บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ...
ชุดเดรสสีโอรสถูกวางไว้บนที่นอน บุษบันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย เพราะมันเสี่ยงมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักรบและภารตีตรงๆ สำหรับตัวนักรบเอง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจบลงตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความต้องการของเขาได้ และก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้เช่นกัน ความอ่อนหวานของความรู้สึกแสนพิเศษนั่น บุษบันจะเก็บไว้ในใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำไว้เตือนตนในอนาคต ครั้งหนึ่งเธอเคยสัมผัสกับความละมุนละไมของ ‘ความรัก’ มาก่อน แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้รักเธอ เท่าที่เธอรักเขา
หญิงสาวรีบแต่งตัว หลังเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังห้อง...เวลาเหลือน้อยนิดเสียจนเธอมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เป็นความลำบากใจที่สุดของบุษบัน!! หากเธอไปปรากฏกายขึ้นในบริเวณงานเลี้ยง ผู้ชายคนนั้น... คงจับตามองเธอด้วยอคติในใจอีกเป็นแน่…
แล้วก็เป็นจริงดังคาด...
เมื่อบุษบันเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยง...
มันเหมือนกับเวลาหยุดลงชั่วขณะ เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของ เจ้าสาว
“อีๆ อีหน้าด้าน...ใครเชิญแกมาไม่ทราบ!!”
ภารตีหอบกระโปรงยาวฟูฟ่องของหล่อนไว้ในอ้อมแขนเดินฝ่าแขกสนิท มิตรสหายตรงเข้าไปหาบุษบันทันที หล่อนส่งเสียงเกรี้ยวกราดแบบไม่รักษากริยา พร้อมกับแผดเสียงก้อง...ตั้งท่าเล่นงานหญิงสาวคนมาใหม่แบบไม่ไว้หน้าใครทั้งหมด
นักรบยืนอึ้ง...กว่าเขาจะทันได้ตั้งตัว ผู้หญิงที่เขาวางหล่อนไว้ในตำแหน่งทรงเกียรติ ก็เดินถลาลิ่วๆ ไปไกล เกินกว่าจะห้ามทันเสียแล้ว
นรสิงห์เป็นอีกคนที่ขยับตัวตามหลานสาว เขาเดินลิ่วๆ ตามหลังภารตี พร้อมรีบส่งเสียงปราม
“ยัยตี หยุดๆ แกจะร้องกรี๊ดๆ ทำไมหะ?” นรสิงห์ตะโกนห้าม
“จะให้ตีหยุดได้ยังไงคะน้าสิงห์ อีนี่มันจงใจมาป่วนงานตีชัดๆ”
หล่อนหันไปกล่าวแก้ให้ตัวเอง แต่ฝีเท้าที่ก้าวเดินก็ไม่ได้ชลอลง
“น้ารู้ แต่นี่มันงานแก รักษาหน้ากษิดิศชญาธรด้วยสิ” คุณน้าวัยหนุ่มติงด้วยความหวังดี เพราะบรรดาแขกเรื่อที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้ง มีแต่คนระดับเดียวกัน ไฮโซ เซเลป ภารตีจะทำให้กษิดิศชญาธรทั้งหมดต้องเอาหน้าซุกดิน หากหล่อนยังไม่หยุดกริยาต่ำๆ เช่นนั้น
“อีนั่นสิคะมันต้องอาย มันกล้าดียังไงมาเสนอหน้าที่นี่ ทั้งที่ตีไม่ได้เชิญ”
หล่อนยังไม่หยุดความคลั่งแค้น ตะเบ็งเสียงแบบไม่กลัวใครได้ยิน และหวังจะฉีกหน้าบุษบัน ให้หล่อนไม่มีที่ยืนในสังคม
“ขอโทษเถิดค่ะ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
บุษบันสลัดความกลัวในใจทิ้งไป เธอไม่ได้มาป่วน เธอมาเพื่อเป็นตัวแทนรินลดา เธอมาทำงาน!!
