Home / รักโบราณ / การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง / บทที่ 4 เลือดในกาย กับมือที่หล่อหลอมบัลลังก์

Share

บทที่ 4 เลือดในกาย กับมือที่หล่อหลอมบัลลังก์

last update Last Updated: 2025-11-15 20:12:55

บทที่ 4 เลือดในกาย กับมือที่หล่อหลอมบัลลังก์

ตำหนักไท่ฮวาเงียบงันยามค่ำ แสงโคมสลัวทอดเงาเรียวบางของไท่หวงไท่โฮว่บนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ

นางสวมชุดผ้าแพรบางเบา ลวดลายหงส์ทองราวกับยังไม่ยอมปล่อยจากบัลลังก์แม้ยามพักผ่อน

ดวงพักตร์ยังคงสงบนิ่ง ทว่าดวงเนตรนั้นเปี่ยมด้วยแผนการ เสียงฝีเท้าของขันทีหน้าตำหนักดังขึ้น ก่อนเสียงประกาศจะตามมาอย่างนุ่มนวล

“ฝ่าบาทเสด็จเพคะ”

ฮ่องเต้หนุ่มก้าวเข้าสู่ตำหนักไท่หวงไท่โฮว่ ดวงพักตร์เรียบนิ่งตามแบบกษัตริย์หนุ่มผู้รู้จักควบคุมอารมณ์ แต่ในดวงตานั้น…ยังคงวูบไหว

“หลานมาเยี่ยมย่าเสียที”

เสียงไท่หวงไท่โฮว่นุ่มนัก ไม่ต่างจากเมื่อครั้งหลานยังเล็ก

“เจ้าคงวุ่นมาก…เรื่องเจิ้งซูเฟยกลับมา”

เขาไม่ตอบ เพียงยกชาขึ้นจิบเงียบ ๆ

“นางคือผู้ให้กำเนิดเจ้า…เรื่องนั้นข้าปฏิเสธมิได้” ไท่หวงไท่โฮว่เอ่ยเสียงเรียบ “แต่เลือดเพียงอย่างเดียว…มิอาจสร้างจักรพรรดิขึ้นมาไม่ได้”

คำพูดนั้นแทงลึกฮ่องเต้กะพริบตาช้า ๆ วางถ้วยชาลง

“เจ้าจำได้หรือไม่…ใครจับมือเจ้าฝึกอักษรจนเส้นเลือดปูด ใครนั่งฟังเจ้าร่ำไห้เมื่อฝันร้ายยามค่ำ ใครกางร่มให้เจ้าในพิธีอภิเษกครั้งแรกตอนฝนตก ใครที่ยืนเคียงข้างเจ้าในวันที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อน…ผู้เป็นบิดาของเจ้า บุตรชายของข้าสิ้นใจ”

เสียงของไท่หวงไท่โฮว่ค่อย ๆ ชัดขึ้น

“เจิ้งซูเฟยอาจเป็นมารดาโดยสายเลือด แต่ข้า…คือผู้ปั้นเจ้าให้ยืนอยู่ตรงนี้”

ฮ่องเต้เงียบไปนาน ดวงเนตรคู่นั้นยังไม่หลบ แต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน

“นางมาช้าเกินไป”

ไท่หวงไท่โฮว่กระซิบเสียงอ่อนราวกับแม่แท้

“สิบห้าปีที่ผ่านมา เจ้าเติบโตด้วยความเจ็บปวดที่ข้าเห็นกับตา…แต่นางเล่า นางอยู่ที่ใด เจ้าอาจสงสารนาง แต่หากเจ้าปล่อยให้นางกลับคืนสู่อำนาจ…มอบตำแหน่งให้นางจะมีสิ่งใดรับประกันว่านางจะไม่ทำเช่นเดิม”

นางยื่นมือมาแตะแขนเขาเบา ๆ

“ทุกอย่างที่เจ้าสร้างมา…อาจพังลงด้วยมือของนาง”

ฮ่องเต้ลุกขึ้น ไม่มีถ้อยคำใดเอื้อนเอ่ย ทว่าภายในใจของเขา…วุ่นวายยิ่งนัก เลือดในกายบอกเขาว่า นางคือแม่ แต่ทุกความทรงจำตั้งแต่จำความได้…สตรีชราตรงหน้าก็คือแม่ได้เช่นกัน

