอย่างสนุกสนาน ฉันมองภาพงดงามซึ่งเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างมีความสุข แต่ใช่ว่าชีวิตจะมีเพียงภาพอันสว่างไสวเช่นนี้เพียงอย่างเดียวคนเราล้วนมีช่วงเวลาที่หวาดกลัวที่สุดในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น สำหรับฉันมันเกิดขึ้นตอนอายุสิบห้าคืนที่ฝนตกกระหน่ำเหมือนฟ้ารั่ว เศษกระจกแตกกระจัดกระจาย รถที่พลิกคว่ำ เลือดของฉัน พ่อและแม่ นองไปกับสายฝน กระดูกแขนขาหัก มันเจ็บปวดที่ต้องนอนมองคนที่รักตายอยู่ตรงหน้า แต่กระนั้นฉันก็ยังกลัวความตายที่กำลังคืบคลานมากัดกินฉันอีกคนความอบอุ่นของฝ่ามือมนุษย์แตะเบาๆ ที่ข้างคอของฉัน ผู้ชายที่เปียกโซกไปทั้งตัว เขายิ้มอย่างอ่อนโยนท่ามกลางความมืดและคาวเลือด นับแต่นั้นฉันฝังรอยยิ้มสว่างไสวของเขาไว้ในความทรงจำ“ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ น้องจะปลอดภัยแน่นอน” เขาพูดแบบนั้นและฉันก็ปลอดภัยจริงๆ แม้ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลของคุณปู่อยู่เกือบปีอาการทางกายของฉันดีวันดีคืนเพราะอยู่ในวัยที่ร่างกายแข็งแรง ทว่าอาการทางใจมันกลับย่ำแย่ลงเรื่อยๆฉันมักหายใจไม่ออกเสมอ หัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล โดยเฉพาะในช่วงคืนที่ฝนตก

  • กังวานหวาน   บทที่ 65

    สถานตากอากาศบางปูในวันสุดสัปดาห์ผู้คนหนาแน่นกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงเข้าใกล้ปลายปีแบบนี้กันต์ธีหยิบหมวกปีกกว้างสวมบนศีรษะของภรรยาสาวที่กำลังท้องแก่ อีกมือก็ก้มลงจูงเด็กชายเขตต์วัยสามขวบกว่าที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นสิ่งรอบตัว ที่สำคัญคือลูกเขาซนมากอย่างที่เคยบอกนั่นแหละ หมอหนุ่มยังคงเป็นมนุษย์เย็นชาที่ไม่ชอบเด็กเอาเสียเลย ทว่าเขากลับรักเด็กคนนี้จับจิตจับใจ“เดินรอแม่ด้วยสิลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากเตือน หนูน้อยที่อยู่ในช่วงพลังงานล้นเหลือก็ก้าวเท้าช้าลง ปล่อยมือจากบิดาและหันไปประคบประหงมมารดาแทน“คับ” เด็กชายเขตต์ยิ้มแฉ่งให้กับผู้เป็นแม่ที่ยังเดินอุ้ยอ้าย ฝีเท้าเล็กๆ ก็ขยับช้าลงฉับพลันกันต์ธีมองความอ่อนโยนของลูกชาย โชคดีที่เขตต์ได้รับนิสัยน่ารักแบบนี้มาจากฝั่งของข้าวหวาน เขาจำได้ วันที่รู้ว่าในท้องของภรรยาเป็นลูกสาวเขาก็บอกกับลูกชายคนโตว่าต่อไปจะมีน้องน้อยที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาออกมาเป็นเพื่อนเล่นอีกคน เด็กชายเขตต์ก็ดีอกดีใจ ทุกวันนี้พี่ชายตัวโตก็มักจะวิ่งเข้าโอบกอดท้องกลมเหมือนลูกแตงโมของมารดาอยู่ทุกวัน“น้องเขตต์จับมือคุณพ่อไว้นะคะ” คุณแม่ยังสาวรีบเตือนบุตรชายเมื่อเดินพ้นระยะจากลานจอดร

  • กังวานหวาน   บทที่ 64

    พ้นจากช่วงงานยุ่งติดพันมาพักใหญ่ ในที่สุดคู่สามีภรรยานักบริหารก็หาเวลาว่างมาล่องเรือสำราญกันได้สำเร็จแม้จะเป็นการมาพักผ่อนเพียงช่วงสั้นๆ ราวสามสี่คืน แต่นายแพทย์กันต์ธีก็เปี่ยมไปด้วยสุขที่เห็นภรรยาสาวผ่อนคลายลง เธอดูสดใสและเปล่งปลั่งขึ้นจนเขารู้สึกได้ ผิวขาวน้ำนมของหญิงสาวเหมือนจะเปล่งรัศมีเรืองแสง ยิ่งยามที่เธอเฉิดฉายอยู่ในชุดสีแดงแบบนี้ด้วย เขาไม่เหลือสายตาไปมองใครเลยแม้แต่วินาทีเดียว“เรือลำเดิมเลยค่ะพี่กันต์ จำได้หรือเปล่า”“จำได้สิครับ” ชายหนุ่มเดินโอบไหล่บอบบางพาไปยังบริเวณราวเหล็กด้านข้างเรือ ตั้งใจว่ารอให้แดดร่มลมตกกว่านี้ก่อนค่อยชักชวนภรรยาสาวขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าสำหรับดินเนอร์มื้อค่ำ“ที่บอกว่าจำได้เนี่ย คือจำว่ามากับหวาน หรือมากับดีเทลยาคนนั้นที่พากันเข้าห้องไปคะ” หญิงสาวเปิดปากกระแนะกระแหน ในใจก็นึกว่าจะไม่จิกกัดเขาเรื่องนี้อยู่แล้วเชียว แต่เมื่อก้าวขามาอยู่บนเรือสำราญ หัวใจมันคันยุบยิบ ปล่อยไปกันต์ธีก็เหมือนจะลอยตัว วันนี้เลยขอเคลียร์สิ่งที่ค้างคาสักหน่อย แล้วเธอจะมูฟออนจากเรื่องสาวๆ ของเขาเสียที“โธ่ หวาน”“อย่ามาทำเสียงแบบนั้นกลบเกลื่อนค่ะพี่กันต์ มันไม่ได้ผล” ไฮโซสาวยกแข