“อย่ามาทำหน้าตาย อีสะตอ!!”
เจ้าสาวแสนสวยเปิดฉากฉะ โดยมีสายตาหลายร้อยคู่มองตาไม่กะพริบ
นักรบกระหืดกระหอบมาถึง หลังภารตีและนรสิงห์ไม่กี่นาที แต่ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เขาหมุนมองรอบๆ ตัวพร้อมกับสีหน้าที่ค่อยๆ ซีดลง
“ขอประทานโทษค่ะคุณลูกค้า” บุษบันเน้นคำพูดเหมือนกับบอกอีกฝ่ายเป็นนัยๆ แต่ความโกรธบังตาภารตีเสียแล้ว หล่อนไม่สนใจอื่นใดทั้งสิ้น ที่หญิงสาวต้องการคือทำทุกทางให้ผู้หญิงตรงหน้าอายจนต้องเอาปีบคลุมหัวเดิน
“แกมาทำอะไรที่นี่หะ...แกจงใจอยากให้งานฉันล่มล่ะสิ!!”
บุษบันถอนใจแรงๆ เธอโบกมือเรียกใครบางคน ที่ยืนอยู่ไม่ไกล “คุณซ้งคะ ช่วยบอกคุณภารตีหน่อยได้ไหมคะ ดิฉันมีหน้าที่อะไรที่รีสอร์ตแห่งนี้”
ทรงศักดิ์เป็นลูกค้าประจำ เขาเป็นคนดังของจังหวัดภูเก็ต และเป็นหนึ่งในบรรดาสักขีพยานที่ได้รับเชิญมาร่วมงานฉลองวิวาห์ของคนในกษิดิศชญาธร
“ผมว่า... เข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่าครับคุณตี คุณบุษเป็นรองผู้จัดที่รีสอร์ตรินลดา เธอมาทำหน้าที่ของเธอมั้งครับ”
ทรงศักดิ์ไม่รู้เรื่องตื้นลึกหนาบางระหว่างภารตีกับบุษบัน เขาจึงยืนอยู่ข้างหญิงสาวคนมาใหม่
“อะไรนะคะคุณซ้ง!!” ภารตีหันขวับ เธอมองหน้าคนพูดแบบไม่อยากจะเชื่อ
“ครับ คุณบุษเธอทำงานที่นี่ หากไม่เชื่อที่ผมพูด รอถามคุณรินก็ได้ครับ”
ทรงศักดิ์รีบย้ำคำพูดตัวเอง...
“คุณรินไปกรุงเทพฯ ค่ะ บุษเลยต้องมาคอยอำนวยความสะดวกแทนเธอ”
“อ๋อ...มิน่า ผมก็ยังว่าอยู่ ไม่เคยเห็นคุณบุษแต่งตัวสวยๆ มาร่วมงานสักที เห็นวิ่งวุ่นอยู่แต่ในครัวนู้น” หนุ่มใหญ่ยิ้มหวาน เขาคาดไว้แล้วว่าแม่สาวหน้านิ่งคนที่เดินตามก้นรินลดาต้องสวย หากหล่อนได้แต่งตัวเต็มๆ และมันก็เป็นความจริง วันนี้บุษบันสวยจนเขายังตะลึง เผลอมองด้วยความชื่นชม
คนเดียวที่ไม่เชื่อคือภารตี “คุณรบ!! คุณบอกอีนี่ใช่ไหมคะว่าเราจะมาจัดงานที่นี่ มันเลยมาดักรอ...”