“แต่หากหลานนิ่งเฉย… ประหารภรรยานั้นพอทำได้ แต่ประหารมารดาหรือบิดา ย่อมขัดต่อจารีต ขุนนางก็จะฉวยโอกาสมากล่าวโทษว่าหลานอกตัญญู หลานเพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่ถึงปี ท้องพระโรงย่อมปั่นป่วนเป็นแน่”

ฮ่องเต้ถอนพระทัยยาว ราวกับไม่ว่าตัดสินใจทางใด ล้วนกระทบต่อบัลลังก์ทั้งสิ้น

“นั่นสิ… นางหายไปราวกับตายจากกันไปแล้ว แต่เหตุใดกลับมาในวันที่เจ้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด ราวจงใจทำให้เจ้าลำบากใจ จะมีมารดาบ้านใดทำเช่นนี้ได้กัน”

ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรนิ่ง คล้ายรับฟังแต่ไม่ใช่เพื่อเชื่อถือ

“มารดาบ้านใด…ผู้ที่เอ่ยว่ารัก แต่ช่วงเวลาที่นางถูกขังไว้บนเขาไร้หนทางลงมา ให้ลมหายใจเป็นเพียงเครื่องพิสูจน์ว่ายังไม่ตาย แล้วเมื่อวันที่เจ้าขึ้นบัลลังก์ ก็ใช้เรื่องความกตัญญูเป็นเกราะบีบเจ้าให้ก้มหัวและอ้าแขนรับนางกลับมา”

พระสุรเสียงราบเรียบ แต่ทุกถ้อยคำเหมือนคมดาบค่อย ๆ กรีดลึก

“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ ว่าใครกันเป็นผู้สั่งห้ามมิให้ผู้ใดก้าวขึ้นเขาเทียนจี่แม้แต่ครึ่งก้าว บิดาของเจ้าสั่งองครักษ์ทั้งกองเฝ้าปิดเขานั้นเอาไว้ หากนางคิดติดต่อกลับมา บิดาเจ้าที่อ่อนโยนเมตตายอมไม่เอาชีวิตนางทั้งที่นางหมายเอาชีวิตเขา จะใจดำถึงขั้นไม่ให้นางติดต่อบุตรเพียงคนเดียวเชียวหรือ”

สิ้นคำ เสียงในโถงดับสิ้น ฮ่องเต้ทอดพระเนตรตรงด้วยดวงเนตรสีดำสนิท ลึกและนิ่งจนไม่อาจหยั่งถึงว่าแฝงโทสะหรือเมตตา พระพักตร์เรียบสงบไร้รอยยิ้ม หากแต่เส้นกรามที่ตึงเพียงเล็กน้อยกลับทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกสายตานั้นมองลึกเข้าไปถึงความคิดลับในใจ

พระเนตรคู่คมเหลือบขึ้นอย่างเฉียบคม คล้ายจะบอกว่า ทุกอย่างถูกเก็บไว้ในพระทัยมานานแล้ว

“ในเมื่อท่านย่าบอกว่ากลัวขุนนางจะกล่าวหาว่าข้าอกตัญญู… เช่นนั้นก็คงต้องพิสูจน์ให้ประจักษ์ ว่าผู้ใดกันแน่ที่ไม่รู้จักคุณ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 17 พิษในร่มเงา