  • กังวานหวาน   บทที่ 63

    ทริปล่องเรือสำราญล่มไม่เป็นท่าเพราะนายแพทย์หนุ่มป่วยจนไข้ขึ้นถึงแม้กันต์ธีจะพยายามผงกหัวแล้วร้องโวยวายเสียงแหบพร่า บอกกับหญิงสาวว่าให้เตรียมตัวไปทริป แต่ด้วยสภาพของเขาที่มันตรงกันข้าม พอเริ่มงอแงหนักข้อขึ้น ไฮโซสาวก็เปลี่ยนมายืนเท้าเอว พลิกจากลูกโอ๋เป็นดุเสียงเข้มแทน“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่ยืนยันจะไปล่องเรือ หวานจะได้ไม่ต้องขนของกลับมาที่นี่”“ทำไมล่ะ” คนป่วยเบิกตาโต เสียงแห้งไปกว่าเดิมอีกพันเท่า พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนหมดเรี่ยวหมดแรง“ก็หวานจะเอาวันหยุดของเรา ย้ายของซะหน่อย ถ้าพี่กันต์อยากไปเที่ยวมาก งั้นเรื่องขนของกลับมาที่นี่ค่อยว่ากันทีหลังก็ได้ค่ะ”ได้ยินเหตุผลของหญิงสาว คนดื้อก็เด้งตัวขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าซีดเผือดเริ่มกลับมามีสีเลือดพร้อมกับทำเสียงจริงจัง จนคนที่แอบมองอยู่ต้องอมยิ้ม “ได้ยินกรมอุตุบอกว่าช่วงนี้คลื่นลมแรง เราอยู่บ้านก็ดีเหมือนกัน”“พูดง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อยค่ะ”“แล้วรักไหม” ไม่ใช่เพราะพิษไข้นี่หรอกที่ทำให้เขาอยากออดอ้อน แต่เพราะความรักที่ท่วมท้นล้นเอ่อ ในหัวใจมันรู้สึกหวานๆ คล้ายอยากให้เธอเติมคำว่ารักเข้ามาเพิ่ม อยากได้ยินอยู่แบบนั้นราวกับมันเป็นเสียงดนตรีบรรเลงที่อยา

  • กังวานหวาน   บทที่ 62

    หลังส่งมารดาขึ้นรถกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว นายแพทย์หนุ่มก็เดินเข้าครัวเพื่ออุ่นซุปเยื่อไผ่กระดูกอ่อน เดือดพลุ่งทั่วหม้อเขาก็ยกลงตักใส่ถ้วยกระเบื้อง พยายามฝืนกลืนให้ตัวมีแรง ในใจคิดไปว่าฝีมือมารดาคงอร่อยมากหากได้กินในช่วงเวลาปกติ ทว่าตอนนี้ปากของเขาเริ่มขมปร่าไม่รู้รสชาติเสียแล้ว กลิ่นที่ควรหอมฟุ้งจากน้ำต้มซุปกระดูกหมูก็ไม่พาเข้าสู่โสตประสาทใดๆเมื่อท้องอุ่นขึ้น คนใกล้ป่วยก็พาตัวเองไปยังห้องนอนกว้างข้าวหวานมักหาเวลามานอนค้างด้วยที่นี่เป็นบางครั้ง แต่หลังจากค่ำคืนที่หญิงสาวกลับไป เขาจะยิ่งทุรนทุรายด้วยความคิดถึงกว่าเดิมเมื่อต้องอยู่เพียงลำพัง เฉกเช่นคืนนี้ที่หลานสาวเจ้าสัวต้องควงปู่เพชรไปงานเลี้ยงที่สมาคม ส่วนเขาเร่งมือเคลียร์งานจึงไปกับเธอไม่ได้ ช่วงเวลาของการได้พบหน้าในตอนกลางวันมันไม่เพียงพอ ทั้งที่รู้สึกอ่อนเพลียขนาดนี้ แต่กันต์ธีก็ยังหลับไม่ลง‘นอนหรือยังคะ’ ข้อความที่เด้งขึ้นจากแอปพลิเคชันสนทนา ทำให้คนที่กำลังน้อยอกน้อยใจเปิดปากยกยิ้ม เขารีบพิมพ์กลับไปทันทีแบบไม่เล่นตัว‘ยังไม่นอน คิดถึงข้าวหวานจัง’ครู่ต่อมาเสียงโทรศัพท์ก็แผดร้องขึ้น ชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงยกขึ้นปัดรับด้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status