นักรบทำหน้าแหย เขาเอื้อมมือจับแขนของภารตีไว้หลวมๆ “คิดมากน่ะตี ผมกับบุษไม่ได้เจอกันเกือบครึ่งปี จะเอาเวลาไหนไปบอกเขาล่ะครับ” เจ้าบ่าวสุดหล่อรีบกระซิบตอบเสียงแผ่วๆ
“เหอะ!! ยังไงตีก็ไม่เชื่อ ผู้หญิงต่ำๆ พวกนี้ทำได้ทุกอย่างแหละค่ะ” หล่อนเอ่ยเสียงขุ่น เบ้ปากใส่บุษบันที่ยืนหน้าตาย บุษบันจึงพยายามไม่เอาความโกรธของภารตีมาใส่ใจ “จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ตีก็ไม่มีวันเชื่อค่ะ ในเมื่อแม่นี่น่ะ... อยากได้คุณรบเป็น ‘ผัว’ จนตัวสั่น ตั้งแต่ยังอยู่ในรั้วบ้านไชยยะนันนั่นแล้วนี่คะ”
เสียงฮือฮาดังอืออึง...พร้อมกับความคลางแคลงที่ผุดขึ้นในสายตาคนรอบตัว
บุษบันถอนใจ...เธอหลุบเปลือกตาลง รวบรวมสติไม่ให้กระจัดกระจาย ก่อนจะกล่าวแก้ช้าๆ แต่หนักแน่น “จริงอยู่ค่ะว่าบุษเคยอาศัยอยู่ที่ไชยยะนัน แต่นั่นมันนานมากแล้วนะคะ และบุษก็ไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุณรบด้วย คุณภารตีเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ ผู้ชายของคุณ... คงไม่ตาต่ำ ถึงขนาดมามองเด็กในบ้านหรอกค่ะ ในเมื่อเขามีดีกรีเป็นถึงว่าที่ดอกเตอร์”
มุมปากสีสดยิ้มเยือน เธอตีแสกหน้านักรบด้วยคำพูดของเขาเอง...
‘บุษคงไม่คิดว่าผมจะยกย่องบุษหรอกใช่ไหม ผมเป็นใคร! บุษเป็นใคร! บุษก็แค่หลานคนครัวในบ้าน ผมน่ะว่าที่ดอกเตอร์นะครับ แค่ที่ผมเมตตาบุษ มันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ?’
นักรบสะอึก!! บุษบันงัดเอาคำพูดของเขามาตอกย้ำให้เขารู้สึกละอาย
“อะแห้ม!!”
นรสิงห์เดินเข้ามาขัดตาทัพ เขาถลึงตาใส่หลานสาว “เมื่อเป็นความเข้าใจผิดกัน ก็แยกย้ายเถอะนะ ยัยตี!! แกพาคนของแกไปทำหน้าที่ให้ดี ตรงนี้น้าจัดการเอง”
ภารตีแสยะยิ้มให้บุษบัน หากงานนี้นรสิงห์ออกโรงเอง อีผู้หญิงหน้าหนาคงได้เข็ดขยาดจนไม่กล้ามาวอแวกับนักรบอีกแน่ เมื่อน้าชายของเธอ... น่ากลัวจนไม่มีใครกล้ายุ่ง นรสิงห์เด็ดขาด และเหี้ยมกว่าที่ใครๆ รู้
“ตีไปก็ได้ค่ะ...แต่จำไว้นะคะคุณรบ หากตีรู้ว่าคุณยังยุ่งกับมันอยู่ ตีเอาคุณตายแน่!!”
หล่อนหันมาขู่คนข้างตัว ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไป ทิ้งไว้แค่บุษบันและนรสิงห์ที่ยืนประจันหน้ากัน มีทรงศักดิ์ยืนอยู่ไม่ไกล...
“เธอต้องการอะไรหรือบุษบัน?”