    บทที่ 17 พิษในร่มเงามีดที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้ม อันตรายยิ่งกว่าหอกทิ่มตรงหน้า และบางครั้ง การไว้ใจผิดคน…ก็เท่ากับเชิญภัยมาถึงตำหนักหลังการพิจารณาคดีในท้องพระโรง เจิ้งซูเฟยกลับตำหนักอย่างสงบ แต่ภายในวังยังมีแรงสั่นสะเทือนอยู่เงียบ ๆเพียงหนึ่งวันหลังจากนั้นขันทีผู้ดูแลตำหนักไท่ฮวา เอ่ยต่อไท่เฟยด้วยความนอบน้อม“เสี่ยวหลิง ลูกสาวมัวมัวเก่าผู้จงรักภักดี…ได้สมัครเข้ารับใช้ในตำหนักไท่เฟยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ไท่หวงไท่โฮว่เพียงพยักหน้า แต่สายพระเนตรเย็นดุจน้ำแข็ง“บอกนางว่า…ข้าต้องการความจริง ไม่ใช่ความภักดี”เสี่ยวหลิง นางอายุเพียงสิบหกปี ใบหน้ากลมขาว ผูกเปียเล็กหลังศีรษะ พูดจาเรียบร้อย ไม่สอดรู้ ไม่เสนอตัวเกินงามวันแรกที่เข้าตำหนัก เจิ้งซูเฟยมองอย่างเรียบเฉย“เจ้าชื่ออะไร”“เสี่ยวหลิงเพคะ มารดาเคยทำงานในวังสมัยก่อน”“ข้าไม่ถามเรื่องมารดา ข้าถามว่าเจ้าตั้งใจจะรับใช้อย่างไร”คำตอบที่เสี่ยวหลิงตอบ คือการก้มกราบลงอย่างเงียบงันหลายวันผ่านไปเสี่ยวหลิงดูเป็นเด็กขยัน ซื่อสัตย์ ไม่เคยซุบซิบ แต่นางมักอยู่ใกล้เอกสาร โต๊ะเขียนหนังสือ หรือห้องเก็บของสำคัญ และทุกค่ำคืน จะกลับห้องช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อยเสมอคนส

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 16 หรงชิง บุรุษผู้หวนคืนจากความตาย

    บทที่ 16 หรงชิง บุรุษผู้หวนคืนจากความตายบางคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว บางคนภาวนาให้เขาตายเสียที แต่เขากลับก้าวเข้าสู่ประตูวัง…ด้วยเท้าที่มั่นคง และหัวใจที่ยังภักดีต่อความจริงต้นฤดูใบไม้ร่วง ลมแล้งพัดแรงจากชายแดนเหนือ คาราวานหนึ่งจากแดนเถื่อนเคลื่อนเข้าสู่พระนครอย่างไร้ผู้เหลียวแลทว่าในหมู่ผู้เดินทางนั้น…มีชายสวมผ้าหยาบซีด ไม่เผยใบหน้า“นั่น…หน้าคล้ายอัครเสนาบดีหรงชิง!”“เป็นไปไม่ได้! เขาถูกประหารไปแล้วเมื่อสิบปีก่อน!”ข่าวลือแพร่กระจายดุจไฟลามหญ้าในวังหลวงขุนนางชราหน้าซีดเผือด ขุนนางรุ่นใหม่เริ่มตั้งคำถามราชสำนัก…เคยฆ่าคนผิดหรือไม่ในตำหนักลับของขุนนางผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ชายในชุดหยาบเผยโฉมอย่างชัดเจนต่อหน้าฮ่องเต้“หม่อมฉัน…หรงชิง ขอกลับมาสู่แผ่นดินภายใต้พระบารมีอีกครั้งสิบปีที่ผ่านมา…หม่อมฉันมิได้ตาย แต่ถูกขับให้ลี้ภัย รอวันที่ความจริงจะได้เป็นธรรม”เขาคลี่ผ้าผืนหนึ่งออกในนั้นคือจดหมายของเจิ้งซูเฟยจากสิบปีก่อนหมึก ตราประทับ และลายมือ…ตรงกับต้นฉบับทุกประการเนื้อความในจดหมายนั้น…มิใช่ถ้อยคำแห่งความรักแต่คือถ้อยคำแห่งความกล้า“…แม้ข้าจะไร้อำนาจ แต่หากท่านยังมีเมตตา ขอท่านอย่าปล่