เป็นคำถามที่บุษบันไม่อยากตอบสักนิดและเขาถามเธอเป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งวัน!! เธอมาเพื่อทำงาน แล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอกับคนเหล่านี้อีกด้วยซ้ำ เธอหนีมาไกลจากกรุงเทพฯ มากขนาดนี้ แถมซ้ำคนร่ำรวยอย่างพวกเขาก็ยังตามมารังควาน หากวัดจากรสนิยมของนักรบ เธอคิดว่าเขาไม่น่าชอบงานวิวาห์ที่เรียบง่าย มันน่าจะเป็นงานใหญ่ๆ ตามโรงแรมหรูๆ หาใช่รีสอร์ตขนาดกลางที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าใดนักแบบที่นี่ แต่เขากับเธอก็ยังวนกลับมาเจอกันจนได้ ไม่รู้ว่าพระพรหมกำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตของเธออยู่
“เห้อ!! ดิฉันไม่เข้าใจคำถามค่ะคุณลูกค้า” เธอกันตัวออกห่าง และพยายามไม่ใส่ใจสีหน้าตึงๆ ของอีกฝ่าย
“เธอรู้สิ่งที่ฉันพูด...เพราะเธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น” นรสิงห์เอ่ยเยาะ มุมปากเขากระตุกเหมือนจะยิ้มหยัน
หญิงสาวเชิดใบหน้าขึ้น เธอยิ้มเย็น “พวกคุณพยายามเหลือเกินที่จะลากดิฉันเข้าไปมีเอี่ยวด้วย เพราะอะไรเหรอ? หรือเพราะฉันอยู่เฉยๆ ไม่ได้ลุกขึ้นมาโวยเหมือนที่พวกคุณต้องการ” เธอตอบกลับเสียงเย็นไม่ต่างกับสีหน้าเลย
บางทีการอยู่นิ่งๆ กลับกลายเป็นเป้าให้คนเหล่านั้นโจมตีขึ้นมาเสียแบบนั้นเอง
“เธอจะแลกกับฉัน กับกษิดิศชญาธรทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มกล่าวเยาะ เขาลดสายตาลงกวาดมองหล่อนแบบไม่เกรงใจ
บุษบันหน้าชา แววตาดูแคลนนั่น สาดใส่เธอเต็มๆ
“เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วค่ะ บุษแค่คนธรรมดา คนธรรมดาอย่างบุษไม่กล้าหือกับตระกูลดังแบบพวกคุณหรอกค่ะ พ้นจากวันนี้ไป...พวกเราทั้งหมดคงไม่ได้เจอกันหรอก สำหรับบุษ... พวกคุณเป็นแค่คนแปลกหน้า ขอให้จบตรงนี้นะคะ บุษสัญญา บุษไม่คิดจะยุ่งกับพวกคุณ หรือแม้แต่คุณรบ”
เธอตัดบท ป่วยการอธิบาย เมื่อในใจอีกฝ่ายมีอคติกับเธอ สิ่งที่เธอควรทำ คือการอยู่ห่างๆ จากพวกเขา
“ขอให้เธอทำได้อย่างที่เธอพูดนะบุษบัน ฉันไม่อยากทำร้ายเธอเหมือนกัน”
“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะดังไล่หลังมา “อย่าวิ่งสิบุษ เธอท้องอยู่นะ!!” แต่เมื่อนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มตะโกนห้ามเสียงหลง เมื่อบุษบันกำลังมี ‘เจ้าตัวเล็ก’ นอนตีพุงอยู่ในท้องเจ้าหล่อนสายเลือดกษิดิศชญาธร ที่มาในจังหวะเหมาะเหม็ง ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีข้ออ้างในการย้อนกลับมาหาเธอ “ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้บุษท้อง” เสียงเปรยแผ่วๆ ของผู้ชายตัวใหญ่...นรสิงห์เดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เขาเองก็ต้องรีบอาบน้ำ จะได้ออกไปจัดการอะไรๆ ให้มันเสร็จสมบูรณ์สักที ไม่คิดว่าตนเองจะยอมทิ้งชีวิตอิสระ แต่เมื่อคิดดูดีๆ มันก็ไม่ได้แย่นัก หากจะมีคนยืนข้างๆ มีความห่วงใยให้กัน มีความผูกพัน...นับจากนี้ไปตลอดจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ตื้ด...&nbs
“แล้วเธอล่ะบุษ...คิดอะไรกับฉันมั้ย?” ชายหนุ่มย้อนถาม เขามองผิวแก้วสีระเรื่อตาพราว บุษบันหน้าร้อนฉ่า คำถามที่เธอรู้คำตอบดี แต่ตอนนี้ไม่มีความกล้าพอ... เมื่อผู้ชายตรงหน้า เป็นคนแรกที่เข้าถึงตัว ทุกสิ่งในร่างกายตนเองไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขา...แถมซ้ำ...ในท้องเธอ มีสายเลือดของเขานอนตีแปลงอยู่ด้วย แบบนี้...เธอจะไม่รักเขา...ได้ยังไง แต่นรสิงห์ชิงพูดเสียก่อน... ‘The great big day in my life has begun when you come into my heart.’ วันดีๆ ในชีวิตฉัน...ได้เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่วันที่ฉันมีเธอ... ผิวแก้มเธอร้อนฉ่า ดวงตาพร่าเพราะน้ำตาเอ่อ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสำคัญกับเขาขนาดนั
“อะ!!” ร่างเล็กๆ สั่นระริก เธอขยุ้มผ้าใต้ฝ่ามือแน่น หลับตาพริ้มและเปล่งเสียงครางสั่นๆเมื่อเขาแทรกปลายนิ้วแข็งๆ เข้าไปด้านใน และขยับเคลื่อนไหวช้าๆ“อย่า...อย่าทำแบบนั้น ได้โปรด?!!” บุษบันครางเสียงหลง สะโพกผายส่ายสะบัดเหมือนปีกผีเสื้อ ไม่อาจจะขัดขืนความรู้สึกนี้ได้เลย เพราะเมื่อชายหนุ่มเข้าใกล้เขาทำให้เธออ่อนปวกเปียกเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟรนทุกครั้ง...ร่างกายของเธอมันทรยศ มันไม่ฟังคำสั่งจากสมอง เมื่อมันสนองตอบชายหนุ่มและยินยอมให้เขาทำตามอำเภอใจมุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม เข้าเหลือบมองใบหน้าบิดเบี้ยวของหญิงสาวหวานใจ ใบหน้างดงามแดงก่ำเธอแสดงออกถึงความพร้อมพรั่ง!! สารหล่อลื่นในร่างกายถูกขับออกมาจนเปียกเปรอะเนืองนอง และไม่ว่าเขาจะจับหันซ้ายหันขวา เธอก็พร้อมและเต็มใจที่จะสนองตอบอยู่แล้ว เสียงครางระส่ำช่วยยืนยันความคิดของเขาชายหนุ่มโหย่งตัวขึ้น ชักปลายนิ้วออกมาจากแอ่งสวรรค์ จรดแก่นกายแข็งตึงแนบเนินเนื้ออวบอิ่ม เขารวบเรียวขาเพรียวยาวไว้ที่ท้องแขนก่อนจะกดสะโพกสอบ บรรจงเสือกเสยความอลังการกับความอวบอูมเต็มแรง!!“อืมมมม...ซี๊ดดดดด