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 15 อ้อมกอดที่แสนคนึงหา

    บทที่ 15 อ้อมกอดที่แสนคนึงหาใต้เงามืดในวังหลังมีคนกลุ่มหนึ่งเดินลัดเลาะตามเงาที่ถอดยาว เมื่อถึงตำหนักของเจิ้งซูเฟย หนึ่งในชายชุดดำก็แยกตัวออกมาและเล้นกายเข้าไปภายในประตูไม้เปิดออกช้า ๆเงาร่างสูงสง่าในชุดคลุมไหมเข้มก้าวเข้ามาเงียบ ๆ ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์เมื่อเห็นเจิ้งซูเฟยที่กำลังนั่งให้คนสนิทพันผ้าพันแผลให้อยู่ ร่างสูงก็ยืนนิ่งราวกลับถูกแช่แข็งไว้ สนิทของเจิ้งซูเฟยเห็นผู้บุกลุกก็รีบลุกแล้วออกไปด้านนอกในทันทีชายในชุดดำทรุกกายลงนั่งแทนที มือหนาพันแผลที่ยังค้างเอาไว้ต่ออย่างเบามือเขาเงยหน้าสบตาคนตรงหน้าที่มีดวงตาเช่นเขา“มาสาย”“เสด็จแม่ไม่เห็นต้อง…ทำเช่นนี้”“นางจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมเจ้าให้ตำแหน่งแม่ง่ายดาย”“แต่แขนของท่าน หากข้าไปช้าอีกนิด ไม่รู้ว่า” เขาตอบเสียงแผ่ว “เสด็จย่าจะทำเช่นไรกับท่านต่อ ในตำหนักนั่นมีแต่คนของนาง”เจิ้งซูเฟยยกยิ้มบาง ดวงหน้าอ่อนโยนอย่างที่ไม่มีใครในวังเคยเห็น“แต่เจ้าก็ไปทันมิใช่นหรือ เจ้าโตแล้วจริง ๆ เจ้า…โตพอจะปกป้องแม่แทนแล้ว”“อย่าทำเช่นนี้อีก หากข้าเห็นท่านต้องบาดเจ็บตรงหน้า ไม่รู้ว่าทนเปิดบังความรักที่ข้ามีต่อท่านได้แค่ไหน”“มากกว่า

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 14 บาดแผล

    บทที่ 14 บาดแผลไท่หวงไท่โฮ่วทรงนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพระเนตรวาวขึ้นเหมือนประกายเหล็กกระทบกัน พระสุรเสียงแผ่วต่ำแต่ทิ่มแทงราวคมดาบ“สามหาว… เจ้าอย่าคิดว่าเพียงเพราะหวงเชิงมอบตำแหน่งให้ เจ้าจะมีสิทธิ์เอื้อนเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ต่อหน้า ข้า ได้”สุรเสียงแผ่วต่ำแต่แฝงแรงกดดันจนลมหายใจในตำหนักหนักอึ้ง “แม้ตอนนี้ข้าจะไม่ได้บัญชาหลังม่าน แต่วังหลังแห่งนี้… ข้าต่างหากคือผู้เป็นใหญ่ที่สุด”เจิ้งซูเฟยหัวเราะในลำคอ เสียงนั้นเบาราวจะกลืนหายไปในอากาศ แต่กลับบาดลึกกว่าเสียงตวาดใด ๆ“เพียงแค่ ตอนนี้ เท่านั้น… เสด็จแม่”คำเรียกขานนั้นทำให้วังเวงทั้งตำหนักราวหยุดนิ่ง เวลานับสิบปีไม่เคยได้ยินคำนี้จากปากนาง แต่ครานี้กลับถูกเอ่ยออกมาอย่างจงใจ ราวใบมีดที่ทิ่มลึกลงในอดีตแววตาของไท่หวงไท่โฮ่วฉายประกายเย็นยะเยือกปนเดือดดาล ความเยือกนั้นเหมือนน้ำแข็งในฤดูหนาว ขณะความเดือดดาลเหมือนเพลิงที่กำลังบีบอัดอยู่ในม่านหมอก จนไม่อาจคาดได้ว่าพายุนี้จะระเบิดเมื่อใดพระพักตร์ที่ปกติสุขุม กลับค่อย ๆ คล้ำลงทีละส่วน ขอบพระโอษฐ์กระตุกขึ้นเล็กน้อยคล้ายรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เย็นชาจนเส้นเลือดเย็นเฉียบในความเงียบที่กดทับ เสียงเคร

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 13 ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใด สายที่มองต่ำยังคงเดิม