หญิงสาวรวบผ้าห่มชิดตัวมากขึ้น เมื่อใต้ผืนผ้าหนาๆ เธอมีแค่อันเดอร์แวร์สองชิ้น เสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ อันตทานหายไปจนหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไร้สติ... “ฉันไม่สัญญาหรอกนะว่าจะทำตัวเป็นคนดี ฉันก็เป็นฉันแบบนี้แหละ แต่รับประกัน ฉันไม่ใช่คนเหลาะแหละ ฉันมั่นใจเชียว ว่าฉันสามรถดูแลเธอกับลูกได้ ในอนาคต” นรสิงห์ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่บนพื้นเตียง เตียงหนาไหวยวบ เมื่อน้ำหนักตัวนรสิงห์ไม่ใช่น้อยๆ เลย “บุษกลัวว่า...บุษจะทำให้คุณเดือดร้อน บุษอาจจะเป็นที่รังเกียจ แล้วจะทำให้เราไปกันไม่รอด” หญิงสาวแย้งเสียงอ่อย เธอกับคนในครอบครัวเขา จะมีทางญาติดีกันเหรอ ในเมื่อเธอเคยเป็นคนที่พวกเขาตั้งป้อมรังเกียจ!! ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ เขาเอามือรองใต้คาง ตอนที่เงยหน้ามองบุษบัน “น
คนตอบสำรวมเสียงสุดๆ เมื่อพอจะรู้ใจเจ้านายดี เวลานี้หัวหอกหนุ่มของเดอะเพรสกำลังร้อนเป็นไฟ แม้จะได้ตัวเจ้าสาวมาไว้ในกำมือแล้วก็ตาม แต่หากฟื้นขึ้นมาแล้วบุษบันยืนกรานคำเดิม...คนรอบตัวของนรสิงห์ คงได้โดนหางเลขกันเป็นแถวๆ ดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ประดับไว้บนเรือนผม ด้วยฝีมือสุดประณีตของช่างมือดี ส่งให้เส้นผมดำขลับดูงดงามออร่าพุ่งแต่ขัดนัยน์ตาของชายหนุ่มที่อุทิศตัวเป็นดั่งหมอนนุ่มให้บุษบันนอนอิงเสียจริงๆ เมื่อมือเร็วเท่าความคิด ดอกไม้สุดสวยนั่นจึงถูกแกะออกมาทีละดอก ช้าๆ เมื่อชายหนุ่มบรรจงเบามือที่สุด เพื่อกันไม่ให้คนหลับหมดสติรู้ตัว ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง บ้านพักบนเนินเขา ตัวบ้านตั้งโดดเด่น...เบื้องล่างคือน้ำทะเลใสแจ๋ว เสียงคลื่นดังไกลๆ เมื่อระยะทางจากตัวบ้านถึงชายหาด อยู่สูงกว่ากันไม่ใช่เล่น บ้านอีกหนึ่งหลังของกษิดิศชญาธร มีไว้เพื่อพักผ่อนโดยเฉพาะ เขาเลือกที่นี่ เพราะมันเดินทางยาก หากไม่มีรถยนต์ก็คงต้องเดินจนขาลาก กว่าจะถึงถนนที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไป ผ่านมา&
“หึ!! หล่อนคงมีเป้าให้เกาะอยู่แล้วซิ ถึงได้กล้ากำแหง” วิภาวียังไม่วายค่อนคอด “ความจริง... หิรัญกับบุษบัน เขาเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่เขาทาบทามไว้อยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมเข้าไปแทรกไว้ก่อน” ความลับคับอก พรางพรูออกมาจากปากหนุ่มรุ่นน้อง ไม่ใช่เพื่อแก้ต่างให้บุษบัน แต่เป็นคนยืนยันเพื่อความบริสุทธิ์ของเจ้าหล่อน และมันคือความจริง “โอ้ย!! ฉันไม่อยากจะเชื่อ นี่เราหนีผู้หญิงที่ชื่อบุษบันไม่พ้นจริงๆ เหรอ?” “ตีไม่อยากจะเชื่อว่าคุณรบโกหกตี” สาวท้องแก่ครางเสียงระโหย ในคำพูดของนักรบ มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงบ้าง “แกก็เลิกงมงายกับไอ้ผัวเฮงซวยนั่นได้แล้วล่ะ... แต่ต้องถามฉันยัยตี มีเรื่องไหนบ้างที่ผัวแกมันไม่โกหกบ้าง” วิภาวีเป็นมารดาที่รักบุ