    บทที่ 13 ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใด สายที่มองต่ำยังคงเดิมนางหยอบกายลงอย่างงดงาม ศีรษะต่ำแต่แววตากลับคมกริบ“ไม่คิดว่าไท่หวงไท่โฮ่วจะทรงมีรับสั่งเรียกพบหม่อมฉันเช่นนี้”ภายในตำหนัก กลิ่นกำยานอวลอบอวล ราวกับถูกจงใจจุดให้คลุ้งขับความคิดของผู้มาเยือนให้พร่าเลือนไท่หวงไท่โฮ่ววางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา พระหัตถ์เรียวยังคงงดงามแม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแววตาของนางเรียบสนิทเหมือนผิวน้ำในยามไร้ลม แต่ลึกลงไปกลับมีคลื่นกระเพื่อมที่อ่านไม่ออก“ข้าก็ไม่คิด…ว่าหลังจากอยู่เงียบ ๆ บนเขาเทียนจี่เกือบสิบห้าปี เจ้าจะเลือกวันเช่นนี้ลงจากเขา”เสียงนั้นอ่อนโยนราวกับกำลังสนทนากับสหายเก่า แต่ทุกคำกลับหนักราวค้อนเหล็กที่ค่อย ๆ ทุบลงบนหินเจิ้งซูเฟยเพียงยิ้มจาง ไม่ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“บางครั้ง การกลับมาของผู้ที่ถูกไม่ได้รับความยุติธรรม…ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล”“ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลงั้นหรือ” ไท่หวงไท่โฮ่วแค่นหัวเราะเบา “ในวังนี้ ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล และทุกเหตุผลล้วนมีราคา”พระเนตรของนางจ้องลึกเข้ามาราวจะชำแหละหัวใจผู้ตรงข้าม “ข้ากลัวเพียงว่า…ราคาที่ท่านจ่าย จะเป็นสิ่งที่แม้กระทั่งเจ้าเองก็ไม่อาจแบกรับ”เจิ้งซูเฟยเล

  • การกลับมาของฮองเฮาเจิ้ง   บทที่ 12 ลายมือจากอดีต

    บทที่ 12 ลายมือจากอดีตคืนหนึ่งหลังการสอบสวนขันทีเฒ่าเสร็จสิ้น หลิวกงกงผู้ซื่อสัตย์ได้นำหีบไม้เก่าใบหนึ่งมาเฝ้าพระพักตร์ เป็นหีบที่ถูกเก็บไว้ในห้องเก็บตำราเก่า ณ หอพระราชนิพนธ์ด้านใน ซึ่งไม่มีผู้ใดแตะต้องมากว่าสิบห้าปี“ฝ่าบาท… หม่อมฉันพบสิ่งนี้ระหว่างจัดระเบียบเอกสารเก่า พระองค์โปรดทอดพระเนตรเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ภายในหีบมีสมุดฉบับเล็กเย็บมือ บนปกไม่มีชื่อ แต่เมื่อเปิดออก กลับเป็น ลายมือของเจิ้งซูเฟย ในยามถูกจองจำที่ตำหนักเย็นใจระหว่างการตัดสินโทษข้อความที่เปลี่ยนทุกอย่าง‘…แม้ข้าต้องยอมสละเกียรติ ยอมเป็นหญิงบ้าในสายตาโลก หากเพียงเขา…ลูกของข้า…จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าก็ยินดี’‘ข้าถูกล่อลวงให้ถือถ้วยชาที่มีพิษ’พระเนตรฮ่องเต้แข็งค้างไปนานแม้กระดาษจะเก่า แม้หมึกจะเลือนลางแต่ลายมือนั้น…ทรงจำได้ดีเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่พระองค์ทรงเห็นลายมือที่ซ่อนในสมุดเล่มนั้นกลายเป็น คำให้การที่ไม่มีใครสามารถลบได้“ลายมือเช่นนี้…คล้ายกับบทกลอนที่วางไว้ข้างพระแท่นบรรทมเมื่อหลายคืนก่อนท่านแม่…เขียนถึงข้าทั้งที่รู้ว่าจะไม่มีวันได้พบอีก ”ฮ่องเต้เริ่มเชื่อว่าเจิ้งซูเฟยไม่ได้ทอดทิ้งพระองค์อย่างที่ถูกเล่าทรงระลึกถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status